Skip to main content

-1-

เป็นที่รู้กันดีว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต.ชุดปัจจุบันซึ่งมีคนอย่าง นางสดศรี สัตยธรรม ผู้ซึ่งดูเหมือนจะชมชอบ “สถาบันทหาร” เป็นพิเศษเป็นคณะกรรมการรวมอยู่ด้วยนั้น เป็นองค์กรที่กล่าวได้ว่าคลอดออกมาจาก “มดลูก” ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. ที่ทำการรัฐประหารปล้นชิงอำนาจมาจากประชาชน โดยมีพลเอกสนธิ บุญยรัตนกลิน ผู้ซึ่งนอกจากชอบอ้างเรื่อง “ความมั่นคง” แล้วยังชอบอ้างเรื่อง “คุณธรรม จริยธรรม” แต่ว่ากันว่าจดทะเบียนสมรสซ้อนอย่างน้อยสองครั้งเป็นอดีตประธาน  

เป็นที่รู้กันดีว่าจุดประสงค์หลักของคมช.และ “บรรดาลูกๆ”  ทั้งหลายก็คือต้องการทำลายล้าง ถอนรากถอนโคน อำนาจและอิทธิพลของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร หรือที่เรียกกันง่าย ๆ จนติดปากว่า “อำนาจเก่า”

อันที่จริง คำว่า “อำนาจเก่า” น่าจะใช้เรียกอำนาจและอิทธิพลอัน “เก่า” และ” แก่” กว่าในสมัยของ พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งจะว่าไปแล้วไม่ได้เก่าอะไรเลย อำนาจของพรรคประชาธิปัตย์น่าจะเก่ากว่าด้วยซ้ำ  

คำว่า “อำนาจเก่า” น่าจะหมายถึงอำนาจและอิทธิพลที่ ควบคุม ปกครองประเทศไทยมายาวนานหลายร้อยปี เป็นอำนาจที่เข้มข้น ทรงพลังกว่าอำนาจและอิทธิพลของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ   ชินวัตร อย่างเทียบกันไม่ติด

จะว่าไปแล้ว อำนาจและอิทธิพลที่ประหารรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และทำให้อดีตนายกฯ ผู้นี้ต้องอยู่ต่างประเทศอย่างไม่มีกำหนดกลับนั้นก็คือ “อำนาจเก่า” นั่นเองหรืออย่างน้อยก็เป็นการ “อ้างอิง” ความชอบธรรมจาก “อำนาจเก่า” ไม่ว่าอำนาจเก่าจะเห็นพ้องด้วยหรือไม่ก็ตาม

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “อำนาจเก่า” มีส่วนไม่มากก็น้อยต่อการทำลายรัฐบาลของอดีตนายก ฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ซึ่งนับวันจะถูกทำให้กลายเป็น “ตำนาน” เช่นเดียวกับ “ผู้อภิวัฒน์” ปรีดี  พนมยงค์ ได้เป็นมาแล้ว

หากจะแปลความหมายหรือตีความกันจริง ๆ แล้วคำว่า “อำนาจเก่า” จึงไม่ควรจะเข้าใจกันอย่างง่าย ๆ ว่าเป็นอำนาจของรัฐบาลชุดที่แล้วหรืออำนาจและอิทธิพลของอดีตนายกฯ  ทักษิณ ชินวัตร แต่มันควรหมายถึงอะไรที่ “เก่าและแก่กว่านั้น” ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วทำให้อำนาจและอิทธิพลของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร กลายเป็น “อำนาจใหม่” ไปทันที

“อำนาจใหม่” ย่อมเป็นปัญหาสำหรับ “อำนาจเก่า” ในทางกลับกัน “อำนาจเก่า” ก็เป็นปัญหาสำหรับ “อำนาจใหม่” ด้วยเหมือนกัน หากไม่มีทางรอมชอม ประนีประนอมหรือต่อรองกันได้ สถานการณ์ความตึงเครียด ความขัดแย้งก็จะเกิดขึ้น และอาจนำไปสู่การเลือกข้างกระทั่งแตกหักกันในที่สุด

