Skip to main content

< แสงธรรม >

20 มิถุนายน 2551

ฉันได้รับการแจ้งข่าว ชาวบ้านในหมู่บ้านชายแดนไทย – พม่า ด้านที่ติดกับรัฐฉาน พบกลุ่มเด็กชายและหญิงจำนวน 5 คน วิ่งมาจากอีกฝั่งแล้วข้ามเข้ามาในเขตไทย

ดูเหมือนพวกเขาวิ่งหนีบางสิ่งบางอย่าง

ชาวบ้านมาพบเด็กกลุ่มนี้เข้า พบว่าเป็นเด็กชาวว้า

0 0 0

ไม่ต้องแปลกใจ หากจะพบหมู่บ้านชาวว้า ฐานทัพของกองทัพสหรัฐว้า (USWA) จำนวนมาก เริ่มเข้ามาตั้งอยู่ตามแนวชายแดนไทย-พม่า ด้านรัฐฉาน

ตามรายงาน ‘สั่งอพยพ’: โครงการบังคับโยกย้ายถิ่นฐานชาวว้าในเขตรัฐฉานตะวันออก (2542-2544) ระบุว่าตั้งแต่ปี พ.ศ.2542-2544 รัฐบาลพม่าเริ่มทำการบังคับอพยพโยกย้ายประชาชนว้าอย่างน้อย 126,000 คนจาก ‘ปางซาง’ เมืองติดชายแดนจีน ลงมายังรัฐฉานใต้หลายพื้นที่ และมาสร้างเมืองใหม่ชื่อ ‘เมืองยอน’ ติดกับชายแดน ภาคเหนือของไทย [1]

โดยที่ปางซาง กองบัญชาการสูงสุดของกองทัพสหรัฐว้า (USWA) มี ‘เปาโหย่วเฉียง’ เป็นผู้บัญชาการสูงสุด ส่วนเมืองยอน เมืองใหม่ที่ติดกับชายแดนไทยมี ‘เหว่ย เซียะ กัง’ ผู้นำกองพล 171 ของกองทัพสหรัฐว้าเป็นผู้คุมกำลัง

การอพยพที่เกิดขึ้น ทั้งรัฐบาลทหารพม่าและกองทัพสหรัฐว้าอ้างว่าเพื่อต่อต้านการปลูกฝิ่นของชาวบ้าน และส่งเสริมให้เพาะปลูกพืชชนิดอื่นๆ โดยจัดสรรพื้นที่ในรัฐฉานตอนใต้ให้

แต่เมื่อมีการอพยพกลับพบว่ายิ่งมีการปลูกฝิ่นในพื้นที่รัฐฉานตอนใต้โดยการสนับสนุนของทหารพม่าและว้า เกิดการบังคับเกณฑ์แรงงานชาวว้า ความอดอยาก การละเมิดสิทธิมนุษยชน

ขณะที่โรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพะโรคมาลาเรีย ตลอดจนความยากลำบากในการเดินทางของชาวบ้านที่ต้องเดินเท้าจากเหนือลงใต้กินเวลานับ 2 เดือนจึงทำให้ชาวว้าเสียชีวิตระหว่างการอพยพมากกว่า 4 พันคน

0 0 0

เด็กชาวว้ากลุ่มนี้เป็นเด็กชาย 3 คน เด็กหญิง 2 คน อายุ 12 ปีบ้าง 13 ปีบ้าง กำลังเดินขออาหาร และถามชาวบ้านว่า “อยากได้คนงานบ้างไหม เราทำงานอะไรก็ได้ ขอแค่ให้ที่อยู่ อาหารและเสื้อผ้าสักสองชุด”

เด็กๆ ทั้งหมดไม่มีอะไรติดตัวเลย นอกจากเสื้อผ้าที่ใส่ติดตัว รองเท้าที่ขาดวิ่น และยังพกพาความหิวโหย

