Skip to main content

คงเป็นเพราะความเชี่ยวชาญส่วนตัวหรือเคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายเรื่องยาเสพติดมาก่อน คุณเฉลิม อยู่บำรุง จึงนำเสนอนโยบายปราบปรามยาเสพติดเพื่อหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหนึ่งว่าจะจัดการเฉียบขาดต่อพ่อค้า (และแม่ค้า) ยาเสพติดโดยลงโทษรุนแรงคือประหารชีวิต อย่างไรก็ตามคุณเฉลิม อยู่บำรุงไม่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นผู้แทนในครั้งนั้น ดังนั้น นโยบายอันดุดันเรื่องนี้ของคุณเฉลิม  อยู่บำรุงจึงถูกพับเก็บไป

การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา นโยบายทางสังคมอย่างเรื่องยาเสพติดและเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้ถูกชูขึ้นหาเสียงมากนัก ผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งหลายโดยมากแล้วจะเน้นเรื่องนโยบายทางเศรษฐกิจ การสร้างความอยู่ดีกินดี สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนเสียเป็นส่วนใหญ่ซึ่งจะว่าไปก็ล้วนแล้วแต่เป็นนโยบายประชานิยมไม่แตกต่างจากนโยบายพรรคไทยรักไทยที่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใด

พรรคประชาธิปัตย์นำเสนอเรื่องการศึกษาฟรีในระดับชั้นมัธยมซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่การให้การศึกษาแก่เยาวชนนั้นเป็นแนวนโยบายแห่งรัฐที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าพรรคไหนได้เป็นรัฐบาลก็จะต้องดำเนินการตามแนวนโยบายนี้อยู่ดี การนำเสนอเรื่องการศึกษาฟรี 12 ปี ของพรรคประชาธิปัตย์จึงไม่มีอะไรใหม่และไม่น่าสนใจ

น่าเสียดายที่บรรดาผู้อาสาเป็นผู้แทน ไม่ได้หยิบยกประเด็นทางสังคมขึ้นมานำเสนอเป็น "ทางเลือก" แก่ประชาชน อาทิเช่น ประเด็นเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ ผู้หญิง เอดส์ สิทธิผู้บริโภค ชนกลุ่มน้อย เด็กเร่ร่อนหรือปัญหาการระบาดของยาเสพติด

ประเด็นเหล่านี้ถูกปล่อยให้อยู่ในความดูแลตามมีตามเกิดของหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบอยู่แล้ว หรือองค์กรพัฒนาภาคเอกชนที่ไม่มีกำลังความสามารถเพียงพอต่อปัญหาใหญ่ๆ ที่มีความซับซ้อน

การเกิดสุญญากาศทางการเมืองทำให้ประเด็นทางสังคมถูกละเลยไปจนน่าเป็นห่วง หลายฝ่ายระดมทรัพยากรเพื่อต่อสู้เอาชนะกันทางการเมืองหรือมุ่งสร้างความสมานฉันท์ทางการเมืองโดยไม่ตระหนักว่าความสมานฉันท์จะเกิดไม่ได้ หากสมาชิกในสังคมยังประสบปัญหาการมีคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่

อันที่จริงก่อนหน้านี้ผมไม่เคยตระหนักถึงความสำคัญและสภาพปัญหายาเสพติด คิดแต่เพียงว่ามันเป็นเรื่องไกลตัว แต่หลังจากที่พบ "ตัวอย่าง" มากมายหลาย "ตัวอย่าง" ด้วยกัน ตลอดจนได้คุยกับผู้ปกครองหลายคนของเด็กที่ตกอยู่ในวังวนยาเสพติดกระทั่งได้ประสบพบเจอกับตัวเอง ผมจึงเห็นว่าเรื่องนี้เป็น "ความจริงของชีวิต" ที่สำคัญอย่างมาก

บริเวณที่ผมอาศัยอยู่นั้นยาเสพติดสามารถหาได้ง่ายมาก    และเด็กวัยรุ่นรู้กันดีว่าจะหามันมาได้อย่างไร แล้วพอได้มาแล้วก็พากันไปรวมตัวกันในทุ่งร้างแห่งหนึ่งซึ่งเหมือนเป็นจุดนัดพบ มิดชิดต่อสายตาสาธารณชนและตำรวจ

บทความที่แล้ว ผมยกตัวอย่างเด็กคนหนึ่งซึ่งมัวเมาจนยากจะถอนตัวจากยาบ้าจนผู้ปกครองประกาศตัดหางปล่อยวัด

เด็กอีกคนที่ผมพบก็มีลักษณะคล้าย ๆ กัน  เด็กคนนี้เริ่มต้นจากบุหรี่เหมือนเด็กคนแรก จากนั้นก็เป็นกัญชาซึ่งราคาไม่แพงนัก ต่อมาก็พัฒนาเป็นยาบ้าซึ่งผมไม่รู้ว่าการเปลี่ยนระดับขั้นจากบุหรี่เป็นกัญชาแล้วเป็นยาบ้านั้น เด็กมีกระบวนการตัดสินใจเกิดขึ้นอย่างไรบ้าง? อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้เด็กบางคนหยุดอยู่ที่การบุหรี่ในขณะที่บางคนไปไกลถึงยาบ้า? ภูมิคุ้มกันของเด็กแต่ละคนแตกต่างกันอย่างไร?

