Skip to main content
   

ช่วงนี้มีแต่เรื่องวุ่นวาย ส่วนตัวความจริงแล้วไม่อยากยุ่งเพราะเป็นคนรักสงบและถึงรบก็ขลาด แต่ไม่ยุ่งคงไม่ได้เพราะมันใกล้ตัวขึ้นทุกที ระเบิดมันตูมตามก็ถี่ขึ้นทุกวัน จนไม่รู้ใครเป็นตัวโกง ใครเป็นพระเอก เลยขอพาหันหน้าหาวัดพูดเรื่องธรรมะธรรมโมบ้างดีกว่า แต่ไม่รับประกันว่าพูดแล้วจะเย็นลงหรือตัวจะร้อนรุมๆ ขัดใจกันยิ่งกว่าเดิม ยังไงก็คิดเสียว่าอ่านขำๆ พอฆ่าเวลาปลายสัปดาห์ก็แล้วกัน.....

สัปดาห์นี้มีข่าวเล็กๆ ข่าวหนึ่งปรากฏมาให้พอเป็นกระแส แม้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรแต่ก็สะท้อนสารัตถะแห่งการปลุกระดมอันเปล่ากลวงได้พอสมควร

 

เรื่องราวเกิดขึ้นที่  วัดบางละมุง' จังหวัดชลบุรี เมื่อกลุ่มคนในนาม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย' นับพันคนดาวกระจายไปเพิ่มกระแสไล่แม้แต่เงาของคนที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร' โชคดีที่พระคุณเจ้าท่านมีอุเบกขา รู้ปล่อยวาง ไม่ยึดติดในรูปทรัพย์ ตัดเชื้อไฟแต่ต้นลม เรื่องจึงไม่บานปลายและข่าวจบไปได้ในวันเดียว

 

ในวันที่ 29 ต.ค.51 กลุ่มคนนามพันธมิตรฯ ได้บุกเข้าล้อมอุโบสถของวัดบางละมุงที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างหลังจากมีกระแสข่าวว่า ช่างที่รับงานปั้นฐานพระประธานในอุโบสถได้ปั้นรูป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักการเมืองชื่อดังอีกหลายคนติดตั้งอยู่บนฐานซึ่งพวกเขามองว่าไม่เหมาะสม ในขณะที่การก่อสร้างทำไปแล้วประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ใช้งบประมาณ 25 ล้านบาท

 

สิ่งที่พวกเขาเรียกร้องคือทุบทำลายรูปปูนปั้นนักการเมืองที่ฐานนั้นทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในอริยาบทกำลังถือโทรศัพท์มือถือ นายเนวิน ชิดชอบ ที่กำลังถือมีดเชือดคอไก่ รวมไปถึงนายบรรหาร ศิลปอาชา นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หรือแม้แต่นายสนธยา คุณปลื้มลูกชายกำนันคนดังแห่งชลบุรี

 

ผู้สร้างเป็นช่างสกลุช่างเมืองเพชรบุรี ถิ่นที่มีชื่อเสียงทางด้านปูนปั้นมาแต่อดีต เขาให้เหตุผลว่า เป็นคนชอบติดตามข่าวสารการเมืองจึงขออนุญาตจากเจ้าอาวาสขอปั้นรูปนักการเมืองที่มีชื่อเสียงในปี 2546 ซึ่งในขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังมีชื่อเสียงโด่งดัง เจตนาทำไปเพื่อบันทึกเหตุการณ์ทางเมืองไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง จนเวลาล่วงไป 5 ปี รูปปั้นนักการเมืองเหล่านี้ได้กลายเป็นศัตรูทางการเมืองของกลุ่มพันธมิตรฯ

 

สุดท้ายทางวัดยินยอมให้ทุบทิ้งเพื่อความสบายใจของกลุ่มคนในนามพันธมิตรฯ ส่วนนายช่างเองไม่ได้ว่าอะไรหรือตอบโต้อย่างใดทั้งสิ้น

 

