สมรภูมิแห่งนี้เรารบกับอะไร
ที่ผ่านมาเราถูกจองจำไว้ในกรงที่มองไม่เห็น เรามีอาหาร มีที่อยู่หลับนอน แต่เราไม่สามารถเป็นคนเต็มคนได้ เพราะเราไม่มีสิทธิ์คิดหรือแสดงความคิดเห็น ไม่สามารถรู้สึกเจ็บแค้นร้อนหนาว
เราต้องทำหน้าที่อันถูกกำหนดมาจากผู้คุม ต้องทำงานหนักเพื่อสร้างความร่ำรวยให้กับนาย เพียงเพื่อส่วนแบ่งที่ถูกเจียดให้พอประทังชีวิต
แล้ววันหนึ่งเราต้องการปลดแอก เราต้องการตั้งอาจักรของตนเอง มีบ้านและที่ดินที่เป็นของเราจริงๆ ได้รับค่าแรงที่เป็นธรรมจากสมองและแรงกายของตนเอง
มีผู้นำของชุมชนที่เราเลือกเอง เพื่อการเดินทางที่ยิ่งใหญ่ และมองเห็นอนาคตลูกหลาน เราพร้อมจะสามัคคีและช่วยกันแก้ไขเมื่อเผชิญกับปัญหา
เรากินอยู่อย่างพอเพียง เจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยตามจำนวนยาที่จำกัด เราพยายามสลัดความเคยชินในการยืนอยู่หน้าร้านขายของ แล้วลงมือจับจอบเสียมอาบเหงื่อต่างน้ำ เพื่อสร้างชุมชนที่มีชีวิต
คำโปรยหว่านที่มาจากส่วนราชการ เหมือนยาหอมที่เราสูดดมจนหลงใหล และถึงกับเคลิ้มฝันไปว่า เราจะได้สิทธิ์ที่เหนือไปกว่าทาสที่ยังรอคอยเศษอาหารจากนาย เราจะมีบัตรที่แสดงตัวตน เพื่อจะได้เดินไปใช้บริการโรงพยาบาลอย่างคนทั่วไป
เมื่อเรามีบัตรเราก็จะสามารถเดินทางไปทำงานเมื่อยามขัดสน และไม่ต้องคอยทำตามคำสั่งที่สั่งให้เราหันซ้ายหันขวา เพื่อแลกกับเศษเงินเพียงเล็กน้อยของใคร เราจะไม่ถูกจองจำไว้แต่ในกรง
เราจะเป็นผู้กุมชะตาชีวิตของตนเอง แต่สิ่งที่เราเผชิญกลับกลายเป็นเพียงหลุมพราง เราไม่ได้สิทธิ์เหนือใคร ไม่มีแม้แต่ถนนที่จะนำพานักท่องเที่ยวเข้ามาถึงหมู่บ้าน
เราไม่มีโซล่าเซลล์ โรงเรียน หรือสถานพยาบาล ที่เคยมีคนเขียนไว้ในอากาศ
เราเห็นสิทธิของเราปลิวไปมา กับการสำรวจซ้ำซากเพื่อทำบัตรที่ไม่ต่างไปจากใบไม้ในป่า
เรามีเพียงที่ดินหลังบ้านไว้ปลูกผักสองสามแปลง มีเพียงบ่อปลาที่ไม่มีแม้แต่น้ำ ฝูงกระต่ายและไก่ดำที่ล่องลอยเป็นลมปาก
ขณะที่เราฝันถึงหมูเต็มเล้า เราก็กำลังจะขาดอาหาร ไม่มีแม้ข้าวสารในยุ้งเหล็กกล้าที่บรรจงทำเอาไว้เพื่อใส่ความว่างเปล่า
เราขอให้ทางการสร้างถนนอีกเส้นที่เป็นของเราเพื่อจะได้มีรายได้จากการท่องเที่ยวบ้าง แต่เรากลับถูกปฏิเสธ
เราเพียรขุดถนนเองด้วยสองมือ แต่เราก็กลายเป็นศัตรูกับผู้เสียผลประโยชน์
เราเริ่มเจ็บป่วยหนักยิ่งขึ้นและไม่มีเงินพอไปหาหมอที่อยู่ไกลกว่าเดิม เราขาดรายได้ที่เคยได้ และกำลังสูญเงินที่สะสมมาตลอดชีวิต
เราถูกปิดล้อมไว้ในป่าใหญ่ นักท่องเที่ยวยังคงมาหาเราบ้างประปราย แต่เขาก็ยังคงจ่ายเงินเป็นค่าตั๋วที่เราไม่ได้รับส่วนแบ่ง
เรามืดแปดด้าน และหลายคนเริ่มสละเรือ “อุดมการณ์กินไม่ได้” เริ่มเข้ามาในหัวเรา คำตอบโต้ที่ว่า “แต่เราไม่ได้กินอุดมการณ์” นั่นก็ถูกเพียงครึ่งเพราะเราต้องกินข้าว
เราทำงานหนักเพื่อสร้างหมู่บ้านในฝันแต่เรามองไม่เห็นอนาคต
แล้วเราก็พ่ายแพ้ แตกพ่ายไม่เป็นขบวน เราคืนอนาคตที่เป็นสัญญาเพียงลมปากให้กับทางการ ทุกคนดิ้นรนเพื่อหาหนทางให้กับตัวเอง
บางคนกลับคืนสู่แหล่งจองจำเดิม แลกกับการมีชีวิตอยู่ ยอมถูกเยาะเย้ยและเสียเปรียบ กว่าอีกนานถ้าหากจะมีผู้กล้าลุกขึ้นมาปลุกระดมให้เรารบอีกครั้ง เราอาจไม่แน่ใจว่าบาดแผลที่ยังเป็นรอยสลักในชีวิตนี้จะจางหายไปบ้างแล้วหรือยัง
เราอาจจะถูกเล่าขานว่าขี้ขลาด รบไม่จริง ไม่ยอมสู้ อ่อนแอ หรือกระทั่งโง่เขลาบนซากสมรภูมิแห่งนี้ที่ไม่ได้จารึกถึงหยาดเหงื่อแรงงานที่เราเพียรหว่านโปรย
เสียงถอดถอนใจของผู้เฒ่าที่ยังฮึดสู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง คำปลอบประโลมใจถึงเส้นทางแห่งชัยชนะที่มองไม่เห็น จนถึงคราบน้ำตาของผู้พ่ายแพ้
แต่ทุกสิ่งจะชัดเจนเสมอเมื่อเราผ่านมาในเส้นทางกลับบ้านแห่งนี้
บ้านที่ครั้งหนึ่งเราเคยภูมิใจ ว่ามันเป็นบ้านของเราจริงๆ เพราะเราได้ใช้ชีวิตทั้งชีวิตสร้างมันขึ้นมาและปกป้องรักษาเอาไว้จนถึงที่สุด แม้ว่ามันจะเป็นเวลาที่แสนสั้นนักก็ตาม.