Skip to main content

จริงอยู่ที่ทางกลุ่มแอดมินไทย อาจจะมีความคิดเห็นทางการเมืองที่อยู่คนละข้าง คนละสี....(บอกมาเถอะว่าสีอะไรปิดไม่มิดหรอก) กับสมาชิกในเพจที่เป็นเพื่อนร่วมชาติชาวไทย แต่นี้มันเพจระหว่างประเทศ ที่ผู้เขียนในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในเพจมีสิทธิที่จะบอกความเป็นจริง....(รับได้ไหมท่านแอดมิน???)...

 

โดย Siam Theerawut

21 ก.ย.55

ถึง แอดมินไทยเพจ Asean Community ที่รัก 

ก่อนอื่นผู้เขียนจดหมายฉบับนี้ ต้องกราบขอบพระคุณแอดมินชาวไทยแห่งเพจ Asean Community เป็นอย่างสูง(...เหมือนยอดตาลโตนด???) ทีได้ยกเลิกสิทธิ์ในการคลิกไลค์ และแสดงความคิดเห็นในเพจ Asean Community และแชร์รูปภาพ กับข้อความได้เพียงอย่างเดียว หลังจากที่ข้าพเจ้าได้โพสต์ภาพ “ไทยครองแชมป์รัฐประหารมากที่สุดในอาเซียน” ลงในเพจของท่าน มา ณ ที่นี้ด้วย ข้าพเจ้าจะไม่มีวันลืมพระคุณของท่านชั่วกัลปวสาน (ยันลูกชายบวชลูกสาวแต่ง!!!) เป็นอันขาด

โดยแชร์ภาพจากเพจ ASEAN JOURNEY สวัสดีอาเซียน 

ผู้เขียนยอมรับได้ ถ้าท่านแอดมินไทยอาจจะไม่ถูกใจ (....หรือจะรังเกียจ ขยะแขยงก็ไม่ว่ากัน???) ในภาพ “ไทยครองแชมป์รัฐประหารมากที่สุดในอาเซียน” ที่ผู้เขียนได้โพสต์ลงในเพจ Asean Community เมื่อวันที่ 19 กันยายน เนื่องในโอกาสครบรอบการรัฐประหารครั้งล่สุดของไทย นั้น แล้วมันไปสะกิดติ่งอะไรซักอย่างในตัวของท่านแอดมินไทย จนเกิดอาการรักชาติ (.....ต้องฟาดด้วยเก้าอี้!!!) ขึ้นมากลางเพจ Asean Community จนเกรงว่าจะอับอายมิตรประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆเขา กลัวจะถูกหาว่าเป็นชาติที่ป่าเถื่อนล้าหลัง ประชาธิปไตยยังไม่เต็มร้อย ไม่เต็มใบ....(ครึ่งใบเองง่ะ!!!) กระทั่งต้องเอาหัวมุดรู (หรือลงไปอยู่ในรูแบบใครบางคนที่เคยลั่นวาจาไว้...!!!) .......แต่มันเกินไปหรือไม่? กับการลงโทษข้าพเจ้าจนถึงขั้นแบนสิทธิต่างๆที่ข้าพเจ้าเคยมีในเพจ Asean Community และไม่สามารถได้นอกจากแชร์ และอ่านข้อความ (ได้แต่มองตาปริ่บๆๆ)

