Skip to main content

..ทำไมคนส่วนใหญ่มักชอบพูดว่าประเทศสหรัฐอเมริกาทีระบบสวัสดิการที่ดีเยี่ยม จนเป็นประเทศในฝันของทุกคน เมื่อได้อ่านความเป็นจริงจากบทความชิ้นนี้แล้วคงทำให้เรามองสหรัฐอเมริกาในแง่ความเป็นจริงมากขึ้น และเลิกพูดมั่วๆซะที ว่าอเมริกามีสวัสดิการดีกว่าไทย

 

 การดูแลด้านสาธารณสุขแบบครบวงจร(BBC)

โดย ภัส บ๊อก

กลุ่มนักศึกษาสภากาแฟ(มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต)

ใน วารสารสหายแรงงาน

ประเทศไทยมีระบบหลักประกันสุขภาพอยู่ 3 ระบบใหญ่ด้วยกัน คือ 1. ระบบประกันสังคม 2.สวัสดิการข้าราชการ และ 3.ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า(หรือที่เรียกว่า 30 บาทรักษาทุกโรค) ซึ่งระบบทั้งสามนั้นจะทำหน้าที่คอยหนุนกันและกันเพื่อให้เกิดความครอบคลุมต่อประชาชนมากที่สุด ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการถือเป็นสวัสดิการที่รัฐจัดให้แก่ข้าราชการ ระบบประกันสังคมถือเป็นความมั่นคงของลูกจ้าง ที่รัฐ นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันออกเงินสมทบ ส่วนกลุ่มที่เหลือระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจะดูแล ซึ่งเป็นการที่รัฐดูแลประชาชนแบบถ้วนหน้า

ส่วนสหรัฐฯระบบจะเป็นแบบไม่ถ้วนหน้าประชาชนพึ่งพิงตนเอง คือประชาชนจะซื้อประกันสุขภาพจากบริษัทเอกชนตามกำลังและรายได้ของตนเอง ส่วนระบบประกันสังคมจะเข้ามาดูแลก็ต่อเมื่อบุคคลเกษียณหรืออีกนัยหนึ่งเขาไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป โดยนายจ้างกับลูกจ้างช่วยกันสมทบจ่าย และรัฐเข้าช่วยดูแล คือโครงการ Medicare จะคุ้มครองผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป ในเงื่อนไขที่เคยทางานและจ่ายเงินสมทบ ซึ่งจะได้รับการคุ้มครองครอบคลุมทั้งหมด ทั้งค่ารักษา ค่ายา และอื่นๆ ก็ต่อเมื่อ เคยทางานและจ่ายเงินสมทบ 10 ปีขึ้นไป ส่วนที่เคยทางานและจ่ายสมทบไม่ถึง 10 ปี ก็ต้องออกค่าใช้จ่ายอย่างอื่นเพิ่มถึงจะครอบคลุมการรักษาทั้งหมด อีกโครงการหนึ่งคือ Medicade ซึ่งรัฐบาลกลางร่วมมือกับมลรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้ต่ำ แล้วต้องพิสูจน์ว่าจนจริงๆ ถึงจะได้รับความช่วยเหลือ นั่นแปลว่าถ้าคุณจนแต่ไม่มากเท่าที่เกณฑ์กำหนดไว้คุณจะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากสวัสดิการนี้

สังเกตได้ว่าระบบการประกันสุขภาพในอเมริกาที่ผู้มีรายได้นั้นต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อประกันเอง และขึ้นอยู่กับรายได้ของบุคคลและกาลังในการซื้อประกันสุขภาพ ถ้ารายได้น้อยก็ซื้อประกันได้ไม่ครอบคลุม คือต้องจ่ายเพิ่มเองบางส่วน ส่วนผู้ที่มีรายได้สูงก็สามารถซื้อประกันที่มีความครอบคลุมมากๆได้ ส่วนประเทศไทยก็จ่ายแค่ 30 บาทในการได้รับสิทธิในการรักษาพยาบาล

ประกันสุขภาพในอเมริกาสำคัญมาก ถ้าพูดกันจริงๆแล้วคนไทยอาจจะถือว่าโชคดีอยู่ไม่น้อย คิดดูว่าถ้าเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาวันไหน ต่อให้ไม่มีประกันสุขภาพ ประกันสังคม ก็สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลแบบพอไหว แต่ในสหรัฐฯว่ากันว่า ถ้าใครไม่มีประกันสุขภาพ ล้มป่วยขึ้นมาถึงขั้นล้มละลายไปกับค่ารักษาพยาบาล ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ก็เพราะบุคลากรทางการแพทย์ หรือยาต่างๆ เป็นผลผลิตของภาคเอกชนหรือพูดง่ายๆว่าไม่มีโรงพยาบาลของรัฐเปิดให้บริการกับประชาชนทั่วไป (โรงพยาบาลรัฐจะมีไว้ให้ทหารใช้บริการเท่านั้นไม่เปิดให้คนทั่วไปใช้) บริษัทประกันสุขภาพส่วนใหญ่ก็เป็นของเอกชนซึ่งแน่นอนต้องคำนึงถึงธุรกิจเป็นอันดับหนึ่ง แต่ว่าสหรัฐก็มีส่วนที่ช่วยเหลือคนจนในรูปแบบของการประชาสงเคราะห์มาทดแทน คือ จะได้รับความช่วยเหลือต่อเมื่อพิสูจน์ความจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องทำตัวให้คนสัมภาษณ์เห็นว่าคุณขาดแคลน นั่นทาให้ความรู้สึกของผู้ขอความช่วยเหลือรู้สึกด้อยศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ส่วนไทยโรงพยาบาลส่วนใหญ่ยังเป็นของรัฐบาล ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ยังถือว่าไม่สูง แล้วยังมีระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ครอบคลุมประชากรเกือบทั้งประเทศอีกด้วย

มาถึงตรงนี้ ภาพของระบบประกันสุขภาพของสหรัฐฯกับบ้านเราต่างกันสุดขั้ว

คนไทยหวังมากกับระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า และรัฐก็เดินหน้าเต็มที่เพื่อสร้างให้เกิดมีขึ้น โดยความหวังที่จะสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น เป็นการเฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข ของคนในสังคม และรัฐก็เข้าไปแบกภาระในส่วนเงินตรงนั้น โดยนำเงินภาษีประชาชนเข้ามาใช้จัดการรักษา ความเท่าเทียมที่เกิดขึ้นจากการที่คนทุกคนมีสิทธิในการประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรคนั้น มันคือความเท่าเทียมที่แม้หลายคนจะบ่นเรื่องประสิทธิภาพแต่ถ้าเทียบกับสหรัฐอเมริกาก็ต้องบอกว่าเราโชคดีกว่าเขามาก ในส่วนของสหรัฐฯนั้นภาษีที่ประชาชนจ่ายนั้นจะถูกหักเพื่อเข้าประกันสังคมและรัฐจะให้ความดูแลเมื่อเกษียณอายุหรือทุพพลภาพเท่านั้น ซึ่งตราบใดที่ยังทางานได้อยู่ประชาชนสหรัฐฯต้องรับผิดชอบสุขภาพของตนเอง และเงินส่วนที่หักไว้จะได้ใช้ยามที่ไม่สามารถทางานได้แล้ว นั่นแปลว่าคุณไม่ได้รับอนุญาตให้ป่วยด้วยโรคเรื้อรังในช่วงก่อนเกษียณ ซึ่งความเป็นจริงก็รู้อยู่ว่าเราห้ามไม่ได้ และถ้าคุณป่วยหนักบางครั้งการเลือกที่จะตายอาจคุ้มค่ากว่าการมีชีวิตอยู่แล้วต้องจ่ายค่ารักษาที่แพงมาก(จนไม่มีปัญญาจ่าย)

คนสหรัฐฯจึงต้องพึ่งพาตนเอง ต้องรับผิดชอบชีวิตของตน ทาเองจ่ายเองเพราะเงินที่หาได้จากการทางานนั้นก็นามาดูแลรักษาสุขภาพของตนเอง ไม่พึ่งพึงรัฐ ซึ่งต่างกันสุดขั้วกับคนไทย ที่ต้องการพึ่งพิงรัฐและรัฐก็ให้ประชาชนพึ่งด้วย ซึ่งประเทศเสรีนิยมอย่างสหรัฐฯ ปฏิเสธการประกันสุขภาพแบบถ้วนหน้า เพราะแนวคิดในเรื่องของความอิสระ และเสรีภาพ คนอเมริกันมีความเชื่อในเรื่อง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน รัฐบาลไม่ควรก้าวก่ายในเรื่องชีวิตส่วนตัวของประชาชน ในเรื่องทุกเรื่อง รวมถึงปากท้อง เพราะเหตุที่ว่าเมื่อรัฐเอามือมายุ่มย่ามเมื่อไร ก็เท่ากับว่าประชาชนสูญเสีย "Freedom"(อิสรภาพ) ในการใช้ชีวิตไป

แน่นอนไม่มีใครอยากเจ็บป่วย แต่ระบบประกันสุขภาพ การช่วยเหลือต่างๆ มันจะส่งผลอย่างไรบ้างกับความคิดของคน กับคนสหรัฐฯวัยทำงานที่ต้องดูแลสุขภาพตนเองให้ดีเพราะค่ารักษาพยาบาลแพงสูงลิบและต้องซื้อประกันตามรายได้ของตนโดยรัฐไม่ช่วยเหลือ กับคนไทยซึ่งเจ็บป่วยยังไงรัฐก็ให้ความดูแล ประกันสุขภาพ 30 บาท ถึงจะยังไม่ครอบคลุมทุกโรคก็ตาม แต่ทำไมคนส่วนใหญ่มักชอบพูดว่าประเทศสหรัฐอเมริกาทีระบบสวัสดิการที่ดีเยี่ยม จนเป็นประเทศในฝันของทุกคน เมื่อได้อ่านความเป็นจริงจากบทความชิ้นนี้แล้วคงทาให้เรามองสหรัฐอเมริกาในแง่ความเป็นจริงมากขึ้น และเลิกพูดมั่วๆซะที ว่าอเมริกามีสวัสดิการดีกว่าไทย

(หมายเหตุ : บทความนี้ถูกเผยแพร่ครั้งแรกใน “วารสารสหายแรงงาน” ฉบับที่ 1 ประจำเดือนกันยายน วารสารดังกล่าวถูกจัดทำขึ้นโดยการร่วมมือกันระหว่าง กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง กลุ่มนักศึกษาสภากาแฟ(มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต) และกลุ่มประกายไฟ )

