Skip to main content

 

หอกหักจูเนียร์

 

 

ขณะที่นั่งปั่นข้อเขียนชิ้นนี้ ยังมีสองเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น และผมต้องอาศัยการแทงหวยคาดเดาเอาคือ

1. การเลือกนายกรัฐมนตรี (จะมีในวันที่ 15 .. 2551)

2. การโฟนอินเข้ามายังรายการความจริงวันนี้ของคุณทักษิณ (จะมีในวันที่ 13 .. 2551)

เรื่องที่ผมจะพูดก็เกี่ยวเนื่องกับสองวันนั้นและเหตุการณ์หลังสองวันนั้น ผมขอเน้นประเด็น การจัดการ - การบริหาร "ความแค้น" ของสองขั้ว

 

I

 

ขอแทงหวยข้อแรกคือ ในวันที่ 15 .. 2551 หากว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะถูกโหวตให้เป็นนายก และพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล (ขออภัยถ้าแทงหวยผิด แต่ถ้าแทงผิด ฝั่งเสื้อแดงคงร่าเริงมิน้อย!) ปัญหาที่รอนอกจากเรื่องการบริหารจัดการเรื่องเศรษฐกิจ, การบริหารจัดการเรื่องการแบ่งสรรถ่วงดุลอำนาจให้ผู้สนับสนุน, การปรับนโยบายรัฐเดิมของพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชนให้มาบริหารจัดการประเทศให้เป็นประโยชน์ต่อด้านภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ และอื่นๆ อีกมากมายนั้น สิ่งที่คุณอภิสิทธิ์จะมองข้ามไม่ได้เลยก็คือ คุณอภิสิทธิ์จะบริหารจัดการความคั่งแค้นของฝ่ายเสื้อแดงที่โกรธแค้นพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างไร?

ไม่ต้องเดาอะไรมากมายว่าการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงนั้น คงจะไม่สามารถทำได้เทียบเท่ากับคนเสื้อเหลืองที่เคยทำแสบไว้ในช่วงระยะเวลาที่ไม่น่าจะจดจำที่เราได้ภาวนาให้มันผ่านพ้นไปทุกวันทุกคืนอย่างที่เคยเป็นมา

... หากเคลื่อนไหวดำเนินรอยตามเสื้อเหลือง ท่านทั่งหลายยังจำวันคืนหลังรัฐประหาร 2549 ได้หรือไม่ จำวันบุกบ้านคุณเปรมได้หรือไม่ จำวันที่ทหารพร้อมอาวุธครบมือได้หรือไม่

แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งอีกเรื่องหนึ่งคือ หากคุณอภิสิทธิ์เป็นนายก บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่, นายทหาร, อธิการบ่ดีมหาวิทยาลัย, นักธุรกิจ, นักพัฒนาเอกชน, นักสิทธิมนุษยชน, นักออกแถลงการณ์ และผู้สูงอายุที่ทำคุณประโยชน์ให้บ้านเมือง (ที่ภาษาพิธีการ - ภาษาทางการ หรือภาษาราชการ ให้เกียรติว่า "ราษฎรอาวุโส")* จะทยอยเดินหน้าออกมาปรามและตราหน้าการกระทำของคนเสื้อแดงไว้ล่วงหน้า ด้วยเหตุผลหนักหน่วงเลวร้ายระยำนานัปการ

รวมถึงสื่อมวลชนชั้นกลางที่มีอคติกับกลุ่มเสื้อแดง คอยป้อนข่าวให้ผู้เสพย์กลุ่มตลาดชนชั้นกลางอย่างโอเวอร์เกินจริงต่อปฏิกิริยาของคนเสื้อแดง แค่ "เป๋ คลองเตย" เกาไข่ หรือ "ขวัญชัย ไพรพนา" เกาง่ามตูด .. พาดหัวในวันต่อมาของสื่อเหล่านี้ก็มีเรียงพิมพ์คำว่า "ป่วนเมือง" "ม๊อบถ่อย"  "ม๊อบมหาโฉด" "ลิ่วล้อโหด" "สัตว์นรก" ไว้แท่นพิมพ์ที่เตรียมปั๊มถุงห่อกล้วยแขกฉบับเช้าแล้ว 

พฤติกรรมของกลุ่มคนดังกล่าวข้างต้นนั้น จะทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงทั้งหลายตัวเกร็งจนกระเพาะเยี่ยวบวมเป่งไปไหนมาไหนคงไม่สะดวก และไม่ต้องพูดถึงเรื่องล้อมหรือปิดสถานที่ต่างๆ นานา

