Skip to main content
 

[^_^]/

ระเบิด (bomb) [n.] คือวัตถุที่ทำให้เกิด การระเบิด' จะบรรจุ วัตถุระเบิด' หรือสารที่ทำให้เกิด การระเบิด' ไว้ภายใน

000

25 เมษายน 2551 เวลา 6.30 น.

วัดแสนฝาง ถนนท่าแพ จ.เชียงใหม่

นายนที อนันทปัญญสุทธิ์ อายุ 45 ปี พ่อค้าขายเสื้อผ้า กำลังรถไปจอดภายในบริเวณวัดแสนฝาง เขาพบกล่องพัสดุสีขาวไม่ระบุชื่อผู้รับ วางอยู่หน้าทางขึ้นศาลาวัด  นายนทีหยิบกล่องนั้นขึ้นมารู้ว่ามีน้ำหนัก คิดว่าเป็นของมีค่าอยู่ภายในจึงได้แกะดูพร้อมกับเดินไปตามถนนเพื่อเข้ามาเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่ตลาดวโรรสหรือที่คนเชียงใหม่เรียกว่า กาดหลวง'

แต่พอใกล้ถึงร้านเขาเปิดฝากล่องออกมาดูพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องจริงๆ มีสายพันและแบตเตอรี่ขนาด 9 โวลต์พ่วงสายออกมา เขาตกใจมาก โยนกล่องนั้นทิ้งลงถังขยะที่ตรงมุมถนนท่าแพ ปากทางเข้ากาดหลวงด้านตรอกเล่าโจ๊ว เยื้องกับห้างตันตราภัณฑ์เก่า และรีบไปแจ้งตำรวจสายตรวจที่ผ่านมาพอดี

เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรแจ้งกับ พ.ต.ต.วิสูตร วงศ์ใหญ่ สารวัตรเวร สภ.เมืองเชียงใหม่ ให้เดินทางมาทำการตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยดังกล่ว เมื่อถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้กันผู้คนที่อยู่ใกล้บริเวณดังกล่าวออกนอกพื้นที่เกรงจะระเบิดจนได้รับความเสียหาย

จากนั้นจึงได้ประสานไปยังชุดเก็บกู้ระเบิดจาก ตชด.ที่ 33 อ.สันทราย จ.เชียงใหม่

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่พบว่า วัตถุต้องสงสัยดังกล่าวเป็นกระป๋องสีสเปรย์สีขาวน้ำเงินขูดยี่ห้อข้างกระป๋องออกจนหมด และตัดหัวออก มีการต่อสายวงจรไฟฟ้าและใช้แบตเตอรี่เป็นตัวจุดชนวน

25 เมษายน 2551 เวลา 9.00 น.

ถนนท่าแพ ปากทางตรอกเล่าโจ๊ว จ.เชียงใหม่

เวลานี้รถติดไปทั้งเมือง เพราะถนนท่าแพซึ่งเป็นถนนสายหลักเข้าสู่กลางเมืองเชียงใหม่และย่านธุรกิจ ย่านพาณิชยกรรมเป็นอัมพาต มีเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดหัวปิดท้ายถนนสายนี้เกือบทั้งสาย ใครที่ข้ามสะพานนวรัฐเพื่อจะเข้าเมือง แทนที่จะตรงไปเหมือนเคย ก็ต้องเลี่ยงเลี้ยวซ้ายไปทางถนนช้างคลาน แถวไนท์บาร์ซาร์อันเป็นย่านการค้าสำคัญของเมืองแทน

ร้านรวงพากันปิดไปหมดช่วงที่มีการกู้ระเบิด ธุรกิจในย่านนั้นหยุดชะงักไปหมดราวกับฝากผลประกอบการไว้กับระเบิด และเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด ที่ต่างแข่งกันว่าใครจะทำงานสำเร็จก่อนกัน ระเบิด หรือ เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด

หากอย่างแรกทำงานสำเร็จ ไม่ต้องนึกถึงความสูญเสียชีวิต ความเสียหายทางเศรษฐกิจ ความมั่นใจต่อการลงทุนและบรรยากาศท่องเที่ยวใน จ.เชียงใหม่ คงจะพังพาบไปพร้อมกับความสำเร็จของระเบิดลูกนั้น

ระหว่างที่รอว่าใครจะทำงานสำเร็จก่อนกันอย่างใจจดจ่อประกอบกับแดดระอุบนถนน ทำให้ผมนึกถึงหนังสือบางเล่ม ... ซึ่งแม้จะไม่เกี่ยวกัน แต่ก็พอจะเทียบเคียงกัน

... เมื่อกลับไปพลิกอ่านรีวิวของ ประจักษ์ ก้องกีรติ กับหนังสือที่มีชื่อว่า ยานยนต์ของนายบุดา: ประวัติศาสตร์ย่อของคาร์บอมบ์ (Buda's Wagon: A Brief History of the Car Bomb) เขียนโดย ไมค์ เดวิส (Mike Davis) ศาสตราจารย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย, เออร์วิน ตีพิมพ์ในปี 2550

ไมค์ สรุปคุณลักษณะพื้นฐานของคาร์บอมบ์คือ มันเป็นอาวุธในการก่อร้ายในพื้นที่เขตเมือง วัตถุประสงค์หลักๆ ของการใช้คาร์บอมบ์มีอยู่สี่ประการ คือ การสังหารชีวิตศัตรู การทำลายวิถีชีวิตประจำวันอันเป็นปรกติสุขของผู้คนในสังคม สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ และสุดท้ายเพื่อโฆษณาหลักการหรือข้อเรียกร้องของขบวนการให้สาธารณชนรับรู้ในวงกว้าง

ในฐานะการเป็นอาวุธในการก่อการร้าย คาร์บอมบ์มีคุณลักษณะพิเศษอยู่ 7 ประการที่ทำให้มันแตกต่างจากยุทธวิธีอื่นๆ

บางประการจาก 7 ข้อนั้น เช่น ต้นทุนของมันถูกอย่างน่าใจหายเมื่อเทียบกับความเสียหายที่มันสร้างขึ้น

มันทำงานดุจเครื่องบินทิ้งระเบิดเพราะเป็นอาวุธที่ไม่แยกแยะเป้าการสังหารระหว่างศัตรูกับพลเรือนผู้บริสุทธิ์ทั่วไป จึงมักถูกใช้เป็นเครื่องมือในกรณีที่กลุ่มก่อการเล็งพลเรือนเป็นเป้าหมาย ต้องการสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นในวงกว้าง และทำให้สังคมที่ตกเป็นเหยื่อของการระเบิดเกิดอาการขวัญเสีย

และคาร์บอมยังเป็นอาวุธที่เพิ่มอำนาจการต่อรองให้กับขบวนการต่อสู้ทางการเมืองที่ด้อยอำนาจทั้งหลาย เพราะแม้แต่กลุ่มที่สมาชิกเพียงไม่กี่คน มีงบประมาณจำกัด หรือขาดฐานมวลชนอันกว้างขวางสนับสนุนก็สามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจการเมืองอันมหาศาลในสังคมหนึ่งๆ ได้ องค์กรที่กระจัดกระจายไร้ฐานมวลชนของกลุ่มเซลล์ย่อยๆ ทั้งหลาย ที่มีคาร์บอมบ์โทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เนทเป็นโครงสร้างพื้นฐาน จึงไม่จำเป็นต้องการมีการจัดตั้งองค์กรอย่างเข้มแข็งหรือมีโครงสร้างการบังคับบัญชาที่ชัดเจนอีกต่อไปแบบยุคปฏิวัติมวลชน เป็นต้น

25 เมษายน 2551 เวลา 11.00 น.

