Skip to main content

พึ่งจบกันไปหมาด ๆ สำหรับอนิเมชั่นเรื่องดังประจำซีซั่นนี้อย่าง Lycoris  Recoli จากค่าย A-1 Picture ที่นอกจากจะเป็นม้ามืดประจำซีซั่นนี้ที่ได้รับความนิยมแบบถล่มทลายจนแซงหน้าบรรดาอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์เรื่องอื่น ๆ ไปแบบไม่มีกังขา โดผลโหวตจากสำนักอนิเมชั่นต่าง ๆ โหวตให้เรื่องนี้อยู่ในอันดับหนึ่งและสองสลับไปสลับมา นี่ยังรวมไปถึงยอดขายถล่มทลายของไลท์โนเวลฉบับ Spinoff ของเรื่องนี้ที่มียอดขายถึง 100000 เล่มตั้งแต่การเปิดพรีออร์เดอร์ และ ขาดตลาดจนต้องพิมพ์ใหม่ทันที (แถมยังหมดเกลี้ยงอีก) เรียกว่า เป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของวงการอนิเมชั่น ไม่พอแม้แต่ ฮิเดโอะ โคจิม่า ผู้กำกับและนักสร้างเกมชื่อดังจากซีรีย์เกมอย่าง Metal Gear Solid , Silent Hill ก็ยังออกมาชื่นชมเรื่องนี้จนไลท์โนเวลต้องเชิญแกมาเขียนคำนิยมบนสายคาดปกด้วย (ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน) แถมแกยังใส่เสื้ออวยนางเอกของเรื่องไปถ่ายรายการอีกต่างหาก จนหลายคนพากันสนใจว่า อนิเมชั่นเรื่องนี้ได้รับความนิยมได้อย่างไรกัน ?

(ไลท์โนเวลภาคแยกได้รับการเขียนคำนิยมโดย ฮิเดโอะ โคจิมะ และ ขายดีจนรีเซลขายกันในราคานี้ในญี่ปุ่น)

                ยิ่งเมื่อพิจารณาจากผู้กำกับและคนเขียนบทเรื่องนี้ได้แก่ Shingo Adachi นั้น ตัว Lycoris  Recoli เป็นงานกำกับเต็มตัวครั้งแรกของเขา หลังจากวนเวียนอยู่ในวงการนี้มานานสิบปีในฐานะของคาแรคเตอร์ดีไซน์ และ อยู่เบื้องหลังผลงานดัง ๆ อาทิ Sword Art Online , Pompo: The Cinéphile ก็ดูเป็นมือใหม่ของวงการมากจนแทบไม่น่าจะเป็นแรงจูงใจใด ๆ มากนัก แบบเดียวกับงานอื่นๆ ของค่ายนี้ที่หลายคนแค่ดูเล่น ๆ ก็ผ่านไปเท่านั้นเอง

                จนกระทั่งตอนที่ 1 ของเรื่องนี้ออกฉาย ผลคือ Lycoris  Recoil ดังเปรี้ยงปร้างไม่ต่างกับกระสุนปืนในเรื่องเลย เพราะ นอกจากการออกแบบตัวละครที่ยอดเยี่ยมจนหลายคนจดจำ โดยเฉพาะตัวเอกสองอย่าง จิซาโตะ และ ทาคินะแล้ว บทอนิเมชั่นเรื่องนี้ก็ทำมาได้น่าสนใจน่าติดตามจนคนดูถึงกับเซอร์ไพรส์และกลายเป็นงานที่คนรอชมกันแทบทุกสัปดาห์จนกระทั่งถึงตอนจบที่ทำให้หลายคนปรบมือให้กับเรื่องนี้ว่า นี่คือ หนึ่งในอนิเมชั่นยอดเยี่ยมแห่งปีได้อย่างไม่ขัดเขินแต่อย่างใด ไม่พอคนจะรักเรื่องนี้

                ทำไม Lycoris  Recoil ถึงประสบความสำเร็จ และ ทำไมมันถึงมีความน่าสนใจกว่าอนิเมชั่นหลาย ๆ เรื่องคงต้องพาทุกท่านไปรู้จักเนื้อหาของ Lycoris  เสียก่อน

