Skip to main content
บทความเรื่อง "แรงฤทธิ์ แต่อ่อนผล" ของ นิธิ เอียวศรีวงศ์ ในมติชนรายวันhttp://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01act01020352&sectionid=0130&day=2009-03-02 (วันที่ 02 มีนาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11314) มีหลายประโยค หลายวลี หลายคำที่อ่านแล้วต้องส่ายหัวด้วยความอิดหนาระอาใจกับอคติและภูมิปัญญาของเขา แต่มีอยู่ประโยคหนึ่งที่อ่านแล้วทำให้ผมสะดุดหยุดกึกในทันทีคือประโยคที่ว่า


"
ไม่ผิดอะไรที่จะรักทักษิณ แต่รักทักษิณและรักประชาธิปไตยพร้อมกันไม่ได้เพราะสองอย่างนี้ขัดแย้งกันเอง"


ประโยคนี้ของนิธิ เอียวศรีวงศ์ ทำให้ผมได้ข้อสรุปหนักแน่นชัดเจนว่า นิธิ เอียวศรีวงศ์ เพี้ยนไปแล้วจริง ๆ


ทันทีที่ประโยคนี้ผ่านเข้ามาทางสายตาสู่สมอง ผมเกิดคำถามมากมายที่อยากจะถามกลับไปว่า

"เราสามารถรักอภิสิทธิ์และรักประชาธิปไตยพร้อมกันได้หรือไม่ ?"

"เราสามารถรักการทำรัฐประหารและรักประชาธิปไตยพร้อมกันได้หรือไม่ ?"

"เราสามารถรักพลเอกเปรม ติณสูลานนท์และรักประชาธิปไตยพร้อมกันได้หรือไม่ ?"

"เราสามารถรักเจ้าและรักประชาธิปไตยพร้อมกันได้หรือไม่ ?"

"เราสามารถรักหมอประเวศ วะสี แอนด์เดอะแก๊งค์และรักประชาธิปไตยพร้อมกันได้หรือไม่ ?"

"เราสามารถรักนิธิ เอียวศรีวงศ์และรักประชาธิปไตยพร้อมกันได้หรือไม่ ?"

"นิธิ เอียวศรีวงศ์ กำลังปกป้องประชาธิปไตยอยู่หรือ ?"


นิธิ เอียวศรีวงศ์ ขึ้นต้นบทความของเขาด้วยคำถามที่ว่า "กลุ่มคนเสื้อแดงกำลังปกป้องประชาธิปไตยอยู่หรือ?" จากนั้นก็สาธยายไปเรื่อยๆ เปื่อยๆ หาข้อมูล ยกตัวอย่างการเคลื่อนไหวต่อต้านกดดันการจัดงาน Gay Pride ที่เชียงใหม่ของคนเสื้อแดงมาสนับสนุนคำตอบที่มีอยู่ในใจแล้วว่าคนเสื้อแดงนั้นไม่ได้ปกป้องประชาธิปไตย!

ทีนี้มาลองพยายามทำความเข้าใจกับประโยคสำคัญที่ว่า "ไม่ผิดอะไรที่จะรักทักษิณ แต่รักทักษิณและรักประชาธิปไตยพร้อมกันไม่ได้ เพราะสองอย่างนี้ขัดแย้งกันเอง"