ถนนท่าแพ ปากทางตรอกเล่าโจ๊ว จ.เชียงใหม่

ผ่านแนวรั้วกันรถราของตำรวจมาที่ถนนท่าแพ บัดนี้กลายเป็นถนนปลอดยานยนต์ไปเกือบทั้งเส้น มีคนที่ทำงานในย่านเศรษฐกิจนั้นออกมามุงบริเวณที่มีวัตถุต้องสงสัยเป็นจำนวนมาก บ้างเอากล้องถ่ายรูป กล้องติดโทรศัพท์มือถือบันทึกภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นที่สนุกสนาน ระคนไปกับความไม่มั่นใจว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าหากเป็นระเบิดและระเบิดขึ้นมาขณะนั้นจะเกิดความสูญเสียอย่างไร

เวลายิ่งผ่านไปนานเข้าคนที่รู้ข่าวกู้ระเบิดกลางเมืองยิ่งมากันมากเข้าๆ

ต่อมา ร.ต.อ.สมศักดิ์ ศิริเวช หัวหน้ากลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด กก.ตชด.33 ตัดสินใจนำหุ่นยนต์เข้าเก็บกู้วัตถุต้องสงสัย แต่เนื่องจากจุดทำลายตั้งอยู่ในย่านชุมชนและร้านค้า หากยิงทำลายในที่ดังกล่าวเกรงว่าบ้านเรือน และทรัพย์สินของประชาชนจะได้รับความเสียหาย ดังนั้นตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดจึงตัดสินใจใช้วิธียิงตัดสายชนวนระเบิดออก แล้วนำระเบิดไปกำจัดที่อื่น

ตำรวจเริ่มไล่ไทยมุงให้ออกห่าง ตามมาด้วยการประกาศ

"ยิงทำลายวัตถุระเบิด เข้าที่กำบัง สาม... สอง... หนึ่ง..."

"ปุ๋ง"...

... เสียงอัดอากาศดัง ปุ๋ง' เล็กๆ ทำเอาคนที่มุงแถวนั้นตื่นเต้นกันใหญ่ ตอนนี้ยังไม่มีการระเบิดใดๆ เป็นเพียงการปลดชนวนระเบิด แต่ตำรวจ ตชด. ในชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดสภาพคล้ายมนุษย์ต่างดาว ยังก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงจุดเกิดเหตุ โดยเขาหยิบกระป๋องเหล็กที่คาดว่าจะเป็นวัตถุระเบิดขึ้นรถย้ายไปทำลายที่ข่วงประตูท่าแพ ซึ่งห่างจากบริเวณเก็บกู้ 500 เมตร

การยิงทำลายวัตถุต้องสงสัยเกิดขึ้นที่ประตูท่าแพ ซึ่งมีบริเวณกว้างและปลอดคนกว่าย่านเศรษฐกิจอย่าง ถ.ท่าแพ คราวนี้เสียง ตูม' จริงๆ แน่นๆ ก็ดังขึ้น แต่ไม่มีใครเป็นอะไร เพราะนี่เป็นขั้นตอนกำจัดวัตถุระเบิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบก็พบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่อง วัตถุระเบิดหนัก 500 กรัม อยู่ในกระป๋องดีดีที ภายในบรรจุดินเทา มีเศษขวดแก้วเป็นสะเก็ดระเบิด และใช้ใส้ในของหลอดไฟ 2 ตัวสำหรับเป็นตัวจุดชนวน

โดยระเบิดดังกล่าวแม้มีอำนาจทำลายล้างต่ำ (Low - Explosive) มีคลื่นกระแทก (shock wave) ที่เกิดจากการระเบิด มีความเร็วในการแล่นผ่านตัววัตถุระเบิดน้อยกว่า 1,000 เมตรต่อวินาที แต่ถ้าหากเกิดระเบิดขึ้นจริงจะมีรัศมีทำลายล้างโดยรอบในวงกว้างไม่ต่ำกว่า 300 เมตร!