                Lycoris  Recoil เล่าเรื่องของเมืองโตเกียวในอนาคตภายหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายครั้งใหญ่ที่ทำให้ตึกวิทยุถึงกับพังไปข้าง ตอนนี้โตเกียวกลายเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ ไร้อาชญากรรม ไร้ความรุนแรงใด ๆ มาหลายปีแล้วทำให้ประชาชนอยู่อย่างมีความสุข ทว่า ภายใต้หน้าฉากนี้เองจริง ๆ แล้วโตเกียวมีองค์กรลับของรัฐบาลที่นำบรรดาเด็กกำพร้าชายหญิงมาเลี้ยงดูฝึกฝนให้เป็นนักฆ่าในชื่อของ D.A ซึ่งบรรดาเด็กเล่านี้จะได้รับอนุญาตให้ใช้อาวุธฆ่าคนหรือจับกุมได้โดยไม่ผิดกฏหมายแต่อย่างใด พวกเธอจะทำงานอยู่ในความเงียบ ไม่มีตัวตนที่คนรู้จัก แน่นอนว่า พวกเธอคือ Lycoris  ที่มาจากดอกไม้อย่าง สไปเดอร์ ลิลลี่ นั้นเอง ทว่าในภารกิจจับกุมพ่อค้าอาวุธเถื่อนนั้นได้ทำให้ ทาคินะ ไลโคริสสาวผู้แสนจริงจังถูกไล่ออกจากทีมเนื่องจากขัดคำสั่งของผู้บัญชาการ เธอจึงถูกส่งมายังร้านกาแฟที่มีชื่อว่า Lyco-Reco เพื่อทำงานร่วมกับ Lycoris ระดับตำนานอย่าง จิซาโตะ เพื่อหาทางกลับไปยังหน่วยเดิมให้ได้ ทว่า จิซาโตะที่เธอได้เจอกับเด็กสาวรุ่นพี่ผู้แสนจะร่าเริง ไม่จริงจัง ตีซี้ แถมยังชอบสนุกกับสิ่งต่าง ๆ จนไม่สนใจภารกิจอีกด้วย

                เรื่องราวของสองสาวผู้มีความคิด วิธีการ และ ตัวตนที่ต่างกันสุดขั้วจึงเริ่มขึ้น

                แน่นอนครับว่า เรื่องราวของเรื่องนี้ถูกเล่าโดยใช้ตัวละครหญิงสองคนที่มีความโดดเด่นทั้งรูปร่างหน้าตา เอกลักษณ์ และ รวมไปถึงการออกแบบคาแรคเตอร์ให้น่ารักโดดเด่นกว่าตัวละครตัวอื่นยิ่งทำให้สะดุดตา นี่ยังไม่รวมถึงการที่ตัวเรื่องไม่ปิดบังเรื่องความรักระหว่างเพศเดียวกันของสองตัวละครให้จิ้นมีโมเม้นต์กันอยู่เรื่อย ๆ ยิ่งทำให้หลายคนพากันกรี้ดกราดกันแทบตลอดเวลา

                แต่นั้นแหละ ไม่ใช่เพราะ ตัวละครน่ารักถึงได้ดัง แต่ Lycoris นั้นมีเรื่องราวพัฒนาการและการเขียนบทที่ค่อย ๆ พัฒนาเรื่อง พัฒนาตัวละครไปทีละน้อยจนคนดูรู้สึกเติบโตและลุ้นไปเรื่องราวนี้ไปพร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะสองตัวละครหลักที่ต่างเป็นขั้วของกันและกันอย่างชัดเจน

                ถ้าจะมองหาตัวละครที่สามารถศึกษาการเขียนบทพัฒนาตัวละครได้ดีสักตัว อิโนอุเอะ ทาคินะ คงได้ถูกพูดถึงแน่นอน ด้วย เพราะเรื่องนี้ดำเนินเรื่องผ่านสายตาของทาคินะตลอดเวลา โดยเริ่มต้นจากเด็กสาวที่เกิดมาเพื่อเป็น Lycoris  นักฆ่าขององค์กร D.A เธอไม่มีพ่อไม่มีแม่ ไม่มีครอบครัว ชีวิตเติบโตมาในองค์กรนี้ตลอด (ซึ่งฟุกิ หัวหน้าของเธอพูดบอกว่า องค์กรคือพ่อแม่) ทาคินะมีฝีมือการยิงปืนระดับฉกาจ แม่นยำจับวางชนิดแม้แต่จิซาโตะยังยอมรับ ความเชื่อมั่นและปรารถนาที่มีต่อภารกิจองค์กรนี้ของทาคินะมหาศาลมากชนิดว่า ถ้าเพื่อภารกิจจะให้ทำอะไรก็ทำหมด แม้กระทั่งละเมิดคำสั่งจนภารกิจล่มไปก็ตาม นิสัยของทาคินะที่เถรตรงไม่มีนอกไม่มีในนี้ทำให้เธอต้องออกจากองค์กรมาหลังทำภารกิจจับพ่อค้าอาวุธล่ม และนั้นทำให้เธอมาเจอกับจิซาโตะ Lycoris รุ่นพี่ผู้ที่ต้องข้ามกับเธอไปซะหมดจนบ้างครั้งเธอหงุดหงิดใส่จิซาโตะที่ทำภารกิจเป็นของเล่น หรือ มองว่าควรมีอิสระเสียบ้างซึ่งทั้งคู่ปะทะกันตลอดเวลาในเรื่องนี้

                “การทำแบบนี้จะทำให้ฉันกลับไป D.A ได้จริง ๆ เหรอ ?”

                เธอถามจิซาโตะทีพาเธอไปลาดตระเวนในเมือง ช่วยผู้คนตั้งแต่โรงเรียนสอนภาษา รับงานส่งกาแฟ ไปจนถึง งานบอดี้การ์ดเป็นต้น ซึ่งจิซาโตะตอบว่า

                “ก็ไม่นี่ ?”

                พอเป็นแบบนั้นทาคินะยิ่งโกรธ แถมยังได้เห็นว่า จิซาโตะนั้นใช้กระสุนแบงค์ยิงใส่คู่ต่อสู้ ซึ่งต่างจากเธอที่ยิงด้วยกระสุนจริงอย่างไม่ลังเล เธอถึงกับโกรธจิซาโตะที่ไม่ยอมฆ่าศัตรูด้วยซ้ำ แถมยังเห็นจิซาโตะไปช่วยปฐมพยาบาลพวกนั้นอีก เธอถึงกับหงุดหงิดออกมาทันทีว่า

                “ทำไมถึงเสียเวลาทำแบบนั้นคะ ช่วยพวกนั้นได้อะไรขึ้นมาคะ ?”

                คำตอบของจิซาโตะก็จะเป็น

                “ฉันไม่อยากช่วงชิงเวลาของคนอื่นมานี่ คนที่เป็นศัตรูวันนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นศัตรูวันหน้าเสมอไปนี่ ?”

                นี่ยังไม่รวมการที่ทาคินะเอากระทั่งลูกค้ามาใช้เป็นเหยื่อล่อศัตรูแบบไม่ลังเลจนจิซาโตะยังตกใจว่า เอาจริงดิ เอาลูกค้ามาเป็นเหยื่อล่อนี่นะ หรือ ตอนที่ทำภารกิจปกป้องวอลนัทพลาด ตัวของจิซาโตะร้องไห้เนื่องจากเศร้าที่เห็นวอลนัทตาย แต่ทาคินะไม่มีน้ำตาใด ๆ ออกมาแถมยังหงุดหงิดใส่จิซาโตะว่า มัวแต่ไปช่วยรักษาศัตรูจนทำภารกิจพลาดแทน ซึ่งตรงนี้ทำให้เราเห็นถึงสิ่งสำคัญในสายตาของทั้งคู่ได้ชัดเจนว่าแตกต่างกันเพียงใด

                นี่ยังไม่รวมถึงจัดแบ่งตอนเดินทางไป D.A ไปจิซาโตะนั้น ทาคินะนั่งอยู่ตรงข้ามกับจิซาโตะตลอดเวลา อีกทั้งยังปฏิเสธจะเล่นเกมกับคนในร้าน หรือ สนุกสนานกับคนอื่น ๆ รวมทั้งการกินของอย่าง ขนมหรือกระทั่งลูกอมอีกต่างหาก (เนื่องจาก Lycoris จะต้องรักษาสภาพร่างกายเอาไว้ทำให้ต้องหลีกเลี่ยงของหวานเอาไว้) ทำให้เรารู้ว่า ทาคินะต้องการเป็นคนสำคัญหรือสิ่งของจำเป็นของ D.A นั้นเอง

                อย่างที่องค์กรปลูกฝังเอาไว้แต่ต้น

                เพียงแค่ว่า การมีอยู่ของทาคินะนั้นกลับเป็นหนามแทงใจของ D.A เพราะ คนดูได้รับรู้ว่า ข่าวสารของ D.A ผิดพลาดจากการแทรกแซงของวอลนัทและโรโบตะทำให้การซื้อขายเพี้ยนไปหลายชั่วโมงก่อนที่หน่วยของทาคินะจะไปถึงซะอีก

                ทว่า D.A ไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดพลาดและผลักให้ทาคินะผิดอยู่ดีส่งผลให้ทาคินะหมดสิ้นเป้าหมายเมื่อองค์กรของตัวเองทอดทิ้ง

                แต่ก็เป็นจิซาโตะที่พยายามปกป้องคู่หูคนนี้และแก้แค้นที่ฟุกิ หัวหน้าเดิมของทาคินะต่อยหน้า สำคัญคือ การบอกให้ทาคินะว่า D.A ไม่ใช่ชีวิตของตัวเอง แต่ ชีวิตของทาคินะนั้นยังมีอะไรอีกมากมายมากเกินกว่าจะไปเศร้ากับองค์กรแบบนี้

                ลองหามันกับเธอดูอาจจะสิ่งที่สำคัญก็ได้

                คำพูดของจิซาโตะไปจุดประกายให้ทาคินะตัดสินใจได้และก้าวเท้าออกจาก D.A มาและใช้ชีวิตกับจิซาโตะและคนอื่นมากขึ้น

                จากที่เคยนั่งตรงกันข้ามกับนั่งอยู่เคียงข้าง

                จากไม่เคยกินลูกอม หรือ ขนม เธอกลับอมมันอย่างสบายใจแถมรับรู้ถึงความอร่อยได้โดยขัดเขิน ได้คุย ได้หัวเราะ ได้สนุกสนานกับทุกคน ตัวเธอจะค่อย ๆ ได้เรียนรู้แนวคิดเรื่องชีวิต อิสระ และ ความเป็นมนุษย์มาจากจิซาโตะทีละน้อยทีละน้อยจนกระทั่งในที่สุดเธอก็ได้ค้นพบตัวเองว่า ตัวเธอนั้นไม่ใช่เครื่องสังหารขององค์กรอีกต่อไป

                เธอเริ่มร้องไห้ เริ่มโกรธ เริ่มแสดงอารมณ์มากขึ้น และ ที่สำคัญพร้อมทำทุกอย่างเพื่อปกป้อง จิซาโตะ คนสำคัญของเธอ ไม่ว่าจะมันทำให้โดนไล่ออก หรือ เป็นอาชญากรก็ตาม พัฒนาของเธอสำคัญและเขียนเป็นลำดับขั้นตอน ยิ่งไคลแม็กซ์ของตอนที่ 12 เธอถึงพร้อมฆ่าคนเพื่อเอาหัวใจเทียมจากโยชิมาด้วยซ้ำ 

                ทั้งที่เธอควรโฟกัสภารกิจที่ได้รับ แต่ ทาคินะเลือกจะปกป้องจิซาโตะ

                จะช่วยชีวิตคนสำคัญของเธอเอาไว้

                ต่อให้ต้องเป็นปีศาจก็ตาม

                โชคดีที่จิซาโตะห้ามเอาไว้ ไม่งั้นทาคินะคงได้เป็นอาชญากรไปแล้วจริง ๆ

                ตรงนี้แหละที่เรารู้สึกเลยว่า ทาคินะที่เป็นเครื่องจักรขององค์กรไม่มีอีกต่อไป

                นี่ยังไม่รวมถึงความสามารถของเธอที่ก้าวข้าม Lycoris คนอื่นไปหมด (รวมทั้งจิซาโตะด้วย) ทำให้เราบอกได้ว่า ยิ่งเธอเป็นมนุษย์มากเพียงใด ยิ่งมีความรู้สึก มีอารมณ์มากแค่ไหน เธอไม่ได้อ่อนแอเลย แต่กลับแข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่าเดิม เสียอีก

                ทาคินะเปลี่ยนไปแล้ว

.               แน่ละว่า คนที่เปลี่ยนแปลงทาคินะไปไม่ใช่ใครนอกเสียจากนางเอกอีกคนอย่าง นิชิคิกิ จิซาโตะ

                ถ้าทาคินะเป็นตัวละครที่พัฒนาการสูงสุดของเรื่องแล้ว จิซาโตะเป็นตัวละครที่แทบจะไม่เปลี่ยนไปเลยตลอด 12 ตอนที่ผ่านมา อาจจะเป็นเพราะ ตัวเธอนั้นเป็นคนที่เผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงมาแต่ต้นแล้วน่ะเอง

                เล่าย้อนว่า จิซาโตะคือ ไลโคริสที่เก่งที่สุดเท่าที่เคยมี เธอสามารถปฏิบัติการได้โดยลำพัง แถมเป็นตำนานของเมืองเนื่องจากถล่มผู้ก่อการร้ายมาแล้วในอดีตเมื่อสิบปีก่อน แน่ละว่าสำหรับ Lycoris คนอื่นนั้น เธอเป็นเหมือนไอดอลที่หลายคนอยากจะเป็น กระนั้นเองเราได้รู้ว่า ตัวจริงของเธอนั้นกลับเป็นเด็กไม่ได้จริงจังอะไร ชอบเล่นสนุก คุยเล่นหัว สนิทสนมกับคนอื่นอย่างง่ายดาย และสำคัญคือ ไม่ฟังคำสั่งขององค์กร ทำอะไรตามใจตัวเอง ซึ่งทำเอาทะเลาะกับทาคินะไปชั่วขณะ

                โดยเฉพาะแนวคิดที่ว่า  ไม่ช่วงชิงชีวิตใคร และ การให้ความสำคัญกับชีวิตของทุกคน แม้แต่ศัตรูเองก็ตาม

                โดยเฉพาะศัตรูที่จิซาโตะถึงกับปฐมพยาบาลรักษาแผลให้แทบทุกคน ตรงนี้ทาคินะไม่เข้าใจว่าจะช่วยคนอื่นทำไมกัน คำตอบของจิซาโตะก็คือ

                “ฉันไม่มีสิทธิไปช่วงชิงเวลาของคนอื่นหรอก”

                นั่นคือเหตุผลที่จิซาโตะไม่ฆ่าใคร

                “ศัตรูของวันนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นศัตรูของวันพรุ่งนี้สักหน่อย ใครก็มีครอบครัวหรือคนรออยู่ข้างหลังทั้งนั้นแหละ”

                นี่คือเหตุผลอีกข้อที่เธอไม่ฆ่าใครแทบยังช่วยชีวิตศัตรูที่พึ่งยิงไปหมาด ๆ อีก

                ทั้งที่เมื่อก่อนเธอเองก็ไม่ได้ต่างกับทาคินะสักเท่าไหร่นักหรอก เพียงแค่ว่า เธอได้รู้ซึ้งถึงสิ่งที่เรียกว่า ชีวิตมาจากการตัวของจิซาโตะเฉียดตายมาครั้งหนึ่ง และ ปัจจุบันหัวใจของเธอเป็นหัวใจเทียมที่มีโอกาสจะหยุดเต้นได้ตลอดเวลาได้ซ้ำ

                การที่เธอรู้ซึ้งถึงความตาย มันทำให้เธอได้รู้จักคุณค่าชีวิตผ่านคนที่ช่วยชีวิตเอาไว้อย่างชัดเจน จากนั้นเธอก็ใช้ชีวิตแบบไม่ฆ่าใคร กระสุนที่ใช้ยังเป็นกระสุนแบงเอาแค่เจ็บเท่านั้นเพื่อแสดงเจตนารมณ์นั้นแบบชัดเจน ต่างจากทาคินะหรือ lycoris ที่ฆ่าคนได้โดยไม่ไตร่ตรองนอกจากคำสั่ง แต่ จิซาโตะกลับสอนคุณค่าชีวิตให้ทุกคนว่า ชีวิตน่ะมันสวยงาม อย่าไปพรากช่วงเวลาของคนอื่นโดยพละการสิ

                ยิ่งเมื่อจิซาโตะได้รู้ว่า หัวใจของเธอกำลังหยุดเต้นในสองเดือน แทนที่เธอจะฟูมฟายร้องไห้สิ้นหวัง เธอกลับรู้สึกว่า ตัวเองต้องทำอะไรอีกเยอะแยะ ทั้งการสวมชุดกิโมโน การเดทกับทาคินะ หรืออื่น ๆ ที่เธอทำมันด้วยความรู้สึกสนุกสนานอย่างที่สุด

                จะได้ไม่มีอะไรติดค้างอีก

                แน่ละว่า ความดีของจิซาโตะเปลี่ยนทุกคนได้ ทาคินะเป็นมนุษย์ แม้แต่บอสใหญ่ของเรื่องนี้อย่าง มาจิมะ เองก็นับถือจิซาโตะเหมือนกัน อย่างที่เจ้าตัวพูดว่า วันนี้เป็นศัตรู วันหน้าอาจจะเป็นเพื่อนก็ได้นั้นแหละ

                การใช้ชีวิตแบบจิซาโตะเป็นเหมือนเงาที่ทาคินะวิ่งตามเพราะ รู้ถึงความตาย เพราะรู้ถึงคุณค่าชีวิต จิซาโตะก็ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่เหมือนบอกให้เรารู้ว่า นี่ ยังดีที่พวกเรายังมีชีวิตอยู่

                ถ้ามีชีวิตก็ใช้มันให้เต็มที่สิ ก็ยังไม่ตายไม่ใช่เหรอ ?

                ณ วินาทีก่อนหัวใจจะหยุดเต้น จิซาโตะมองไปยังเมืองที่เธอปกป้องและพูดถึงสิ่งที่อยากจะทำอีกมากมายต่อจากนี้ ทั้งผู้คน เพื่อน ๆ ลูกค้า อาจารย์ของเธอ รวมทั้งทาคินะ

                มันทำให้กลัวตายขึ้นมานิด ๆ

                มันทำให้เรารู้สึกจิซาโตะเองเป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนี่งเท่านั้น

                เด็กผู้หญิงที่แค่อยากจะหัวเราะ อยากจะร้องไห้ อยากจะสนุก อยากเดินช้อบปิ้ง ดูหนัง ดูดอกไม้ไฟ เที่ยวทะเล และอื่น ๆ อีกมากมาย

                มันทำให้เราเข้าใจและเห็นใจในตัวจิซาโตะขึ้นมา

                เพราะหากจิซาโตะตายขึ้นมาจริง เมืองนี้อาจจะถึงดับสูญ ทาคินะอาจจะกลายเป็นอสูรร้ายได้เหมือนกัน เช่นเดียวกับสิ่งที่เธอปกป้องอาจจะพินาศไปด้วย

                จิซาโตะจึงเป็นเหมือนดอกฮิกังที่บานปกป้องหลุมศพ ณ ศาลเจ้าอันรกร้างที่มีดวงตะวันสวยงามอยู่เบื้องหลังนั้นเอง

                ไม่แปลกหากเราดูพัฒนาการทาคินะ และ จิซาโตะ เราจะรู้สึกว่า นี่คือเรื่องราวของเด็กที่กำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่หรือการก้าวผ่านวัยอย่างแท้จริง

                ขณะที่ทั้งสองคนดิ้นรนเพื่อไขว้คว้าความสุขอย่างเต็มกำลัง ตัวเรื่องสาดส่องไปยังบรรดาผู้ใหญ่และองค์กรในเรื่องนี้จะพบว่า พวกเขาเองก็มีแต่กังขาอยู่มากมายจนรู้สึกเชื่อใจพวกเขาไม่ได้อย่างสนิทใจ

                ไม่ว่าจะเป็น D.A เองที่แม้จะเป็นองค์กรที่รักษาความสงบของเมืองไม่ให้มีการก่อการร้ายหรืออาชญากรรมใด ๆ ก็ตาม ความน่ากังขาหลายอย่าง อาทิ การที่ข่าวกรองคาดเคลื่อนจนทำให้ทีมของทาคินะไปผิดเวลาจนไม่สามารถนำปืนเถื่อนกลับมาได้ หรือ การใช้เด็กกำพร้าในฐานะมือสังหารที่สุดท้ายก็พากันตายหลายสิบหลายร้อยคนอย่างไร้ค่าทำให้เรารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลว่า องค์กรนี้มีบางอย่างผิดปกติอยู่หรือเปล่า ?

                เช่นเดียวกับคำถามที่ว่า การนำเด็กกำพร้าเหล่านี้มาชุบเลี้ยงให้เป็นนักฆ่า หรือ เครื่องจักรศีลธรรมแบบนี้มันถูกควรแล้วหรือ ?

                เช่นเดียวกับองค์กรอลันที่มีหน้าฉากในการช่วยเหลือเด็กที่มีพรสวรรค์ต่าง ๆ ผ่านเทคโนโลยีที่พวกเขาพัฒนา แต่เบื้องหลังกลับอุดหนุนการก่อการร้าย ไปจนถึงอาชญากรมากมายอีกจนเราสงสัยในความมีอยู่ของคนเหล่านี้

Lycoris Recoil's Alan Institute Explained

                ตัวองค์กรทั้งหมดที่เด็กในเรื่องพึ่งพา หรือ สังคมให้ความสำคัญกับมีแต่ความน่าสงสัยไปหมด

                จนเรารู้สึกว่า เบื้องลึกเบื้องหลังขององค์กรพวกนี้อาจจะถูกเล่าในอนาคต

                เพราะตอนจบได้บอกเราแล้วว่า ความผิดพลาดของ D.A ได้ทำให้ปืนจำนวนไปอยู่ในมือคนมากมายหลายร้อยกระบอกที่ที่อาจจะมีคนอยากจะใช้มันทำอาชญากรรมในอนาคตอีกก็ได้

                แบบที่มาจิมะ ตัวร้ายของเรื่องเองยังพูดว่า ยังไม่ถึงเวลารอก่อน

                รอเมล็ดพันธุ์ของเขา เมล็ดแห่งการหวาดระแวงสุกงอม เมล็ดแห่งความสงสัยที่ผู้คนมีต่อ D.A และ Lycoris เกิดขึ้น

                แม้ว่า แผนการของเขาจะพังพินาศไปแต่ก็ยังไม่จบ

                มันยังเหลือเมล็ดพันธุ์เหลืออยู่

                รอแค่เวลาเท่านั้นเอง

                อีกสิ่งที่เราต้องชื่นชอบ Lycoris คือ การสร้างความหลากหลายของโลกออกมาได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเขื้อชาติของตัวละคร ที่มีตั้งแต่ ญี่ปุ่น ฝรั่ง ไปจนถึง คนผิวสี ได้อย่างขัดเขิน ไม่รวมถึง เพศสภาพของตัวละครที่เรื่องไม่ปิดบังเลยว่า เป็นแนว Yuri (หญิงรักหญิง) และแน่นอนว่า เคมีของจิซาโตะและทาคินะนั้นออกมาดีเข้าขาจนกลายเป็นเครื่องชูรสที่ทำให้เรื่องนี้ดูหวานแหววมาก ไม่ใช่แค่นี้ ตัวละครอื่นอย่าง คุรุมิกับมิซึกิก็เป็นคู่รักอีกคู่ หรือ คู่ของอาจารย์มิกะของจิซาโตะที่เป็นเกย์อย่างเปิดเผย (หรือกระทั่งหัวหน้าของ D.A เองก็ดูเป็นทรานเจนเดอร์) โลกของ Lycoris จึงเต็มไปด้วยความหลากหลายของโลกและแน่นอนว่า เป็นปกติจนเราไม่ขัดเขินใด ๆ (ต่างจากอนิเมชั่นของตะวันตกที่เราหงุดหงิดกับประเด็นนี้ที่ไม่เข้ากับเรื่องเสียเหลือเกิน) ทั้งสิ้น ทำให้ Lycoris นำเสนอโลกใบนี้มาแบบปกติ ไม่สิ สามัญเป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้ทุกเมื่อเชื่อวัน