ผมอึดอัดใจนิดหน่อยหลังอ่านข่าว เพราะแม้แต่ความสร้างสรรค์ใหม่ๆ ในศิลปะปูนปั้นเมืองเพชรก็ยังถูกกดดันคุกคามไปด้วยกับกระแสการเมือง คงต้องจับตาดูต่อไปว่างานปูนปั้นเมืองเพชรที่มีรูปนักการเมืองอื่นๆ ในเมืองเพชรฯ เองที่เคยทำกันมาก่อนหน้านี้จะถูกกระแสเล่นงานไปด้วยหรือไม่  

 

ทั้งนี้ หากทำความเข้าใจในลักษณะศิลปะไทยจะพบเอกลักษณ์ที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง นั่นคือ การสอดแทรก เสียดสี นำความเป็นไปในโลก ณ ขณะนั้นมาล้ออย่างขบขันด้วยการสอดเข้าไปในคติความเชื่อในศาสนาผ่านผลงาน แม้แต่เรื่องเชิงสังวาสของชายกับหญิง หญิงกับหญิง สังวาสของชาวบ้าน สัตว์สังวาส สังวาสในที่ลับ หรือสังวาสแปลกๆ เราก็หาดูได้จากจิตรกรรมฝาผนังไม่เว้นแม้แต่ในวัดเอกหรือวัดหลวงต่างๆ พอดูแล้วไม่เห็นมีใครพูดว่าบัดสี อุจาด และดูกันมาได้เป็นร้อยๆ ปี ศิลปะไทยจึงคล้ายเป็นการบันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์นอกระบบแบบหนึ่ง และนับเป็นโชคดีที่ตอนนี้กระทรวงวัฒนธรรมยังไม่กระสันและบอกให้ไปลบให้เสียฝีมือครูช่างแต่โบราณไป

 

ส่วนฐานพระพุทธรูปวัดบางละมุงที่เป็นข่าว แม้เป็นผลงานใหม่ไม่สามารถเอ่ยอ้างถึงคุณค่าทางอายุสมัยได้ แต่คุณค่าทางลักษณะทางเชิงช่างนั้นอาจนับว่าไม่แตกต่างไปจากรุ่นทวดรุ่นครูที่มีอารมณ์ขัน รูปปั้น นักการเมืองไทย' จึงถูกปั้นไว้แทนที่พวกยักษ์แบกหรือสัตว์แบกต่างๆ ที่นิยมทำกันตามฐานประติมากรรมในพุทธศาสนา

 

ทั้งนี้ ประติมากรรมชนิดยักษ์แบก สัตว์แบกต่างๆ หรือสัตว์ที่ดูดุร้ายน่ากลัวที่ทำหน้าที่เหมือนอุ้มแบกสัญลักษณ์ทางศาสนาเหล่านี้เป็นการแทนสัญลักษณ์ถึงภูมิต่างๆ ในจักรวาลตามคติ ไตรภูมิ'

 

รูปปั้นเหล่านี้เป็นพวกที่อยู่ต่ำกว่า มนุษย์ภูมิ' เป็นโลกทัศน์ในการเสียดสีแบบเชิงช่างโบราณที่สะท้อนว่าพวกตัวไม่ดีอยู่ในที่ต่ำๆ ไม่พอต้องให้มันใช้กรรมหนักๆ ด้วยจึงให้ไปแบกพระแบกเจดีย์บ้าง จากแนวคิดทางศาสนาบวกลูกเล่น สิ่งไม่ดีอื่นๆ ในในโลกตามสายตาของช่างยังถูกตีความอย่างขยายความได้มากกว่าในคัมภีร์ที่มีแต่พวกยักษ์ พวกสัตว์ หากลองสังเกตดูตามงานจิตรกรรมฝาผนังภาพ มารผจญ' ที่เป็นฝีมือช่างเก่าหลายแห่ง จะพบภาพฝรั่งบ้าง คนฆ่าหมูที่เป็นคนต่างชาติบ้าง แขกบ้าง เขมรบ้างอยู่ปนๆ ไปกับกับหมู่ยักษ์ที่เป็น มาร' ผจญองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อมามารจึงถูกพระแม่ธรณีบีบมวยผมจนหลั่งเป็นสายธาราท่วมพัดมารเหล่านั้นดับสูญไป