นิธิ เอียวศรีวงศ์ บอกว่า "คุณทักษิณไม่ใช่ตัวแทนของประชาธิปไตย อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในสายตาของคนจำนวนมากพอสมควร ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ คุณทักษิณเป็นได้แต่เพียงตัวแทนของรูปแบบแต่ขาดเนื้อหาของประชาธิปไตย ภายใต้คุณทักษิณ รัฐไทยทำให้มีผู้เสียชีวิตนอกกระบวนการทางกฎหมายได้เกือบ 3,000 คน มีการอุ้มฆ่าอีกหลายร้อยโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐเอง สื่อซึ่งก็ไม่ค่อยมีสมรรถภาพอยู่แล้ว กลับถูกแทรกแซงอย่างหนัก ทั้งผ่านคำสั่งหรือคำเตือนโดยตรง ไปจนถึงการกำกับด้วยการถอนโฆษณา, การซื้อหุ้นควบรวมกิจการ และการข่มขู่คุกคามนักหนังสือพิมพ์ อีกทั้งวางนโยบายสาธารณะที่เอื้อต่อประโยชน์ทางธุรกิจของตนเองและพรรคพวก โยกย้ายและแต่งตั้งข้าราชการเพื่อสร้างฐานอำนาจถาวรให้แก่ตนเองฯลฯ"


เราสามารถยกตัวอย่าง "เนื้อหา" ที่ไม่เป็นประชาธิปไตยในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ได้หลายข้อกว่านี้มาก เช่น การฆ่ามุสลิมในมัสยิดกรือเซะ การทำให้คนตายกรณีตากใบ ฯลฯ แต่ในทางกลับกัน เราสามารถยกตัวอย่าง "เนื้อหา" ที่เป็นประชาธิปไตย(ที่กินได้)ของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตรได้มากกว่ามากเช่นเดียวกัน เช่น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้านละล้าน, การกำจัดผู้มีอิทธิพล ปัญหาก็คืออะไรคือเนื้อหาของประชาธิปไตยที่ นิธิ เอียวศรีวงศ์ หมายถึง?


นิธิ เอียวศรีวงศ์บอกว่า "ประชาธิปไตยของโลกยุคใหม่ไม่ได้จำกัดอยู่ที่กลไกในระบบการเมืองเท่านั้น แต่หมายถึงการเคลื่อนไหวและการจัดองค์กรของประชาชนทุกระดับเพื่อการต่อรอง และไม่ใช่การต่อรองทางการเมืองในระบบอย่างเดียว รวมถึงการต่อรองทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมด้วย"


นิยามเบื้องต้นเรื่องประชาธิปไตยของ นิธิ เอียวศรีวงศ์ ฟังดูเข้าท่าแต่เหมือนลอยอยู่ในอากาศ แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร หากนิธิ เอียวศรีวงศ์ ต้องการจะสื่อว่านโยบายสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ไม่ส่งเสริมกระทั่งขัดขวางเนื้อหาของประชาธิปไตยตามนิยามข้างต้น คำถามก็เกิดขึ้นว่ามีรัฐบาลใดบ้างที่สนับสนุนเนื้อหาประชาธิปไตย ?


ทีนี้เราลองพิจารณาสิ่งที่นิธิ เอียวศรีวงศ์ เขียนถึงอภิสิทธิ เวชชาชีวะ บ้าง เขาเคยเขียนว่า

"นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องกล้าเผชิญกับแรงกดดันจากกองทัพ รวมทั้งแรงกดดันจากองค์กรอิสระอีกมากที่คณะรัฐประหารตั้งขึ้น อย่างอาจหาญและมีศักดิ์ศรีด้วย ดังที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้แสดงให้เห็นอย่างนุ่มนวลแต่สง่างามในครั้งนี้" (ความสง่างามของอภิสิทธิ, มติชนรายวัน,วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2550) 


เป็นความเพี้ยนในทางหลักการที่นิธิ เอียวศรีวงศ์ จะเลือกด่าเฉพาะเจาะจงที่อดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร

เป็นความเพี้ยนอันเกิดจากอคติและความมืดบอดที่ไม่เข้าใจเรื่องสัญลักษณ์และแรงดลใจของคนระดับรากหญ้า


จะว่าไป นิธิ เอียวศรีวงศ์ มีบทบาทในการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยน้อยมากกระทั่งไม่มีเลย

จะว่าไป นิธิ เอียวศรีวงศ์ ก็ไม่ได้ดีไปกว่าอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร ในเรื่องการส่งเสริมประชาธิปไตยที่กินได้และจับต้องได้จริง


ใครก็ได้ช่วยถามให้ทีว่านิธิ เอียวศรีวงศ์ กำลังปกป้องประชาธิปไตยอยู่หรือ?"


บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
มหาชนสีแดงยื่นบันไดแห่งการยุบสภาให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปีนลงมาอย่างง่าย ๆ ชนิดที่บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น แต่ไม่เป็นผลอะไร ด้วยโมหะจริต นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ ดึงดันจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปแม้ว่าจะต้องทำอะไรที่เสียเกียรติความเป็นผู้นำไปมากก็ตาม
เมธัส บัวชุม
การเคลื่อนพลของคนเสื้อแดงทั้งแผ่นดินน่าตื่นตาตื่นใจและอลังการสมการรอคอย แม้ว่าการมาทางเรือจะผิดจากความคาดหวังอยู่มากก็ตาม ผมยืนรอชมขบวนเรือของคนเสื้อแดงบนสะพานกรุงธนนานกว่า 3 ชั่วโมงพร้อมกับแดงคนอื่น ๆ เต็มสะพาน โบกไม้โบกมือ ไชโยโห่ร้องกับคนเสื้อแดงที่ขับรถผ่านไปมา
เมธัส บัวชุม
แม้ผลการตัดสินคดียึดทรัพย์เป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้อยู่แล้ว แต่คนเสื้อแดงหลายคนยังรู้สึกเจ็บปวด บางคนถึงขั้นหลั่งน้ำตาทั้งที่เงินนั้นไม่ใช่เงินของตนเอง พวกอำมาตย์ พรรคประชาธิปัตย์และคนเสื้อเหลืองไม่มีทางเข้าใจได้เลยว่าที่คนเสื้อแดงหลั่งน้ำตานั้นไม่ใช่เพราะเสียดายเงินของอดีตนายก ฯ ทักษิณ  ชินวัตร ที่ถูกยึดไปอย่างไม่เป็นธรรม แต่เป็นเพราะรู้สึกเจ็บปวดที่ตนเองทำอะไรไม่ได้เมื่อเห็นความอยุติธรรมบังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาครั้งแล้วครั้งเล่า
เมธัส บัวชุม
ไม่ว่าผลการตัดสินคดียึดทรัพย์ (ปล้นทรัพย์อย่างถูกกฎหมาย) ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ของอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร จะออกมาเป็นอย่างไร การลุกฮือของคนเสื้อแดงก็ยังคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เสื้อแดงจำนวนไม่น้อยอาจไม่ได้ยี่หระเลยกับทรัพย์สินของอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตรเพราะนั่นเป็นราคาที่อดีตนายก ฯ ต้องจ่ายสำหรับการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย หลายคนจะได้เรียนรู้ว่าประชาธิปไตยนั้นถ้าไม่จ่ายด้วยเลือดและชีวิตก็ต้องจ่ายด้วยทรัพย์สินแสนแพง
เมธัส บัวชุม
 เมื่อความขัดแย้งระหว่างฝักฝ่ายต่าง ๆ เขม็งเกลียวแน่นใกล้ถึงจุดวิกฤติ ข่าวเกี่ยวกับการทำรัฐประหารก็ลอยมาจากทางโน้นทางนี้เป็นระยะ น่าเชื่อบ้าง ไม่น่าเชื่อบ้าง ราวกับว่ารัฐประหารเป็นทางออกเดียวในการจัดการปัญหา
เมธัส บัวชุม
การเข้าครอบครองที่ดินบนเขายายเที่ยงอย่างผิดกฏหมายขององคมนตรีคุณธรรมสูงอย่างสุรยุทธ์ จุลานนท์ นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแม้แต่น้อย ไม่ใช่ข้อค้นพบที่น่าตื่นเต้น ไม่ใช่ความลับที่น้อยคนรู้ ชาวบ้านร้านตลาดในบริเวณนั้นต่างก็รู้กันเป็นอย่างดีว่าวิลล่าสวยงามบนเขายายเที่ยงนั้นเป็นของใคร
เมธัส บัวชุม
ผมค่อนข้างแปลกใจที่สังคมไทยยังไม่เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น ว่าที่จริงสงกรานต์เลือดเมื่อปีกลายที่ผ่านมา เป็นโอกาสเหมาะไม่น้อยสำหรับการเกิดสงครามกลางเมืองซึ่งอาจจะจบลงด้วยการทำลายพลังประชาชนรากหญ้าและคนชั้นกลางฝ่ายก้าวหน้าลงอย่างย่อยยับ จนยากที่จะฟื้นกลับคืนมาใหม่ หรืออาจเป็นไปในทางกลับกันก็ได้หากประชาชนได้รับชัยชนะคือระบอบประชาธิปไตยจะขยับไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดด อำนาจของอำมาตย์จะถูกจำกัดวง พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด?
เมธัส บัวชุม
-1- ฉันมีวิธีเผชิญหน้ากับอาการนอนไม่หลับด้วยการนอนลืมตาอยู่ในความมืด พยายามไม่คิดอะไร แต่ดวงความคิดของฉันก็ไหลลอยไปสู่เรื่องนั้นเรื่องนี้ หวนรำลึกไปถึงสถานที่และผู้คนที่ฉันเคยพานพบประหนึ่งว่าฉันเพิ่งจากผู้คนและสถานที่เหล่านั้นมา
เมธัส บัวชุม
เรื่องราวในชีวิตของคนเราสามารถนำมาเขียนแต่งเป็นนิยายได้ทั้งนั้น โดยการใส่พล็อตหรือท้องเรื่องเข้าไป ตีความให้ดูน่าสนใจ แล้วเสาะหา(สร้าง)ข้อมูลเพื่อยัดลงไปในพล็อตที่วางไว้โดยอาจหยิบเพียงบางช่วงบางตอนของชีวิตก็ได้
เมธัส บัวชุม
คงไม่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจแต่ประการใดที่เราได้เห็นปัญญาชนสยาม ปัญญาชนสาธารณะอย่างสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ไปออกโทรทัศน์ของทาง ASTV “รายการรู้ทันประเทศไทย” ที่มีเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการผู้หากินกับวาทกรรม “ชาวบ้าน” มายาวนาน งนี้เพราะหลายคนซึ้งแน่แก่ใจแล้วว่าบั้นปลายชีวิตของสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ผู้หลงตนนั้นโน้มเอียงไปทางเผด็จการ หรือไปทางศักดินามากเสียยิ่งกว่าจะยืนข้างชาวบ้านอย่างที่เขาพร่ำพูดถึงเสมอ
เมธัส บัวชุม
หากผมบอกว่าชาตินิยมเป็นแนวคิดที่ใช้ไม่ได้แล้ว บางคนคงโต้แย้ง ผมจึงต้องเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ให้กว้าง ๆ ว่า ชาตินิยมเป็นแนวคิดที่ไม่เพียงพอสำหรับการทำความเข้าใจความเป็นไปของสังคมการเมืองในโลกปัจจุบัน ไม่เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าความหมายและรู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง
เมธัส บัวชุม
รถไฟไทยเป็นอย่างที่เป็นอยู่มานาน โดยแทบไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรเลยตั้งแต่เริ่มสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 ทั้งนี้เพราะความเสื่อมโทรมของรถไฟให้ประโยชน์แก่คนหลายกลุ่ม รวมทั้งสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย ดังนั้นแนวคิดใด ๆ ก็ตามที่จะทำให้รถไฟเปลี่ยนไปจึงถูกต่อต้านแม้จะมีผลการวิเคราะห์วิจัยรองรับอยู่จำนวนมาก