Skip to main content
 

เมื่อหนุ่มน้อย "สี TOA" เขียนจดหมายถึง "ศรีบูรพา" ว่าด้วยความสับสนและอคติต่ออุดมการณ์สื่อ

 

3 หมู่ 7 .ท่ากว้าง

.สารภี จ.เชียงใหม่

 

4 กรกฎาคม 2551

 

เรียน คุณศรีบูรพา ตำนานนักหนังสือพิมพ์ นักคิด นักเขียน ผู้ยิ่งใหญ่  

 

สวัสดีครับ คุณศรีบูรพา คุณซวยเข้าให้แล้ว! ที่ผมเขียนจดหมายถึงคุณ เป็นเพราะว่ามันเป็นเวรที่ทางต้นสังกัดบังคับให้ผมเขียนอะไรซักอย่าง และเมื่อยามใดที่ผมหมดมุข รูปแบบงานเขียนในแบบฉบับจดหมายจะต้องถูกควักมาใช้อยู่ร่ำไป

 

แต่ที่เจาะจงเขียนถึงคุณ มันมีเหตุผล เพราะคุณคือสัญลักษณ์ของวงการที่ผมประกอบสัมมาอาชีพอยู่

 

ผมจำได้เลาๆ ว่าเคยอ่านงานที่กล่าวถึงคำกล่าวของคุณคล้ายๆ กับว่า คุณพยายามบอกกับสังคมในช่วงยุคสมัยของคุณว่า การทำสื่อจักต้องทำให้เป็นอาชีพจริงจัง และอุดมการณ์ทำสื่อคือการต่อสู้กับความอยุติธรรมทั้งหลายทั้งปวง อะไรเทือกนี้

 

ผมเข้าใจว่าในยุคสมัยนั้น การทำสื่อ (ในความหมายของคุณคงหมายถึงหนังสือ, หนังสือพิมพ์) คงไม่ได้รับการถือหน้านับตาเฉกเช่นกับการเป็นเจ้าขุนมูลนาย หนำซ้ำสื่อสมัยนั้นยังเป็นของเล่นของเจ้าขุนมูลนาย อีกที หรือไม่ก็เป็นโทรโข่งของรัฐของเจ้าขุนมูลนายอีกที (เช่นกัน)

 

ที่คุณกล้าออกมาประกาศเช่นนั้นก็คล้ายกับเป็นการท้าทายว่า พลเมืองธรรมดาสามัญก็สามารถทำสื่อได้ และแน่นอนว่าทำให้มันเป็นอาชีพได้ จะไม่ใช่ของเล่นและกระบอกเสียงของพวกส่วนน้อยที่ทำนาบนหลังคนส่วนใหญ่อีกต่อไป

 

มันวิเศษมาก!

 

ในเมื่อคุณเป็นส่วนหนึ่งสำคัญที่สถาปนาความศักดิ์สิทธิ์ให้กับวิชาชีพนี้ และคุณเองก็ควรจะมีส่วนรับผิดชอบกับอคติที่ผมมีอยู่กับมันบ้าง โดยขอย้ำว่าข้อเขียนนี้เกิดจากอคติของผมคนเดียว ส่วนคนส่วนใหญ่ทั่วไปจะคิดยังไงก็แล้วแต่ จะหาใครมาระบายมารับผิดชอบเมื่อยามผิดหวังก็หากันไป จะหาใครมาเชิดชูยกยอเมื่อยามฮึกเหิมก็หากันไป

 

แต่วันนี้ผมขอจองผ้าป่าคุณ โดยเฉพาะประเด็นการผลิตอุดมการณ์ต่อต้านความอยุติธรรม และการสถาปนาให้ของเล่นจำพวกสื่อนี้เป็นวิชาชีพขึ้นมาได้ ส่วนประเด็นที่คุณและพลพรรคสามารถช่วงชิงเอามันมาจากพวกหนักแผ่นดินในสมัยของคุณ ผมคิดเห็นว่าคุณทำได้ถูกต้อง ผมชอบมาก ทำได้ดี

 

โดยภาพรวมคุณไม่ผิดหรอก แต่ผมมันอดหมั่นไส้ในถ้อยคำทั้งหลายที่ยกยอปอปั้นให้คนทำอาชีพนี้กลายเป็นเทวดารวมถึงไปบังคับให้พวกเขาต้องแบกรับอุดมการณ์เลิศหรู แต่ส่วนใหญ่มักจะแบกไม่ค่อยจะได้เรื่อง

 