ร.ต.อ.สมศักดิ์ ศิริเวช หัวหน้ากลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด กก.ตชด.33 เปิดเผยว่า ระเบิดที่พบครั้งนี้เป็นลักษณะเดียวกันกับที่คนร้ายนำมาวางไว้สำหรับปล้นแบงก์ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยถนนราชดำเนินเมื่อเดือนก่อน แต่ครั้งนี้มีความซับซ้อนกว่า และเป็นระบบไฟฟ้า หากกดรีโมทก็จะทำงานทันที เชื่อว่าจะเป็นฝีมือของมืออาชีพที่มีความรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์เป็นอย่างดี

ระเบิดดังกล่าวนับเป็นลูกที่ 2 ในรอบเดือนนี้ของเชียงใหม่

โดยเมื่อวันที่ 9 เม.ย. ที่ผ่านมา มีเหตุชายสวมแว่นดำ สวมเสื้อยีนส์และกางเกงยีนส์ คล้องกระเป๋าเป้สะพายสีดำ บุกปล้นธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยท่าแพ ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ โดยใช้ปืนจี้และขู่พนักงานธนาคารว่าในกระเป๋ามีระเบิด ให้พนักงานส่งเงินให้รวม 1.5 แสนบาท ก่อนทิ้งกระเป๋าเป้และหลบหนีไป เมื่อเจ้าหน้าที่นำกระเป๋าออกมาทำลายด้านนอกโดยใช้ปืนแรงดันน้ำยิงทำลาย ซึ่งเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง รัศมีทำลาย 15 เมตร

ส่วนคนร้ายก็ขับจักรยานยนต์หลบหนีไป และจนบัดนี้มีการตั้งรางวัลนำจับ 50,000 บาท แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้ตัวคนร้าย

เช่นเดียวกับที่หามือระเบิดลูกล่าสุดยังไม่พบ!

000

แม้เหตุวางระเบิดที่เชียงใหม่จะไม่เกิดขึ้นบ่อย แต่ก็เป็นภาพจำลองเหตุการณ์ระเบิดแทบจะรายวันในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เป็นอย่างดี

คงทำให้คนที่อยู่ทางเหนือ นึกถึงหัวอกคนทางใต้ที่ต้องใช้ชีวิตประจำวันแบบไม่รู้ชะตากรรมชีวิตของตัวเองเป็นอย่างดี คงนึกถึงสิ่งที่รบกวนปรกติสุขของชีวิตที่ชื่อว่า ความกลัว' ภายใต้เคอร์ฟิวส์ ภายใต้กฎอัยการศึกในพื้นที่เหล่านั้น

และคงพอนึกถึงหัวอกคนอิรัก ที่ต้องเผชิญสงครามอันเนื่องมาจากการเข้าไปทำในสิ่งที่สหรัฐอเมริกาเรียกว่าเป็นการ ปลดปล่อย' และ คาร์บอม' รายวันในประเทศของตนเอง ได้บ้าง!

ย้อนกลับไปที่งานรีวิวประวัติศาสตร์คาร์บอมของประจักษ์ ซึ่งตบท้ายการสู้กับคาร์บอมไว้ว่า ...

"เจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุโสในไอร์แลนด์เหนือคนหนึ่งซึ่งรับมือกับคาร์บอมบ์มาอย่างหนักหน่วงโชกโชนมากกว่าใครๆ  ตอบคำถามนี้ไว้อย่างน่าสนใจตั้งแต่ 12 ปีที่แล้วว่า คาร์บอมบ์ "ไม่ใช่ประเด็นทางการทหาร มันเป็นประเด็นทางการเมือง ความเสียหายและความตายส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น... มาจากระเบิดซึ่งคนที่มีความรู้ทางเคมีแค่ระดับประถมก็สามารถผลิตได้ คนสองคนกับเครื่องมือง่ายๆ ก็สามารถผลิตระเบิดขนาด 500 กิโลกรัมได้สบายๆ... เราไม่มีความสามารถที่จะไปสู้กับอาวุธแบบนี้ได้หรอก การปลดชนวนความคิดและจิตใจของผู้ก่อการต่างหากที่ควรเป็นเป้าหมายของเรา"