แบบนี้จะไม่ให้พวกเสื้อแดง "แค้น" ได้ฤา

และคุณอภิสิทธิ์กับพลพรรคจะบริหาร-จัดการความแค้นนี้ได้อย่างไร

ตอนนี้ผมคิดได้ประการเดียวเท่านั้นโดยขอเสนอว่า พอคุณอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกปุ๊บ! ลองประกาศปั๊บว่า วาระแห่งชาติอันดับแรกที่รัฐบาลประชาธิปัตย์จะต้องสะสางอย่างเร่งด่วน คือ กระบวนการสืบสวนเอาผิดคิดค่าเสียหายกับแกนนำหัวขบวนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ได้กระทำผิดกฎหมายและสร้างความเสียหายให้กับประเทศและระบอบประชาธิปไตย!

คาดว่าความคั่งแค้นของคนเสื้อแดงอาจจะลดลงมานิดนึง..

ปล. อย่าลืมระวังบริหารจัดการความแค้นฝั่งเสื้อเหลืองล่วงหน้า โดยอย่าพยายามเซ็นสัญญาการค้าเสรี หรือแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เพราะเดี๋ยวพันธมิตรฯ หรือ ส.ว. สายต้านการค้าเสรีที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ หรือหัวขบวนสหภาพแรงานรัฐวิสาหกิจ เขาจะเสียคนและมองหน้าคนที่อยู่ข้างหลังไม่ติด

 

II

ก่อนหน้าที่เราจะได้รู้ว่าคุณอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกหรือไม่นั้น ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดในวันที่ 13 ธันวาคมนี้คุณทักษิณจะโฟนอินมาทักทายคนเสื้อแดงอีกครั้ง

คุณทักษิณเองก็เป็นบุคคลสำคัญอีกคนหนึ่งที่จะสามารถบริหาร-จัดการความแค้นของกลุ่มคนเสื้อแดงได้ และถ้าบริหารจัดการดีๆ ความแค้นเหล่านั้นจะสร้างผลบวกให้คุณทักษิณและพรรคเพื่อไทย

ถ้าคุณทักษิณประกาศบวชและก็บวชจริงๆ หรือฆ่าตัวตายผ่านการโฟนอิน หรือยอมกราบตีนมอบตำแหน่งนายกโดยไม่มีเงื่อนไขและประกาศยุติบทบาทจริงๆ ..การบริหารจัดการความแค้นแบบนี้จะผิดมหันต์ เพราะเหล่าคนเสื้อแดงจะไม่มีเสาหลัก ไม่มีศาสดา ซึ่งอาจจะทำให้เกิดภาวะอนาธิปไตยของคนเสื้อแดงขึ้น กองกำลังโรนินสีแดงจะผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด โดยไม่มีการควบคุม ถ้าถึงเวลานั้นจะเป็นเรื่องของอารมณ์เกรี้ยวกราดล้วนๆ

หรือถ้าคุณทักษิณสวมวิญญาณแกนนำพันธมิตรฯ ปลุกปั่นให้คนเสื้อแดงลุยล้มรัฐบาลที่ไม่ใช่ฟากคุณทักษิณที่จะเป็นรูปเป็นร่างหลังการโฟนอินนี้ไปอีกสองวัน ปลุกปั่นให้ทำลายระรานฝ่ายตรงข้ามแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม อันนี้ก็ผิดมหันต์เช่นกัน แต่คาดว่าคนฉลาดระดับด็อกเตอร์คงจะไม่ทำเยี่ยงนี้ หรือถ้าจะปลุกปั่นจริงๆ คุณทักษิณคงทำแบบมีสไตล์มากกว่าแกนนำพันธมิตรฯ

ทั้งนี้คาดว่าคุณทักษิณจะบริหารจัดการความแค้นของคนเสื้อแดงเหล่านี้เอาไว้เป็นต้นทุนในการเล่นการเมืองระยะยาว พยายามหว่านล้อมออดอ้อนให้คนเสื้อแดงเหล่านี้จงรักพรรคดีต่อคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยหรือพรรคใดๆ ที่จะมาทีหลังต่อจากพรรคเพื่อไทยที่คุณทักษิณคอยบงการ

คุณทักษิณจะต้องใช้ความแค้นของคนเสื้อแดงเหล่านี้ นำมาพยายามตัดตอนนักการเมืองรูปแบบเก่า (แบบเนวินและสหาย) เพื่อให้คนเสื้อแดงขึ้นตรงต่อคุณทักษิณแบบไม่มีบัฟเฟอร์ขวางกั้นเช่นแต่ก่อน

คุณทักษิณจะต้องบริหารจัดการความแค้นเหล่านี้เป็นคะแนนเสียงตามระบบประชาธิปไตย ให้มวลชนเหล่านี้เลือก ส.. primary ก่อนส่งลงเลือกตั้งได้ ... เพื่อให้คนเสื้อแดงและคุณทักษิณคุมนักการเมืองได้พร้อมๆ กัน

ทั้งนี้คนเสื้อแดงจะต้องบริหารจัดการความแค้นของตนเองให้ดีๆ เหมือนกัน อย่าให้เข้าทางฝ่ายตรงข้ามที่คอยจ้องเล่นงานและคอยจ้องขยายความพฤติกรรมของคนเสื้อแดงให้เกินจริง โดยเคลื่อนไหวแบบสร้างสรรค์เช่นระดมคนเสื้อแดงประท้วงรัฐบาลโดยการเคลื่อนขบวนใหญ่เก็บขยะ ทำความสะอาดถนนราชดำเนิน, หน้าทำเนียบ, หน้ารัฐสภา หรือประท้วงด้วยการนั่งวิปัสสนาบำเพ็ญกุศลให้เต็มสนามหลวงเป็นต้น

 

 

* อนึ่ง "ภาษาพิธีการ-ภาษาทางการ-ภาษาราชการ" เป็นภาษาที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อความสุภาพ นอกจากจะเป็นภาษาเขียนที่ถูกต้องตามหลักภาษาไทยแล้ว บางครั้งก็จะเปลี่ยนคำพื้นๆ ให้กลายเป็นการให้เกียรติบุคคลธรรมดา ทำให้ไม่ธรรมดา เช่น นักชกเหรียญทอง เป็น วีรบุรุษเหรียญทอง, ยาม เป็น พนักงานรักษาความปลอดภัย, ตาแก่จมปลักอยู่กับหมู่บ้าน เป็น ปราชญ์ชาวบ้าน และ ผู้สูงอายุที่ทำคุณประโยชน์ให้บ้านเมือง เป็น ราษฎรอาวุโส เป็นต้น หรือบางครั้งใช้แทนคำหยาบคายให้ดูสละสลวยยิ่งขึ้น เช่น หมXย เป็น ขนเพชร เป็นต้น

 

