Skip to main content

"..เบนพูดเรื่องโอกาส โลกทุกวันนี้หลอกลวงคนจนด้วยคำว่าโอกาส แต่เบนชี้ให้เห็นทางที่เร็วกว่า คือ คว่ำมันซะ ไอ้ระบบโครงสร้างที่ครอบเราอยู่ ปลดมันซะ อย่าพยายามปรับปรุงมันเหมือนที่แบทแมนทำเลย.."

 

โดย กอล์ฟ ประกายไฟ

บางคนบอกว่าฝ่ายเบนดูโง่ เราไม่ได้รู้สึกว่าโง่เลยแฮะคนที่คิดจัดตั้งกองทัพใต้ดิน สามารถทำให้คนใต้ปกครองยอมตายได้ขนาดนั้น ไม่โง่แน่ๆ เหมือนคนบางคนที่ปลุกกองทัพออกมาทำรัฐประหาร นั่นก็ไม่โง่

ที่สำคัญ เราเห็นการพูดถึงความหวัง ในเรื่องนี้ สองแบบ คือความหวังที่เด็กในบ้านเด็กกำพร้าหวังว่าในอุโมงค์ท่อน้ำทิ้งจะมีงานให้ทำ มีชีวิตที่ดีกว่า เบนใช้การไขว่หาความหวังนั้นเป็นเครื่องมือหล่อหลอมเด็กๆได้อย่างแนบเนียน ทุกคนยอมตายเพื่อความหวังที่ยิ่งใหญ่กว่า เพื่ออนาคตที่ดีกว่า แอบตกใจมาก ตอนฉากปล้นเครื่องบิน ที่เบนบอกกับลูกน้องว่า … ต้องมีคนของเราอยู่บนเครื่องคนนึง..นั่นมันหมายถึงการตายนะ แต่ลูกน้องคนนั้นกลับไม่รู้สึกอะไรเลย เหมือนจะรู้สึกดีด้วยซ้ำกับการตายของตัวเอง มันเหมือนกับการพลีชีพ การจุดไฟ ให้ติด ….. กลับมาที่ท่อน้ำทิ้งที่กลายเป็นแหล่งรวมความหวังของเด็กกำพร้าที่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากชาวเมือง มันเหมือนกับคนที่พร้อมจะเดินเข้าไปในโรงงานเพื่อขอให้ได้มีชีวิตที่ดีกว่า มีงานทำ โดยไม่สนใจว่าในนั้นจะมีความเลวร้ายอะไรแฝงอยู่ เหมือนที่เบนพูดเรื่องโอกาส โลกทุกวันนี้หลอกลวงคนจนด้วยคำว่าโอกาส แต่เบนชี้ให้เห็นทางที่เร็วกว่า คือ คว่ำมันซะ ไอ้ระบบโครงสร้างที่ครอบเราอยู่ ปลดมันซะ อย่าพยายามปรับปรุงมันเหมือนที่แบทแมนทำเลย

ที่มา เฟชบุคเพจ "วิวาทะ" ซึ่งเป็นวาทะที่เบน (Bane)กล่าวกับแบทแมนขณะนำตัวไปในคุกเปน่า ดูโร่

อีกอุโมงค์คือคุก คุกที่ไม่มีใครปีนออกไปได้ ยกเว้นคนที่กลัวตายและพยายามเอาชีวิตรอดเท่านั้น นั่นไง ความหวัง ทุกคนหวังว่าวันนึงจะออกไปได้ แบทแมนเองก็มีความหวังว่าจะได้ออกไป ทุกๆคนมีความหวังเหมือนกันหมดว่าวันนึงจะออกไปได้พยายามเพื่อมัน ทั้งๆที่มีคนมากมาย ต้องแก่ตายคาคุก 

จริงๆเรื่องนี้เราเดาได้หลายอย่างนะ โดยเฉพาะเรื่องคนกดระเบิด เราเดาไว้แต่แรกแล้วว่าต้องเปนมิรินด้า ที่เป็นคนถือระเบิด แต่ คิดไม่ถึงวาจะเป็นระดับนำขนาดนี้ แน่นอนแหละ ผู้หญิงที่นิ่งๆ มีความพยายาม ใจเย็น และมีแผลเป็นที่เจ็บปวด มักถูกทำให้เป็นจุดเปลี่ยนในหนังเสมอ

อีกเรื่องคือเรื่องโซ่ล่ามของระบบที่ล่ามผู้บัญชาการตำรวจให้อยู่กับการหลอกลวง ตลอดระยะเวลาที่ต้องรับความผิดแทน เพื่อจะสร้างให้เมืองเมืองนึง มีฮีโร่ ใช่ เพราะทุกๆเมืองต้องการคนดีไง คนดีที่จะเป็นแรงบันดารใจ เป็นโอกาสให้กับคนอื่นๆเสมอ เชื่อเหอะ ประเทศไทยก้อต้องการฮีโร่ ถึงแม้ฮีโร่คนนั้นมันจะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม ถ้าเมืองต้องการฮีโร่ก้อต้องมีฮีโร่ เหมือนพวกผู้ใหญ่หลายคนพยายามปิดตาข้างเดียวเพื่อยกย่องเชิดชูคนบางคนเป็นฮีโร่ เพราะเชื่อว่าสังคมมันจะดีขึ้น ไม่มีทางหรอก เมืองที่มันเน่า มันก็ไม่มีทางเยียวยาแล้ว ก้อควรจะเปลี่ยนมันซะ เราโคตรเห็นด้วยกับเบน

ติดอยู่นิดนึง มันดูเปนนิยายมากไปหน่อยเรื่องกำเนิด มิรินด้า อิอิ

บล็อกของ ประกายไฟ

ประกายไฟ
แถลงการณ์ กลุ่มประกายไฟ 
ประกายไฟ
...ข้อเสนอเกี่ยวกับการจัดการสังคมหลังทุนนิยมข้างต้นนี้ถือเป็นเป้าหมายหลัก และเป็นผลผลิตโดยตรงของการเติบโตของขบวนการโลกาภิวัตน์จากรากฐาน ที่พยายามเสนอทางเลือกใหม่ในการพัฒนาท่ามกลางซากปรักหักพังของโลกสังคมนิยม ในทศวรรษ 1990 ที่นักคิดฝ่ายอนุรักษ์นิยมและฝ่ายเสรีนิยมต่างประกาศว่า “เราไม่มีทางเลือกอื่นใดเหลือแล้วนอกจากระบบทุนนิยมกลไกตลาดและระบอบ ประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม” แม้ว่าเป้าหมายดังกล่าวจะยังไม่บรรลุ แต่คุณูปการที่สำคัญที่สุดที่ขบวนการโลกาภิวัตน์จากรากฐานได้สร้างไว้ก็คือ ความหวังที่ว่า “โลกใบใหม่เป็นไปได้” ซึ่งเป็นคำขวัญของขบวนการสมัชชาสังคมโลกนับตั้งแต่ ค.ศ.2001 เป็นต้นมา
ประกายไฟ
“..รู้สึกว่าธรายอาร์มไม่ใช่แค่กางเกงใน แต่มันแสดงถึงสัญญะบางอย่างของการต่อสู้ ซึ่งเห็นไหมคะ แค่สงสัยว่าทำไมต้องเป็นกางเกงในของธรายอาร์ม คนที่สงสัยเขาก็ต้องหาเรื่องราวของมันบ้างล่ะค่ะ อย่างน้อยเราก็ได้สื่อเรื่องความไม่เป็นธรรมนอกจากแคมเปญหลักของงานนี้..” - ลูกปัด 1 สวาผู้ร่วมรณรงค์ 
ประกายไฟ
 “...พวกนายทุนจึงต้องหาทางให้ปัญหาเหล่านี้ทุเลาเบาบางลง ไม่อย่างนั้นการผลิตในระบบทุนนิยมอาจต้องล่มสลาย จึงต้องสร้างกติกากลางขึ้นมาเพื่อให้การขูดรีดยังดำรงตนต่อไปได้...”
ประกายไฟ
...ผมไม่คิดว่าการมีวันพ่อวันแม่มันจะสร้างประโยชน์อะไรให้กับคนที่ "มีพ่อมีแม่" (หรือแม้แต่ตัวคนเป็นพ่อเป็นแม่) แต่ขณะเดียวกันมันกลับเป็นวันที่ "ซ้ำเติม" คนที่ "ขาดพ่อขาดแม่" ซึ่งโดยปกติก็อาจจะมีชีวิตที่รันทดเจ็บปวดกับเรื่องนี้อยู่แล้ว..
ประกายไฟ
...แต่เชื่อไหม (เหมือนถาพในหนัง) ใบหน้าคนเหล่านั้นลอยออกมาปะทะสายตาเรา เรามองไม่เห็นความกลัวในใบหน้าของคนเหล่านั้น บางคนด่าไปอมยิ่มไป บางคนด่าไปก็แสดงอาการท้าทายไป มันต่างกันมาก ต่างกันจริงๆ เราเคยเห็นคนในม็อบเสื้อแดงช่วงที่มีการสลาย ทั้งวันที่ 10 เมษา และ 19 พฤษภา เราเห็นแววตาคนที่กลัวตาย เห็นแววตาคนที่มีห่วงเห็นแววตาคนที่พร้อมจะยอมตาย แต่คนเหล่านั้นไม่กร่างเท่านี้นะ
ประกายไฟ
...ที่มาที่ไปของ "เสื้อแดง" มันไม่เกี่ยวกับเรื่อง "รักเจ้า" หรือ "รักทักษิณ" ..