-2-

คณะกรรมการการเลือกตั้งซึ่งมีที่มาจากอำนาจรัฐประหาร และรัฐประหารซึ่งอ้างอิงตัวเองกับ “อำนาจเก่า” เป็นตัวปัญหาสำคัญที่ขัดขวางประชาธิปไตย เพราะเป้าหมายขององค์กรนี้แยกไม่ออกจากเป้าหมายของผู้ให้กำเนิด (คมช.) ที่ต้องการกวาดล้างอำนาจและอิทธิพลของอดีตนายกฯ  ทักษิณ  ชินวัตร

ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกจนเกินเข้าใจหากคณะกรรมการการเลือกตั้งซึ่งน่าจะทำให้ประชาธิปไตยว่าด้วยการเลือกตั้งราบรื่นนั้น กลับเป็นตัวที่ก่อปัญหาเสียเองหลายครั้งหลายครา มากเสียยิ่งกว่าอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิสัยทัศน์คับแคบแบบคนที่จมอยู่กับตัวบทกฏหมาย แต่ไม่รู้จักสังคมอย่างรอบด้าน เช่นเรื่องของข้อบังคับในเรื่องการหาเสียงของพรรคการเมือง การจัดการกับอดีตกรรมการ 111 คนแห่งพรรคไทยรักไทย  ตลอดจนความพยายามที่  “อุ้ม”  คมช. ในเรื่องของเอกสารลับ

การพยายามทำลายล้างอำนาจและอิทธิพลของอดีตนายก ฯ พ.ต.ท. ทักษิณ  ชินวัตร ด้วย “กุศโลบาย” ต่าง ๆ นั้น ทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องหรือ “ส่วนรวม” ต้องพลอยรับความเดือดร้อนไปด้วยอย่างไม่จำเป็น

มีบางคนเปรียบเทียบเหตุการณ์โค่นอำนาจ และความพยายามในเวลาต่อมาในการกำจัดอำนาจและอิทธิพลของอดีตนายก ฯ ว่าเป็นเหมือน  ”การเผาป่าทั้งป่าเพื่อจับเสือตัวเดียว” หรือการ “ทำลายบ้านทั้งหลังเพื่อกำจัดปลวก” หรือ “เหมือนการไล่จับหนูใน การ์ตูน ทอมและเจอร์รี่” ที่ข้าวของในบ้านต้องแตกหักกระจัดกระจายเพราะการวิ่งไล่กันของสัตว์สองตัว

ราคาที่ต้องจ่ายในการไล่ล่าทำลายอำนาจและอิทธิพลของอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตรนั้นคือความถดถอยของประเทศในทุกด้าน “ประชาชน” ซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ถูกดึงเข้าไปร่วมด้วย “ประชาชนเขาขอให้ผมปฏิวัติ”

นอกจากคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว ยังมี “ลูก ๆ” อีกหลายตัวที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติได้ผ่องถ่ายอำนาจไปให้เพื่อจัดการกับอำนาจและอิทธิพลของอดีตนายก ฯ ทักษิณ  ชินวัตร ที่โดดเด่นก็เห็นจะเป็น “คตส.” ซึ่งนับวันจะกลายเป็นตัวตลกเพราะหมกมุ่นกับการจับผิดคนอื่นโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่ดูตัวเองว่า “ด่างพร้อยด้วยรอยตำหนิ”  ไม่น้อยกว่าคนอื่นเลย

ขอชื่นชมนักต่อสู้อย่าง คุณจาตุรนต์ ฉายแสง และคนอื่น ๆ อีกหลายคน  ในความกล้าหาญและการเป็นนักต่อสู้ที่วิจารณ์คณะกรรมการการเลือกตั้งอย่างตรงไปตรงมา แต่มากไปกว่าการวิจารณ์ ทางที่ดีควรจะขับไล่คณะกรรมการการเลือกตั้งชุดนี้ไปให้พ้น ไม่ควรจะปล่อยให้สร้างเวร สร้างกรรมอีกต่อไป เพราะ “งาช้างไม่อาจงอกจากปากกระบอกปืน” ได้ฉันใด  “สันดานรัฐประหาร(โจร)ไม่อาจก่อกำเนิดอุดมการณ์ประชาธิปไตย” ได้ฉันนั้น.