เมื่อใดที่ได้ยัดอุดมการณ์เข้าไปให้มนุษย์ล่ะก็ จะมีอยู่สองอย่างก็ อย่างแรกคือ สร้างเขาให้แข็งทื่อหมดโอกาสเพิ่มรสชาติโหด เลว ดี ในการเป็นมนุษย์

 

อย่างที่สองคือสร้างพระปลอมออกมาบิณฑบาตตามท้องถนน

 

อย่างที่สองผมจะไม่วิจารณ์ เพราะพระปลอมโดนวิจารณ์กันเสียพรุนแล้ว และผมยังแอบชอบพระปลอมๆ เหล่านี้เสียด้วยซ้ำ ให้ตายสิ! พวกเขาหลักแหลมและทำสวนทางกับอุดมการณ์บางข้อของคุณ... สะใจชะมัด!

 

อย่างแรกแหละ สมควรถูกวิจารณ์เสียบ้าง เพราะบางครั้งการแบกอุดมการณ์จัดเกินไป มันมักจะพาลทำให้เราไปดูถูกคนที่เห็นต่าง และพาลทำตัวพาลอย่างที่เราวิจารณ์ฝ่ายตรงข้ามกับเราว่าเป็นคนพาล วิจารณ์ดูถูกดูแคลนคนที่มีอุดมการณ์คนละชุดกับเรา

 

และที่ต้องน่าวิจารณ์จำพวกแรก เพราะพวกคงแก่อุดมการณ์ทั้งหลาย มักจะไม่ค่อยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเสียเลย

 

ประเด็นนี้สำคัญมาก เพราะในช่วงเวลาที่ผมกำลังหายใจเข้าออกอยู่นี้ สังคมบ้านเรามันเป็นแบบนี้อยู่จริงๆ และผมกล้าเอาหัวเป็นประกันว่าศัตรูสำหรับคนจนธรรมดาสามัญในยุคสมัยผมมันชวนให้น่ามึนหัวและควานหาตัวออกมาจิกด่ายากกว่าสมัยคุณอยู่มากโขทีเดียว ดังนั้นอุดมการณ์อย่างเดียวคงยังไม่พอ สัญชาตญาณความเป็นมนุษย์จะต้องถูกนำมาช่วยเป็นเข็มทิศในการเดินไปแต่ละก้าวในยุคสมัยของผม

 

ดังนั้นในความสับสนนี้ ผมจึงใคร่ขอเสนอนโยบายโมเดลการจัดวางในการให้ความสำคัญต่อสื่อเสียใหม่ (คล้ายๆ กับเทพบุตรสุดหล่อที่นำเสนอโมเดลการเมืองใหม่) คือมองว่ามันเป็นเรื่องเล่นๆ ขำๆ อย่าไปกระแดะปฏิรูป ปฏิวัติอะไรมันเลย และอย่าไปให้ค่าเปรียบเทียบว่าสื่อไหนเจ๋งกว่าสื่อไหนเลย

 

 

ทั้งนี้อยากให้ลองมองคนทำสื่อเหมือน แพทย์ ภารโรง นักล้วงกระเป๋า สามล้อ นักมวย มิจฉาชีพ นักการเมือง(เลือกตั้ง) นักการเมือง(ไม่เลือกตั้ง) อาชีพจักสาน ทหาร ตำรวจ แมงดา ขอทาน ฯลฯ ที่ถึงแม้ว่าจะมีเกียรติตามสเกลวัดจริยธรรมไม่เท่ากัน แต่ให้ถือว่าเป็นคนสู้ชีวิต ทำอะไรเพื่อปากท้อง เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้งทั้งสิ้น ไม่มีใครจ๊าบเกินหน้าใครในเรื่องปากกัดตีนถีบตามวิถีมนุษย์

 

สุดท้ายจะขอกล่าวไว้ว่า ในขณะนี้ผมภาวนาให้สื่อไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างที่คุณคิดอีกต่อไป ใครที่เข้ามาเหยียบดินแดนสนธยานี้ก็ขอให้อย่าได้คิดทำจริงจัง และอย่าไปหวังว่ามันจะช่วยปลดแอกอะไรได้ แต่ถ้ามันทำได้ก็ถือว่ามันฟลุ๊คก็แล้วกัน

 

อย่างน้อยที่สุด ถ้าคิดอย่างสิ้นคิดอย่างที่ผมกล่าวไป มันก็จะไม่ได้กดดัน และหวังอะไรกับโลกที่เราไม่สามารถให้มันเป็นอย่างที่เราอยากให้เป็นได้

 

โลกใบนี้พร้อมทำลายนักอุดมการณ์ให้เสียสติได้เสมอน่ะ!