พวกเด็กๆ ถูกพาเข้าไปในหมู่บ้าน

ชาวบ้านที่ตลาด ให้ความช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านั้น ให้ข้าว ให้น้ำ ชาวบ้านได้แต่ฟัง ชาวบ้านคนหนึ่งร้องไห้ทันทีที่เด็กๆ เล่าถึงเหตุผลที่พวกเขาต้องหนีมาฝั่งไทย

เด็กๆ เล่าให้ฟังว่า พวกเขาไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีบ้าน อีกแล้ว

ตอนนี้ถูกทหารว้า คนชาติเดียวกัน เอามารับใช้ในค่ายทหาร ใช้งานสารพัด บางคนถูกทหารว้าใช้ให้ไปทำงานในไร่ เจ้าของไร่ใช้งานหนักจนไม่ได้พัก หากเดือนไหน ‘โชคดี’ ก็จะได้เงิน ที่เรียกว่าเป็น ‘ค่าแรง’ 60 บาท จากเจ้าของสวน

ชาวบ้านถามเด็กๆ ว่าถูกทำร้ายบ้างไหม มีเสียงหนึ่งบอกว่าถูกทำร้ายสารพัดจนไม่อยากพูดถึงมันอีก

เด็กคนหนึ่งชี้ให้ดูรอยมีดสับที่นิ้วเท้าข้างขวา อีกคนให้ดูรอยมีดที่คาง พอพูดไปน้ำตาก็ตามมาด้วยทันที

พอเราทนไม่ได้จึงหนีออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ทิ้งข้าวของสมบัติติดตัวที่มีน้อยนิด หนี หนี หนี ทั้งวิ่ง ทั้งเดิน บางคนรีบวิ่ง รีบหนี จนทิ้งร้องเท้าแตะไว้กลางป่า

ชาวบ้านสงสารเด็กๆ จึงเลี้ยงข้าวแล้วพาไปส่งที่วัด ที่พักพิงแห่งเดียวในหมู่บ้านชายแดนสำหรับเด็กๆ ที่ระหกระหนอย่างไม่รู้อนาคตว่าจะไปไหนอย่างพวกเขา

เช้าวันรุ่งขึ้น ไม่ทันที่ชาวบ้านจะสอบถามพวกเด็กๆ ที่ค่ายทหารว้า มีเด็กๆ คนอื่นๆ ในสภาพดุจเดียวกับพวกเขาอีกกี่คน ทหารว้าทำอะไรพวกเขาบ้าง จะช่วยเหลือเด็กๆ พวกนี้อย่างไร

อปพร. ในหมู่บ้านตามหาจนพบกับกลุ่มเด็กพวกนี้ และยืนยันให้จับส่งทหารว้า

ดูเหมือนว่านี่เป็นการ “ขอ” มาจากทหารว้า

พวกเขาพาเด็กขึ้นรถกะบะ

ในจำนวนเด็กทั้งห้า ไม่มีใครยอมกินข้าวหรือยอมแตะอาหารกำลังจะกิน หลังจากที่รู้ว่าต้องถูกจับส่งกลับ พวกเขาพากันร้องไห้จ้า ไม่อยากกลับไปอีก บางคนพยายามกระโดดลงมา แต่ อพปร. ก็จับเด็กนั้นไว้มั่นมือ เสียงร้องไห้ของเด็กๆ ไม่ได้ทำให้จิตใจผู้ใหญ่สองสามคนที่จับพวกเขา รู้ถึงความกลัวและเสียใจที่จะถูกส่งกลับไปเลยสักนิด

รถกระบะหายลับไปแล้ว เสียงร้องไห้เด็กๆ หายลับไปแล้ว พร้อมกับอิสรภาพชั่วคราว ของเด็กๆ ก็อันตรธานหายไปด้วย

0 0 0

ฉันไม่เข้าใจ ประเทศไทยที่บอกว่าเป็นประชาธิปไตย แต่ทำไม เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจึงไม่ยึดหลักการนั้น แล้วคิดช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านั้น