 

ดังนั้น ไตรภูมิ' คือแกนของเรื่องในการทำงานช่าง ส่วนองค์ประกอบอื่นๆคือลูกเล่นที่ช่างจะคิดสร้างสรรค์มาอวดฝีมือและสื่อออกมาสู่ผู้มองเข้าไปในศาสนาและภาพอย่างแยบยล เช่นนั้นแล้วผู้ศึกาพุทธศาสนาและศิลปะไทยจึงต้องทำความเข้าใจใน ไตรภูมิ' แต่ในปัจจุบันคงห่างเหินไปจากการเรียนรู้ในกระแสหลักมากมายจนยากเข้าใจไปแล้ว จึงจะขอเล่าและเสริมโลกทัศน์ส่วนตัวเลียนอย่างธรรมเนียมช่างแต่โบราณมาเล่าสู่กันฟังสั้นๆ พอสนุกๆกันในพื้นที่ตรงนี้

  

ไตรภูมิ' คือ คติความเชื่อในพุทธศาสนาว่าด้วยเรื่องราวความเป็นไปทั้งหลายในจักรวาล มีความเพริศแพร้วพิสดาร เป็นทั้งเรื่องของยักษ์ มนุษย์ สัตว์นรก เปรต อสูร หรือแม้แต่เทวดา ไตรภูมิ คือการแบ่งจักรวาลนี้ออกเป็น 3 ภูมิใหญ่ ได้แก่ กามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ ส่วนความสนุกของเรื่องอยู่ที่ความอิรุงตุงนังของเทวดาและยักษ์ที่ทะเลาะขับเคี่ยวกันมาตลอด ที่ผ่านมาเทวดามักชนะ แต่บางพฤติกรรมของเทวดา มนุษย์ตรงกลางอย่างเราๆ ดูแล้วบางทีมันก็ชวนสงสัยว่าอาจจะเลวกว่ายักษ์มารเสียอีก

 

ในไตรภูมิใหญ่ยังแบ่งภูมิเป็นภูมิย่อย ชั้นต่ำสุดเป็นนรกภูมิที่ซอยลงไปอีกเป็นหลายขุม ที่ตรงนี้คงไม่ต้องอธิบายเพราะในวันหนึ่งข้างหน้าอาจได้ไปเยือนกันเอง ถัดขึ้นมาอีกเป็นเดรัจฉานติภูมิ หมายถึงสัตว์ที่ไปไหนมาไหนต้องคว่ำอก ต่อมาอีกเป็นเปรตภูมิที่สามารถกินบุญที่ทำไปให้ได้ สูงมาหน่อยนั่นล่ะจึงเป็น อสูรกายภูมิที่อยู่ของพวกไม่กินเหล้า หรือตัวหลักของเราที่วันนี้อาจกลับมาเป็น พระเอก'

 

เรื่องราวตำนานที่มาทั้งชื่อและที่อยู่ของเหล่าอสูรยิ่งน่าสนใจมาก เพราะไปเกี่ยวข้องกับความกะล่อนปลิ้นปล้อนของเหล่าเทวดาหลายครั้ง ครั้งหนึ่งเทวดาเคยชวนเหล่าอสูรมาร่วมกันกวนเกษียณสมุทรเพื่อทำน้ำอมฤทธิ์ซึ่งต้องใช้พญานาคเป็นเครื่องผลิตโดยหลอกอสูรให้อยู่หัวเทวดาอยู่หาง ขณะจะได้น้ำอมฤทธิ์พญานาคจะถุยน้ำลายพิษออกมา อสูรอยู่หัวจึงรับไปเต็มๆ ร่างกายระทวยอ่อนแรงกันไปหมด ส่วนเทวดารู้จักหลีกมาแต่ไหนแต่ไรจึงไม่โดนพิษ ตัวก็ไม่เหม็นน้ำลาย หน้าตาสะอาดดูดี สุดท้ายก็แย่งน้ำอมฤทธิ์มาแดกแต่พวกตัว เพราะเป็นเทวดาจะด่าว่าไร้มนุษยธรรมก็คงไม่ได้