 

หากจะเอาชนะกับการก่อการร้ายที่มีคาร์บอมบ์เป็นอาวุธ หนทางทางการทหารจึงไม่ใช่คำตอบ มีแต่การปฏิรูปทางสังคมและเศรษฐกิจ บวกกับจินตนาการใหม่เกี่ยวกับโครงสร้างสถาบันทางการเมืองเท่านั้นที่จะหยุดยั้งอาวุธมีชีวิตที่ไร้หัวใจนี้ได้"

ก็ไม่รู้ว่าเชียงใหม่ ภาคใต้ หรือที่ไหนก็ตามในโลกจะพบกับระเบิด คาร์บอม ลูกสุดท้ายเมื่อไหร่ คำถามนี้ราวค้นหาแสงสว่างในปลายอุโมงค์

อ่านประกอบ

ประจักษ์ ก้องกีรติ, รีวิวหนังสือโดย ประจักษ์ ก้องกีรติ : ว่าด้วย คาร์บอมบ์': อาวุธมีชีวิต, ประชาไท, 21/3/2551

 

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
 ภาพจาก reutersคิม ไชยสุขประเสริฐวันฝนตก ฉันนั่งอ่านบทความของอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงษ์ <1> ในหนังหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง ที่เขียนเกี่ยวกับภาพของ นางการ์เม่ ชาคอน (Carme Chacon) วัย 37 ปี ในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ The International Herald Tribune ขณะที่นางชาคอน ผู้ซึ่งในรัฐบาลชุดก่อนเป็นรัฐมนตรีการเคหะ กำลังเดินตรวจพลสวนสนามครั้งแรกในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของสเปน ในกรุงมาดริด เมื่อวันที่ 14 เม.ย.... เธออยู่ในชุดกางเกงกับเสื้อคลุมท้อง และสวมรองเท้าส้นสูง...นางชาคอนได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนแรกของสเปน เมื่อต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา…
Hit & Run
 ภาพจากเว็บไซต์ artshole โดย Richard Sayerตติกานต์ เดชชพงศ เมื่อไม่กี่วันก่อน อาจารย์ 2 ท่านจากสถาบันอุดมศึกษาเก่าแก่ ออกแถลงการณ์เตือนให้ ‘คนทำสื่อ' และ ‘คนบริโภคสื่อ' ระมัดระวังภาวะ ‘สื่อเป็นพิษ' อันเนื่องมาจากการบริโภคข้อมูลปนเปื้อน ‘ความรุนแรง' ที่แฝงเร้นมากับข่าวและบทความอันท่วมท้นล้นหลามในยุคสารสนเทศครองเมืองไม่แน่ใจนักว่า ‘สื่อเป็นพิษ' จะก่อให้เกิดอาการอะไรที่เป็นผลร้ายแรงกับสุขภาพร่างกายหรือไม่ แต่ถ้าพูดถึงอาการ ‘อาหารเป็นพิษ' ซึ่งคนส่วนใหญ่ ‘บริโภค' เข้าไปเพราะไม่รู้เท่าทัน จะทำให้ผู้บริโภคอาเจียน ท้องเสีย หน้ามืดหมดแรง หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตเพราะพิษเข้าสู่กระแสเลือด...…
Hit & Run