ทำไมรีบส่งเด็กพวกนั้นกลับ ทำไมไม่สอบถามเด็กๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นใน ‘ฝั่งโน้น’ ทหารว้าทารุณพวกเขาหรือไม่ ทำไมต้องมาอยู่กับทหารว้า ทำไมทหารว้าพรากลูก ออกจากพ่อแม่ ทำไม นอกจากไม่ให้ความช่วยเหลือพวกเขา แล้วยังต้องซ้ำเติมชะตากรรมที่พวกเขายอมหนีตาย เพื่อเอาชีวิตมาแลกกับความหวังเพียงน้อยนิด ที่จะรอดพ้นจากความโหดร้ายเหล่านี้

ถ้าเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะอ้างว่าไม่มีอำนาจสอบถามเท้าความถึงสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในฝั่งพม่า

ก็แล้วทำไมเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นถึงมีอำนาจส่งกลับเด็กชาวว้าข้ามชายแดนโดยพละการ

หรือมีคำสั่ง มีการอนุมัติ มาจากเจ้าหน้าที่ๆ อยู่ระดับสูงกว่านั้น

หรือ ‘ความมั่นคงมนุษย์’ ความเป็นมนุษย์และชีวิตของเด็กเหล่านี้ สำคัญน้อยกว่าความมั่นคงของชาติ ความมั่นคงของทหารว้า และความั่นคงอย่างมหาสถาพรของรัฐบาลทหารพม่า

ทำไมเด็กชาวว้าถึงไม่มีโอกาสที่จะมีอิสรภาพ เหนือการบังคับกดขี่ เหนือความหวาดกลัว เหนือการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ใด

เด็กๆ หายลับไปพร้อมรถกะบะที่มุ่งหน้าไปชายแดนและส่งพวกเขาให้กับทหารว้า หากแต่ใจฉันยังได้ยินเสียงร้องไห้ และภาพที่พวกเขาถูกบังคับลากขึ้นรถ ทุกวินาที

ทันทีที่เท้าเหยียบอีกฝั่งหนึ่งของชายแดน พวกเขาต้องเผชิญกับอะไรบ้าง ตอนนี้อยู่กันอย่างไร

ไม่มีใครรู้

ฉันถามตัวเอง

คำตอบเหล่านั้น อยู่ในสายลม

- - - - -

หมายเหตุ
[1]
อ่านรายงานการอพยพชาวว้าได้ที่ The Lahu National Development Organisation, “UNSETTLING MOVES: The Wa resettlement program in Eastern Shan State (1999-2001).” in http://www.shanland.org/resources/bookspub/humanrights/wa

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
แดง ใบเตย  1. บทสรุปสำหรับผู้บริหารข้อเขียนชิ้นนี้ เขียนขึ้นเพื่อโจมตีกลุ่มปัญญาชนเก๋ไก๋ทั้งหลาย ที่บังอาจวิพากษ์วิจารณ์กระแส "เคอิโงะ"    2. ดวงของเคอิโงะแหม่มโพดำ"เคอิโงะ" เสี่ยงได้ไพ่ "แหม่มโพดำ" ดวงดีมากมาย  3. บทกวีแด่เคอิโงะเ ร า ก็ ไ ม่ ท ร า บ ว่ า จู่ ๆ คุ ณ ดั ง  ขึ้ น ม า ไ ด้ เ ยี่ ย ง ไร "เ ค อิ โ ง ะ"สำ ห รั บ ผ ม เ ริ่ ม แ ร ก ก็ อ อ ก จ ะ ห มั่ น ไ ส้ คุ ณ อ ยู่ ม า ก เ ล ย ที เ ดี ย วแ ต่ สำ ห รั บ ผู้ ที่ แ ส ด ง ค ว า ม ฉ ล า ด ห ลั ง เ ห ตุ ก า ร ณ์ นี่ ยิ่ ง น่ า ห มั่ น ไ ส้ ก ว่ ามั น ไ ม่ ใ ช่ เ รื่ อ ง ข อ ง ผ ม กั บ คุ ณ…
Hit & Run
Ko We Kyaw ไร่ปลูกสบู่ดำริมทางบนถนนระหว่างเมืองเจ้าปะต่าวกับมิตทีลา ภาคมัณฑะเลย์ ภาพถ่ายในเดือนพฤษภาคม 2551 (ที่มา: Kowekyaw/Prachataiburma)   พฤษภาคม 25511. ผมอยู่บนรถโดยสารเก่าๆ แล่นออกจากเมืองเจ้าปะต่าว (Kyaukpadaung) มุ่งสู่มิตทีลา (Meiktila) ภาคมัณฑะเลย์ ใจกลางเขตแล้งฝน (dry zone) ของสหภาพพม่า สองข้างทางซึ่งเป็นดินแดงๆ จึงเหมาะจะปลูกเฉพาะพืชทนแล้ง โดยเมืองเจ้าปะต่าวถือเป็นแหล่งปลูกตาล ส่วนเนินแห้งแล้งรอบทะเลสาบมิตทีลาก็เป็นแหล่งปลูกฝ้าย แต่สองข้างทางของถนนที่ผมกำลังเดินทางกำลังเปลี่ยนโฉมหน้าด้วยโครงการปลูกพืชพลังงานชนิดใหม่ “สบู่ดำ”…
Hit & Run
  โดย เพณิญ               ในสถานการณ์แบบนี้ ‘ตัวละคร' ที่น่าจับตามองและได้รับความนิยมอย่างมาก คงหนีไม่พ้น ‘อาซาคุระ เคตะ' นายกรัฐมนตรีหนุ่มสุดหล่อแห่งประเทศญี่ปุ่น และ ‘ลีซาน' พระราชาผู้เป็นที่รักของประชาชนมากที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลี            ‘ตัวละคร' ทั้งสองปรากฏตัวอย่างมีนัยยะสำคัญและเป็นที่กล่าวขวัญถึงเป็นอย่างมาก หนึ่งคือ ‘อาซาคุระ เคตะ' ตัวละครที่ไม่เคยสนใจการเมือง แต่ต้องก้าวเข้ามารับหน้าที่นายกรัฐมนตรีในภาวะการเมืองสูญญากาศของประเทศญี่ปุ่นจาก CHANGE…
Hit & Run
อย่างที่รู้ๆ และแทบไม่อยากจะย้ำให้เจ็บช้ำหัวใจกันว่าเศรษฐกิจประเทศไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ (จากอเมริกา) ที่ส่งกระทบข้ามฟ้ามามาไกลถึงบ้านเรา ทำให้ผู้นำประเทศต้องออกโรงคิดหานโยบายมาแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน   บวกด้วยความที่นายกคนหนุ่มอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เห็นว่าคนจนเศรษฐกิจไม่ดี นายกต้องช่วยเหลือ และไม่มีอะไรดีไปกว่าการเพิ่มกำลังซื้อให้กับคน ที่เป็นการช่วยธุรกิจโดยไม่ต้องไปบิดเบือนกลไกตลาด แบบว่าเป็นการช่วยเศรษฐกิจชาติให้มีเงินหมุนเวียน   ดังนั้น โครงการใหม่ถอดด้าม “เช็คช่วยชาติ” จึงริเริ่มและดำเนินการอย่างรวดเร็ว เช็คจำนวน 9.6 ล้านใบ…
Hit & Run
  กรกช เพียงใจ  ห้องพิจารณาคดี 713 ศาลอาญา รัชดาผู้พิพากษาสองคนเดินมานั่งบนบัลลังก์ เบื้องหลังบัลลังก์เป็นผนังไม้อย่างดีสีน้ำตาลเข้ม ทำให้ทั้งห้องดูเคร่งขรึมน่าเกรงขาม สูงขึ้นไปบนผนังติดพระบรมฉายาลักษณ์ในกรอบสีทองเหลืองอร่ามทุกคนลุกขึ้นยืนทำความเคารพ มีญาติผู้ต้องขังสองสามคน อัยการ ทนายความ เจ้าหน้าที่ผู้คุมตัวผู้ต้องขัง รวมถึงผู้ต้องขังหญิงในชุดนักโทษอุฉกรรจ์สีน้ำตาล ขลิบปลายแขนแดง ‘ดารณี' ถูกจับกุมที่บ้านพัก ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว และติดคุกมาแล้วมากกว่าครึ่งปี ระหว่างที่คดีเพิ่งเริ่มพิจารณา และนัดหมายการไต่สวนพยานครั้งแรกกันอีก 6 เดือนข้างหน้า 0000"ไอ้ที่พี่พูด…
Hit & Run
Ko We Kyaw เมื่อวันที่ 13 มีนาคม หรือเมื่อวานนี้ นักกิจกรรมพม่ารุ่น’88 ในประเทศไทย นำโดยสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองในพม่า (Assistance Association for Political Prisoners-Burma - AAPP) และสมัชชาเพื่อประชาธิปไตยในพม่า (the Forum for Democracy in Burma - FDB) จัด “Free Burma’s Political Prisoners Now!” (“ปล่อยนักโทษการเมืองในพม่าเดี๋ยวนี้!”) (www.fbppn.net) โดยมีการจัดแถลงข่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) กรุงเทพมหานคร และที่ศูนย์นานาชาติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อล่ารายชื่อกดดันให้รัฐบาลทหารพม่าปล่อยตัวนักโทษการเมือง ซึ่งขิ่น โอมาร์ (Khin Ohmar)…
Hit & Run
  จันทร์ ในบ่อ ‘วันวาเลนไทน์' หรือ ‘วันเสียตัวแห่งชาติ'เป็นวันที่มีความเชื่อกันว่า ‘ผีกระจู๋' จะถูกปลดปล่อยออกมาเพ่นพ่านด้วยฤทธาแห่งความความกำหนัด โดยเฉพาะในวันที่ความรักเบ่งบานฉ่ำบรรดาพ่อมดหมอผีจะเกรงกลัวเป็นที่สุด เพราะเชื่อกันว่าอิทธิฤทธิ์แห่งมนต์ดำกฤษณาจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติอีกหลายเท่าตัว 
Hit & Run
  ธงดอง จันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์  "ฉันเป็นคนบ้า เพราะว่าสติไม่ดีไม่ใช่คนไม่ดี ฉันมีสติไม่ดีฉันเป็นคนบ้า" ประเด็นที่ไม่พูดถึงไม่ได้แล้วในปัจจุบัน ก็คือประเด็น "คดีหมิ่นฯ" ที่กลายเป็นเรื่องกล่าวขวัญในสังคมอย่างกว้างขวางอยู่ในขณะนี้เริ่มตั้งแต่หนุ่มไม่เต็มบาทนั่งเหม่อลืมยืนเคารพเพลงสรรเสริญในโรงภาพยนตร์, ม็อบคนบ้า(การเมืองจนเข้าเส้น)ที่ปราศรัยมันเกินเหตุจนเกิดเรื่อง, ฝรั่งเพี้ยนที่ชอบขีดๆ เขียนๆ เรื่อยเปื่อย จนลามมาถึงนักวิชาการ นักการเมือง นักท่องอินเตอร์เน็ตเพี้ยนๆ ออกมาโดนซิวเป็นระยะๆ ตามหน้าข่าวแต่ประเทศนี้มันก็ช่างน่าขันเหลือเกิน โทษสำหรับคนเพี้ยนบ้าแบบนี้…
Hit & Run
  จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์  เมื่อปีที่แล้ว ตอนที่จีนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิก สถานีโทรทัศน์ในจีนถูกสั่งให้ดีเลย์สัญญาณออกอากาศออกไป 10 วินาที เพื่อพวกเขาจะได้มีเวลาจัดการกับการแพร่ภาพในกรณีที่เกิดการประท้วงจากกลุ่มที่เรียกร้องให้ปลดปล่อยทิเบต หรือกลุ่มทางการเมืองอื่นๆ  มาหนนี้ ดูเหมือนสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีนจะไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ระหว่างถ่ายทอดสดการกล่าวสุนทรพจน์ของโอบามาในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐฯ เมื่อเวลาประมาณตี 1 ของวันที่ 20 ก.พ. (เวลาประเทศจีน) เพราะขณะแพร่ภาพการกล่าวสุนทรพจน์ของโอบามา พร้อมๆ กับแปลไปด้วยนั้น อยู่ๆ…
Hit & Run
มุทิตา เชื้อชั่ง วันเด็กปีนี้ แม้ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี แต่ก็อยากจะให้คำขวัญ คำอวยพรกับเด็กๆ บ้าง... มีฟามสุขมั่กๆ อย่าแสบให้มากนักนะตัวเอง...   ปีนี้มหกรรมวันเด็กค่อนข้างคึกคัก ข่าวคราวต่างๆ ถูกรายงานเยอะแยะมากมายตามประสาบ้านเมืองที่สงบสุขแล้ว...ชิลๆ สังเกตได้ง่ายๆ เพราะเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ (ยิ่งดราม่าๆ หน่อยยิ่งเจ๋ง) มักจะมีสีสันอยู่ในกระแสมากเป็นพิเศษเสมอ   คำขวัญวันเด็กที่ทั่นนายกฯ "อภิสิทธิ์" ให้ในปีนี้ เด็กจริง เด็กโข่ง ต่างก็รู้กันทั่วหน้าแล้ว นั่นคือ "ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี"   ไม่รู้ว่าเด็กยุคดิจิตอลรุ่นนี้คิดยังไง...
Hit & Run
 จันทร์ ในบ่อ ก่อนอื่นขอ "สวัสดีปีใหม่ครับ" ปีใหม่นี้คนไทยมีนายกฯใหม่ แต่ยังต้องเซ็งที่มีการเมือง(โครต)เก่า ‘ผู้จัดการ' ก็คนหน้าเก่าเลยไม่รู้ว่าจะเรียกร้อง ‘การเมืองใหม่' กันให้วุ่นวายทำไมเป็นเดือนๆอีกฝ่ายก็อุตส่าห์ลงทุน ‘โฟนอิน' มาเป็นรอบๆ ขู่จนเสื้อเหลืองเสื้อเขียวสะดุ้งไปหลายเฮือก แต่สุดท้ายหวยล็อค ได้ฮาตรงที่เขาบอกกันว่า ‘ประชาธิปัตย์' ก็มากับเสียง ‘โฟนอิน' !?? ที่สำคัญโฟนอินนี้ทำเอา ‘เสื้อแดง' มึนตึ้บเป็นแถว เช้ามาพูดได้คำเดียวว่า "มาม่า...อร่อย "เอาล่ะ..เรื่องการเมืองไว้ค่อยว่ากันต่อ แต่ตอนนี้ขอพักฉลองเทศกาลปีใหม่สากลสักสองสามวันร่วมกับคนทั้งโลก ขออวยพรแบบสากลหน่อย"…
Hit & Run
  คิม ไชยสุขประเสริฐ  ข่าวคราวในวงการกีฬา เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่ผ่านมา คงเป็นที่จดจำสำหรับคนไทยที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลหรือเป็นนักเชียร์ตัวยงสำหรับกีฬาต่างๆ ที่ลงท้ายด้วยทีมชาติไทยพ่ายทีมชาติเวียดนาม 1-2 ประตู ในฟุตบอลอาเซียน ซูซูกิ คัพ 2008  รอบชิงชนะเลิศนัดแรก ซึ่งจัดขึ้นที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยเกมนี้มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมตรี เดินทางไปเชียร์ทีมไทยถึงขอบสนาม เรียกได้ว่าเป็นการแพ้กันคาบ้าน