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
การประท้วงของกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ภายใต้การนำของ สาวิทย์ แก้วหวาน ผู้ซึ่งเป็นแกนนำสหภาพแรงงาน ฯ เป็นการประท้วงในสไตล์เดียวกับการประท้วงของกลุ่มพันธมิตร นั่นคือเอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นตัวประกันเพื่อให้ได้ตามความต้องการของตนเอง 
เมธัส บัวชุม
หลังจากอิดออดเพื่อรักษาท่าทีแต่พองามแล้ว “ผู้ร้าย” สองคนก็เปิดตัวเปิดใจกระโจนเข้าสู่วง ”การเมือง” เต็มตัว “ผู้ร้าย” คนแรก
เมธัส บัวชุม
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนในอำเภอเล็ก ๆ แห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี นานมาแล้วที่ผมไม่ได้ออกไปไหน เพื่อนพาไปเที่ยวป่าและแวะที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่แลดูลี้ลับ วังเวงและยากไร้
เมธัส บัวชุม
สังคมไทยเป็นสังคมที่อยู่กับความโง่ มีความโง่เป็นเจ้าเรือน นับวันความโง่ยิ่งแผ่ขยายแพร่กระจายไปราวเชื้อโรค หลายคนโง่โดยสุจริต  คนเหล่านี้น่าเห็นใจ ถูกครอบงำด้วยความไม่รู้  อคติ ความเกลียดชังทำให้ประสิทธิภาพในการคิดเสื่อมถอย สติปัญญาถูกบิดเบือนไป คนประเภทนี้โง่เพราะถูกอคติทำลายจนมืดบอด
เมธัส บัวชุม
  ในระหว่างที่รัฐบาลกำลังรวนเรเพราะความไร้ฝีมือและความเน่าจากภายใน แทนที่จะทุ่มสมองและแรงงานเพื่อกระหนาบกระหน่ำรัฐบาลโจร คนเสื้อแดงเฉดต่าง ๆ ก็กลับใช้โอกาสนี้วิพากษ์วิจารณ์กันรุนแรงกระทั่งแตกออกเป็นสาย
เมธัส บัวชุม
ในโลกโลกาภิวัฒน์ที่มนุษย์กำลังเดินทางไปในอวกาศเพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก และเตรียมหาที่อยู่บนดาวดวงอื่น ทั้งวิตกกังวลกับโรคระบาดชนิดใหม่ ๆ ซึ่งอาจทำให้มนุษย์ต้องสูญพันธุ์ ประเทศไทยยังคงสนุกสนานเหมือนเด็กเล่นขายของกับการกล่าวหาเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกระทั่งล้มสถาบันสนุกครับ สนุก
เมธัส บัวชุม
ตื่นเช้าขึ้นมา หากไม่มีอะไรเร่งด่วนต้องทำ ผมจะนั่งเขียนโน่น เขียนนี่พร้อม ๆ กับที่เข้าไปในบอร์ดประชาไท อ่านกระทู้ต่าง ๆ อยู่เงียบ ๆ มานานจนเกือบจะกลายเป็นกิจวัตร (ยกเว้นเสาร์-อาทิตย์) แต่หลังเช้าไปแล้ว ผมก็ทำอย่างอื่น ไม่ได้นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ จึงไม่อาจติดตามความเคลื่อนไหวในบอร์ดประชาไทได้อีก ดังนั้นจึงได้อ่านเพียงบางกระทู้เท่านั้นและล้วนแล้วแต่เป็นการอ่านผ่านๆ ทั้งสิ้น
เมธัส บัวชุม
พักหลัง ผมเข้าไปเยื่ยมชมเว็บไซต์ "ASTVผู้จัดการ" บ่อยครั้ง เพื่ออยากรู้ว่าชาวสีเหลืองหรือกลุ่มพันธมิตรคิดอ่านกันอย่างไร มีนวัตกรรมอะไรบ้างในการทำลายฝ่ายตรงข้าม ศึกษากลวิธีในการเต้าข่าว การใส่ไคล้ การใช้ภาษาของบรรดาคอลัมนิสต์ กระทั่งแวะเข้าไปอ่าน "เรื่องนินทาราวตาเห็น" ของ "ซ้อเจ็ด" ผู้โด่งดัง