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
  ตติกานต์ เดชชพงศ  เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา เพิ่งมีโอกาสได้ไปดูฉากโหดๆ อาทิ หัวขาดกระเด็น เลือดสาดกระจาย กระสุนเจาะกระโหลกเลือดกระฉูด ในหนังไทย (ทุ่มทุนสร้างกว่า 80 ล้านบาท!) เรื่อง ‘โอปปาติก'  รู้สึกอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่งว่าหนังเรื่องนี้รอดพ้นเงื้อมมือกองเซ็นเซอร์ผู้เคร่งครัดมาได้ยังไง?เพราะด้วยการทำงานของหน่วยงานเดียวกันนี้ ทำให้หนังเรื่องหนึ่งถูกห้ามฉาย เพราะมีฉากพระสงฆ์เล่นกีตาร์, และฉากนายแพทย์บอกเล่าว่าตนก็มีึความรู้สึกทางเพศ แม้แต่ฉากเด็กผู้หญิงอาบน้ำ (ซึ่งเป็นเพียงตัวการ์ตูนญี่ปุ่น) ก็ยังถูกเซ็นเซอร์มาแล้ว ด้วยข้อหา ‘ทำให้เสื่อมเสียศีลธรรมอันดี'…
Hit & Run
วิทยากร บุญเรือง ผมไปเจอข่าวชิ้นหนึ่ง เหตุเกิดที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งไม่ว่าจะยังไง ข่าวชิ้นนี้ผมว่ามันสามารถสะท้อนอะไรได้หลายอย่าง สำหรับสังคมไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบันคือข่าวที่กลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรมในโรงพยาบาลศิริราช มาหากินกับพสกนิกรผู้จงรักภักดีได้ลงคอ ... (กรุณาอ่านให้จบก่อนด่า)ท่านพงศพัศ พงษ์เจริญ ตำรวจหน้าหล่อ ได้กล่าวว่า ที่โรงพยาบาลศิริราช มีเรื่องซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นนั่นคือมีกลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรม และที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง คือเป็นการก่อเหตุในเขตพระราชฐาน โดยขณะนี้ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานแล้วเตือนไปยังแก๊งมิจฉาชีพที่ตั้งใจมาก่ออาชญากรรมว่า…
Hit & Run
พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจ 26 กันยายน 2550ย่านพระเจดีย์สุเล, กรุงย่างกุ้ง   ภาพที่เห็นคือ...ประชาชนหลายพันคนออกมายืนเต็มถนนย่านพระเจดีย์สุเล ซึ่งเป็นย่านกลางเมือง โดยไม่ไกลนักมีกองกำลังรักษาความมั่นคงพม่าตั้งแถวอยู่เบื้องหน้า ป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้พระเจดีย์แห่งนี้"เราต้องการประชาธิปไตย" ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าว"รัฐบาลนี้อันตรายโคตรๆ" ชายอีกคนหนึ่งกล่าวประชาชนส่วนหนึ่ง พยายามต่อสู้กับทหาร ทหารที่มีทั้งโล่ กระบอง แก๊สน้ำตา กระทั่งปืน โดยประชาชนพยายามขว้างอิฐ ขว้างหิน เข้าใส่แถวแนวของทหารพวกนั้นก้อนแล้ว ก้อนเล่า ... ถูกทุบเป็นก้อนย่อมๆก้อนแล้ว ก้อนเล่า ... ถูกขว้างสุดแรงเกิด…
Hit & Run
  อรพิณ ยิ่งยงพัฒนาดูเหมือนเรื่องน่าจะจบลงไปแล้ว กับความพยายามของ สนช.กว่า 60 คน ที่เข้าชื่อกันยื่นแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา (ป.อาญา) และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) ในมาตราที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ก่อนที่สุดท้าย สนช.จะตัดสินใจถอนการแก้ไขออกไปก่อนแม้เรื่องนี้มีนัยยะที่น่าสนใจหลายประเด็น แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ กระแสความคิดที่เกิดขึ้น แม้ภายหลังการถอยและถอนการเสนอแก้กฎหมายแล้วก็ตามสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีจำนวน 242 คน โดย สนช. สามารถเข้าชื่อกันเพื่อเสนอหรือแก้ไขกฎหมายได้ ผ่านการเข้าชื่อเพียงจำนวนไม่น้อยกว่า 25 คน ยกเว้นกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน…
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์นอกจาก 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตย และ (อดีต) วันชาติแล้ว วันสำคัญที่เงียบเหงารองลงมา (อีกวัน) ก็คงหนีไม่พ้น 6 ตุลาคม 2519 ที่รับรู้กันว่า เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่นักศึกษา ประชาชน เพราะเข้าใจว่าเป็นคอมมิวนิสต์ สำหรับปีที่แล้ว วันนี้อาจคึกคัก เพราะถึงวาระตัวเลขกลมๆ 30 ปี ซ้ำยังเพิ่งผ่านพ้นรัฐประหาร 19 กันยายน มาหมาดๆ กระแสเรื่องการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจึงยังมีอยู่ แต่พอปีนี้กระแสกลับไปเงียบเหงาเหมือนปีก่อนๆ วันที่ 6 ตุลาในปีนี้ กลายเป็นวันเสาร์ธรรมดาๆเมื่อถามถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา กับหลายๆ คน…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองเป็นข่าวคราวกันพักใหญ่ในรอบสัปดาห์จนผู้หลักผู้ใหญ่ต้องรีบออกมาเต้นเร่าร้อนกันทั่ว เมื่อคุณหนูสาวๆ มีแฟชั่นเทรนใหม่เป็นการนุ่งกระโปงสั้นจุ๊บจิมโดยไม่สวมใส่ ‘กุงเกงลิง’ ความนิยมนี้เล่นเอาหลายคนหน้าแดงผ่าวๆจนพากันอุทาน ต๊ายยย ตาย อกอีแป้นจะแตก อีหนูเอ๊ยย ทำกันไปได้อย่างไร ไม่อายผีสาง เทวดาฟ้าดินกันบ้างหรืออย่างไรจ๊ะ โอ๊ย..ย สังคมเป็นอะไรไปหมดแล้ว รับแต่วัฒนธรรมตะวันตกมาจนไม่ลืมหูลืมตา วัฒนธรรมไทยอันดีงามของไทยไปไหนโม๊ดดดดเรื่องนี้มองเล่นๆ เหมือนจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่มันก็ไม่เล็ก จะว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็ไม่ใหญ่ แต่ไปๆ มาๆ คล้ายกับว่ารอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ‘กุงเกงลิง’…