Skip to main content
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลผ่านพ้นไปแล้วหลายวัน โพลล์บางสำนัก นักวิชาการบางราย สื่อบางเจ้า ทำการสำรวจประเมินความคิดเห็นของประชาชนต่อการอภิปรายครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกหากผลจะออกมาเป็นบวกต่อรัฐบาล ทั้งที่ข้อมูลของคุณเฉลิม อยู่บำรุง นั้นถือเป็นข้อมูลลึกและน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง


ผมติดตามการอภิปรายอยู่ห่างๆ หมายถึงดูบ้าง ไม่ได้ดูบ้าง สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้จากคำอธิบาย คำชี้แจงของรัฐบาลคือแทบทุกคนไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือเลย การให้เหตุผลเป็นแบบ "เอาสีข้างเข้าถู" "แก้ตัวแบบน้ำขุ่น ๆ" หรือชี้แจงไม่ตรงกับสิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปราย

1. เริ่มที่กรณีการส่ง SMS ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้าโทรศัพท์มือถือของประชาชน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ชี้แจงกรณีนี้ว่า


"นายอภิสิทธิ์ และนายกรณ์ชี้แจงว่า การส่งข้อความสั้นไม่เกี่ยวข้องกับประโยชน์ส่วนตัว ถือเป็นการเชิญชวนประชาชนให้มามีส่วนร่วมทางการเมือง และการตอบกลับนั้นเป็นความสมัครใจของเจ้าของโทรศัพท์เอง (มติชนรายวัน, 20 มีนาคม พ.ศ. 2552)

http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01p0101200352&sectionid=0101&selday=2009-03-20


เราจะเห็นได้ว่าการชี้แจงจากฝ่ายรัฐบาลนั้นไม่สามารถช่วยให้หลุดพ้นจากประเด็นในเรื่องจริยธรรมได้เลย เป็นไปได้ที่การส่งข้อความสั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์แต่มันเป็นเรื่องที่ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของประชาชนอย่างแน่นอน เป็นเรื่องผิดจริยธรรมอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะนำข้อมูลส่วนบุคคลไปให้กับบริษัทเอกชน รัฐบาลอภิสิทธิ์ชอบอวดอ้างเรื่องจริยธรรมแต่กลับทำผิดหน้าตาเฉย แถมยัง(กล้า)บอกว่าเป็นสิทธิของประชาชนที่จะตอบกลับ


2. กรณีของนายกษิต ภิรมย์ ผู้ซึ่งเปรียบเหมือน "ปลาเน่า" บรรจุกระป๋อง การอภิปรายจากฝ่ายค้านได้เปิดเผยให้เห็น "ตำหนิ" ในชีวิตมากมายจนน่าตกใจทั้งที่เป็นเรื่องส่วนตัว และเรื่องการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขอตั๋วจากการบินไทยปีละ 500 ใบ อ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแต่กลับไปแจกจ่ายให้ญาติ เรื่องเปียโน (ไม่เสียภาษี) ที่อ้างว่าจะเอาไปให้ผู้บริหารบ้านเมืองแต่กลับนำไปเป็นของตนเอง และที่สร้างชื่อเสียให้กับตนเองคือการลงทุนปิดสนามบินเพื่อให้ตนเองได้เป็นรัฐมนตรี นายกษิต ภิรมย์ ตอบฝ่ายค้านว่า


"ทำไมผมถึงไป ขอเรียนว่าใครก็ตามที่มีอุดมการณ์ มีความเป็นนักประชาธิปไตย และร่วมต่อต้านการทุจริตมิชอบ รวมกระทั่งการต่อสู้การเป็นเผด็จการรัฐสภา ครอบงำสังคมไทย สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ผมรับไม่ได้ เป็นสิ่งที่ผมต่อสู้มาตลอดชีวิต ผมไม่มีความละอายใดๆ ที่จะทำในสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ทั้งในที่แจ้งและที่เปิดเผย


ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ที่กล่าวหาว่าผมใช้ถ้อยคำรุนแรงต่อสมเด็จฯ ฮุนเซนนั้น เพราะก่อนหน้านี้ ท่านได้รับข้อมูลว่าไทยได้ส่งกำลังทหาร 500 นาย เข้าประชิดชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดขึ้นหลังจากท่านสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ต่างประเทศสมัยนั้น เดินทางกลับมาจากการเยือนกัมพูชา สมเด็จฯฮุนเซนก็ออกมาประกาศว่าให้รัฐบาลไทยถอนทหารออกไป ด้วยความรักชาติ และต้องการรักษาความสง่างาม รักษาศักดิ์ศรีของทหารไทย ผมจึงได้พูดไปอย่างที่ปรากฏในเทปบันทึกภาพที่ท่านผู้อภิปรายนำออกมาเปิดเผยต่อที่ประชุม"

(มติชนรายวัน, 21 มีนาคม. พ.ศ. 2552) 

http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01pol04210352&sectionid=0133&day=2009-03-21


เข้าใจได้ที่นายกษิต ภิรมย์ ไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยอย่างตั๋วเครื่องบินหรือเปียโน แต่น่าตกใจที่นายกษิต ภิรมย์กล้าพูดว่าตนเอง "มีความเป็นนักประชาธิปไตย" อันที่จริงถ้านายกษิต ภิรมย์ อยากจะเป็น "แมน" กว่านี้ ควรจะกล่าวว่า "ผมไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง การตัดสินด้วยเสียงข้างมาก ผมจึงออกมาต่อต้าน" ผมอยากจะสรุปการกระทำของนายกษิต ภิรมย์ ว่า "จัดการสิ่งที่(เห็นว่า)เลว ด้วยการกระทำที่เลวกว่า"


ในเรื่องประเด็นเขาพระวิหาร กล่าวคำผรุสวาทใส่สมเด็จฯ ฮุนเซ็นออกสื่อสาธารณะโดยไม่ระวังปาก นายกษิต ภิรมย์ ออกตัวว่าเป็นการตอบโต้การกระทำของสมเด็จฮุนเซ็น ที่เกิดจากการเข้าใจผิด


สมมติว่าเกิดจากการเข้าใจผิดจริง นายกษิต ภิรมย์ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องแสดงกริยาหรือกล่าวถ้อยคำหยาบคายอย่างที่ได้กล่าวไป ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เป็นนักการทูตหลายประเทศ ไม่ได้มีกิริยาวาจาแตกต่างจากชาวบ้านร้านตลาดเลยแม้แต่น้อย เปิดเผยสกุลรุนชาติของตนเองออกมาง่ายดาย ถ้านายกษิต ภิรมย์ อยากจะเป็น "แมน" กว่านี้ แค่เปิดปากยอมรับผิดและขอโอกาสปรับปรุงแก้ไขน่าจะช่วยให้ตนเองดูดีขึ้น


3. ที่หนักเกินเยียวยาคือการให้เหตุผลของสส.พันธมิตร นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เขาพูดหลายครั้งหลายหนเรื่องปิดสนามบินว่า พันธมิตรไม่ได้ปิด แต่ผู้ว่าการท่าอากาศยานฯ และ ผอ.สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นผู้สั่งปิด


"นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นใช้สิทธิพาดพิงว่า ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายสากลถือเป็นทัศนคติของคนมอง แต่การจะเข้าข่ายเป็นผู้ก่อการร้ายได้ต้องครบองค์ประกอบตามอนุสัญญาทางการบิน ต้องใช้กำลังประทุษร้ายอากาศยานในขณะบินอยู่ ต้องปิดน่านฟ้าสากล แต่เราไม่เคยยึดเครื่องบินหรือทำลายอากาศยาน เพียงใช้เวทีด้านหน้าสนามบิน โดยไม่มีการปิดถนนและในบันทึกการประชุมบอร์ดการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (บอท.) ก็ระบุว่าผู้ว่าการท่าอากาศยานฯ และ ผอ.สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นผู้สั่งปิดไม่ใช่เรา"

( เดลินิวส์, วันที่ 21 มีนาคม 2552) http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=194032&Newstype=1&template=1


การให้เหตุผลของนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เป็นเรื่องน่าทุเรศเหลือเชื่อ เป็นการเอาสีข้างเข้าถูอย่างแท้จริง ผมสามารถยกตัวอย่างเทียบเคียงเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นว่า สมมติว่าเกิดการลอบวางระเบิดในโรงเรียนแห่งหนึ่งจนเสียหายยับเยิน ผู้อำนายการจึงสั่งปิดโรงเรียน 2 สัปดาห์เพื่อซ่อมแซมอาคารที่เสียหาย กรณีนี้เราจะกล่าวโทษผู้อำนวยการว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้โรงเรียนปิด?


ไม่น่าเชื่อว่านายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ จะเป็นอาจารย์สอนหนังสือ ไม่น่าเชื่อว่านายสมเกียติ พงษ์ไพบูลย์ พูดเช่นนี้ขณะอยู่ในสภาฯ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์เป็นตัวสะท้อนได้อย่างดีถึงคุณภาพของพันธมิตร

 

รัฐบาลเอาตัวรอดไปได้เพราะแรงหนุนจากหลายฝ่าย แต่เราก็ได้เห็นกันอีกครั้งหนึ่งว่าระดับสติปัญญาและคุณภาพของรัฐบาลนี้มีไม่มากนัก แค่พูดให้เป็นเหตุเป็นผล หรือตอบให้ตรงคำถามยังทำไม่ได้เลย.

 

 

 

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
การประท้วงของกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ภายใต้การนำของ สาวิทย์ แก้วหวาน ผู้ซึ่งเป็นแกนนำสหภาพแรงงาน ฯ เป็นการประท้วงในสไตล์เดียวกับการประท้วงของกลุ่มพันธมิตร นั่นคือเอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นตัวประกันเพื่อให้ได้ตามความต้องการของตนเอง 
เมธัส บัวชุม
หลังจากอิดออดเพื่อรักษาท่าทีแต่พองามแล้ว “ผู้ร้าย” สองคนก็เปิดตัวเปิดใจกระโจนเข้าสู่วง ”การเมือง” เต็มตัว “ผู้ร้าย” คนแรก
เมธัส บัวชุม
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนในอำเภอเล็ก ๆ แห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี นานมาแล้วที่ผมไม่ได้ออกไปไหน เพื่อนพาไปเที่ยวป่าและแวะที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่แลดูลี้ลับ วังเวงและยากไร้
เมธัส บัวชุม
สังคมไทยเป็นสังคมที่อยู่กับความโง่ มีความโง่เป็นเจ้าเรือน นับวันความโง่ยิ่งแผ่ขยายแพร่กระจายไปราวเชื้อโรค หลายคนโง่โดยสุจริต  คนเหล่านี้น่าเห็นใจ ถูกครอบงำด้วยความไม่รู้  อคติ ความเกลียดชังทำให้ประสิทธิภาพในการคิดเสื่อมถอย สติปัญญาถูกบิดเบือนไป คนประเภทนี้โง่เพราะถูกอคติทำลายจนมืดบอด
เมธัส บัวชุม
  ในระหว่างที่รัฐบาลกำลังรวนเรเพราะความไร้ฝีมือและความเน่าจากภายใน แทนที่จะทุ่มสมองและแรงงานเพื่อกระหนาบกระหน่ำรัฐบาลโจร คนเสื้อแดงเฉดต่าง ๆ ก็กลับใช้โอกาสนี้วิพากษ์วิจารณ์กันรุนแรงกระทั่งแตกออกเป็นสาย
เมธัส บัวชุม
ในโลกโลกาภิวัฒน์ที่มนุษย์กำลังเดินทางไปในอวกาศเพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก และเตรียมหาที่อยู่บนดาวดวงอื่น ทั้งวิตกกังวลกับโรคระบาดชนิดใหม่ ๆ ซึ่งอาจทำให้มนุษย์ต้องสูญพันธุ์ ประเทศไทยยังคงสนุกสนานเหมือนเด็กเล่นขายของกับการกล่าวหาเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกระทั่งล้มสถาบันสนุกครับ สนุก
เมธัส บัวชุม
ตื่นเช้าขึ้นมา หากไม่มีอะไรเร่งด่วนต้องทำ ผมจะนั่งเขียนโน่น เขียนนี่พร้อม ๆ กับที่เข้าไปในบอร์ดประชาไท อ่านกระทู้ต่าง ๆ อยู่เงียบ ๆ มานานจนเกือบจะกลายเป็นกิจวัตร (ยกเว้นเสาร์-อาทิตย์) แต่หลังเช้าไปแล้ว ผมก็ทำอย่างอื่น ไม่ได้นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ จึงไม่อาจติดตามความเคลื่อนไหวในบอร์ดประชาไทได้อีก ดังนั้นจึงได้อ่านเพียงบางกระทู้เท่านั้นและล้วนแล้วแต่เป็นการอ่านผ่านๆ ทั้งสิ้น
