เฝ้ามองบางพื้นที่ ความจริงคือหลายพื้นที่ ที่พบ หรือความจริงอีกอย่างมันอาจจะเป็นทุกพื้นที่ ทุกสถานที่เหล่านี้มีผู้คนอาศัยอยู่ ดำรงชีวิต ประกอบกิจการงาน และมีหลายผู้คนวนเวียนเข้ามา ทั้งมาร่วมอยู่อาศัย ประกอบการงาน หรือกระทั่งเพียงผ่านมาเยี่ยมเยือน เช่นนั้นแล้ว ในสถานที่นั้นๆ มันจึงมีการเปลี่ยนแปลงผู้อยู่อาศัยอยู่เสมอ นั่นมันไม่ได้คงที่ ในฐานะอาคันตุกะ วาระหนึ่งเราพบคนหนึ่ง แต่เมื่อต่างวาระ เราก็พบคนที่ต่างไป และนั่นยังหมายความว่า อาคันตุกะผู้มาเยือนก็ต่างออกไป วาระหนึ่งเราอาจจะพบคนผู้หนึ่งเมื่อเราเดินทางมาพบกัน หากแต่ในอีกวาระหนึ่ง เราก็พบคนอีกผู้หนึ่งนั่นเอง
เฝ้าดูส่วนที่ลึกลงไปในปรากฏการณ์ พบว่า เรื่องมันเป็นอย่างนี้ว่า ในความเป็นคนทุกคนมันก็มีความเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา ทั้งในแง่รูปธรรม อายุอานาม สุขภาพ ร่างกาย ทั้งในแง่นามธรรม ความคิดความอ่าน การตกผลึกของจิตวิญญาณ ด้วยองค์ประกอบนี้เองที่ทำให้สภาพของพื้นที่นั้นๆ เปลี่ยนไปด้วย สายตาที่มองออกไป ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และการปรับเปลี่ยนก็เกิดขึ้นเสมอ ที่สำคัญคือทัศนะ การมองโลก และความสัมพันธ์กับผู้คน
เช่นนี้เอง เมื่อผนวกกับผู้คน อาคันตุกะที่แวะเวียนมา บางคนอาจสัมผัส ประทับใจ ชื่นชอบในวาระแบบเดิม เมือเห็นว่าบางอย่างเปลี่ยนไปเช่นนี้ ความสัมพันธ์ก็ลดลง ระยะทางจึงห่างเหิน บางคนก็จากไป นี่ยังไม่นับถึงว่า ผู้คนผู้เป็นอาคันตุกะเองนั้นก็มีทัศนะที่เปลี่ยนไปเช่นกัน อายุ การมองโลก ทัศนะ การเรียนรู้ หรือการตกผลึกของจิตวิญญาณ
เช่นนี้เอง มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่เรามักจะพบว่า การผ่านพบผู้คนมากมายนั้น บางคนก็ยังอยู่ในชีวิตเรา บางคนก็มาใหม่ มีบางส่วนซึ่งก็อาจเป็นส่วนมากนั้น หายไปแล้วจากชีวิตเรา
เรื่องของเรื่องก็คือว่า วาระของเราอาจจะตรงกับวาระของผู้คนทั้งหลาย ในกาลครั้งหนึ่ง แต่เมื่อถึงอีกกาลครั้งหนึ่ง วาระของเราก็อาจจะไปตรงกับวาระของผู้คนทั้งหลายอีกกลุ่มหนึ่งนั่นเอง อย่างที่ว่า วาระของเราก็อาจสัมพันธ์กับบางผู้คนเป็นชั่วนิรันดร์ ความหมายที่งดงามอันหนึ่งของชีวิต ไม่ว่าจะก้าวไปสู่วาระใดของชีวิต คำพูดของผู้รู้ และคำพูดในวิทยาศาสตร์กระบวนทัศน์ใหม่ ล่าสุดคำพูดของอาจารย์อูกุย ในหนังเรื่องกังฟูแพนดา ว่า “ความบังเอิญไม่มีจริง”