Skip to main content

เมื่อกว่าสามสิบปีที่แล้ว มีหนังฝรั่งเรื่องหนึ่ง  เข้าใจว่าในช่วงเวลานั้นมีคนกล่าวขวัญถึงหนังเรื่องนี้กันพอสมควร  ด้วยมันเป็นหนังที่คาดการณ์ความเป็นไปในช่วงล่วงเข้าสู่ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด นั่นก็คือ 2001A Space Odyssey 

เนื้อหาของหนังคงไม่ได้เอามาเล่า ณ ที่นี้  แต่ในภาคแรกของหนังเรื่องนี้นั้นมีประเด็นที่น่าสนใจยิ่ง นั่นก็คือ  เรื่องราวเริ่มขึ้นในโลกมนุษย์ ช่วงเวลาที่ยังไม่มีมนุษย์เกิดขึ้นมา  ลิงฝูงหนึ่ง ซึ่งตัวหนังเล่าว่า ลิงพันธุ์นี้เองที่กำลังจะวิวัฒนาการมาเป็นมนุษย์ ช่วงเวลานั้น ลิงฝูงนี้ก็เริ่มมีปัญหากับลิงพันธ์อื่น  เค้าลางแห่งความขัดแย้ง ปรากฏชัดเจน จนในที่สุดก็เกิดการต่อสู้  จากการใช้เขี้ยวเล็บในการต่อสู้ ลิงฝูงนี้ก็เริ่มคิดเป็น และสิ่งแอรกที่มันคิดได้ก็คือ จับไม้มาเป็นอาวุธในการต่อสู้  นั่นหมายความว่า สิ่งที่อยู่ลึกลงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจมนุษย์นั้น มันคือการทำลาย ฆ่า หรือเอาชนะ  อย่างนั้นหรือเปล่า  แล้วหนังก็ตัดไปในปี ค.ศ. 2001

ตั้งแต่เริ่มจำความได้  ดูเหมือนชีวิตเราถูกสอนให้แข่งขัน  มันดำรงอยู่ตลอดเวลา พ่อ แม่ มักพอใจที่เรา พูดได้ก่อนเด็กคนอื่น  ในรุ่นเดียวกัน หรือเราเดินได้ก่อนคนอื่นๆ ในเด็กรุ่นเดียวกัน  หรือจะดีใจเป็นพิเศษ หากว่าเราสามารถสร้างปรากฏการณ์เหล่านี้ก่อนเด็กที่โตกว่า  แต่หากว่า เราพูดหรือ เดินได้ทีหลังเด็กรุ่นเดียวกัน หรือร้ายหน่อยก็หลังเด็กรุ่นน้อง  พ่อ แม่ก็สามารถหาเหตุผลมาอ้าง เพื่อปลอบใจตัวเอง  และพยายามสร้างความรู้สึกที่ไม่ให้ด้อยไปกว่าเขา  หรือไม่ก็หาจัดด้อยของเด็กคนอื่นๆ นั้น  อย่างนั้นหรือเปล่า

โตมาอีกนิด  หากเราสามารถอ่าน หรือเขียน หรือรู้จักหนังสือ ได้ดีกว่าเด็กอื่นๆ ก็  นั่นก็จะเป็นเรื่องให้ได้กล่าวขานดั่งว่านั่นเป็นเรื่องราวอันมหัศจรรย์  เรื่องนี้ดำรงอยู่นาน ตราบใดที่เรายังอยู่ในโรงเรียน  และกว่าจะถึงวันนั้น ไม่ใช่เพียงพ่อ แม่ แต่ครูก็เข้ามามีส่วนอย่างยิ่งในการปลูกฝังการแข่งขันในสามัญสำนึกของเรา  นับวัน นับนานก็ยิ่งติดแน่นมากขึ้น  จนในที่สุด แรงขับเคลื่อนสำคัญของการเข้าสู่สนามการแข่งขันทั้งหมดก็คือ ตัวเราเอง

สังคม ผู้คน โลกทั้งหมดเป็นอย่างนี้  และยิ่งนับวันมันเข้มข้นขึ้นเรื่อย  แข่งเรียน แข่งเก่ง แข่งสวย แข่งหล่อ แข่งใหญ่ แข่งเล็ก แข่งสารพัดแข่ง  แล้วก็ประกาศกันอย่างไม่ได้ใครครวญครุ่นคิดว่า นั่นมันส่งผลอย่างไรต่อคนที่ ไม่ชนะ  ทั้งหมดนี้ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า มันคือสิ่งที่ซ่อนอยู่ลึกลงไปในจิตใต้สำนึก หรือพูดภาชาวบ้านว่ามันเป็นสันดานร่วมของมนุษย์  ในแง่นี้เอง อิสรภาพของมนุษย์จะเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ ในภาวะวิสัยเช่นนี้  นั่นก็ทำให้นึกถึงคำพูดหนึ่งของครูคิตติง แห่งชมรมกวีไร้ชีพว่า “มนุษย์เสรีได้เพียงในฝัน และจะเป็นเช่นนั้นนิรันดร์สมัย”

ทำอย่างไรกันดี  ว่าก็ว่า มีผู้คนมากมายที่คัดค้าน ปฏิเสธการแข่งขัน แม้สังคมจะบอกว่า การแข่งขันก็เป็นไปเพื่อการพัฒนา  แต่เราจะทำให้เกิดการพัฒนาโดยไม่แข่งขันได้หรือเปล่า  และเมื่อเราสามารถเห็นคนอื่นดีกว่า เก่งกว่า อะไรๆ มากกว่าเรา ด้วยความชื่นชมยินดี นั่นคงดีไม่น้อย และนั่นก็คือหลัก มุทิตา นั่นเอง  หรือเรามองคนที่ด้อยกว่าเราอย่างเข้าใจ ให้โอกาส นั่นก็คงเป็นธรรมในหัวข้อ เมตตานั่นเอง  

เราจะแสวงหาโลกแห่งอุดมคติอย่างมีความหวังได้หรือไม่  เพราะวันนี้เมื่อเราสำรวจตัวเองลึกลงไปเรายังพบว่า  เมื่อเราเป็นฝ่ายปฏิเสธการแข่งขันอยู่นั้น เราก็อยากเป็นผู้ที่ไม่แข่งขันมากที่สุดในโลก อย่างนั้นหรือเปล่า...มั้ง....

บล็อกของ นาโก๊ะลี

นาโก๊ะลี
จะเขียนทุ่งเขียนทางเขียนช้างม้า                  เขียนความคิดขานค่าจังหวะวิถี
นาโก๊ะลี
ทนายจำเลย ชูรถเมล์จำลอง แล้วถามพยานโจทย์ ซึ่งก็คือ Jacky ตำรวจที่จับกุมจำเลยนั้นได้นั่นเอง  ทนายจำเลยถามว่า รู้ได้ไงว่า จำเลยคือคนกระทำผิด Jacky บอกว่า ก็เขาเป็นคนไล่จับจำเลยมา แล้วจำเลยก็หนีขึ้นรถเมล์  ทนายชูรถจำลองนั้นแล้วถามว่า เมื่อคุณมองดูรถเมล์ คุณเห็นมันทั้งคันหรือเปล่า เขาก็บอกว่า เปล่า อีกข้างหนึ่งก็มองไม่เห็น  ทลายจำเลยก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้น คุณก็ไม่อาจบอกได้ว่า อีกฝั่งหนึ่งของรถเมล์เกิดอะไรขึ้น  การโต้เถียงประเด็นนี้ ทำให้ศาลพิพากษา ยกฟ้อง  แต่นี่เป็นเพียงเรื่องราวในหนังครับ วิ่งสู้ฟัดภาคแรก ของเฉินหลง  แต่เรื่องนี้ มันมีเรื่องน่าสนใจ....
นาโก๊ะลี
หากว่า ผืนแผ่นดินที่งดงาม สร้างคนให้งดงาม  แล้วผืนแผ่นดินที่ยากแค้นลำเค็ญเล่า จะสร้างคนมาแบบใด...ความจริงนี่ก็อาจเป็นคำถามที่ตอบได้ไม่ยากนัก  แต่ ความจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่...นี่ก็อาจต้องมองเข้าไปในรายละเอียดมากขึ้น...กระมัง  การเดินทางครั้งหนึ่งของชีวิต  ในซากปรักหักพัง ของภัยธรรมชาติอันได้คร่าชีวิตคนไปมากมาย  ในกลิ่นของความตายและความเศร้าโศก เราได้เห็นหน่ออ่อนของต้นหญ้าที่ผุดขึ้นมา ในความชื้น ภายใต้ซากปรักหักพังนั้น
นาโก๊ะลี
การสูญเสีย ดูจะเป็นเงื่อนไขใหญ่ที่ทำให้คนเราตกไปสู่สภาวะที่เรียกว่า “เสียศูนย์”  มีคนเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อสามีตาย ภรรยาตกอยู่ในสภาวะเสียศูนย์ถึงยี่สิบปี ก่อนจะฆ่าตัวตายตาม  นี่เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโม้ก็ไม่อาจรู้ได้  แต่ความจริงที่เห็นโดยส่วนใหญ่ ความสูญเสียก็มักเป็นเรื่องที่กระทบกับหัวใจคนอย่างรุนแรง  เช่น อกหัก  หรือ คนที่เรารักตายไป  หรือความพ่ายแพ้  ซึ่งความพ่ายแพ้นี่ก็คือการเสียฟอร์ม มันก็คือการเสียศูนย์ความเป็นตัวตนนั่นเอง
นาโก๊ะลี
ชีวิตหลุดลอยไปในบางวาระ           ซึ่งในสถานะแห่งมนุษย์ กับการเดินทางอันไม่สิ้นสุด            บางคราวนั้นจึงสะดุด จึงทรุดโทรม พลาดหวังพังพ่ายสลายสิ้น             ทั่วผืนแผ่นดินทุกข์ท่วมถั่งโถม เสพย์สิ่งใดได้บ้างพอปลอบประโลม เมามายโง่โงมระทมร้าว ภาวะเช่นไรเหนี่ยวนำพา                เมื่อความปรารถนาที่บอกกล่าว ล้มเหลวไปในทางที่ทอดยาว     …
นาโก๊ะลี
คนสวนนักสะสมเมล็ดพันธุ์
นาโก๊ะลี
บ่อยไป หรือหลายครั้งหลายหนในการงานของชีวิต  ที่เราต้องทำงานบางอย่าง  บางอย่างที่ไม่ใช่หน้าที่  ไม่ใช่งานของเรา  เพียงแต่ว่า  นั่นคืองานที่มันเกี่ยวข้องกับเรา งานที่ต้องเกื้อหนุนงานของเรา  และเราก็มักจะไม่พอใจที่คนที่เขามีหน้าที่นั้น เขาทำไม่ได้อย่างที่เราต้องการ 
นาโก๊ะลี
ยามที่บางคนกล่าวคำว่า “มันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต” มันฟังดูคล้ายเขาจะบอกว่า สิ่งที่เขากำลังกล่าวถึงอยู่นั้นมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา ไม่มีสิ่งใดจะสำคัญกว่านี้ไปอีกแล้ว.... และหลายครั้งที่เราจะพบว่า คนๆ เดียวกันนี้ก็กล่าวถึงสิ่งอื่นๆ ในเรื่องอื่นๆ ในวาระอื่นๆ ว่า “มันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต” และด้วยท่าทีที่คล้ายว่า สิ่งนั้นเป็นที่สุดแห่งความสำคัญดั่งเดียวกับทุกๆ ครั้ง ทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา
นาโก๊ะลี
ถ้อยคำที่ประทับใจ แม่ทับเหวินไท่ บอกกับแม่ทัพ ฮัวมู่หลานว่า “เมื่อเจ้าสวมเกราะแม่ทัพ ชีวิตก็ไม่ใช่ของเจ้าคนเดียว” ในสมรภูมิหนึ่ง เมื่อกองทัพของฮัวมู่หลานถูกหักหลัง น้องชายลูกพี่ลูกน้องของฮัวมู่หลาน และทหารจำนวนหนึ่งถูกจับเป็นเชลย และถูกเอามาล่อให้ทหารออกไปช่วย ในสภาวะที่ไม่อาจทำอย่างไรได้ มีทหารคนหนึ่งบอกกับแม่ทัพว่า เราต้องออกไปช่วยพวกเขา “นั่นเสี่ยวหู่นะ เขาเป็นน้องชายท่านนะ” แม่ทัพบอกว่า “พวกเจ้าก็เป็นพี่น้องของข้าเช่นเดียวกัน”
นาโก๊ะลี
วัดเซนแห่งหนึ่ง พระเซนต่างก็ปฏิบัติภาวนาในวิถีแห่งเซน คราวหนึ่งในวัดเกิดเรื่องขึ้น มีของหายในวัด หลายครั้งหลายหน เกิดความเดือดร้อนไปทั้งวัด เมื่อทำการสืบสวน สอบสวนในที่สุดก็พบขโมย ซึ่งก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของวัด มีการเรียกประชุมสมาชิกทั้งวัด เหล่าพระเซนทั้งหลายต่างก็เรียกร้องให้ขับขโมยออกจากวัด ทั้งมีเสียงสนับสนุนมากมายต่อการลงโทษขั้นเด็ดขาดด้วยการขับออกจากวัดนั้น ในที่สุดเจ้าอาวาสก็กล่าวต่อคณะสงฆ์ และสมาชิกวัดทั้งหมดว่า “พวกเธอทั้งหลายผู้ได้เรียนรู้แล้วถึงความถูกต้องดีงาม พวกเธอสามารถใช้ชีวิตอย่างรู้ผิดชอบชั่วดี พวกเธอทั้งหลายจึงสมควรเป็นผู้ออกจากวัด แต่ผู้ที่เป็นขโมยนั้น…
นาโก๊ะลี
คนสวน ปลูกพืชผักธัญญาหาร เฝ้าดูกี่เติบโต จนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต คนสวนบอกว่า เมื่อต้นไม้เริ่มงอกออกมา มันต้องการอาหาร ต้องการการบำรุงรักษา จนกว่ามันจะโตเต็มที่ เริ่มให้ดอกผล บางอย่างเก็บดอก บางอย่างเก็บใบ บางอย่างเก็บผล ก็ว่ากันไป แต่เมื่อมันให้ผลนั่นแล้ว มันก็จะค่อยๆ แห้งเหี่ยว ตายไป ระหว่างนี้มันไม่ต้องการอาหารมาก มันไม่ต้องการการบำรุงรักษามาก.......
นาโก๊ะลี
ในชีวิตของเรา มีความพยายามมากมายนัก พยายามที่จะทำบางสิ่ง พยายามที่จะไม่ทำบางสิ่ง พยายามที่จะรัก พยายามที่จะไม่รัก ดูเหมือนโลกไม่ได้จัดวางชีวิตเราให้เป็นไปตามความปรารถนา และหลายครั้งเราก็เชื่อได้ว่า ความสมบูรณ์พร้อมนั้น ไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ แม้แต่คนที่เขาแสดงออกว่า ชีวิตเขาช่างพรั่งพร้อม ได้ทุกอย่างตามที่ตนปรารถนา นั่นก็เป็นเพียงการโม้โป้ปดเท่านั้นเองกระมัง เพราะที่สุดแล้วเขาอาจซ่อนบางสิ่งเอาไว้ บางสิ่งที่เขามิได้ประสบผลสำเร็จแต่อย่างใด