หลังจากเชี่ยวชาญเรื่องการเสพแล้วเด็กคนนี้ก็พัฒนากลายเป็น "เด็กเดินของ"  ซึ่งจะได้ทั้งเงินและยาบ้าเป็นค่าตอบแทนแล้วแต่กรณี

จะเห็นได้ว่าเด็กทั้งสองคนที่ผมกล่าวถึงมี "เส้นทาง" คล้ายกันซึ่งไม่แน่ใจว่าเส้นทางนี้จะไปสุดที่ "บ้านเมตตา" หรือที่คุกหรือเด็กจะพัฒนาต่อไปเป็นพ่อค้ารายใหญ่

อย่างไรก็ตาม เด็กคนนี้ไปไกลกว่าเด็กคนแรกตรงที่ว่ามีผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นจึงมั่วสุมเมามันกันไปทั้งยาเสพติดและผู้หญิงซึ่งก็ได้ผลทันตาเห็น เพราะเด็กผู้หญิงท้องและคลอดลูกออกมาขณะที่ทั้งคู่อายุยังไม่ถึง 15 ปี

ทั้งพ่อและแม่ที่ยังเป็นเด็กเมื่อวานซืนไม่มีปัญญาจะเลี้ยงลูกที่คลอดออกมาโดยไม่ตั้งใจ และก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะเรียนหนังสือได้แต่อยู่ว่าง ๆ ไปวัน ๆ ส่วนลูกที่คลอดออกมานั้นก็ส่งไปให้ญาติฝ่ายหญิงเลี้ยงดู

การมีลูกไม่ได้ทำให้ผู้เป็นพ่อตัดขาดจากยาเสพติด มันแทบไม่เกี่ยวกันเลย "ความเป็นพ่อ" หรือ "ความเป็นแม่"  เป็นเรื่องของวัฒนธรรม ที่ต้องผ่านการสั่งสมสั่งสอน ต้องค่อย ๆ เรียนรู้จากโลกของผู้ใหญ่ซึ่งเด็กเพียงอายุ 15 ไม่สามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ

นี่เป็น "ความจริงของชีวิต" ที่เด็กต้องรับมือในภาวะที่ไม่มีความพร้อมแม้แต่ด้านเดียว เป็นผลพวงจากการใช้ชีวิตเลยเถิด ขาดภูมิต้านทานต่อสิ่งยั่วเย้า และยาเสพติดก็เป็นสิ่งยั่วเย้าที่นอกจากยากจะต้านทานแล้วยังยากที่จะถอนตัวจากมันด้วย.
                                                                       