ถ้าท่านแอดมินไทย ผ่านมาเห็นและได้อ่านข้อความจากจดหมายนี้ ขอให้ท่านได้รับรู้ไว้เถิดว่า ประเทศอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของท่าน (และตัวผู้เขียน) นั้นคือ ประเทศไทย(ไทยแลนด์ๆๆๆ) เป็นประเทศที่ได้ชื่อว่า มีการเกิดรัฐประหารมากที่สุดในเอเซีย โดยการสำรวจของ องค์กร The Center for Systemic Peace (CSP) (ซึ่งข้อมูลเอามาจากเพจ ประเทศไทยอยู่ตรงไหน) และเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ที่ประเทศนี้ เป็นประเทศที่มีการรัฐประหารมากที่สุดในอาเซียน (เอ้า....ปรบมือๆๆๆ!!!!!) ถึง 17 ครั้ง (ข้อมูลจากเพจ ASEAN JOURNEY สวัสดีอาเซียน) ซึ่งแซงหน้าประเทศร่วมภูมิภาค (...บางประเทศท่านอาจจะเคยดูหมิ่นดูถูกว่าเขายังไม่เจริญบ้านนอกคอกนา โง่เง่าเต่าตุ่น!!!) ในอันดับรองๆลงมา อย่างกัมพูชา ฟิลลิปินส์ พม่า เป็นต้น แต่เชื่อแน่ว่า ณ วินาทีนี้ ประเทศต่างๆร่วมภูมิภาคอาเซียน คงไม่มีใครกล้าทุบสถิติประเทศนี้แน่ๆๆๆ!!!!

จริงอยู่ที่ทางกลุ่มแอดมินไทย อาจจะมีความคิดเห็นทางการเมืองที่อยู่คนละข้าง คนละสี....(บอกมาเถอะว่าสีอะไรปิดไม่มิดหรอก) กับสมาชิกในเพจที่เป็นเพื่อนร่วมชาติชาวไทย แต่นี้มันเพจระหว่างประเทศ ที่ผู้เขียนในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในเพจมีสิทธิที่จะบอกความเป็นจริง....(รับได้ไหมท่านแอดมิน???) เกี่ยวกับประเทศบ้านเกิดของตนเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นให้เพื่อนร่วมประชาคมอาเซียนได้ทราบ แต่การกระทำของแอ๊ดมินมันขัดกับสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ขนาดแค่จะบอกอะไรซักอย่างในเพจยังทำไม่ได้ แล้วถ้าเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2015 จริงๆ คุณจะกล้าทำแบบนี้กับสมาชิกในเพจของคุณไหม...??? (ถ้ากล้าก็จัดหนัก จัดเต็ม!!!)

หรือถ้าท่านแอดมินยังอาย...(อ๊ายอาย!!!) ที่จะบอกกับเพื่อนๆ ทุกชาติในกลุ่มประเทศอาเซียน สมาชิกในเพจ Asean Community ว่าประเทศที่ท่านรัก ที่ชื่อว่าประเทศไทยความจริงมันเป็นอย่างไร ไม่กล้าที่จะยอมรับกับความจริงที่ได้เคยเกิดขึ้นประเทศนี้ แต่นี่ คือความจริงที่คนไทยไม่อาจปฏิเสธว่า ประเทศไทยยังคงอยู่ในวังวนของ"วงจรอุบาทว์" ที่มีการรัฐประหาร ยึดอำนาจซ้ำซาก จนทำให้ถึงวันนี้ ไทยได้กลายเป็นประเทศที่มีรัฐประหารบ่อยครั้งที่สุดในอาเซียน โดยเฉพาะรัฐประหารครั้งล่าสุด 19 ก.ย.49 ยิ่งตอกย้ำคำถามที่ว่า แท้ที่จริงแล้วประเทศไทยมีประชาธิปไตยจริงหรือ? และหากยังไม่มีการเอาผิดกับการรัฐประหารดังเช่นที่ผ่านมา วงจรอุบาทว์นี้จะวนเวียนไม่รู้จบสิ้น

แล้วท่านแอดมินไทย(....ที่ไม่น่ารักเอาเสียเลย)....แห่งเพจ Asean Community จะยังยืดอกภูมิใจใน "ประชาธิปไตยแบบไทยๆๆ" ท่ามกลางเวทีอาเซียนได้จริงๆ อีกหรือไม่???