  [^_^]/ระเบิด (bomb) [n.] คือวัตถุที่ทำให้เกิด ‘การระเบิด' จะบรรจุ ‘วัตถุระเบิด' หรือสารที่ทำให้เกิด ‘การระเบิด' ไว้ภายใน00025 เมษายน 2551 เวลา 6.30 น.วัดแสนฝาง ถนนท่าแพ จ.เชียงใหม่นายนที อนันทปัญญสุทธิ์ อายุ 45 ปี พ่อค้าขายเสื้อผ้า กำลังรถไปจอดภายในบริเวณวัดแสนฝาง เขาพบกล่องพัสดุสีขาวไม่ระบุชื่อผู้รับ วางอยู่หน้าทางขึ้นศาลาวัด  นายนทีหยิบกล่องนั้นขึ้นมารู้ว่ามีน้ำหนัก คิดว่าเป็นของมีค่าอยู่ภายในจึงได้แกะดูพร้อมกับเดินไปตามถนนเพื่อเข้ามาเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่ตลาดวโรรสหรือที่คนเชียงใหม่เรียกว่า ‘กาดหลวง'แต่พอใกล้ถึงร้านเขาเปิดฝากล่องออกมาดูพบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องจริงๆ…
Hit & Run
  มุทิตา เชื้อชั่ง โอว เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ....สุ้มเสียงเธอเป็นอย่างไร ไม่สู้จำได้ ตราตรึงไว้เพียงริมฝีปากทำนองเพลงฟังผ่านๆ ไป แต่ทำนองการเคลื่อนไหวเร้าใจกว่ามากบุคลิกแคล่วคล่องว่องไว หนุ่มๆ ขอใกล้ ป้าๆ ขอจากยาลม ยาดม ยาหม่อง เร่งเอามากอง อย่าให้หายาก  โอว เกิร์ลลี่ เบอร์รี่....สีสันแห่งยุคสมัย ขายได้ ขายไว เลื่อนไหลเชี่ยวกรากจับเธอมาใส่ชุดไทย น่ารักสดใส เซ็กซี่ไม่เหลือซากปกติเสื้อหาย กางเกงหด คราวนี้งามงด โอ้... ไทยมั่กๆเด็กชอบ ผู้ใหญ่อมยิ้ม ดูหนังสือพิมพ์ คอนทราสต์หายอยากหยดเยิ้ม หยาดย้วย หยอดย้อย ผู้ใหญ่หวังคอยเด็กไทยรู้รากแต่ราฟฟี่ แนนซี่ กอล์ฟ ไมค์…
Hit & Run
   อรพิณ ยิ่งยงพัฒนาหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง ‘ดรีมทีม ฮีโร่ฟันน้ำนม' (Dream Team) ปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์แสนน่ารักออกมายั่วยวนคนรักเด็กแล้ว ในสัปดาห์แรกที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายซึ่งประจวบเหมาะเป็นช่วงปิดเทอม จึงเห็นมีเด็กตัวเล็กๆ มาดูกันคับโรงไปหมด เช่นเคย ทุกครั้งก่อนภาพยนตร์จะได้ฉาย คนดูหนังจะต้องลุกขึ้นยืนเมื่อเพลงสรรเสริญพระบารมีบรรเลงขึ้น และอาจจะด้วยความไร้เดียงสา เด็กคนหนึ่งพูดออกมาเสียงงอแงค่อนข้างดังว่า "มาดูหนัง ทำไมต้องยืนด้วย"อาจไม่แปลกที่เด็กน้อยไม่คุ้นชินกับธรรมเนียมที่โลกของผู้ใหญ่ปฏิบัติกันมายาวนาน แต่นั่นยังไม่ซับซ้อนน่าสงสัย…
Hit & Run
วิทยากร บุญเรืองคณะสุภาพบุรุษ (เสี่ยว)กระแสหนังสือ ‘ลับ ลวง พราง: ปฏิวัติปราสาททราย' ของ คุณวาสนา นาน่วม กำลังมาแรง และวันนี้เราลองมาคุยกันถึงเรื่องนี้หน่อย ผมได้ลองหยิบหนังสือเล่มนี้ของลูกพี่ไปอ่าน ทีแรกไม่ได้ตั้งใจอ่านม้วนเดียวจบ แต่คุณวาสนา เขียนได้ดี เขียนได้ถูกต้อง (?) น่าติดตาม และสนุกไปกับกลวิธีการเขียน --- ผมอ่านจากหน้าไปหลัง หลังไปหน้า ดูสารบัญแล้วเปิดอ่าน แต่สรุปแล้วก็อ่านจบทุกบท เพราะมันคล้ายๆ หนังสือกอสซิปดาราถามว่าอ่านแล้วได้อะไรบ้าง? สิ่งที่สำคัญที่ผมได้ก็คือ รู้สึกว่ากลยุทธ์ของทหารไทย ไม่ได้หนีไปจากยุคสามก๊กเท่าไร และมันทำให้ได้รู้ว่า ชายชาติทหารก็คือปุถุชนคนธรรมดา…