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
การประท้วงของกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ภายใต้การนำของ สาวิทย์ แก้วหวาน ผู้ซึ่งเป็นแกนนำสหภาพแรงงาน ฯ เป็นการประท้วงในสไตล์เดียวกับการประท้วงของกลุ่มพันธมิตร นั่นคือเอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นตัวประกันเพื่อให้ได้ตามความต้องการของตนเอง 
เมธัส บัวชุม
หลังจากอิดออดเพื่อรักษาท่าทีแต่พองามแล้ว “ผู้ร้าย” สองคนก็เปิดตัวเปิดใจกระโจนเข้าสู่วง ”การเมือง” เต็มตัว “ผู้ร้าย” คนแรก
เมธัส บัวชุม
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนในอำเภอเล็ก ๆ แห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี นานมาแล้วที่ผมไม่ได้ออกไปไหน เพื่อนพาไปเที่ยวป่าและแวะที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่แลดูลี้ลับ วังเวงและยากไร้
เมธัส บัวชุม
สังคมไทยเป็นสังคมที่อยู่กับความโง่ มีความโง่เป็นเจ้าเรือน นับวันความโง่ยิ่งแผ่ขยายแพร่กระจายไปราวเชื้อโรค หลายคนโง่โดยสุจริต  คนเหล่านี้น่าเห็นใจ ถูกครอบงำด้วยความไม่รู้  อคติ ความเกลียดชังทำให้ประสิทธิภาพในการคิดเสื่อมถอย สติปัญญาถูกบิดเบือนไป คนประเภทนี้โง่เพราะถูกอคติทำลายจนมืดบอด
เมธัส บัวชุม
  ในระหว่างที่รัฐบาลกำลังรวนเรเพราะความไร้ฝีมือและความเน่าจากภายใน แทนที่จะทุ่มสมองและแรงงานเพื่อกระหนาบกระหน่ำรัฐบาลโจร คนเสื้อแดงเฉดต่าง ๆ ก็กลับใช้โอกาสนี้วิพากษ์วิจารณ์กันรุนแรงกระทั่งแตกออกเป็นสาย
เมธัส บัวชุม
ในโลกโลกาภิวัฒน์ที่มนุษย์กำลังเดินทางไปในอวกาศเพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก และเตรียมหาที่อยู่บนดาวดวงอื่น ทั้งวิตกกังวลกับโรคระบาดชนิดใหม่ ๆ ซึ่งอาจทำให้มนุษย์ต้องสูญพันธุ์ ประเทศไทยยังคงสนุกสนานเหมือนเด็กเล่นขายของกับการกล่าวหาเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกระทั่งล้มสถาบันสนุกครับ สนุก
เมธัส บัวชุม
ตื่นเช้าขึ้นมา หากไม่มีอะไรเร่งด่วนต้องทำ ผมจะนั่งเขียนโน่น เขียนนี่พร้อม ๆ กับที่เข้าไปในบอร์ดประชาไท อ่านกระทู้ต่าง ๆ อยู่เงียบ ๆ มานานจนเกือบจะกลายเป็นกิจวัตร (ยกเว้นเสาร์-อาทิตย์) แต่หลังเช้าไปแล้ว ผมก็ทำอย่างอื่น ไม่ได้นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ จึงไม่อาจติดตามความเคลื่อนไหวในบอร์ดประชาไทได้อีก ดังนั้นจึงได้อ่านเพียงบางกระทู้เท่านั้นและล้วนแล้วแต่เป็นการอ่านผ่านๆ ทั้งสิ้น
เมธัส บัวชุม
พักหลัง ผมเข้าไปเยื่ยมชมเว็บไซต์ "ASTVผู้จัดการ" บ่อยครั้ง เพื่ออยากรู้ว่าชาวสีเหลืองหรือกลุ่มพันธมิตรคิดอ่านกันอย่างไร มีนวัตกรรมอะไรบ้างในการทำลายฝ่ายตรงข้าม ศึกษากลวิธีในการเต้าข่าว การใส่ไคล้ การใช้ภาษาของบรรดาคอลัมนิสต์ กระทั่งแวะเข้าไปอ่าน "เรื่องนินทาราวตาเห็น" ของ "ซ้อเจ็ด" ผู้โด่งดัง
เมธัส บัวชุม
หลายวันก่อน ได้อ่านบทความของ นิธิ เอียวศรีวงศ์ เรื่อง “ทางออกจากทักษิณ” (มติชนรายวัน, 20 ก.ค. 52.) บทความนี้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนอย่างมากเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนเสื้อเหลืองและแดง  เนื้อหาของบทความ นอกจากปัญญาชนรายนี้จะออกตัวให้กลุ่มพันธมิตรหรือเสื้อเหลืองโดยยกระดับความคิด และการกระทำของคนกลุ่มนี้ว่าเกิดจากทัศนะและความเข้าใจในประชาธิปไตยที่แตกต่างจากกลุ่มเสื้อแดงซึ่งทั้งสองกลุ่มล้วนแล้วแต่มีจุดอ่อน  
เมธัส บัวชุม
นานมาแล้ว ที่ผมไม่เคยเจ็บป่วยขนาดต้องไปโรงพยาบาลหรือหาหมอ อย่างมากก็แค่ซื้อยาแก้เจ็บคอมากิน แต่ครั้งนี้เจ็บคอหลายวัน บวกกับอาการมึนหัว เบื่ออาหาร เพลีย และปวดเมื่อยเนื้อตัวอย่างหนักขนาดทาถูสบู่ตามตัวยังรู้สึกปวดไปถึงกระดูก เวลานอนต้องนอนตะแคงอย่างเดียวจะนอนหงายหรือคว่ำไม่ได้เพราะปวดเมื่อย(ขนาดนั้น) ผมจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาลแม้จะยังสงสัยอยู่ว่าคิดถูกหรือผิดกันแน่ น่าตกใจพอสมควรที่คนป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่เต็มล้นโรงพยาบาล (แต่แทบไม่มีคนที่อยู่วัยเดียวกับผม) ผมคิดในใจว่าถ้าตนเองเป็นเพียงโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ก็คงจะมารับเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่โรงพยาบาลนี่แหละ…
เมธัส บัวชุม
การล่า 1 ล้านรายชื่อของสามเกลอแห่ง "ความจริงวันนี้" เพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่อดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นประเด็นให้คนเสื้อแดงถกเถียงแก้เซ็งไปพลาง ๆ โหมโรงการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป มีความคิดเห็นค่อนข้างหลากหลายในหมู่คนเสื้อแดงด้วยกัน ทั้งนี้เพราะคนเสื้อแดงนั้นมีความหลากหลายในตัวเองอยู่แล้ว คือมีตั้งแต่ "แดงอนุรักษ์" ไปจนถึง "แดงถอนรากถอนโคน" ซึ่งลักษณะที่ว่านี้ไม่มีในหมู่คนเสื้อเหลือง
เมธัส บัวชุม
เป็นความคิดที่ดีของกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีความพยายามจะ “รื้อฟื้น” วันชาติขึ้น เพราะมันมีความหมายและนัยสำคัญต่อประชาธิปไตยและการเมืองไทยอย่างมาก วันชาติเป็นผลพวงของการยึดอำนาจของคณะราษฎรเพื่อเปลี่ยนประเทศไทยสู่ระบอบการปกครองแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเสียงและความคิดเห็นของประชาชน ภายใต้หลักนิติรัฐที่ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเสมอกัน