พิชญ์ รัฐแฉล้ม
นานมากแล้วที่ “ประเทศของเรา” ประสบกับสภาพความมั่นคงและเสถียรภาพที่แหว่งวิ่นเต็มทน และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าความหวังในความสำเร็จของการจัดการกับปัญหายิ่งเลือนรางไปทุกที ทุกเรื่อง ทุกราว กำลังถาโถมเข้ามาจากทุกสารทิศเพื่อมารวมศูนย์ ณ เมืองหลวงมิคสัญญีแห่งนี้ จนกระแสข่าวรายวันจากปักษ์ใต้ อีสาน...แผ่วและเบาเหมือนลมต้นฤดูหนาว
สื่อต่างๆ ทั้งไทย-ต่างประเทศ ประโคมข่าวจากเมืองหลวงกระจายสู่ทุกอณูเนื้อโลก ช่างน่าตกใจ! ภาพแห่ง “ความรุนแรง” ของฝูงชนขาดสติและไม่เหลือแม้สายใยในความเป็นมนุษย์ร่วมกัน ถูกกระจายออกไป ควบคู่ไปกับความพยายามในการโปรโมตหนทางสู่ “สันติ”... สลับกันไปมาเหมือนนั่งดูเทนนิส เพื่อที่สุดท้ายจะสรุปบอกตัวเองว่า เรื่องราวทั้งหมดคือสินค้ายอดฮิตที่สร้างอารมณ์ร่วม (อันหม่นเศร้า) ของผู้บริโภคสื่อกระแสหลัก
เมื่อไม่นานมานี้เอง จอทีวีที่บ้านมีแต่ภาพการเสนอข่าวการจัดสานเสวนา การหาหนทางสันติ และการระงับความรุนแรงที่บานปลายอยู่ในขณะนี้เพื่อให้เข้ามาเป็นทางเลือกต่อการตัดสินใจของบรรดาผู้ (แกน) นำ โดยหวังว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้จะสิ้นสุดและจบลงอย่างสวยงามโดยเร็วที่สุด แต่ภาพแบบนั้นห่างหายไปแล้ว ณ วินาทีที่ผู้คนกำลังพากันสิ้นหวังลงเรื่อย ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมามีแต่ภาพของความรุนแรง การใช้อำนาจ อาวุธ การขาดสติและเหตุผลต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า การที่ต่างฝ่ายต่างพยายามขุดคุ้ยขยะของฝ่ายตรงข้ามออกมาประจานจนล้นเมือง... !
เราปฏิเสธไม่ได้ว่า เหตุการณ์ความขัดแย้งของกลุ่มฝูงชน การปะทะกับกับเจ้าหน้าที่ หรือการปิดล้อมสถานที่เพื่อเอาคนอื่นๆ เป็นตัวประกันต่อรอง สิ่งเหล่านั้นได้สร้างความเสียหายต่อประเทศ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมไปถึงสภาวะจิตใจพลเมืองของชาติด้วย
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเราจะเอือมระอา เซ็งเป็ด ต่อสถานีใด ฉบับไหน แค่ไหน เพียงใด แต่สัตว์สังคมอย่างมนุษย์เราไม่มีทางที่จะปฏิเสธการรับรู้ผ่านสื่อได้เลย เพราะทุกวันนี้สื่อหรือการเสพสื่อ (ใดๆ) กลายเป็นปัจจัยที่หก (รองจากปัจจัยที่ห้าคือ มือถือ) ในการดำรงชีวิตของมนุษย์ไปเสียแล้ว ยกเว้นว่าเราจะไม่ดูอะไรและไม่พูดกับใคร
สื่อและผู้ผลิตสื่อจึงไม่มีทางปฏิเสธได้เลยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ตนเองได้เป็นผู้เกี่ยวข้องในการผสมสี (อย่างน้อยสองสี) และสร้างการรับรู้ของพลเมืองไทย... โดยเฉพาะการสร้างการรับรู้ (หรือสับสน?) ต่อเยาวชน ตั้งแต่เรื่องประชาธิปไตยยันเรื่องจั๊กแร้ที่ขาวนวลเนียน
ไม่เป็นไร ถือเสียว่า ต่อจากนี้ไปไม่ว่ากระแสข่าวจากทิศไหน ถาโถมเข้ามาอย่างไร เยาวชนและพลเมืองของชาติจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไม่ขาดสีสัน
หมายเหตุ : ผู้เขียนเป็นนักศึกษาฝึกงาน http://www.prachatai.com/