Hit & Run
   จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์ ตลอดสัปดาห์นี้ ดูเหมือนเรื่องร้อนๆ คงหนีไม่พ้นเรื่องจะ ‘แก้-ไม่แก้' รัฐธรรมนูญ บางคนบอกว่า ไม่ควรแก้กันตอนนี้ เพราะรัฐบาลยังไม่ได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจให้เรียบร้อย ผู้เขียนกลับเห็นว่า ควรจะแก้เสียตอนนี้เลย เพราะแม้ว่า รัฐธรรมนูญไทยจะถูกฉีกเป็นว่าเล่น ต้องร่างใหม่กันบ่อยๆ จนตอนนี้ปาเข้าไปฉบับที่ 18 คำนวณอายุโดยเฉลี่ยของรัฐธรรมนูญก็ตกอยู่ราวๆ ฉบับละ 4 ปีนิดๆ พอๆ กับอายุบัตรนักศึกษามหาวิทยาลัย สั้นกว่ากฎหมายและระเบียบว่าด้วยการแต่งกายของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[1] หรือแม้กระทั่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์ฉบับเก่า ซึ่งประกาศใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2473 (ที่ตอนนี้…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองตั้งใจจะพักเรื่องการเมืองที่กำลังร้อนขึ้นหลังวันที่ 28 มี.ค.นี้ เลยหลบไปแถวแม่น้ำเพื่อให้ลมเย็นๆ กับสายน้ำที่ชุ่มฉ่ำๆ ไหลมาชโลมให้ชื่นจิตชื่นใจ แต่ไปจนถึงริมฟังแม่โขง กลับมาไม่วายร้อนรุ่มใจดังเดิม ไม่ใช่เพราะดื่มไปหลายกลมจนตัวร้อน แต่ได้ไปฟังข่าวแว่วๆ มาแล้วท่าทางไม่ค่อยจะดี....วันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมาเป็น ‘วันหยุดเขื่อนโลก' และตรงกับงานบุญ 100 วัน คุณมด ‘วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์' ที่ ตำบลพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี หลังไปร่วมงาน เลยไปอีกหน่อยเป็นอำเภอโขงเจียม ติดแม่น้ำโขง ได้ดูแม่น้ำอันกว้างใหญ่สมใจ แต่ชาวบ้านที่งานบุญคุณมดเล่าให้ฟังว่า หลังท่านสมัคร สุนทรเวช…
Hit & Run
   พวกปาหินหนักแผ่นดิน น่าจะตายไปเสียให้หมด...ขอให้จับคนร้ายได้ไวๆ แล้วเอาตัวไปประหารชีวิต...พวกวัยรุ่นปาหินสมควรตาย... {ตติกานต์ เดชชพงศ}ประโยคที่ถูกส่งผ่านทาง SMS มายังหน้าจอโทรทัศน์ซึ่งกำลังเสนอรายการประเภท ‘เล่าข่าว' เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2551 ส่วนใหญ่เป็นไปในทำนองเดียวกัน นั่นคือ การแสดงความเกลียดชังต่อผู้ก่อเหตุ ‘ปาหิน' ไปโดนศีรษะเด็กชายอนุพงษ์ สายเพ็ชร หรือ ‘น้องมอส' อายุ 12 ปี ซึ่งนั่งรถมากับพ่อผู้เป็นคนขับรถบรรทุก และน้องมอสได้เสียชีิวิตในเวลาไม่นานหลังจากนั้นหลายคนสาปแช่งคนลงมือก่อเหตุให้ตายตกไปตามกัน ในขณะที่อีกบางส่วนก็แสดงความเห็นใจผ่านข้อความที่ส่งมา…
Hit & Run
คิม ไชยสุขประเสริฐ กับภาพเคลื่อนไหวในจอตู้สี่เหลี่ยม...คุณครูคนหนึ่งกับกิจวัตรประจำวันในการสอนหนังสือ... ดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่สะกิดใจฉันอย่างจังคือประโยคที่ว่า"จะรู้ว่าใครเก่งแค่ไหนต้องรอดูว่าใคร (สอบ) ได้ที่หนึ่ง... ได้ที่หนึ่งแล้วจะบอกว่าไม่เก่งก็คงไม่ได้"ครูซึ่งดูก็รู้ว่าเชี่ยวกรำกับวิชาชีพนี้มานานนับสิบปี พูดถึงการวัด ‘ความเก่ง’ ของเด็กนักเรียน โดยใช้ลำดับที่ของการสอบ ถูกนำไปผูกโยงกับ ‘ตัวสินค้า’ ในฐานะรถกระบะคันเก่งที่ขายได้เป็น ‘อันดับหนึ่ง' ซึ่งมีสโลแกนว่า ‘รถกระบะอันดันหนึ่งของคนไทย' ทั้งนี้ เมื่อว่าด้วยเรื่องของการตลาดแล้ว ในฐานะที่ไม่ได้ติดตามในเรื่องนี้ก็ไม่อาจทราบได้ว่า…
Hit & Run
 ถ้าจะสร้างวิวาทะอะไรที่มันๆ ให้ NGO's นักวิชาการ หรือแอคทิวิสต์แนวชุมชนโรแมนติก ที่เราเรียกพวกเขาว่า "ปัญญาชน" แลกเปลี่ยนกันมันๆ นั้น วันนี้เรามาพูดถึงความดีของ "ทักษิณ ชินวัตร" กันดีกว่า...วิทยากร บุญเรืองคณะสุภาพบุรุษ (เสี่ยว) *ผมเป็นคนจน คนแถวบ้านผมก็เป็นคนจน เราเป็นคนจนกึ่งเมืองกึ่งชนบทแบบว่าไม่มีต้นทุนเป็นผืนป่า แม่น้ำ หรือภูเขาเป็นของตัวเอง ไม่มีการสร้างโครงการขนาดใหญ่จากรัฐหรือนายทุน ปัญหาที่เราต้องเจอก็มีแค่การหาเงินซื้อข้าวสารกรอกหม้อ เลี้ยงลูก เลี้ยงเมีย เลี้ยงครอบครัวไปวันๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็หาเลี้ยงชีพด้วยวิธีออกไปขายแรงในเมือง หรือตามเทือกสวนไร่นา แปลงเล็กๆ ที่ยังเหลืออยู่…
Hit & Run
  พืชผักผลไม้ในท้องตลาด เสี่ยงต่อการมีสารเคมีและยาฆ่าแมลงตกค้างจากการผลิตแบบเกษตรเชิงพาณิชย์ ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ ทั้งผู้บริโภคและเกษตรกรผู้ผลิตดังนั้นจึงมีเกษตรกรผู้ผลิตและผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งแสวงหาทางเลือกใหม่ หนึ่งในทางเลือกนั้นคือการทำ ‘เกษตรอินทรีย์'พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา องค์กรมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ภาคเหนือ (มอน.) และสถาบันชุมชนเกษตรกรรมยั่งยืน (ISAC) จัดกิจกรรมผู้บริโภคสัญจรไร่สตรอเบอรี่อินทรีย์ ที่ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ เพื่อให้ผู้บริโภคได้พบกับเกษตรกรผู้ผลิตพืชผักอินทรีย์…