                ดังเช่นที่อนาคตของเรื่องนี้ไม่ใช่ของพวกผู้ใหญ่แต่เป็นเหล่า ๆ เด็กในเรื่อง

                จิซาโตะ ทาคินะ คุรุมิ มิซึกิ ฟุกิ หรือ ซากุระ ทุกคนคืออนาคต

                อนาคตที่พวกเขาจะตัดสินเอาเองว่า โลกของพวกเขาจะเป็นเช่นไร อนาคตของโลกจะไปทางไหน

                ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใหญ่จะมาบังคับ

                เหมือนเช่นเรื่องนี้ที่ที่ทาคินะและจิซาโตะได้ก้าวเท้าออกจากญี่ปุ่นมาสู่ฮาวาย (ทั้งที่เป็นไปไม่ได้ในเชิงปฏิบัติ เพราะ Lycoris ไม่มีทะเบียนบ้านทำพลาสปอร์ตไม่ได้) และใช้ชีวิตที่นี่อย่างมีความสุข

                อนาคตคือ สิ่งที่เราสร้างขึ้นมา ไม่ใช่สิ่งกำหนดไว้โดยใครหรือโชคชะตา

                แบบที่เด็กสาวแห่ง Lycoris ได้ทำให้เห็น

 

ป.ล. สามารถชมเรื่องนี้ได้แบบถูกลิขสิทธิ์ได้ที่เว็บ AIS PLAY ครับ แบบซับไทยจนจบครับผม

ป.ล. คาดกันว่า ไลท์โนเวลภาษาไทยอาจจะมีแปลแบบถูกลิขสิทธิ์กันเร็ว ๆ นี้ เพราะ กระแสและความนิยมมากจริง ๆ ยิ่งตอนจบแล้วยิ่งพุ่งไปใหญ่

ป.ล. มีทฤษฏีตอนจบที่น่าสนใจว่า ทั้ง ทาคินะ และ จิซาโตะได้คบหาดูใจกันในฐานะคนรักกันแล้ว ด้วยนัยยะทั้ง กำไลข้อมือของทั้งคู่เป็นแบบที่แฟนแลกให้กัน , การไปฮาวายที่เป็นรัฐที่สามารถจดทะเบียนสมรสของเพศเดียวกันได้ รวมทั้งคำว่า คู่หู ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Partner ที่แปลว่า คู่ชีวิตได้ทำให้แฟนคลับฟินกันตายตาหลับกับตอนจบนี้กันไม่ต้องสืบครับ

บล็อกของ Mister American

Mister American
         สวัสดีครับพบกับรายการพะโล้ทุกเรื่องกับมิสเตอร์อเมริกันอีกครั้ง ตอนนี้ผมอยู่ที่ประเทศวาดิย่า ประเทศเล็ก ๆ ทางแอฟริกาเหนือครับ ซึ่งพึ่งผ่านพ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีในระบอบประชาธิปไตยเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี และตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่กับประธานาธิบ
Mister American
  “สิ่งที่เป็นความจริง เราไม่จำเป็นต้องเอามาพูดกันก็ได้ เราเอาเรื่องดี ๆ มาพูดกันดีกว่า” (1) คำพูดจากรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมท่านหนึ่งที่พูดในระหว่างเหตุการณ์แบนหนังเรื่องหนึ่งในปี 2554 ที่กลายเป็นข่าวใหญ่เมื่อมีคนบอ
Mister American
          ท่ามกลางควันสีขาวที่โพยพุ่งออกมาจากปล่องของเมรุแห่งหนึ่งในอำเภอเล็กๆ ที่แสนสงบสุข ชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงเก้าอี้หน้าเมรุนั้นพลางทำสีหน้าที่ยากจะบรรยายได้ว่า เขากำลังคิดอะไรอยู่ภายในใจหลังจากที่คู่ชีวิตของเขาได้จากลาลับไปเสียก่อนแล้ว สีหน้าที่นิ่งเฉยของชายชราพร้
Mister American
  ในที่สุดมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติอย่าง โอลิมปิค 2012 ก็ได้จบลงไปแล้ว ซึ่งถือได้ว่าเป็นโอลิมปิคที่หลายคนจดจำและลุ้นกันอย่างเต็มที่ว่า ทัพนักกีฬาของประเทศไทยจะคว้าเหรียญทองกลับมาได้หรือไม่ นอกจากยังมีควันหลงมากมายที่เกิดขึ้นในกีฬา
Mister American
             ช่วงนี้การเมืองของประเทศไทยดูค่อนข้างสงบเรียบร้อยดีนะครับ ไม่ค่อยมีเหตุการณ์ที่ชวนให้เสียวบั่นท้ายแบบเมื่อเดือนที่แล้วหรือเมื่อหลายปีก่อนเท่าไหร่นักราวกับ พายุฝนได้พัดผ่านไปแล้ว ทว่า ความสงบนี้เองกลับเป็นความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตรเท่าใด เพราะมีคำกล่าวไว้ว่า  น้ำนิ่งย่อมไหลลึก หรือ ความสงบสุขก่อนพายุลูกใหม่จะมาถึง   
Mister American
          ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจแก่เหตุโศกนาฏกรรมในโรงหนังในรัฐโคโลลาโด้ นี่เป็นอีกครั้งที่สังคมอเมริกาได้รับรู้ว่า ภัยที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่การก่อการร้ายแต่เป็นระบบการซื้อขายปืนที่ง่ายดายอย่างยิ่งราวกับขนมของประเทศตัวเอง ซึ่งในความเห็นของผมแล้ว ควรจะมีการทบทวนกฎหมายนี้ให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้นเสียที หลายคนถามผมว่ามันเกิดจากอิทธิพลของหนังหรือเปล่า ผมส่ายหน้าว่า หนังไม่มีทางทำให้คนลุกขึ้นยิงใครแบบนั้นแน่นอน  ซึ่งต้องอยู่ที่การสืบสวนของทางเจ้าหน้าที่ว่าจะออกมาอย่างไร  
Mister American
               กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เด็กชายตัวเล็กๆในครอบครัวคนรวยอันแสนอบอุ่นนามว่า บรูซ เวย์น ต้องเปลี่ยนไปตลอดกาลเมื่อพ่อและแม่ของเขาถูกฆ่าด้วยโจรกระจอกคนหนึ่งส่งผลให้โลกของเขาล่มสลายไปในทันตาแถมกฎหมายยังไม่สามารถเอาผิดโจรคนนั้นได้นั้นทำให้ตั
Mister American
             เชื่อว่า หลายคนคงได้รับทราบสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยกันไปแล้วนะครับ และผมเชื่อว่า มีปฏิกิริยาหลายอย่างเกิดขึ้นแน่ๆในสังคมไทยแห่งนี้ แต่ที่แน่ๆก็คือ ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมไทยยังไม่ยุติ แต่กำลังเริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง มีหลายคนถามผมว่า เพราะอะไรประเทศไทยถึงเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่า หลายคนก็คงมีคำตอบเป็นของตัวเองกันอยู่แล้ว แต่สำหรับทัศนะของผมแล้ว การที่ประเทศไทยเป็นอย่างทุกวันนี้นั้นก็เพราะ การที่มีการเล่นนอกเกมกนั้นเอง ดังนั้นหากเปรียบการเมืองเป็นอะไรสักอย่างล่ะก็คงไม่พ้น กีฬานั้นเอง
Mister American
         “การเป็นเกย์ กระเทย เป็นเรื่องวิปริต”
Mister American
                      เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่าน คนไทยหลายคนคงงุนงงว่า มันเป็นวันอะไรเพราะไม่ได้มีวันหยุดราชการ ไม่ได้มีนายกรัฐมนตรีออกมาพูดเรื่องวันนี้ราวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้ถูกลืมไปแล้วในสังคมไทย ซึ่งที่จริงแล้วก็มีกลุ่มค
Mister American
           เมื่อหลายวันที่ผ่านมา หลายคนคงได้ทราบข่าวเหตุการณ์สะเทือนขวัญกลางกรุงนั้นก็คือ เหตุการณ์ที่เด็กช่างกลโรงเรียนหนึ่งได้สาดกระสุนเข้าไปในรถเมล์ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึงสองคน ซึ่งข่าวนี้ได้สร้างความตื่นตะลึงและน่าตกใจอย่างยิ่งแก่สังคม และเป็นอีกครั้งที่คนก่อเหตุ
Mister American
             ท่ามกลางความวุ่นวายในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งในรัฐสภา ทั้งบนท้องถนน เราได้เห็นภาพที่ไม่น่าเชื่อปรากฏขึ้นต่อสายตาของใครหลายคน ภาพเหล่านั้นทำให้ใครหลายคนต่างเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับระบอบที่ถูกเรียกประชาธิปไตยว่า ช่างไม่มีความสงบสุขเลยแม้แต่น้อย หล