เมธัส บัวชุม
พักหลัง ผมเข้าไปเยื่ยมชมเว็บไซต์ "ASTVผู้จัดการ" บ่อยครั้ง เพื่ออยากรู้ว่าชาวสีเหลืองหรือกลุ่มพันธมิตรคิดอ่านกันอย่างไร มีนวัตกรรมอะไรบ้างในการทำลายฝ่ายตรงข้าม ศึกษากลวิธีในการเต้าข่าว การใส่ไคล้ การใช้ภาษาของบรรดาคอลัมนิสต์ กระทั่งแวะเข้าไปอ่าน "เรื่องนินทาราวตาเห็น" ของ "ซ้อเจ็ด" ผู้โด่งดัง
เมธัส บัวชุม
หลายวันก่อน ได้อ่านบทความของ นิธิ เอียวศรีวงศ์ เรื่อง “ทางออกจากทักษิณ” (มติชนรายวัน, 20 ก.ค. 52.) บทความนี้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนอย่างมากเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนเสื้อเหลืองและแดง  เนื้อหาของบทความ นอกจากปัญญาชนรายนี้จะออกตัวให้กลุ่มพันธมิตรหรือเสื้อเหลืองโดยยกระดับความคิด และการกระทำของคนกลุ่มนี้ว่าเกิดจากทัศนะและความเข้าใจในประชาธิปไตยที่แตกต่างจากกลุ่มเสื้อแดงซึ่งทั้งสองกลุ่มล้วนแล้วแต่มีจุดอ่อน  
เมธัส บัวชุม
นานมาแล้ว ที่ผมไม่เคยเจ็บป่วยขนาดต้องไปโรงพยาบาลหรือหาหมอ อย่างมากก็แค่ซื้อยาแก้เจ็บคอมากิน แต่ครั้งนี้เจ็บคอหลายวัน บวกกับอาการมึนหัว เบื่ออาหาร เพลีย และปวดเมื่อยเนื้อตัวอย่างหนักขนาดทาถูสบู่ตามตัวยังรู้สึกปวดไปถึงกระดูก เวลานอนต้องนอนตะแคงอย่างเดียวจะนอนหงายหรือคว่ำไม่ได้เพราะปวดเมื่อย(ขนาดนั้น) ผมจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาลแม้จะยังสงสัยอยู่ว่าคิดถูกหรือผิดกันแน่ น่าตกใจพอสมควรที่คนป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่เต็มล้นโรงพยาบาล (แต่แทบไม่มีคนที่อยู่วัยเดียวกับผม) ผมคิดในใจว่าถ้าตนเองเป็นเพียงโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ก็คงจะมารับเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่โรงพยาบาลนี่แหละ…
เมธัส บัวชุม
การล่า 1 ล้านรายชื่อของสามเกลอแห่ง "ความจริงวันนี้" เพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่อดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นประเด็นให้คนเสื้อแดงถกเถียงแก้เซ็งไปพลาง ๆ โหมโรงการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป มีความคิดเห็นค่อนข้างหลากหลายในหมู่คนเสื้อแดงด้วยกัน ทั้งนี้เพราะคนเสื้อแดงนั้นมีความหลากหลายในตัวเองอยู่แล้ว คือมีตั้งแต่ "แดงอนุรักษ์" ไปจนถึง "แดงถอนรากถอนโคน" ซึ่งลักษณะที่ว่านี้ไม่มีในหมู่คนเสื้อเหลือง
เมธัส บัวชุม
เป็นความคิดที่ดีของกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีความพยายามจะ “รื้อฟื้น” วันชาติขึ้น เพราะมันมีความหมายและนัยสำคัญต่อประชาธิปไตยและการเมืองไทยอย่างมาก วันชาติเป็นผลพวงของการยึดอำนาจของคณะราษฎรเพื่อเปลี่ยนประเทศไทยสู่ระบอบการปกครองแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเสียงและความคิดเห็นของประชาชน ภายใต้หลักนิติรัฐที่ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเสมอกัน