Skip to main content

  

ภาพจาก reuters

คิม ไชยสุขประเสริฐ

วันฝนตก ฉันนั่งอ่านบทความของอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงษ์ <1> ในหนังหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง ที่เขียนเกี่ยวกับภาพของ นางการ์เม่ ชาคอน (Carme Chacon) วัย 37 ปี ในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ The International Herald Tribune ขณะที่นางชาคอน ผู้ซึ่งในรัฐบาลชุดก่อนเป็นรัฐมนตรีการเคหะ กำลังเดินตรวจพลสวนสนามครั้งแรกในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของสเปน ในกรุงมาดริด เมื่อวันที่ 14 เม.ย.

... เธออยู่ในชุดกางเกงกับเสื้อคลุมท้อง และสวมรองเท้าส้นสูง...

นางชาคอนได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนแรกของสเปน เมื่อต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมคณะรัฐมนตรีอีก 16 คน โดยการนำของนายกรัฐมนตรีโฆเซ่ หลุยส์ โรดริเกซ ซาปาเตโร จากพรรคสังคมนิยมแรงงาน ซี่งชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 เมื่อวันที่ 9 มี.ค.

พร้อมกับคำสัญญาว่า สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลชุดนี้จะทำให้ประชาชนชาวสเปนได้เห็นกันก็คือ การมุ่งส่งเสริมสิทธิ เสรีภาพความเท่าเทียมระหว่างหญิงชาย

ยืนยันได้จากการที่นายโฆเซ่ก็ได้แต่งตั้งรัฐมนตรีผู้ชายมีอยู่ 8 คน และรัฐมนตรีหญิงถึง 9 คน ซึ่งมีรัฐมนตรีเพิ่มขึ้นอีก 1 คน ประจำกระทรวงใหม่ 1 แห่ง คือ กระทรวงความเท่าเทียมกัน (the Equality Ministry) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเรื่องสร้างความเท่าเทียมกันระหว่างชาวสเปน โดยมีนางสาวบิบิอาน่า ไอโด้ เป็นเจ้ากระทรวง

อย่างไรก็ตามนางชาคอนไม่ใช่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของโลก เพราะก่อนหน้านี้ ในประเทศญี่ปุ่นก็มีนางยูริโกะ โคอิเขะ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของญี่ปุ่น ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมคนแรกของประเทศเมือปี 2550 หรือการประกาศของประธานาธิบดีราฟาเอล คอร์เรีย แห่งเอกวาดอร์ ที่ยืนยันจะแต่งตั้งสตรีเป็นรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่แทนนางกัวดาลูเป ลาร์ริวา รัฐมนตรีกลาโหมหญิงคนแรกของประเทศ ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อปลายเดือน ม.ค.50 หลังจากเพิ่งได้รับตำแหน่งเพียง 1 สัปดาห์

แต่การก้าวสู่ตำแหน่งเจ้ากระทรวงกลาโหมของชาคอนเป็นที่จับตามอง เพราะในขณะนั้นเธอท้องได้ 7 เดือน เมื่อเข้ารับตำแหน่งในช่วงแรกเธอต้องเริ่มสะสางงาน แต่อีก 2 เดือนต่อจากนั้นเธอต้องลาคลอด และสามารถลาคลอดได้ถึง 16 สัปดาห์ ที่สำคัญการที่เธอไม่เคยเป็นทหาร และไม่มีประสบการณ์ในกองทัพมาก่อนเลย ทำให้เธอถูกปรามาสจากกลุ่มหัวอนุรักษ์นิยม ว่าจะไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ <2>

ท่ามกลางเสียงวิจารณ์นั้น ก็มีความคิดเห็นที่ว่าการแต่งตั้งผู้หญิงที่ไม่มีพื้นฐานความรู้ทางทหาร และไม่เคยผ่านการฝึกทหารเลย มาเป็นผู้นำกองทัพ เท่ากับเป็นการส่งสารให้โลกรู้ว่า โลกเราต้องการความสงบสุข "เพราะผู้หญิงเกลียดสงคราม" และ "การที่ผู้หญิงได้เป็นผู้นำกองทัพ แสดงให้เห็นว่าตำแหน่งผู้นำกองทัพไม่จำเป็นต้องมีแต่ความบึกบึน แข็งแกร่งเป็นชาย แต่สามารถมีความอ่อนโยน และมีมนุษยธรรมมากขึ้น" <3>

สำหรับสังคมไทย อาชีพทหาร' เองก็ยังถูกมองว่าเป็นอาชีพของ ผู้ชาย' เพราะทหารต้องเข้มแข็งอดทนตามแบบฉบับของชายชาตรี แม้ว่าปัจจุบันจะมีการเปิดสมัครรับราชการทหารทั้งเพศชายและหญิง แต่ก็ยังไม่เคยมีทหารหญิงคนใดก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งใหญ่โตทางการทหารให้เห็น เมื่อเห็นภาพของนางนางชาคอนในชุดคลุมท้องเดินตรวจแถวทหาร นักสิทธิมนุษยชนด้านสตรีศึกษาและเพศสภาพอดที่จะชื่นชมไม่ได้

ในภาพของความเป็นผู้หญิง และเป็นแม่ ที่ได้รับความเชื่อมั่นในศักยภาพให้ดำรงตำแหน่งระดับสูงทั้งในรัฐบาล โดยแบกรับมีความรับผิดชอบส่วนตัว และความรับผิดชอบต่องานเอาไว้ โดยที่คุณค่าความเป็นมนุษย์ของผู้หญิงไม่ได้ติดอยู่ที่ความอ่อนแอ แต่ความอ่อนโยนของพวกเธอมีคุณสมบัติพิเศษที่ความเข้มแข็งตามแบบเพศชายไม่อาจทำได้

การที่ผู้หญิงคนหนึ่งได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบใน ตำแหน่งแห่งที่' ซึ่งเคยผูกขาดไว้เฉพาะเพศชาย ผู้ยึดถือในความเป็นปิตาธิปไตยจึงอาจมองว่านี่คือ ความเสื่อมถอย' แต่แน่นอนว่า สำหรับผู้เชิดชูสิทธิสตรีและความเท่าเทียมกัน ย่อมเห็นพ้อง (ค่อนข้าง) ตรงกันว่า นี่คือ ความก้าวหน้า' ครั้งสำคัญ

................................................

หากมองย้อนกลับมายังสังคมบ้านๆ ของเรา...การดำรงฐานะใหญ่โตระดับประเทศชาติของ ผู้หญิง' เป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับในวงกว้างมานานแล้ว แม้ว่าเท่าที่ผ่านมา การรับภาระเพื่อชาติจะยังจำกัดอยู่แค่ไม่กี่พื้นที่ เช่น ดูแลเรื่องสุขอนามัย เรื่องแรงงาน หรือไม่ก็เรื่องประเพณีวัฒนธรรม...ซึ่งถ้าจะมองอย่างเ้ข้าข้างกันถึงที่สุด ก็พอเข้าใจได้ว่า เรื่องเหล่านี้เกี่ยวพันกับทุกผู้คน และแทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตประจำวัน การที่มีเพศหญิงซึ่งมีความละเอียดรอบคอบเป็นผู้ดูแลในด้านนี้ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีของสังคมแล้ว

และมันก็ทำให้ใครหลายคนชื่นใจว่า...นี่คือสังคมที่มีความเท่าเทียมกันทั้งสองเพศ...

ฟังดูเหมือนเป็นอย่างนั้น...จนกระทั่งประเด็นร้อนฉ่าเกี่ยวกับนักแสดงที่ถูกขนานนามว่าเป็น เจ้าพ่อวีซีดี (โป๊)' ออกมาแดกดัน เกย์คนหนึ่ง' ซึ่งเป็นห่วงเป็นใยต่อผลกระทบที่อาจจะเกิดตามมาในเรื่องค่านิยมและทัศนคติทางเพศของคนในสังคม หลังจากที่ฝ่ายแรกออกมาเผยเรื่องราวแทบจะทุกซอกทุกมุมที่เกี่ยวกับประสบการณ์ทางเพศที่มีกับผู้หญิง 2 คนออกอากาศผ่านสื่อโทรทัศน์ที่มีคนดูทั่วประเทศ และพูดถึงหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศที่โจ๋งครึ่มพอๆ กับที่พูดออกอากาศไป

เกย์ผู้นั้นออกมาติติงเจ้าพ่อวีซีดีผ่านสื่ออีกสื่อหนึ่ง เป็นผลให้โดนตอกกลับอย่างรุนแรงไม่แพ้กัน...

ฝ่ายหนึ่งถูกเหน็บแนมว่าเป็น ผู้ชายป้ายเหลือง' ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งตอบโต้กลับว่า เป็นเกย์หนักแผ่นดิน'

การวิวาทะระหว่าง ชายแท้' ผู้พร้อมจะแฉผู้หญิงที่เคยเกี่ยวข้อง กับผู้มีเพศสภาพเป็นชาย แต่มีหัวใจค่อนไปทางเพศแม่ จึงกลายเป็นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นว่า ที่ทางการสื่อสารสำหรับเพศอื่นๆ นอกเหนือจากความเป็นหญิงและชายในบ้านเรา...มีน้อยยิ่งกว่าน้อย

ที่จริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องถกเถียงว่าใครเป็นฝ่ายผิดหรือถูก ระหว่างคนที่ให้สัมภาษณ์เรื่องใต้สะดือออกอากาศ กับคนที่เป็นห่วงเรื่องการสื่อสารเรื่องเพศที่เกินพอดีต่อสาธารณชน เพราะเป็นสิทธิ์ของทั้งคู่ที่ทำได้ (แต่คนที่รอดตัวไปได้จากกรณีนี้ก็คือ สื่อ' ที่เป็นช่องทางให้ทั้งสองฝ่ายได้ออกมาฉะกันเพื่อสร้างเรตติ้ง และไม่มีใครลากโยงให้ต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมาแต่อย่างใด)

ในความเป็นจริงแล้ว ในสังคมที่ ดูเหมือนจะ' ให้เกียรติผู้หญิง และเชิดชูเพศแม่ แต่ความคาดหวังของสังคม ต่อการเป็นเพศชาย เพศหญิง ที่ปลูกฝังและถ่ายทอดมานานผ่านวัฒนธรรม จารีตประเพณี ได้สร้างบรรทัดฐานทางสังคมที่ผู้หญิงและผู้ชายควรเป็น หรือ ต้องเป็น จนกลายเป็นปัจจัยหนึ่งซึ่งก่อให้เกิดความแตกต่างและเหลื่อมล้ำกันระหว่างเพศ เกิดเป็นความดีเลว ถูกผิด อีกทั้งยังส่งผลถึงการกีดกันคนที่ต่างไปจากจากความคาดหวังให้เป็นตามสองเพศนี้ ให้กลายเป็น เพศที่ผิดปกติ'

ความเป็นผู้หญิง' ถูกจำกัดวงไว้เพียงความเรียบร้อย ความนุ่มนวล และความรักนวลสงวนตัว

ผู้หญิงดีๆ จึงหมายถึงผู้หญิงที่ไม่เคยข้องแวะเกี่ยวกับเรื่องฉาวๆ คาวๆ เลย ส่วนผู้หญิง (อย่างน้อยก็ 2 สาว) ที่มีพฤติกรรมโลดโผน และถูกผู้ชายคนหนึ่งพูดถึงอย่างไม่ไว้หน้าในสื่อแห่งหนึ่ง แต่กลับไม่มีใครในสื่อแห่งนั้นรู้สึกว่าพวกเธอเป็นฝ่ายเสียหาย หรือเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงที่สื่อควรจะปกป้องสิทธิ ด้วยเหตุผลว่า นั่นคือผลจากการกระทำ (ที่ไม่งดงาม) ของสตรีที่ไม่สุภาพเหล่านั้นเอง

ในขณะที่ ผู้ชายอกสามศอก พูดจาตรงไปตรงมา' สามารถนำผู้หญิงมาวิพากษ์วิจารณ์โขกสับอย่างไรก็ได้ ถ้าหากผู้หญิงเหล่านั้นไม่ได้มาตรฐานของสังคมไทย

เช่นเดียวกับคนที่เป็นเกย์ หากออกมาตำหนิติติงผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม (เป็นห่วงสังคม, หรือ อยากดัง ฯลฯ) ก็ต้องทำใจยอมรับแต่เนิ่นๆ ว่า การเป็นเกย์' จะเป็นสิ่งที่ทำลายเหตุผลและความชอบธรรมในสิ่งที่คุณพูดไปทั้งหมด เพราะสำหรับใครบางคน การเป็นเกย์' ได้ถูกตัดสินไปแล้วว่า เป็นความผิดปกติ' และเป็นความป่วยไข้ของสังคม'

...........................

 

ข้อมูลจาก

<1>หนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ ประจำวันที่ 16 พ.ค.51

<2>วิกิพีเดีย, http://www.oknation.net/blog/inter/category/ANALYSIS และ www.independent.ie <3>หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11006

<4>"นิกกี้" ฉุน "เกย์นที" ด่าหนังสือเซ็กซ์ บอกมันเข้าตูดคุณเหรอ ?!

 

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
แดง ใบเตย  1. บทสรุปสำหรับผู้บริหารข้อเขียนชิ้นนี้ เขียนขึ้นเพื่อโจมตีกลุ่มปัญญาชนเก๋ไก๋ทั้งหลาย ที่บังอาจวิพากษ์วิจารณ์กระแส "เคอิโงะ"    2. ดวงของเคอิโงะแหม่มโพดำ"เคอิโงะ" เสี่ยงได้ไพ่ "แหม่มโพดำ" ดวงดีมากมาย  3. บทกวีแด่เคอิโงะเ ร า ก็ ไ ม่ ท ร า บ ว่ า จู่ ๆ คุ ณ ดั ง  ขึ้ น ม า ไ ด้ เ ยี่ ย ง ไร "เ ค อิ โ ง ะ"สำ ห รั บ ผ ม เ ริ่ ม แ ร ก ก็ อ อ ก จ ะ ห มั่ น ไ ส้ คุ ณ อ ยู่ ม า ก เ ล ย ที เ ดี ย วแ ต่ สำ ห รั บ ผู้ ที่ แ ส ด ง ค ว า ม ฉ ล า ด ห ลั ง เ ห ตุ ก า ร ณ์ นี่ ยิ่ ง น่ า ห มั่ น ไ ส้ ก ว่ ามั น ไ ม่ ใ ช่ เ รื่ อ ง ข อ ง ผ ม กั บ คุ ณ…
Hit & Run
Ko We Kyaw ไร่ปลูกสบู่ดำริมทางบนถนนระหว่างเมืองเจ้าปะต่าวกับมิตทีลา ภาคมัณฑะเลย์ ภาพถ่ายในเดือนพฤษภาคม 2551 (ที่มา: Kowekyaw/Prachataiburma)   พฤษภาคม 25511. ผมอยู่บนรถโดยสารเก่าๆ แล่นออกจากเมืองเจ้าปะต่าว (Kyaukpadaung) มุ่งสู่มิตทีลา (Meiktila) ภาคมัณฑะเลย์ ใจกลางเขตแล้งฝน (dry zone) ของสหภาพพม่า สองข้างทางซึ่งเป็นดินแดงๆ จึงเหมาะจะปลูกเฉพาะพืชทนแล้ง โดยเมืองเจ้าปะต่าวถือเป็นแหล่งปลูกตาล ส่วนเนินแห้งแล้งรอบทะเลสาบมิตทีลาก็เป็นแหล่งปลูกฝ้าย แต่สองข้างทางของถนนที่ผมกำลังเดินทางกำลังเปลี่ยนโฉมหน้าด้วยโครงการปลูกพืชพลังงานชนิดใหม่ “สบู่ดำ”…
Hit & Run
  โดย เพณิญ               ในสถานการณ์แบบนี้ ‘ตัวละคร' ที่น่าจับตามองและได้รับความนิยมอย่างมาก คงหนีไม่พ้น ‘อาซาคุระ เคตะ' นายกรัฐมนตรีหนุ่มสุดหล่อแห่งประเทศญี่ปุ่น และ ‘ลีซาน' พระราชาผู้เป็นที่รักของประชาชนมากที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลี            ‘ตัวละคร' ทั้งสองปรากฏตัวอย่างมีนัยยะสำคัญและเป็นที่กล่าวขวัญถึงเป็นอย่างมาก หนึ่งคือ ‘อาซาคุระ เคตะ' ตัวละครที่ไม่เคยสนใจการเมือง แต่ต้องก้าวเข้ามารับหน้าที่นายกรัฐมนตรีในภาวะการเมืองสูญญากาศของประเทศญี่ปุ่นจาก CHANGE…
Hit & Run
อย่างที่รู้ๆ และแทบไม่อยากจะย้ำให้เจ็บช้ำหัวใจกันว่าเศรษฐกิจประเทศไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ (จากอเมริกา) ที่ส่งกระทบข้ามฟ้ามามาไกลถึงบ้านเรา ทำให้ผู้นำประเทศต้องออกโรงคิดหานโยบายมาแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน   บวกด้วยความที่นายกคนหนุ่มอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เห็นว่าคนจนเศรษฐกิจไม่ดี นายกต้องช่วยเหลือ และไม่มีอะไรดีไปกว่าการเพิ่มกำลังซื้อให้กับคน ที่เป็นการช่วยธุรกิจโดยไม่ต้องไปบิดเบือนกลไกตลาด แบบว่าเป็นการช่วยเศรษฐกิจชาติให้มีเงินหมุนเวียน   ดังนั้น โครงการใหม่ถอดด้าม “เช็คช่วยชาติ” จึงริเริ่มและดำเนินการอย่างรวดเร็ว เช็คจำนวน 9.6 ล้านใบ…
Hit & Run
  กรกช เพียงใจ  ห้องพิจารณาคดี 713 ศาลอาญา รัชดาผู้พิพากษาสองคนเดินมานั่งบนบัลลังก์ เบื้องหลังบัลลังก์เป็นผนังไม้อย่างดีสีน้ำตาลเข้ม ทำให้ทั้งห้องดูเคร่งขรึมน่าเกรงขาม สูงขึ้นไปบนผนังติดพระบรมฉายาลักษณ์ในกรอบสีทองเหลืองอร่ามทุกคนลุกขึ้นยืนทำความเคารพ มีญาติผู้ต้องขังสองสามคน อัยการ ทนายความ เจ้าหน้าที่ผู้คุมตัวผู้ต้องขัง รวมถึงผู้ต้องขังหญิงในชุดนักโทษอุฉกรรจ์สีน้ำตาล ขลิบปลายแขนแดง ‘ดารณี' ถูกจับกุมที่บ้านพัก ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว และติดคุกมาแล้วมากกว่าครึ่งปี ระหว่างที่คดีเพิ่งเริ่มพิจารณา และนัดหมายการไต่สวนพยานครั้งแรกกันอีก 6 เดือนข้างหน้า 0000"ไอ้ที่พี่พูด…
Hit & Run
Ko We Kyaw เมื่อวันที่ 13 มีนาคม หรือเมื่อวานนี้ นักกิจกรรมพม่ารุ่น’88 ในประเทศไทย นำโดยสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองในพม่า (Assistance Association for Political Prisoners-Burma - AAPP) และสมัชชาเพื่อประชาธิปไตยในพม่า (the Forum for Democracy in Burma - FDB) จัด “Free Burma’s Political Prisoners Now!” (“ปล่อยนักโทษการเมืองในพม่าเดี๋ยวนี้!”) (www.fbppn.net) โดยมีการจัดแถลงข่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) กรุงเทพมหานคร และที่ศูนย์นานาชาติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อล่ารายชื่อกดดันให้รัฐบาลทหารพม่าปล่อยตัวนักโทษการเมือง ซึ่งขิ่น โอมาร์ (Khin Ohmar)…
Hit & Run
  จันทร์ ในบ่อ ‘วันวาเลนไทน์' หรือ ‘วันเสียตัวแห่งชาติ'เป็นวันที่มีความเชื่อกันว่า ‘ผีกระจู๋' จะถูกปลดปล่อยออกมาเพ่นพ่านด้วยฤทธาแห่งความความกำหนัด โดยเฉพาะในวันที่ความรักเบ่งบานฉ่ำบรรดาพ่อมดหมอผีจะเกรงกลัวเป็นที่สุด เพราะเชื่อกันว่าอิทธิฤทธิ์แห่งมนต์ดำกฤษณาจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติอีกหลายเท่าตัว 
Hit & Run
  ธงดอง จันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์  "ฉันเป็นคนบ้า เพราะว่าสติไม่ดีไม่ใช่คนไม่ดี ฉันมีสติไม่ดีฉันเป็นคนบ้า" ประเด็นที่ไม่พูดถึงไม่ได้แล้วในปัจจุบัน ก็คือประเด็น "คดีหมิ่นฯ" ที่กลายเป็นเรื่องกล่าวขวัญในสังคมอย่างกว้างขวางอยู่ในขณะนี้เริ่มตั้งแต่หนุ่มไม่เต็มบาทนั่งเหม่อลืมยืนเคารพเพลงสรรเสริญในโรงภาพยนตร์, ม็อบคนบ้า(การเมืองจนเข้าเส้น)ที่ปราศรัยมันเกินเหตุจนเกิดเรื่อง, ฝรั่งเพี้ยนที่ชอบขีดๆ เขียนๆ เรื่อยเปื่อย จนลามมาถึงนักวิชาการ นักการเมือง นักท่องอินเตอร์เน็ตเพี้ยนๆ ออกมาโดนซิวเป็นระยะๆ ตามหน้าข่าวแต่ประเทศนี้มันก็ช่างน่าขันเหลือเกิน โทษสำหรับคนเพี้ยนบ้าแบบนี้…
Hit & Run
  จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์  เมื่อปีที่แล้ว ตอนที่จีนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิก สถานีโทรทัศน์ในจีนถูกสั่งให้ดีเลย์สัญญาณออกอากาศออกไป 10 วินาที เพื่อพวกเขาจะได้มีเวลาจัดการกับการแพร่ภาพในกรณีที่เกิดการประท้วงจากกลุ่มที่เรียกร้องให้ปลดปล่อยทิเบต หรือกลุ่มทางการเมืองอื่นๆ  มาหนนี้ ดูเหมือนสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีนจะไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ระหว่างถ่ายทอดสดการกล่าวสุนทรพจน์ของโอบามาในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐฯ เมื่อเวลาประมาณตี 1 ของวันที่ 20 ก.พ. (เวลาประเทศจีน) เพราะขณะแพร่ภาพการกล่าวสุนทรพจน์ของโอบามา พร้อมๆ กับแปลไปด้วยนั้น อยู่ๆ…
Hit & Run
มุทิตา เชื้อชั่ง วันเด็กปีนี้ แม้ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี แต่ก็อยากจะให้คำขวัญ คำอวยพรกับเด็กๆ บ้าง... มีฟามสุขมั่กๆ อย่าแสบให้มากนักนะตัวเอง...   ปีนี้มหกรรมวันเด็กค่อนข้างคึกคัก ข่าวคราวต่างๆ ถูกรายงานเยอะแยะมากมายตามประสาบ้านเมืองที่สงบสุขแล้ว...ชิลๆ สังเกตได้ง่ายๆ เพราะเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ (ยิ่งดราม่าๆ หน่อยยิ่งเจ๋ง) มักจะมีสีสันอยู่ในกระแสมากเป็นพิเศษเสมอ   คำขวัญวันเด็กที่ทั่นนายกฯ "อภิสิทธิ์" ให้ในปีนี้ เด็กจริง เด็กโข่ง ต่างก็รู้กันทั่วหน้าแล้ว นั่นคือ "ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี"   ไม่รู้ว่าเด็กยุคดิจิตอลรุ่นนี้คิดยังไง...
Hit & Run
 จันทร์ ในบ่อ ก่อนอื่นขอ "สวัสดีปีใหม่ครับ" ปีใหม่นี้คนไทยมีนายกฯใหม่ แต่ยังต้องเซ็งที่มีการเมือง(โครต)เก่า ‘ผู้จัดการ' ก็คนหน้าเก่าเลยไม่รู้ว่าจะเรียกร้อง ‘การเมืองใหม่' กันให้วุ่นวายทำไมเป็นเดือนๆอีกฝ่ายก็อุตส่าห์ลงทุน ‘โฟนอิน' มาเป็นรอบๆ ขู่จนเสื้อเหลืองเสื้อเขียวสะดุ้งไปหลายเฮือก แต่สุดท้ายหวยล็อค ได้ฮาตรงที่เขาบอกกันว่า ‘ประชาธิปัตย์' ก็มากับเสียง ‘โฟนอิน' !?? ที่สำคัญโฟนอินนี้ทำเอา ‘เสื้อแดง' มึนตึ้บเป็นแถว เช้ามาพูดได้คำเดียวว่า "มาม่า...อร่อย "เอาล่ะ..เรื่องการเมืองไว้ค่อยว่ากันต่อ แต่ตอนนี้ขอพักฉลองเทศกาลปีใหม่สากลสักสองสามวันร่วมกับคนทั้งโลก ขออวยพรแบบสากลหน่อย"…
Hit & Run
  คิม ไชยสุขประเสริฐ  ข่าวคราวในวงการกีฬา เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่ผ่านมา คงเป็นที่จดจำสำหรับคนไทยที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลหรือเป็นนักเชียร์ตัวยงสำหรับกีฬาต่างๆ ที่ลงท้ายด้วยทีมชาติไทยพ่ายทีมชาติเวียดนาม 1-2 ประตู ในฟุตบอลอาเซียน ซูซูกิ คัพ 2008  รอบชิงชนะเลิศนัดแรก ซึ่งจัดขึ้นที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยเกมนี้มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมตรี เดินทางไปเชียร์ทีมไทยถึงขอบสนาม เรียกได้ว่าเป็นการแพ้กันคาบ้าน