 

โดยความขำๆ

สี T O A

 

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
แดง ใบเตย  1. บทสรุปสำหรับผู้บริหารข้อเขียนชิ้นนี้ เขียนขึ้นเพื่อโจมตีกลุ่มปัญญาชนเก๋ไก๋ทั้งหลาย ที่บังอาจวิพากษ์วิจารณ์กระแส "เคอิโงะ"    2. ดวงของเคอิโงะแหม่มโพดำ"เคอิโงะ" เสี่ยงได้ไพ่ "แหม่มโพดำ" ดวงดีมากมาย  3. บทกวีแด่เคอิโงะเ ร า ก็ ไ ม่ ท ร า บ ว่ า จู่ ๆ คุ ณ ดั ง  ขึ้ น ม า ไ ด้ เ ยี่ ย ง ไร "เ ค อิ โ ง ะ"สำ ห รั บ ผ ม เ ริ่ ม แ ร ก ก็ อ อ ก จ ะ ห มั่ น ไ ส้ คุ ณ อ ยู่ ม า ก เ ล ย ที เ ดี ย วแ ต่ สำ ห รั บ ผู้ ที่ แ ส ด ง ค ว า ม ฉ ล า ด ห ลั ง เ ห ตุ ก า ร ณ์ นี่ ยิ่ ง น่ า ห มั่ น ไ ส้ ก ว่ ามั น ไ ม่ ใ ช่ เ รื่ อ ง ข อ ง ผ ม กั บ คุ ณ…
Hit & Run
Ko We Kyaw ไร่ปลูกสบู่ดำริมทางบนถนนระหว่างเมืองเจ้าปะต่าวกับมิตทีลา ภาคมัณฑะเลย์ ภาพถ่ายในเดือนพฤษภาคม 2551 (ที่มา: Kowekyaw/Prachataiburma)   พฤษภาคม 25511. ผมอยู่บนรถโดยสารเก่าๆ แล่นออกจากเมืองเจ้าปะต่าว (Kyaukpadaung) มุ่งสู่มิตทีลา (Meiktila) ภาคมัณฑะเลย์ ใจกลางเขตแล้งฝน (dry zone) ของสหภาพพม่า สองข้างทางซึ่งเป็นดินแดงๆ จึงเหมาะจะปลูกเฉพาะพืชทนแล้ง โดยเมืองเจ้าปะต่าวถือเป็นแหล่งปลูกตาล ส่วนเนินแห้งแล้งรอบทะเลสาบมิตทีลาก็เป็นแหล่งปลูกฝ้าย แต่สองข้างทางของถนนที่ผมกำลังเดินทางกำลังเปลี่ยนโฉมหน้าด้วยโครงการปลูกพืชพลังงานชนิดใหม่ “สบู่ดำ”…
Hit & Run
  โดย เพณิญ               ในสถานการณ์แบบนี้ ‘ตัวละคร' ที่น่าจับตามองและได้รับความนิยมอย่างมาก คงหนีไม่พ้น ‘อาซาคุระ เคตะ' นายกรัฐมนตรีหนุ่มสุดหล่อแห่งประเทศญี่ปุ่น และ ‘ลีซาน' พระราชาผู้เป็นที่รักของประชาชนมากที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลี            ‘ตัวละคร' ทั้งสองปรากฏตัวอย่างมีนัยยะสำคัญและเป็นที่กล่าวขวัญถึงเป็นอย่างมาก หนึ่งคือ ‘อาซาคุระ เคตะ' ตัวละครที่ไม่เคยสนใจการเมือง แต่ต้องก้าวเข้ามารับหน้าที่นายกรัฐมนตรีในภาวะการเมืองสูญญากาศของประเทศญี่ปุ่นจาก CHANGE…
Hit & Run
อย่างที่รู้ๆ และแทบไม่อยากจะย้ำให้เจ็บช้ำหัวใจกันว่าเศรษฐกิจประเทศไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ (จากอเมริกา) ที่ส่งกระทบข้ามฟ้ามามาไกลถึงบ้านเรา ทำให้ผู้นำประเทศต้องออกโรงคิดหานโยบายมาแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน   บวกด้วยความที่นายกคนหนุ่มอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เห็นว่าคนจนเศรษฐกิจไม่ดี นายกต้องช่วยเหลือ และไม่มีอะไรดีไปกว่าการเพิ่มกำลังซื้อให้กับคน ที่เป็นการช่วยธุรกิจโดยไม่ต้องไปบิดเบือนกลไกตลาด แบบว่าเป็นการช่วยเศรษฐกิจชาติให้มีเงินหมุนเวียน   ดังนั้น โครงการใหม่ถอดด้าม “เช็คช่วยชาติ” จึงริเริ่มและดำเนินการอย่างรวดเร็ว เช็คจำนวน 9.6 ล้านใบ…
