นายหัว ส.
พฤหัสบดี 26 เมษายน 2555
พฤหัสบดี 26 เมษายน 2555
การประชุมสภาผู้แทนคนเสื้อแดงในวันนี้ ได้หยิบยกที่เป็นข่าวโด่งดังเกี่ยวกับเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราชที่รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว และผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ปฏิบัติการนครศรีธรรมราชโมเดล บุกตรวจค้นเรือนจำกลางดึกวันที่22 เมษายน 2555 ยึดโทรศัพท์มือถือได้248เครื่อง ยาบ้า 1,700 เม็ด ยาไอซ์1กก. แลอาวุธต่างๆ มากมาย จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และเป็นเรื่องที่สังคมภายนอกเรือนจำอยากจะทราบ สภาผู้แทนคนเสื้อแดงในเรือนจำ จึงเปิดประชุมเพื่อให้สมาชิกอภิปราย แสดงความเห็นเห็น เพราะถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ได้รับผลกระทบด้วย
เนื่องด้วยบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนคนเสื้อแดงในเรือนจำฯ ของเรามีสมาชิกอาวุโสท่านหนึ่ง มีประสบการณ์อยู่ในเรือนจำมายี่สิบปีกว่า ผ่านมา 5 เรือนจำ ต่อสู้กับมาเฟียที่เป็นผู้บริหารระดับสูงของเรือนจำกลางบางขวางเมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้ว ที่ใช้เรือนจำกลางบางขวางเป็นแหล่งค้า แหล่งส่งออกยาเสพติดชนิดผงขาวแบบเดียวหรือยิ่งกว่าที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชเสียอีก จนถูกกลั่นแกล้งแบบรุมสกรัมจากทั้งเรือนจำและกรมราชทัณฑ์อย่างหนักหน่วงมาแล้วอีกทั้งเป็นผู้ที่ต่อสู้กับกลุ่มอิทธิพลค้ายาเสพติดในจังหวัดนครศรีธรรมราชที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นระดับนายก อบจ. ที่มีพรรคการเมืองระดับชาติเป็นภูมิคุ้มกัน จึงมีความเข้าใจสภาพของกลุ่มอิทธิพลที่โยงใยเข้าสู่เรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นแหล่งใหญ่ในเวลาต่อมา
ผู้อาวุโสท่านนี้บอกว่า แต่ก่อนแหล่งใหญ่ของยาเสพติดในจังหวัดนครศรีธรรมราชอยู่ที่อำเภอร่อนพิบูลย์พื้นที่ติดกับอำเภอพระพรหม ซึ่งเป็นที่ตั้งของเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราชนั่นแหละจึงไม่ต้องสงสัยถึงการเชื่อมโยงจากนอกและในเรือนจำเข้าด้วยกันเมื่อเจ้าหน้าที่เรือนจำร่วมกันทำธุรกิจด้วย
และเมื่อเป็นขบวนการใหญ่โตที่เจ้าหน้าที่เรือนจำถึง 1 ใน 3 เข้าร่วมรับผลประโยชน์เจ้าหน้าที่ทั้งเรือนจำรวมทั้งผู้บังคับบัญชาการต้องรู้ แต่เพราะมีผลประโยชน์ด้วยหรือไม่กล้าขัดขวางทำตัวเป็นผู้ “รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” กันทั้งเรือนจำเพราะเมืองนครศรีธรรมราชที่ผ่านมาเป็น “อาณาจักรแห่งความกลัว”
จึงไม่แปลกใจที่นายณรงค์ ยงค์ณรงค์เดชกุล ผู้บัญชาการเรือนจำฯ ที่ถูกย้ายด่วนซึ่งเป็นคนอำเภอร่อนพิบูลย์จะพูดว่าสู้อำนาจเงินไม่ไหว ก็ไม่รู้ว่าผู้บัญชาการคนใหม่นายสุรพล แก้วภราดัยซึ่งเป็นคนอำเภอปากพนังจะสู้ไหวหรือไม่เพราะไม่เพียงแค่เงิน แต่อิทธิพลด้วย
ปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราชไม่ใช่ไม่เคยทำมาก่อน ก่อนนี้รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์นายฐานิส ศรียาพันธ์ เคยนำกำลังจู่โจมตรวจค้นกลางดึกมาแล้ว แต่ปรากฏว่าบุกเข้าไปถึงเรือนจำไม่ได้ ถูกถ่วงเวลาจนมีการเคลียร์พื้นที่ภายในเรียบร้อย รุ่งเช้าเข้าไปตรวจจึงไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆเป็นเรือนจำอิสระจากกรมราชทัณฑ์ แน่จริงๆ
มาคราวนี้ที่การจู่โจมตรวจค้นสำเร็จก็เพราะสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป นับตั้งแต่รัฐบาลเปลี่ยนจากประชาธิปัตย์เป็นเพื่อไทย ที่เอาจริงเรื่องยาเสพติด อธิบดีกรมราชทัณฑ์จากคนของประชาธิปัตย์ เป็นคนของพรรคเพื่อไทยที่ไม่ลูบหน้าปะจมูก รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์คนใหม่ที่ได้รับมอบหมาย คือนายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ เป็นคนประเภทจริงจังจริงใจไฟแรง ประสบการณ์ผ่านเรือนจำใหญ่ๆ เช่น ทัณฑสถานบำบัดพิเศษ เรือนจำกลางบางขวาง เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยเสือสิงห์ กระทิง แรดจึงทันเกม
ผู้ว่าราชการจังหวัด นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ จากภาคอีสานไม่ใช่คนของประชาธิปัตย์ และ พล.ต.ต. รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว. คนใหม่ในอดีต ผกก. หน่วยปฏิบัติการพิเศษกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ที่รับทราบถึงกลุ่มอิทธิพลค้ายาเสพติดในอำเภอร่อนพิบูลย์อย่างกระจ่าง เคยเผชิญกับการท้าทาย ถูกกลุ่มอิทธิพลนี้ส่งทหาร กำนันอุดร ตำบลเสาธงอำเภอร่อนพิบูลย์ที่เป็นคนในเครือข่ายของท่านมาแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2548 สุดท้ายคนร้ายลอยนวลเพราะอัยการสั่งไม่ฟ้องข่าวว่าหมดไปเก้าแสนบาท ท่านย้ายมารับตำแหน่งเพียงสามสี่เดือน ก็คงตั้งใจไปล้างอิทธิพล เมืองนครศรีธรรมราชเสียที แต่รู้สึกเป็นห่วงกลัวจะดังตอนแรกแล้วแผ่วตอนปลาย เพราะเมืองนครฯเป็นอย่างงี้มาตลอดกำนันอุดรตายฟรี นักข่าว “มติชน” ตายฟรี ตอนแรกก็โด่งดังสุดท้ายก็หายเงียบ หลักฐานไม่พอฟ้องหมด ปปช. หรือดีเอสไอ เจออิทธิพลเมืองนครฯเหี่ยวหมด ดังนั้นจึงหวั่นๆว่าข่าวตรวจค้นยึดของผิดกฎหมายได้อื้อในเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราชอาจจะหลักฐานไม่พอฟ้องอีก อย่าท่าดีทีเหลวนะครับท่าน พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว
และอีกเรื่องที่ท่านอาวุโส ฝากถึงท่าน รณพงศ์ ทรายแก้ว คือท่านให้สัมภาษณ์ว่าผู้ต้องขังคดียาเสพติดคนหนึ่งให้ข้อมูลกับท่านว่า เขาถูกตัดสินประหารชีวิตบวกกับ 33 ปี คดียาเสพติด แต่ติดคุกไม่นาน ได้อภัยโทษอีกครั้งก็จะพ้นโทษแล้ว การให้ข่าวด้วยข้อมูลที่ไม่เป็นจริงเช่นนี้จะทำให้สังคมตระหนกตกใจ และคนที่คิดจะทำความผิดค้ายาเสพติดไม่หวั่นเกรง