บล็อกของ ประกายไฟ

ประกายไฟ
กับประเด็นศาลรัฐธรรมนูญฟ้องแกนนำเสื้อแดง การถอนประกันตัวจตุพร การช่วยเหลือเพื่อนนักโทษการเมือง การใส่เสื้อแดงของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ประกายไฟ
"..เบนพูดเรื่องโอกาส โลกทุกวันนี้หลอกลวงคนจนด้วยคำว่าโอกาส แต่เบนชี้ให้เห็นทางที่เร็วกว่า คือ คว่ำมันซะ ไอ้ระบบโครงสร้างที่ครอบเราอยู่ ปลดมันซะ อย่าพยายามปรับปรุงมันเหมือนที่แบทแมนทำเลย.."
ประกายไฟ
คลิป รายการ ประกายTalk โดย DJ.Bus @KonthaiUK(25 -07-2012) แขกรับเชิญ จารุวัฒน์ เกยูรวรรณ เจ้าหน้าที่โครงการณรงค์เพื่อแรงงาน ประเด็น - ปัญหาสิทธิแรงงาน ใน TPBS สหภาพแรงงานกับการเสริมสร้างประชาธิปไตย เป็นต้น
ประกายไฟ
คลิป รายการ ประกายTalk โดย DJ.Bus @KonthaiUK(18 -07-2012) แขกรับเชิญ คุณ คุณจิตรา คชเดช เจ้าของรางวัลนักสิทธิมนุษยชนที่น่ายกย่อง ในงาน ประกาศรางวัล “สมชาย นีละไพจิตร 2555” ประเด็น - สถานการณ์สิทธิมนุษยชนไทย และกรณีการหายตัวไป 8 ปีของนักป้องสิทธิอย่างคุณสมชาย นีละไพจิตร -  สิทธิแรงงานกับกา
ประกายไฟ
คลิป รายการ ประกายTalk โดย DJ.Bus @KonthaiUK ประเด็น ความคืบหน้าคดีการสังหารหมู่ 2553 ที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ และ ศาลรัฐธรรมนูญ ( 11 -07-2012) แขกรับเชิญ คุณ คารม พลพรกลาง ทนายความ นปช.
ประกายไฟ
..การบังคับใช้กระบวนการยุติธรรมเปลี่ยนผ่านมิอาจกระทำได้โดยละเลยขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งโดยเฉพาะกระบวนการค้นหาและสถาปนาความจริงเป็นสิ่งที่ยากจะฟังขึ้น การใช้ข้ออ้างเรื่องความต่างทางวัฒนธรรม เป็นแต่เพียงการจุดชนวนระเบิดเวลาที่จะรอวันระเบิดเท่านั้น..อานนท์ ชวาลาวัณย์
ประกายไฟ
อหิงสาและการดื้อแพ่งคือตัวตนของคานธีที่ดูจะเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปแต่ทว่าตัวตนอีกด้านหนึ่งของเขาที่กระแสหลักพูดถึงไม่บ่อยนัก(หรือแทบไม่พูดถึงเลย)นั่นคือคัวตนของเขาในฐานะความเป็นศาสนา-อนุรักษ์นิยม
ประกายไฟ
คลิป รายการ ประกายTalk โดย DJ.Bus @KonthaiUK ประเด็น คณะราษฎรที่2 และ คณะบวรเดชที่3 และ รัฐธรรมนูญฉบับแรกของไทย ( 27 -06-2012) แขกรับเชิญ ดิน บัวแดง จากประชาคมจุฬาเพื่อประชาชน นักกิจกรรม คณะราษฎรที่2 ภรณ์ทิพ นักกิจกรรม คณะบวรเดชที่3 
ประกายไฟ
รายการประกาย Talk โดย DJ Bus "80 ปี ปฎิวัติประชาธิปไตย 2475 และ ก้าวต่อไป ประเทศไทย " (20-06-2012) แ
ประกายไฟ
รายการประกาย Talk โดย DJ Bus "ปธ.รัฐสภาไม่ลงมติแก้รธน.วาระ3" (13-06-2012) แขกรับเชิญ รศ.ดร.ไชยันต์ รัชชกูล คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี  
ประกายไฟ
รายการประกาย Talk (6 มิ.ย. 55 ) แขกรับเชิญ "จาตุรนต์ ฉายแสง" อดีตรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย พูดคุยในประเด็น "รัฐประหารโดยตุลาการ"  
ประกายไฟ
 รายการประกาย Talk โดย DJ Bus กับ พรบ.ปรองดอง ในมุมมองนักศึกษา 30-05-2012 แขกรับเชิญ พรชัย ยวนยี เลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ประเด็น พรบ.ปรองดอง ในมุมมองนักศึกษา