Hit & Run
  กรกช เพียงใจ  ห้องพิจารณาคดี 713 ศาลอาญา รัชดาผู้พิพากษาสองคนเดินมานั่งบนบัลลังก์ เบื้องหลังบัลลังก์เป็นผนังไม้อย่างดีสีน้ำตาลเข้ม ทำให้ทั้งห้องดูเคร่งขรึมน่าเกรงขาม สูงขึ้นไปบนผนังติดพระบรมฉายาลักษณ์ในกรอบสีทองเหลืองอร่ามทุกคนลุกขึ้นยืนทำความเคารพ มีญาติผู้ต้องขังสองสามคน อัยการ ทนายความ เจ้าหน้าที่ผู้คุมตัวผู้ต้องขัง รวมถึงผู้ต้องขังหญิงในชุดนักโทษอุฉกรรจ์สีน้ำตาล ขลิบปลายแขนแดง ‘ดารณี' ถูกจับกุมที่บ้านพัก ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว และติดคุกมาแล้วมากกว่าครึ่งปี ระหว่างที่คดีเพิ่งเริ่มพิจารณา และนัดหมายการไต่สวนพยานครั้งแรกกันอีก 6 เดือนข้างหน้า 0000"ไอ้ที่พี่พูด…
Hit & Run
Ko We Kyaw เมื่อวันที่ 13 มีนาคม หรือเมื่อวานนี้ นักกิจกรรมพม่ารุ่น’88 ในประเทศไทย นำโดยสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองในพม่า (Assistance Association for Political Prisoners-Burma - AAPP) และสมัชชาเพื่อประชาธิปไตยในพม่า (the Forum for Democracy in Burma - FDB) จัด “Free Burma’s Political Prisoners Now!” (“ปล่อยนักโทษการเมืองในพม่าเดี๋ยวนี้!”) (www.fbppn.net) โดยมีการจัดแถลงข่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) กรุงเทพมหานคร และที่ศูนย์นานาชาติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อล่ารายชื่อกดดันให้รัฐบาลทหารพม่าปล่อยตัวนักโทษการเมือง ซึ่งขิ่น โอมาร์ (Khin Ohmar)…
Hit & Run
  จันทร์ ในบ่อ ‘วันวาเลนไทน์' หรือ ‘วันเสียตัวแห่งชาติ'เป็นวันที่มีความเชื่อกันว่า ‘ผีกระจู๋' จะถูกปลดปล่อยออกมาเพ่นพ่านด้วยฤทธาแห่งความความกำหนัด โดยเฉพาะในวันที่ความรักเบ่งบานฉ่ำบรรดาพ่อมดหมอผีจะเกรงกลัวเป็นที่สุด เพราะเชื่อกันว่าอิทธิฤทธิ์แห่งมนต์ดำกฤษณาจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติอีกหลายเท่าตัว 
Hit & Run
  ธงดอง จันทร์อังคารพุธพฤหัสศุกร์  "ฉันเป็นคนบ้า เพราะว่าสติไม่ดีไม่ใช่คนไม่ดี ฉันมีสติไม่ดีฉันเป็นคนบ้า" ประเด็นที่ไม่พูดถึงไม่ได้แล้วในปัจจุบัน ก็คือประเด็น "คดีหมิ่นฯ" ที่กลายเป็นเรื่องกล่าวขวัญในสังคมอย่างกว้างขวางอยู่ในขณะนี้เริ่มตั้งแต่หนุ่มไม่เต็มบาทนั่งเหม่อลืมยืนเคารพเพลงสรรเสริญในโรงภาพยนตร์, ม็อบคนบ้า(การเมืองจนเข้าเส้น)ที่ปราศรัยมันเกินเหตุจนเกิดเรื่อง, ฝรั่งเพี้ยนที่ชอบขีดๆ เขียนๆ เรื่อยเปื่อย จนลามมาถึงนักวิชาการ นักการเมือง นักท่องอินเตอร์เน็ตเพี้ยนๆ ออกมาโดนซิวเป็นระยะๆ ตามหน้าข่าวแต่ประเทศนี้มันก็ช่างน่าขันเหลือเกิน โทษสำหรับคนเพี้ยนบ้าแบบนี้…
Hit & Run
  จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์  เมื่อปีที่แล้ว ตอนที่จีนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิก สถานีโทรทัศน์ในจีนถูกสั่งให้ดีเลย์สัญญาณออกอากาศออกไป 10 วินาที เพื่อพวกเขาจะได้มีเวลาจัดการกับการแพร่ภาพในกรณีที่เกิดการประท้วงจากกลุ่มที่เรียกร้องให้ปลดปล่อยทิเบต หรือกลุ่มทางการเมืองอื่นๆ  มาหนนี้ ดูเหมือนสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีนจะไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ระหว่างถ่ายทอดสดการกล่าวสุนทรพจน์ของโอบามาในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐฯ เมื่อเวลาประมาณตี 1 ของวันที่ 20 ก.พ. (เวลาประเทศจีน) เพราะขณะแพร่ภาพการกล่าวสุนทรพจน์ของโอบามา พร้อมๆ กับแปลไปด้วยนั้น อยู่ๆ…
Hit & Run
มุทิตา เชื้อชั่ง วันเด็กปีนี้ แม้ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี แต่ก็อยากจะให้คำขวัญ คำอวยพรกับเด็กๆ บ้าง... มีฟามสุขมั่กๆ อย่าแสบให้มากนักนะตัวเอง...   ปีนี้มหกรรมวันเด็กค่อนข้างคึกคัก ข่าวคราวต่างๆ ถูกรายงานเยอะแยะมากมายตามประสาบ้านเมืองที่สงบสุขแล้ว...ชิลๆ สังเกตได้ง่ายๆ เพราะเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ (ยิ่งดราม่าๆ หน่อยยิ่งเจ๋ง) มักจะมีสีสันอยู่ในกระแสมากเป็นพิเศษเสมอ   คำขวัญวันเด็กที่ทั่นนายกฯ "อภิสิทธิ์" ให้ในปีนี้ เด็กจริง เด็กโข่ง ต่างก็รู้กันทั่วหน้าแล้ว นั่นคือ "ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี"   ไม่รู้ว่าเด็กยุคดิจิตอลรุ่นนี้คิดยังไง...
Hit & Run
 จันทร์ ในบ่อ ก่อนอื่นขอ "สวัสดีปีใหม่ครับ" ปีใหม่นี้คนไทยมีนายกฯใหม่ แต่ยังต้องเซ็งที่มีการเมือง(โครต)เก่า ‘ผู้จัดการ' ก็คนหน้าเก่าเลยไม่รู้ว่าจะเรียกร้อง ‘การเมืองใหม่' กันให้วุ่นวายทำไมเป็นเดือนๆอีกฝ่ายก็อุตส่าห์ลงทุน ‘โฟนอิน' มาเป็นรอบๆ ขู่จนเสื้อเหลืองเสื้อเขียวสะดุ้งไปหลายเฮือก แต่สุดท้ายหวยล็อค ได้ฮาตรงที่เขาบอกกันว่า ‘ประชาธิปัตย์' ก็มากับเสียง ‘โฟนอิน' !?? ที่สำคัญโฟนอินนี้ทำเอา ‘เสื้อแดง' มึนตึ้บเป็นแถว เช้ามาพูดได้คำเดียวว่า "มาม่า...อร่อย "เอาล่ะ..เรื่องการเมืองไว้ค่อยว่ากันต่อ แต่ตอนนี้ขอพักฉลองเทศกาลปีใหม่สากลสักสองสามวันร่วมกับคนทั้งโลก ขออวยพรแบบสากลหน่อย"…
Hit & Run
  คิม ไชยสุขประเสริฐ  ข่าวคราวในวงการกีฬา เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่ผ่านมา คงเป็นที่จดจำสำหรับคนไทยที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลหรือเป็นนักเชียร์ตัวยงสำหรับกีฬาต่างๆ ที่ลงท้ายด้วยทีมชาติไทยพ่ายทีมชาติเวียดนาม 1-2 ประตู ในฟุตบอลอาเซียน ซูซูกิ คัพ 2008  รอบชิงชนะเลิศนัดแรก ซึ่งจัดขึ้นที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยเกมนี้มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมตรี เดินทางไปเชียร์ทีมไทยถึงขอบสนาม เรียกได้ว่าเป็นการแพ้กันคาบ้าน