 

บรรดาอสูรยังเคยมีเมืองสุขสบายอยู่ในทำเนียบผู้บริหาร (ไตรภูมิเดิมบอกว่าบนเขาพระสุเมรุหรือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นศูนย์กลางของจักรวาล ปัจจุบันเป็นที่อยู่พระอินทร์ ผู้นำฝ่ายเทวดา) แต่พวกเทวดาคิดอุบายมอมเหล้า (อำนาจ) จนไม่ได้สติแล้วถีบไปอังกฤษเอ๊ย..ตกเขาจมลงใต้ดิน เมื่ออสูรสร่างเมาได้สติก็สำนึกตัวว่าเป็นเพราะกินเหล้ามากจนเมามายจึงต้องเสียบ้านเมืองให้กับพวกเทวดาจึงเลิกกินเหล้าแล้วไปสร้างเมืองใหม่ใต้บาดาล

 

ที่จริงพวกอสูรกายเองก็มีหลายพรรคการเมืองเอ๊ยหลายเมืองปกครองตัวเอง (ในไตรภูมิบอกมีแค่ 4 เมือง) แม้อยู่ใต้ดินเมืองก็กินกันจนเมืองหรูหราเป็นทองอร่ามเหมือนเมืองของเทวดา (พวกนี้ชอบการสรรหาเพราะไม่เปื้อนน้ำลาย เงินเดือนสูง มีอภิสิทธิ์ต่างๆมากมาย) ส่วนเมืองอสูรมีทั้งอสูรร่วมรัฐบาลและอสูรฝ่ายค้าน แต่ครั้งหนึ่งเคยมีพระยาอสูรตนหนึ่งมีอำนาจมากชื่อว่า ราหู' เคยไปร่วมกับเทวดากวนเกษียรสมุทรด้วย รู้จักคิดใหม่ทำใหม่เลยปลอมเป็น เทวดา' จนได้กินน้ำอมฤทธิ์และทำให้ ฆ่าไม่ตาย' และหวังทวงเขาพระสุเมรุคืนอยู่เนืองๆ

 

ส่วนพวกเทวดานั้นมีนิสัยอย่างหนึ่ง เวลาจะเสียเปรียบมักชอบฟ้องพ่อ..อืมม ไม่ใช่ๆ ฟ้องมหาเทพสูงสุด องค์หนึ่งชื่อ วิษณุ'หรือ นารายณ์' ผู้ชอบอวตาร (ครั้งหนึ่งเคยอวตารเป็นพระราม อยู่ในวรรณะกษัตริย์เลยกลายเป็นที่มาของความเชื่อเรื่อง สมมติเทพ' ) เทวดา (บ้าน) พระอาทิตย์และพระจันทร์รู้เรื่อง ราหู' แอบปลอมเป็นเทวดาเลยไปบอกวิษณุ วิษณุรู้เรื่องเลยแผลงฤทธิ์ขว้างจักรแก้วไปตัดตัวราหูออกเป็นสองท่อน แต่เพราะดื่มน้ำอมฤทธิ์แล้วจึงไม่ตาย กระนั้นและยังอาฆาต (บ้าน) พระอาทิตย์และพระจันทร์ตลอดมา มีโอกาสก็จะกลับมาอมจนมืดไปทั้งเมืองกลายเป็นปรากการณ์ สุริยคราส' และ จันทรคราส' ดังที่รู้กัน

 

การต่อสู้ของเทวดากับอสูรผ่านมาถึงวันนี้ยังไม่จบ ส่วนเราๆ ท่านๆ อยู่ใน มนุษยภูมิ' อิทธิฤทธิ์น้อยกว่าพวกอสูร น้อยพวกเทวดา เพียงเกิดจากน้ำเมือกๆ ขุ่นๆ ขาวผสมกับไข่ตอนสังวาสกัน เมื่อเกิดมาไม่มีฤทธิ์มากก็ต้องพึ่งพาตัวเอง จึงต้องเชื่อเรื่องสิทธิเรื่องเสียงของตัวเอง เชื่อเรื่องความเท่าเทียม เชื่อว่าพลังยิ่งใหญ่มาจากเสรีภาพในตัวเองและไม่ได้มาจากการที่ใครประทานมาให้ ดังนั้นแม้ไม่มีฤทธิ์ก็ยังอยู่ภูมิสูงกว่าอสูร หรือแม้จะอยู่ต่ำกว่าภูมิเทวดา แต่ก็โชคพวกเหล่านั้นที่มีสติ' และ ปัญญา' บรรลุธรรมและแก้ปัญหาเองได้โดยไม่ต้องฟ้องใคร

 

ความรู้เรื่องภูมิจักรวาลของจบลงแค่สงครามที่ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ส่วนการที่ไม่อาจเอื้อมไปแตะหรืออธิบายถึงภูมิที่สูงกว่านี้ไม่ใช่เพราะไกลตัวแต่เป็นเรื่องที่แต่ละคนคงต้องไปศึกษา พิสูจน์และ รู้' ด้วยตนเอง   

 

อย่างไรก็ตาม ย้อนกลับมามองพวกอสุรา ที่กลายมาเป็นยักษ์แบกกับ นักการเมือง' ในงานศิลปกรรมและไตรภูมิแล้วก็เห็นกรรมวิบากอันหนักหน่วงที่ต้องเผชิญ นักการเมือง' นั้นถูกหลอกให้เมา (อำนาจ) ได้ง่าย เพียงแต่นักการเมืองก็ยังเป็นมนุษย์ เวลาเสียศูนย์ก็กระทบไปหมดทั้งภูมิ นายช่างคงอยากชักนำพระธรรมมาให้แบกเสียบ้างจะได้ไม่เลยเถิดเกินเส้นมนุษย์ เพราะถ้าใจพลัดตกลงไปต่ำถึงภูมิอสูร แม้มีอำนาจมากล้น แต่คงไม่พ้นถูก เทวดา' ปลิ้นหลอก จนต้องทำสงครามกันอยู่ร่ำไป

 

ส่วนเทวดานั้นเพราะสุขสบายจนติดใจ ไม่อยากลงมาต่ำตามกรรมที่ทำไว้จึงดิ้นรนหาชัยชนะให้ตัวเองอยู่ร่ำไปจนไม่สนใจวิธีการและครรลองแห่งธรรม เพราะแม้เป็นพระอินทร์ก็ตกบัลลังก์ได้ หากมีใครทำกรรมบารมีของพระอินทร์สำเร็จ พระอินทร์บางคนกลัวมีพระอินทร์องค์ใหม่จึงตัดแข้งตัดขาคนอื่นไม่ให้ขึ้นมาแทน แม้แต่เทวดาระดับสูงยังมีความกลัว ในหมู่เทวดาจึงมีการเมือง

 

เสียดายก็แต่คนในมนุษย์ภูมิเวลานี้ถูกการปลุกระดมนำพาอารมณ์ไปมากจนลืมสติและบดบังปัญญาไปแทบสิ้น เวลานี้สถานะเทวดาเริ่มไม่มั่นคง ดูกันดีๆ การเมืองของเทวดาคราวนี้อาจไม่ได้หลอกแค่อสุราแต่จะหลอกมนุษย์ไปทำสงครามกับอสูรแทน

 

ตอนนี้เวลามองกองทัพที่ปากพร่ำพูดเรื่องธรรมะแล้วเห็นเป็นประหลาด ดูไม่สงบ สว่าง และเกิดปัญญา แต่กลับพาลนึกถึงหนังไทยที่เคยดูตอนเด็กๆ สังเกตดูหากมีไอ้ลูกกำนันกร่างๆ บอกให้ล้อม ให้จัดการ ให้ไประรานคนนั้นที คนนี้ที ไม่รู้จบแล้วล่ะก็ เดาไว้ก่อนได้เลยว่า "ไอ้นั่น มันเป็นตัวโกงแน่"

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
 หอกหักจูเนียร์  ขณะที่นั่งปั่นข้อเขียนชิ้นนี้ ยังมีสองเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น และผมต้องอาศัยการแทงหวยคาดเดาเอาคือ1. การเลือกนายกรัฐมนตรี (จะมีในวันที่ 15 ธ.ค. 2551)2. การโฟนอินเข้ามายังรายการความจริงวันนี้ของคุณทักษิณ (จะมีในวันที่ 13 ธ.ค. 2551)เรื่องที่ผมจะพูดก็เกี่ยวเนื่องกับสองวันนั้นและเหตุการณ์หลังสองวันนั้น ผมขอเน้นประเด็น การจัดการ - การบริหาร "ความแค้น" ของสองขั้ว I ขอแทงหวยข้อแรกคือ ในวันที่ 15 ธ.ค. 2551 หากว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะถูกโหวตให้เป็นนายก และพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล (ขออภัยถ้าแทงหวยผิด แต่ถ้าแทงผิด…
Hit & Run
ผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจ  หลังการประกาศชัยชนะของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลังการยุบพรรค แล้วล่าถอยในวันที่ 3 ธ.ค. พอตกค่ำวันที่ 3 ธ.ค. เราจึงกลับมาเห็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยคุ้นเคย แทนที่สนธิ ลิ้มทองกุล และแกนนำพันธมิตรฯ จะปราศรัยบนเวที หรือหลังรถปราศรัย ก็กลายเป็นเสวนา และวิเคราะห์การเมืองกันในห้องส่งของสถานีโทรทัศน์ ASTV อย่างไรก็ตาม สนธิ ลิ้มทองกุล ก็พยายามรักษากระแสและแรงสนับสนุนพันธมิตรฯ หลังยุติการชุมนุมเอาไว้ โดยเขาเผยว่าจะจำลองบรรยากาศการชุมนุมพันธมิตรตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาไว้ในห้องส่ง เพื่อแฟนๆ ASTV โดยเขากล่าวเมื่อ 3 ธ.ค. [1] ว่า “พี่น้องครับ…
Hit & Run
พิชญ์ รัฐแฉล้ม            นานมากแล้วที่ “ประเทศของเรา” ประสบกับสภาพความมั่นคงและเสถียรภาพที่แหว่งวิ่นเต็มทน และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าความหวังในความสำเร็จของการจัดการกับปัญหายิ่งเลือนรางไปทุกที ทุกเรื่อง ทุกราว กำลังถาโถมเข้ามาจากทุกสารทิศเพื่อมารวมศูนย์ ณ เมืองหลวงมิคสัญญีแห่งนี้ จนกระแสข่าวรายวันจากปักษ์ใต้ อีสาน...แผ่วและเบาเหมือนลมต้นฤดูหนาว   สื่อต่างๆ ทั้งไทย-ต่างประเทศ ประโคมข่าวจากเมืองหลวงกระจายสู่ทุกอณูเนื้อโลก ช่างน่าตกใจ! ภาพแห่ง “ความรุนแรง” ของฝูงชนขาดสติและไม่เหลือแม้สายใยในความเป็นมนุษย์ร่วมกัน ถูกกระจายออกไป…
Hit & Run
  ธวัชชัย ชำนาญ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นห้วงเวลาที่คนไทยทั่วทุกสารทิศ เดินทางเข้ามาร่วมเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ "พิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ" ความยิ่งใหญ่อลังการที่ทุกคนคงรู้ดีที่ไม่จำเป็นต้องสาธยายเยอะ  แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ความสงบเงียบของบ้านเมืองที่ดูเหมือนมีพลังอำนาจอะไรบางอย่างมากดทับกลิ่นอายของสังคมไทยที่เคยเป็นอยู่กลิ่นอายที่ว่านั้น..เป็นกลิ่นอายของความขัดแย้ง ความเกลียดชังของคนในสังคมที่ถูกกดทับมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา…
Hit & Run
 ภาพจากเว็บบอร์ด pantipจันทร์ ในบ่อ เชื่อว่าหลายคนคงได้ชมรายการตีสิบเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเชิญ ‘คุณต้น' อดีตนักร้องวง ‘ทิค แทค โท' บอยแบนด์ไทยสไตล์ญี่ปุ่นรุ่นแรกๆ ที่โด่งดังราวสิบปีก่อนมาออกรายการ เพื่อเป็นอุทธาหรณ์แก่สังคมเรื่องผลเสียจากการใช้ยาเสพติดคุณต้นสูญเสียความทรงจำและมีอาการทางสมองชนิดที่เรียกว่า ‘จิตเภท' จากการใช้ยาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้าและยานอนหลับชนิดรุนแรง จนหลายปีมานี้เขาได้หายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงและจดจำใครไม่ได้เลย คุณแม่เคยสัญญากับคุณต้นไว้ว่า หากอาการดีขึ้นจะพามาออกรายการตีสิบอีกครั้งเพื่อทบทวนเรื่องราวในอดีต เพราะคุณต้นและเพื่อนๆ…
Hit & Run
  คนอเมริกันและลามถึงคนทั่วโลกด้วยกระมัง ที่เหมือนตื่นจากความหลับใหล พบแดดอ่อนยามรุ่งอรุณ เมื่อได้ประธานาธิบดีใหม่ที่ชนะถล่มทลาย คนหนุ่มไฟแรง ผิวสี เอียงซ้ายนิดๆ ผู้มาพร้อมสโลแกน "เปลี่ยน เปลี่ยน เปลี่ยน และเปลี่ยน" แม้ผู้คนยังไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะเปลี่ยนได้ไหม เปลี่ยนไปสู่อะไร (เพราะอเมริกาไม่มีหมอลักษณ์ฟันธง หมอกฤษณ์คอนเฟิร์ม) แต่ขอแค่โลกนี้มีหวังใหม่ๆ ความเปลี่ยนแปลงสนุกๆ ก็ทำให้ชีวิตกระชุ่มกระชวย ท้องฟ้าสดใสกว่าที่เคยเป็นได้ง่ายๆ   มองไปที่อื่นฟ้าใส แต่ทำไมฝนมาตกที่ประเทศไทยไม่เลิก บ้านนี้เมืองนี้ ผู้คนพากันนอนไม่หลับ ฟ้าหม่น ฝนตก หดหู่มายาวนาน นานกว่าเมืองหนึ่งใน ‘100…
Hit & Run
    ช่วงนี้มีแต่เรื่องวุ่นวาย ส่วนตัวความจริงแล้วไม่อยากยุ่งเพราะเป็นคนรักสงบและถึงรบก็ขลาด แต่ไม่ยุ่งคงไม่ได้เพราะมันใกล้ตัวขึ้นทุกที ระเบิดมันตูมตามก็ถี่ขึ้นทุกวัน จนไม่รู้ใครเป็นตัวโกง ใครเป็นพระเอก เลยขอพาหันหน้าหาวัดพูดเรื่องธรรมะธรรมโมบ้างดีกว่า แต่ไม่รับประกันว่าพูดแล้วจะเย็นลงหรือตัวจะร้อนรุมๆ ขัดใจกันยิ่งกว่าเดิม ยังไงก็คิดเสียว่าอ่านขำๆ พอฆ่าเวลาปลายสัปดาห์ก็แล้วกัน.....
Hit & Run
< จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ >หลังจากอ่าน บทสัมภาษณ์ของซูโม่ตู้ หรือจรัสพงษ์ สุรัสวดี ในเว็บไซต์ผู้จัดการรายสัปดาห์ออนไลน์ แล้วพบว่าสิ่งหนึ่งที่ควรชื่นชมคือ ความตรงไปตรงมาของจรัสพงษ์ที่กล้ายอมรับว่าตนเองนั้นรังเกียจคนกุลีรากหญ้า ที่ไร้การศึกษา โง่กว่าลิงบาบูน รวมไปถึง “เจ๊ก” และ “เสี่ยว” ที่มาทำให้ราชอาณาจักรไทยของเขาเสียหาย เป็นความตรงไปตรงมาของอภิสิทธิ์ชนที่ปากตรงกับใจ ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา ที่คงไม่ได้ยินจากปากนักวิชาการ หรือนักเคลื่อนไหวคนไหน (ที่คิดแบบนี้) (เดี๋ยวหาว่าเหมารวม)
Hit & Run
  ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านไป ความวุ่นวายในเมืองหลวงเริ่มคลีคลาย แต่ความสับสนและกลิ่นอายของแรงกดดันยังบางอย่างภายใต้สถานการณ์บ้านเมืองยังคงคลุกรุ่นอยู่ไม่หาย... ไม่รู้ว่าน่าเสียใจหรือดีใจที่ภารกิจบางอย่างทำให้ต้องเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ก่อนหน้าเหตุการณ์อันน่าเศร้าที่เรียกกันว่า "7 ตุลาทมิฬ" เพียงข้ามคืน สิ่งที่เกิดขึ้นในความทรงจำจึงเป็นเพียงอีกเรื่องราวของหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ถึงขณะนี้ยังไม่รู้ถึงข้อมูลที่แน่ชัดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความสูญเสียเกิดจากอะไร เพราะใครสั่งการ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น อย่างไร ฯลฯ คำถามมากมายที่ยังรอคำตอบ   …
Hit & Run
   (ที่มาภาพ: http://thaithai.exteen.com/images/photo/thaithai-2550-11-4-chess.jpg)หลังจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ความขัดแย้งทางชนชั้น การปะทะกันระหว่าง "ความเชื่อในคุณธรรม vs ความเชื่อในประชาธิปไตย" เริ่มปรากฏตัวชัดขึ้นเรื่อยๆ และได้ก่อให้เกิดความรุนแรงจากมวลชนทั้งสองกลุ่มฝั่งคุณธรรม อาจเชื่อว่า หากคนคิดดี ทำดี ปฏิบัติดีแล้ว เราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และปัญหาใหญ่ที่สุดของสังคมในขณะนี้คือ จริยธรรมของคนที่ข้องเกี่ยวกับการเมือง ดั้งนั้น จึงพยายามกดดันให้นักการเมืองเข้ากรอบระเบียบแห่งจริยธรรมที่ตนเองคิด หรือไม่ก็ไม่ให้มีนักการเมืองไปเลยฝั่งประชาธิปไตย อาจเชื่อว่า…
Hit & Run
Ko We Kyawเมื่อวันเสาร์ สัปดาห์ก่อน มีการจัดงาน ‘Saffron Revolution, A Year Later' ที่จัดโดยคณะผลิตสื่อเบอร์ม่า (Burma Media Production) หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อรำลึกถึง 1 ปี แห่งการปฏิวัติชายจีวร นอกจากการเสวนาและการกิจกรรมเพื่อเป็นการรำลึกแล้ว ภาคบันเทิงในงานก็มีความน่าสนใจเพราะมีการแสดงจากคณะตีเลตี (Thee Lay Thee) ที่มีชื่อเสียงจากพม่าการแสดงในวันดังกล่าว เป็นการแสดงในเชียงใหม่เป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี 2551 หลังจากเคยจัดการแสดงมาแล้วในเดือนมกราคม และการแสดงการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยนาร์กิส เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาในพม่า…
Hit & Run
  ขุนพลน้อย       "ผมรู้สึกภูมิใจยิ่งที่สามารถคว้าเหรียญทอง สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย แต่ก็แอบน้อยใจบ้างที่เงินอัดฉีดของพวกเราจากรัฐบาลน้อยกว่าคนปกติ นี่ถ้าได้สักครึ่งหนึ่งของพวกเขาก็คงดี"น้ำเสียงของ ‘ประวัติ วะโฮรัมย์' เหรียญทองหนึ่งเดียวของไทย ในกีฬา ‘พาราลิมปิกเกมส์ 2008' หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทยในช่วงดึกวันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2551 เป็นไปอย่างมุ่งมั่นระคนทดท้อการต้อนรับนักกีฬาในหมู่คนใกล้ชิดและในวงการมีขึ้นอย่างอบอุ่น แต่ความไม่เท่าเทียมกันเมื่อเปรียบเทียบกับนักกีฬาที่ได้รางวันใน ‘โอลิมปิก' คงเป็นภาพที่สะท้อนมองเห็นสังคมแบบบ้านเราได้ชัดเจนขึ้น…