เมธัส บัวชุม
หลายวันก่อน ได้อ่านบทความของ นิธิ เอียวศรีวงศ์ เรื่อง “ทางออกจากทักษิณ” (มติชนรายวัน, 20 ก.ค. 52.) บทความนี้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนอย่างมากเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนเสื้อเหลืองและแดง  เนื้อหาของบทความ นอกจากปัญญาชนรายนี้จะออกตัวให้กลุ่มพันธมิตรหรือเสื้อเหลืองโดยยกระดับความคิด และการกระทำของคนกลุ่มนี้ว่าเกิดจากทัศนะและความเข้าใจในประชาธิปไตยที่แตกต่างจากกลุ่มเสื้อแดงซึ่งทั้งสองกลุ่มล้วนแล้วแต่มีจุดอ่อน  
เมธัส บัวชุม
นานมาแล้ว ที่ผมไม่เคยเจ็บป่วยขนาดต้องไปโรงพยาบาลหรือหาหมอ อย่างมากก็แค่ซื้อยาแก้เจ็บคอมากิน แต่ครั้งนี้เจ็บคอหลายวัน บวกกับอาการมึนหัว เบื่ออาหาร เพลีย และปวดเมื่อยเนื้อตัวอย่างหนักขนาดทาถูสบู่ตามตัวยังรู้สึกปวดไปถึงกระดูก เวลานอนต้องนอนตะแคงอย่างเดียวจะนอนหงายหรือคว่ำไม่ได้เพราะปวดเมื่อย(ขนาดนั้น) ผมจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาลแม้จะยังสงสัยอยู่ว่าคิดถูกหรือผิดกันแน่ น่าตกใจพอสมควรที่คนป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่เต็มล้นโรงพยาบาล (แต่แทบไม่มีคนที่อยู่วัยเดียวกับผม) ผมคิดในใจว่าถ้าตนเองเป็นเพียงโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ก็คงจะมารับเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่โรงพยาบาลนี่แหละ…
เมธัส บัวชุม
การล่า 1 ล้านรายชื่อของสามเกลอแห่ง "ความจริงวันนี้" เพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่อดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นประเด็นให้คนเสื้อแดงถกเถียงแก้เซ็งไปพลาง ๆ โหมโรงการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป มีความคิดเห็นค่อนข้างหลากหลายในหมู่คนเสื้อแดงด้วยกัน ทั้งนี้เพราะคนเสื้อแดงนั้นมีความหลากหลายในตัวเองอยู่แล้ว คือมีตั้งแต่ "แดงอนุรักษ์" ไปจนถึง "แดงถอนรากถอนโคน" ซึ่งลักษณะที่ว่านี้ไม่มีในหมู่คนเสื้อเหลือง
เมธัส บัวชุม
เป็นความคิดที่ดีของกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีความพยายามจะ “รื้อฟื้น” วันชาติขึ้น เพราะมันมีความหมายและนัยสำคัญต่อประชาธิปไตยและการเมืองไทยอย่างมาก วันชาติเป็นผลพวงของการยึดอำนาจของคณะราษฎรเพื่อเปลี่ยนประเทศไทยสู่ระบอบการปกครองแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเสียงและความคิดเห็นของประชาชน ภายใต้หลักนิติรัฐที่ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเสมอกัน