Skip to main content

ฤดูฝน….เท่าที่พอจะจดจำสัมผัสได้ หลายปีมานี้ สายฝนเหือดหายไปจากฟ้ามากมายนักแล้ว แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์เปลี่ยนแปรสภาพไป

หลายปีก่อน....นับไปนับมา มันก็เลยเลขหลักสิบปีขึ้นไปแล้ว ในหมู่บ้านกลางขุนเขาแห่งหนึ่ง ป่าตะวันตกอันอุดมสมบูรณ์นั้น ฝนเริ่มตกลงมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ผืนดินท้องถนนเฉอะแฉะ เละลื่น ณ ช่วงเวลานั้น แสงแดดห่างหายไปจากหมู่บ้าน ผ่านวันไปแต่ละวัน ท่ามกลางสายที่ฝนสาดเท ผ่านวันไปทุกวันเช่นนั้น เริ่มต้นจากฤดูเพาะปลูก ผัก พืชพรรณ และข้าว งอกงาม เติบโต

 

จากฤดูหนึ่ง ผ่านไปสู่ฤดูหนึ่ง ในฤดูเดียวกันนั้น จากปลูก มาเป็นเก็บหญ้า ถางหญ้าในไร่ วันทุกวันผ่านไป ถางหญ้าในสายฝน เปียก แฉะ หนาว กับกองไฟ วันแล้ววันเล่าผ่านไป ที่สุดแล้วช่วงเวลาแห่งฝนก็สิ้นสุดลง ฟ้าร้องคะนองครืนครั่น ลั่นสะท้านสะเทือนสั่งลา สายฝนสุดท้ายแห้งหายไป สายลมอ่อนโชยผ่าน แล้วลมหนาวก็มาเยือน นั่นคือสัญญาณเคลื่อนเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยว

นั่นก็คงเป็นภาพธรรมดาที่ไม่ได้มีสิ่งใดแปลก หรือพิเศษไป แต่ก็หมายใจว่าจะเล่าเรื่องฤดูฝน...

 

ที่หมู่บ้าน..... จากพฤษภา มิถุนา กรกฎา ล่วงสู่เดือนสิงหา เข้ากันยา และอาจล่วงเข้าถึงเดือนตุลา สายฝนตกลงมา มองฟ้า ไม่เหลือสีฟ้า เพราะบนฟ้ามีแต่เมฆ ผ่านล่วงพฤษภาไม่เท่าไหร่ ผู้คนก็เริ่มคุ้นชินกับสภาวะทั้งหลายนั้น หลายคนใส่รองเท้าบูทยาง หลายคนพกผ้าพลาสติก แล้วแต่ใครถนัดแบบไหนก็ว่ากันไป จนถึงขั้นบางคนก็ตากฝนได้ทุกวัน ว่าก็โดยเฉพาะเวลาไปทำงานในไร่ นี่ยังไม่รวมถึงอาหาร ที่ทั้งหมดในระหว่างนั้นกินกันแต่หน่อไม้

 

มีบางวันไม่กี่วัน ที่เมฆฝนเคลื่อนหากจากภูเขาออกไป แสงแดดโผล่ลอดทิวไม้ หรือช่องเขาลงมา วันนั้นช่างเป็นวันอันแสนงาม วิเศษสุด เด็กวิ่งออกไปเล่นที่ลานโล่ง แม้จะยังชื้นแฉะ แต่ก็มีแดด เสื้อผ้าที่ตากอยู่ใต้ถุนบ้าน ถูกย้ายออกมาตากที่ราวด้านนอก กลิ่นแดดในช่วงเวลานี้หอมกรุ่น ยิ่งแล้ว บางขณะลมก็พัดมาเบาๆ หอบเอากลิ่นดิน กลิ่นป่ามาผสมแดด นั่นเป็นวันอันแสนสุขทีเดียว....

 

แล้วเราก็พบว่า หลายปีต่อมา ฤดูฝนมิได้เป็นเช่นฤดูฝนเช่นเดิมอีกแล้ว เมื่อฤดูฝนจะมีฝนผ่านมาไม่กี่คราวไม่กี่ครั้ง แล้วก็อาจไม่ได้โหมกระหน่ำเหมือนก่อนอีกแล้ว เราจึงพบแดดได้บ่อยๆ เราได้เห็นท้องฟ้าสีฟ้า เราได้กินอาหารที่หลากหลายกว่าหน่อไม้ เราสามารถเดินทางออกนอกหมู่บ้านได้แม้ว่ามันจะเป็นช่วงกลางฤดูฝน เราไม่ต้องเข็นรถเหมือนเมื่อปีก่อน เราไม่ต้องถางหญ้าตากฝน แล้วเราก็ไม่แน่ใจว่า เราดำรงชีพอย่างสะดวกสบายขึ้นหรือเปล่า

 

เรื่องราวผ่านไปหลายปีแล้ว จนกระทั่งฤดูฝนนี้ ไม่รู้ว่าหมู่บ้านเป็นอย่างไร แต่ฝนของปีนี้ ทำให้เรานึกถึงฝนเมื่อคราวกระโน้น แม้เราจะเห็นแดดอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ฝนจะไม่ได้ตกทั้งวัน และเราไม่ต้องกินแต่หน่อไม้ แต่ก็รับรู้ได้ว่าปีนี้ฝนตกมาก และนั่นมันน่ากลัว เพราะฝนตกมากหนนี้ มันไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความอุดมสมบูรณ์เหมือนก่อนแล้ว แต่มันเป็นฝนมากที่วิปริตผิดธรรมชาติไป จะกี่วัน จะกี่เดือนจากนี้ ที่เราจะได้ยินข่าวอุทกภัย เหมือนดังที่เกิดต่อเนื่องมาหลายปี

บล็อกของ นาโก๊ะลี

นาโก๊ะลี
จะเขียนทุ่งเขียนทางเขียนช้างม้า                  เขียนความคิดขานค่าจังหวะวิถี
นาโก๊ะลี
ทนายจำเลย ชูรถเมล์จำลอง แล้วถามพยานโจทย์ ซึ่งก็คือ Jacky ตำรวจที่จับกุมจำเลยนั้นได้นั่นเอง  ทนายจำเลยถามว่า รู้ได้ไงว่า จำเลยคือคนกระทำผิด Jacky บอกว่า ก็เขาเป็นคนไล่จับจำเลยมา แล้วจำเลยก็หนีขึ้นรถเมล์  ทนายชูรถจำลองนั้นแล้วถามว่า เมื่อคุณมองดูรถเมล์ คุณเห็นมันทั้งคันหรือเปล่า เขาก็บอกว่า เปล่า อีกข้างหนึ่งก็มองไม่เห็น  ทลายจำเลยก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้น คุณก็ไม่อาจบอกได้ว่า อีกฝั่งหนึ่งของรถเมล์เกิดอะไรขึ้น  การโต้เถียงประเด็นนี้ ทำให้ศาลพิพากษา ยกฟ้อง  แต่นี่เป็นเพียงเรื่องราวในหนังครับ วิ่งสู้ฟัดภาคแรก ของเฉินหลง  แต่เรื่องนี้ มันมีเรื่องน่าสนใจ....
นาโก๊ะลี
หากว่า ผืนแผ่นดินที่งดงาม สร้างคนให้งดงาม  แล้วผืนแผ่นดินที่ยากแค้นลำเค็ญเล่า จะสร้างคนมาแบบใด...ความจริงนี่ก็อาจเป็นคำถามที่ตอบได้ไม่ยากนัก  แต่ ความจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่...นี่ก็อาจต้องมองเข้าไปในรายละเอียดมากขึ้น...กระมัง  การเดินทางครั้งหนึ่งของชีวิต  ในซากปรักหักพัง ของภัยธรรมชาติอันได้คร่าชีวิตคนไปมากมาย  ในกลิ่นของความตายและความเศร้าโศก เราได้เห็นหน่ออ่อนของต้นหญ้าที่ผุดขึ้นมา ในความชื้น ภายใต้ซากปรักหักพังนั้น
นาโก๊ะลี
การสูญเสีย ดูจะเป็นเงื่อนไขใหญ่ที่ทำให้คนเราตกไปสู่สภาวะที่เรียกว่า “เสียศูนย์”  มีคนเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อสามีตาย ภรรยาตกอยู่ในสภาวะเสียศูนย์ถึงยี่สิบปี ก่อนจะฆ่าตัวตายตาม  นี่เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโม้ก็ไม่อาจรู้ได้  แต่ความจริงที่เห็นโดยส่วนใหญ่ ความสูญเสียก็มักเป็นเรื่องที่กระทบกับหัวใจคนอย่างรุนแรง  เช่น อกหัก  หรือ คนที่เรารักตายไป  หรือความพ่ายแพ้  ซึ่งความพ่ายแพ้นี่ก็คือการเสียฟอร์ม มันก็คือการเสียศูนย์ความเป็นตัวตนนั่นเอง
นาโก๊ะลี
ชีวิตหลุดลอยไปในบางวาระ           ซึ่งในสถานะแห่งมนุษย์ กับการเดินทางอันไม่สิ้นสุด            บางคราวนั้นจึงสะดุด จึงทรุดโทรม พลาดหวังพังพ่ายสลายสิ้น             ทั่วผืนแผ่นดินทุกข์ท่วมถั่งโถม เสพย์สิ่งใดได้บ้างพอปลอบประโลม เมามายโง่โงมระทมร้าว ภาวะเช่นไรเหนี่ยวนำพา                เมื่อความปรารถนาที่บอกกล่าว ล้มเหลวไปในทางที่ทอดยาว     …
นาโก๊ะลี
คนสวนนักสะสมเมล็ดพันธุ์
นาโก๊ะลี
บ่อยไป หรือหลายครั้งหลายหนในการงานของชีวิต  ที่เราต้องทำงานบางอย่าง  บางอย่างที่ไม่ใช่หน้าที่  ไม่ใช่งานของเรา  เพียงแต่ว่า  นั่นคืองานที่มันเกี่ยวข้องกับเรา งานที่ต้องเกื้อหนุนงานของเรา  และเราก็มักจะไม่พอใจที่คนที่เขามีหน้าที่นั้น เขาทำไม่ได้อย่างที่เราต้องการ 
นาโก๊ะลี
ยามที่บางคนกล่าวคำว่า “มันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต” มันฟังดูคล้ายเขาจะบอกว่า สิ่งที่เขากำลังกล่าวถึงอยู่นั้นมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา ไม่มีสิ่งใดจะสำคัญกว่านี้ไปอีกแล้ว.... และหลายครั้งที่เราจะพบว่า คนๆ เดียวกันนี้ก็กล่าวถึงสิ่งอื่นๆ ในเรื่องอื่นๆ ในวาระอื่นๆ ว่า “มันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต” และด้วยท่าทีที่คล้ายว่า สิ่งนั้นเป็นที่สุดแห่งความสำคัญดั่งเดียวกับทุกๆ ครั้ง ทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา
นาโก๊ะลี
ถ้อยคำที่ประทับใจ แม่ทับเหวินไท่ บอกกับแม่ทัพ ฮัวมู่หลานว่า “เมื่อเจ้าสวมเกราะแม่ทัพ ชีวิตก็ไม่ใช่ของเจ้าคนเดียว” ในสมรภูมิหนึ่ง เมื่อกองทัพของฮัวมู่หลานถูกหักหลัง น้องชายลูกพี่ลูกน้องของฮัวมู่หลาน และทหารจำนวนหนึ่งถูกจับเป็นเชลย และถูกเอามาล่อให้ทหารออกไปช่วย ในสภาวะที่ไม่อาจทำอย่างไรได้ มีทหารคนหนึ่งบอกกับแม่ทัพว่า เราต้องออกไปช่วยพวกเขา “นั่นเสี่ยวหู่นะ เขาเป็นน้องชายท่านนะ” แม่ทัพบอกว่า “พวกเจ้าก็เป็นพี่น้องของข้าเช่นเดียวกัน”
นาโก๊ะลี
วัดเซนแห่งหนึ่ง พระเซนต่างก็ปฏิบัติภาวนาในวิถีแห่งเซน คราวหนึ่งในวัดเกิดเรื่องขึ้น มีของหายในวัด หลายครั้งหลายหน เกิดความเดือดร้อนไปทั้งวัด เมื่อทำการสืบสวน สอบสวนในที่สุดก็พบขโมย ซึ่งก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของวัด มีการเรียกประชุมสมาชิกทั้งวัด เหล่าพระเซนทั้งหลายต่างก็เรียกร้องให้ขับขโมยออกจากวัด ทั้งมีเสียงสนับสนุนมากมายต่อการลงโทษขั้นเด็ดขาดด้วยการขับออกจากวัดนั้น ในที่สุดเจ้าอาวาสก็กล่าวต่อคณะสงฆ์ และสมาชิกวัดทั้งหมดว่า “พวกเธอทั้งหลายผู้ได้เรียนรู้แล้วถึงความถูกต้องดีงาม พวกเธอสามารถใช้ชีวิตอย่างรู้ผิดชอบชั่วดี พวกเธอทั้งหลายจึงสมควรเป็นผู้ออกจากวัด แต่ผู้ที่เป็นขโมยนั้น…
นาโก๊ะลี
คนสวน ปลูกพืชผักธัญญาหาร เฝ้าดูกี่เติบโต จนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต คนสวนบอกว่า เมื่อต้นไม้เริ่มงอกออกมา มันต้องการอาหาร ต้องการการบำรุงรักษา จนกว่ามันจะโตเต็มที่ เริ่มให้ดอกผล บางอย่างเก็บดอก บางอย่างเก็บใบ บางอย่างเก็บผล ก็ว่ากันไป แต่เมื่อมันให้ผลนั่นแล้ว มันก็จะค่อยๆ แห้งเหี่ยว ตายไป ระหว่างนี้มันไม่ต้องการอาหารมาก มันไม่ต้องการการบำรุงรักษามาก.......
นาโก๊ะลี
ในชีวิตของเรา มีความพยายามมากมายนัก พยายามที่จะทำบางสิ่ง พยายามที่จะไม่ทำบางสิ่ง พยายามที่จะรัก พยายามที่จะไม่รัก ดูเหมือนโลกไม่ได้จัดวางชีวิตเราให้เป็นไปตามความปรารถนา และหลายครั้งเราก็เชื่อได้ว่า ความสมบูรณ์พร้อมนั้น ไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ แม้แต่คนที่เขาแสดงออกว่า ชีวิตเขาช่างพรั่งพร้อม ได้ทุกอย่างตามที่ตนปรารถนา นั่นก็เป็นเพียงการโม้โป้ปดเท่านั้นเองกระมัง เพราะที่สุดแล้วเขาอาจซ่อนบางสิ่งเอาไว้ บางสิ่งที่เขามิได้ประสบผลสำเร็จแต่อย่างใด