จาก คนที่แอดมินไม่ปรารถนาจะให้โพสต์อะไรที่แสลงใจ

หมายเหตุ : อย่างไรก็ตามเนื่องจาก จม.ฉบับนี้เขียนไว้เมื่อวันที่ 21 ก.ย.55 และมีการเผยแพร่ในบันทึกส่วนตัวทาง facebook ของผู้เขียน แต่ ณ เวลานี้แอดมินเพจ Asean Community ชาติอื่นได้ทำการปลดล็อคผู้เขียนแล้ว

บล็อกของ ประกายไฟ

ประกายไฟ
แถลงการณ์ กลุ่มประกายไฟ 
ประกายไฟ
...ข้อเสนอเกี่ยวกับการจัดการสังคมหลังทุนนิยมข้างต้นนี้ถือเป็นเป้าหมายหลัก และเป็นผลผลิตโดยตรงของการเติบโตของขบวนการโลกาภิวัตน์จากรากฐาน ที่พยายามเสนอทางเลือกใหม่ในการพัฒนาท่ามกลางซากปรักหักพังของโลกสังคมนิยม ในทศวรรษ 1990 ที่นักคิดฝ่ายอนุรักษ์นิยมและฝ่ายเสรีนิยมต่างประกาศว่า “เราไม่มีทางเลือกอื่นใดเหลือแล้วนอกจากระบบทุนนิยมกลไกตลาดและระบอบ ประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม” แม้ว่าเป้าหมายดังกล่าวจะยังไม่บรรลุ แต่คุณูปการที่สำคัญที่สุดที่ขบวนการโลกาภิวัตน์จากรากฐานได้สร้างไว้ก็คือ ความหวังที่ว่า “โลกใบใหม่เป็นไปได้” ซึ่งเป็นคำขวัญของขบวนการสมัชชาสังคมโลกนับตั้งแต่ ค.ศ.2001 เป็นต้นมา
ประกายไฟ
“..รู้สึกว่าธรายอาร์มไม่ใช่แค่กางเกงใน แต่มันแสดงถึงสัญญะบางอย่างของการต่อสู้ ซึ่งเห็นไหมคะ แค่สงสัยว่าทำไมต้องเป็นกางเกงในของธรายอาร์ม คนที่สงสัยเขาก็ต้องหาเรื่องราวของมันบ้างล่ะค่ะ อย่างน้อยเราก็ได้สื่อเรื่องความไม่เป็นธรรมนอกจากแคมเปญหลักของงานนี้..” - ลูกปัด 1 สวาผู้ร่วมรณรงค์ 
ประกายไฟ
 “...พวกนายทุนจึงต้องหาทางให้ปัญหาเหล่านี้ทุเลาเบาบางลง ไม่อย่างนั้นการผลิตในระบบทุนนิยมอาจต้องล่มสลาย จึงต้องสร้างกติกากลางขึ้นมาเพื่อให้การขูดรีดยังดำรงตนต่อไปได้...”
ประกายไฟ
...ผมไม่คิดว่าการมีวันพ่อวันแม่มันจะสร้างประโยชน์อะไรให้กับคนที่ "มีพ่อมีแม่" (หรือแม้แต่ตัวคนเป็นพ่อเป็นแม่) แต่ขณะเดียวกันมันกลับเป็นวันที่ "ซ้ำเติม" คนที่ "ขาดพ่อขาดแม่" ซึ่งโดยปกติก็อาจจะมีชีวิตที่รันทดเจ็บปวดกับเรื่องนี้อยู่แล้ว..
ประกายไฟ
...แต่เชื่อไหม (เหมือนถาพในหนัง) ใบหน้าคนเหล่านั้นลอยออกมาปะทะสายตาเรา เรามองไม่เห็นความกลัวในใบหน้าของคนเหล่านั้น บางคนด่าไปอมยิ่มไป บางคนด่าไปก็แสดงอาการท้าทายไป มันต่างกันมาก ต่างกันจริงๆ เราเคยเห็นคนในม็อบเสื้อแดงช่วงที่มีการสลาย ทั้งวันที่ 10 เมษา และ 19 พฤษภา เราเห็นแววตาคนที่กลัวตาย เห็นแววตาคนที่มีห่วงเห็นแววตาคนที่พร้อมจะยอมตาย แต่คนเหล่านั้นไม่กร่างเท่านี้นะ
ประกายไฟ
...ที่มาที่ไปของ "เสื้อแดง" มันไม่เกี่ยวกับเรื่อง "รักเจ้า" หรือ "รักทักษิณ" ..