ท่านผู้อาวุโสให้ข้อมูลที่แท้จริงว่า คนที่ถูกตัดสินประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิตในคดียาเสพติดไม่มีรายไหนที่จะติดคุกต่ำกว่า 20 ปี ถ้าอายุมากมักจะตายในคุก และเพราะเหตุนี้แหละจึงคิดหาเงินในคุกเพื่อใช้จ่ายหรือส่งให้ครอบครัวเพราะไม่คิดว่าจะได้ออกสู่อิสรภาพ ความสิ้นหวังกลายเป็นมุมกลับทำชั่วประชดสังคม คนในสังคมต้องรู้ว่า เมื่อคดียาเสพติดเท่ากับจบสิ้นทั้งชีวิต อย่าคิดว่าจะได้ใช้เงิน
ส่วนการเลื่อนชั้นนักโทษจากชั้นกลางเป็นชั้นดี ชั้นดีมาก และชั้นเยี่ยม ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินทอง หรือการซื้อขายเป็นพิเศษอะไร ขอให้ท่าน ผบก.ภ.จว. เข้าใจ เป็นระเบียบที่ผู้ต้องขังทุกคนจะได้รับ ถ้าไม่ทำผิดวินัยในเรือนจำ ท่านอย่าสับสนอันนี้ สิ่งที่กรมราชทัณฑ์จะต้องทำเร่งด่วนคือ ปรับปรุงแก้ไขเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ทั่วประเทศ เป็นที่สรุปของการประชุม...
บล็อกของ นายหัว ส. และมิตรสหาย
นายหัว ส. และมิตรสหาย
ติดตามการประชุมนัดแรกของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทยที่มีนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าร่วมเปิดประชุมแล้ว มีความเห็นว่า ผู้ที่เสนอความคิดเห็นตรงกับปัญหาที่สุดคือ คุณครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ นอกนั้นล้วนแต่ “ขี่ม้าเลียบค่าย”
นายหัว ส. และมิตรสหาย
การประกาศยุติบทบาทของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เป็นเรื่องเข้าใจว่า เพราะตกอยู่ในสภาพจำยอมจากความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์ที่ต้องการให้สังคมไทยหยุดนิ่ง หรือก้าวถอยหลัง ตามอุดมการณ์ของกลุ่มอนุรักษ์นิยม ดังคำประกาศของกลุ่ม “พิทักษ์สยาม” ที่จะแช่แข็งประเทศไทย
นายหัว ส. และมิตรสหาย
การที่แกนนำ นปช. อย่าง ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ และพรรคเพื่อไทย อภิปรายเกี่ยวกับ พรบ. นิรโทษกรรมว่าไม่คลุมถึงผู้ที่ถูกคดี ม.112 นั้นระวังจะหลงกลเดินไปตามแผนของพรรคประชาธิปัตย์
นายหัว ส. และมิตรสหาย
หมายเหตุ: เรื่องสั้นจากแดนตารางชิ้นนี้ based on true story เป็นคดีประหลาดของชายคนหนึ่งที่ถูกพี่ชายแท้ๆ แจ้งความในคดีร้ายแรงแห่งรัฐ เรื่องสั้นพูดถึงขั้นตอนหนึ่งก่อนที่คดีของเขาจะถูกสั่งฟ้อง เป็นเรื่องเล่าจากห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่เคยมีใครล่วงรู้
นายหัว ส. และมิตรสหาย
หมายเหตุ: เรื่องสั้นจากแดนตารางชิ้นนี้ based on true story เป็นคดีประหลาดของชายคนหนึ่งที่ถูกพี่ชายแท้ๆ แจ้งความในคดีร้ายแรงแห่งรัฐ เรื่องสั้นพูดถึงขั้นตอนหนึ่งก่อนที่คดีของเขาจะถูกสั่งฟ้อง เป็นเรื่องเล่าจากห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่เคยมีใครล่วงรู้
นายหัว ส. และมิตรสหาย
คำอวยพรที่ล่าช้าจากความขลาดกลัวของผู้หวังดีที่อยู่ในโลกกว้างว่า แม้แต่ความคิด ความรู้สึกและสภาพภายในจากคำบอกเล่าของพวกเขาก็อาจนำผลกระทบที่เลวร้ายยิ่งกว่ามาสู่พวกเขาได้