Skip to main content
เช้าวันที่ 6 มิถุนายน ลูกตื่นเต้นมาก แม่รู้ เมื่อถึงวันที่ต้องเดินทางมาอยู่วัดกับหลวงพ่อ วันนั้นลูกตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เตรียมเก็บเข้าของเครื่องใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าคิดตี้ใบเล็กสีชมพูหวานแหววของลูก แต่เพราะลูกยังมีอาการตัวร้อนเป็นไข้รุมๆ ทำให้แม่กับพ่อเป็นห่วง เราจึงวางแผนเดินทางในตอนเย็น วันนั้นลูกร่าเริงมาก และเขียนบันทึกว่า

วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2551

วันแห่งความสุขและความสงบ

วันนี้ตื่นขึ้นมายิ้มรับวันใหม่ด้วยใจที่เบิกบาน มีความสุข

ในสมุดบันทึกสุขภาพอีกเล่ม ลูกเขียนไว้ว่า

\\/--break--\>

ตื่น 05.16 . ยกขาข้างละ 20 ครั้ง นอนต่อ พ่อนวดขาให้ ยิ้มให้พ่อ กอดพ่อ แล้วยกขา 20 ครั้ง พ่อดีใจมาก

กินยาธิเบต น้ำอุ่น กินยาญี่ปุ่น กินน้ำนาโน เขียนบันทึก กินข้าวเหนียว (ขาวเย็น) กับน้ำผึ้ง ขนมปังกับน้ำผึ้งน้อยมาก อ่านหนังสือยอดเขาเอเวอร์เรสต์ ถ่าย กินพายสับปะรด 1 คำ น้ำผึ้ง 2 อึกเล็ก อ่านหนังสือต่อ

แม่เช็ดตัว กดลมปราณ พอกท้อง นอนหลับ กินน้ำเขียว พ่อกับแม่กำลังเก็บข้าวของเตรียมไปวัด ตัวยังร้อนเหมือนเดิม แต่ก็ดีกว่าเมื่อคืน แปรงฟัน เช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า กินมังคุด กินน้ำผึ้ง 2 อึกเล็ก อ่านหนังสือต่อ กินลวกผักบุ้ง ตำลึง ดอกฟักทองอ่อน กินข้าวเหนียวกับกล้วย 2 คำ กินข้าว 1 คำ กินต้มจืด 3 คำ อ่านหนังสือต่อ กินน้ำเขียว 1 แก้วเล็ก กินน้ำผึ้ง 1 อึกเล็ก กินยาธิเบต กินน้ำหนอนฯ นอน เช็ดตัว กินมังคุด กินข้าวเหนียว 1 ปั้นเล็กกับกล้วย นอนต่อ

 

เดินทาง(มาวัด) (แวะ)มานวดตัวที่ร้านคนตาบอดที่มุกดาหาร กินยาธิเบต น้ำอุ่น กินพายสับปะรดหมด กินธัญพืช กินทองม้วน 1 แท่ง หลับนาน เดินทางมาวัด

 

พ่อได้โทรฯไปประสานงานกับกลุ่มพี่น้องชาวบ้านย่านตำบลกกตูมที่เป็นเครือข่ายอนุรักษ์ป่าภูพาน ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ให้ช่วยเตรียมแคร่หามไว้ให้ด้วย เมื่อเราไปถึงที่เชิงภูในเวลาพลบค่ำพอดี ทุกคนรออยู่ ทุกอย่างพร้อมพรั่กสำหรับพาลูกรักขึ้นไปบนวัด ลูกนอนอย่างสบายบนเปลหาม ระยะทางที่สูงชันราวๆ 500 เมตร มีก้อนหินตะปุ่มตะป่ำต้องคอยระวังยามเหยียบย่าง แต่ทุกคนไม่มีใครเหนื่อยเลย ทุกคนเต็มใจทำให้ลูก นับเป็นความซึ้งใจของพ่อกับแม่มาจนทุกวันนี้ ที่มีคนที่รักและดูแลเราราวกับญาติมิตรตลอดมา แม้แต่ในเวลาต่อๆมาก็ตาม อาหารของลูกประเภทผักผลไม้สดๆ ปลอดสารเคมีล้วนแต่ได้มาจากบ้านพี่น้องทั้งใกล้และไกล โดยเฉพาะมังคุดที่เป็นผลไม้สุดโปรดของลูก บางส่วนส่งมาจากคีรีวง นครศรีธรรมราช บางส่วนส่งมาจากจันทบุรี ระยอง

 

ดูสิลูก ความรักความเมตตาที่ทุกคนมีให้ลูกมากมายกว้างไกลจนเราตอบแทนได้ไม่สิ้น แม้แต่วัดป่าภูไม้ฮาวแห่งนี้ พ่อกับแม่ไม่เคยรู้จักมาก่อน หลวงพ่อ ที่ใครๆเรียกว่าหลวงพ่อนั้น ท่านมีชื่อว่า พระอาจารย์ครรชิต สุทธิจิตโต ประวัติของท่านเราก็ไม่เคยรู้ แต่เมื่อลูกผูกพันกับท่านอย่างลึกซึ้งในทางธรรม นับว่าเป็นบุญของพ่อกับแม่ที่ได้ตามลูกมา และดำเนินวิถีธรรมมาจนถึงวันนี้

 

บ้านหรือกุฏิที่พัก ถูกเตรียมพร้อมไว้แล้ว ทันทีที่ลูกมาถึง สายฝนก็พรมสายลงมาเบาๆ คล้ายต้อนรับเราอย่างร่มเย็น

 

 

บันทึกของลูกในตอนค่ำวันนั้น เขียนไว้ว่า

 

นอนเปลหามขึ้นมา เห็นที่พักแล้วน่าอยู่มาก

กินยาญี่ปุ่น

พ่อไปส่งชาวบ้านที่หมู่บ้าน

กินมังคุด 2 ลูก กินมัน แม่ไปทำกับข้าว อยู่กับย่า ฝนตกแต่ไม่ค่อยหนัก

อ่านละคร เรื่องหาบของแม่ ฝนตกหนัก ลมแรง เข้ามาอยู่ข้างใน ย่าอุ้มเข้ามา ย่าออกไป

กินข้าวกับกล้วย กินธัญพืช กินขาไก่

อ่านละครต่อสนุกดี แม่ยังไม่มาเลย หิวข้าวนิดหน่อย กินลวกผักบุ้ง ตำลึง

พ่อมา กินนึ่งปลา นอน กินยาธิเบต

พ่อแม่นวดให้ นอนหลับ ฝนตกหนักทั้งคืน

ฉี่ 2 ครั้ง ถ่าย กินกล้วย 1 ลูก นอนหลับสบาย

 

(ตลอดเวลาที่ลูกบันทึกไว้ ไม่มีตอนไหนเลยที่เขียนไว้ว่าปวดท้อง หรือเจ็บที่ร่างกายส่วนใด นอกจากอุบัติเหตุในคราวหนึ่ง หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแม่ประคองลูกออกจากห้องน้ำมานั่งที่ระเบียงด้านนอก แม่ปล่อยให้ลูกนั่งเอง เพราะแม่ต้องเข้าไปเอาเสื้อผ้าในห้องมาใส่ให้ ตอนนั้นมีพ่ออยู่ใกล้ๆ แต่พ่อไม่ทันดูลูก ลูกหงายหลังศรีษะโดนพื้นเสียงดังนิดหน่อย แม่วิ่งออกมาอย่างตกใจประคองให้ลุกขึ้น ลูกส่ายศรีษะเล็กน้อยเพราะมึนจากการถูกกระแทก แม่โกรธตัวเองมากไม่อยากให้อภัยตัวเองเลยดวงใจของแม่เจ็บมากกว่าลูกร้อยเท่าพันเท่า วันนั้นมีคนมาเยี่ยมหลายคนแต่นั่งห่างจากลูกพอสมควรจึงไม่ทันรับไว้ เพราะเกิดขึ้นชั่วพริบตาเดียว)

 

เช้าวันใหม่ คืนฟ้าฉ่ำฝนผ่านไป ทิ้งละไอหมอกหนาค้างคาไว้เต็มหุบเขา กลบร่องน้ำบางทรายกว้างใหญ่จนมิดชิด ได้ยินเพียงเสียงกระซิบกระซาบของสายน้ำกับหินผาที่คุ้งโค้งไกลโน่น ทุกอย่างใกล้ตัวเหมือนถูกยกขึ้นมาไว้อีกชั้นหนึ่งของสวรรค์ นานๆครั้งจึงจะแว่วเสียงเครื่องยนต์ผ่านมา ความสงบเงียบสวยงามอย่างนี้ ใช่หาได้ง่ายดายนัก และยิ่งเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยรอยธรรมด้วยแล้ว นับว่าหายากยิ่ง

แม่ตื่นแต่เช้า ไปเตรียมอาหารให้ลูกที่โรงครัวของวัด วันนี้ล่ะ ที่ทุกคนจะต้องช่วยกันจัดการเตรียมห้องครัวใหม่สำหรับลูก ทุกอย่างจะต้องทำให้เหมือนกับที่สวนป่านาบุญ แม้กระทั่งภาชนะใส่อาหารก็ต้องเป็นวัสดุที่ทำจากสแตนเลสเท่านั้น ส่วนหม้อที่ใช้ปรุงทำจากดิน หรือหม้อดินเป็นหลัก เชื้อเพลิงจะต้องใช้ถ่านไม่มีการใช้แก๊ส ตามที่หมอเขียวกำชับ

ทั้งหมดนี้ ไม่มีอะไรที่ยุ่งยากเกินไปสำหรับเรา ถ้าช่วยให้ลูกมีสุขภาพที่ดีขึ้น

 

บันทึกของลูก วันที่ 7 มิถุนายน

ตื่น 05.18 . ยกขาข้างล่ะ 30 ครั้ง ยกแขนข้างล่ะ 30 ครั้ง

นั่งดูบรรยากาศ ฝนเริ่มหยุดตก กินธัญพืช ขาไก่ หิวข้าว บรรยากาศข้างนอกห้องเป็นหน้าผา มีเสียงน้ำไหล ต้นไม้ กุฏิน่าอยู่

กินข้าวเหนียว (ข้าวเย็น)กับน้ำผึ้ง

อ่านละครหาบของแม่ กินน้ำผึ้ง 2 อึก ทองม้วน ออกมานอนด้านนอก นอนหลับ กินมังคุด

พ่อไปหาหลวงพ่อ แม่ไปทำกับข้าว อยู่คนเดียวกินขาไก่ อ่านละคร อ่านเรื่องยอดเขาเอเวอร์เรสต์ (รูป เงา ทะเลสาปและขุนเขา ของภิกษุณี เทนสิน ปาลโม/คนเขียน) นอนหลับ กินกล้วย 1 ลูก นอนต่อ กินลวกผักบุ้ง ตำลึง อ่อมแซ่บ สลัดสด ดอกอัญชัน กินข้าวปิ้งปลา ต้มจืดผัก แตงไทย

หลวงพ่อมาสอนเรื่องจิต คุยปกติ "ใจ คือ ผู้รู้ กาย คือ ผู้ถูกรู้ หมายความว่า กายกับใจนั้นนั้นแตกต่างกัน

ใจ เป็นธาตุที่รู้

กาย เป็นธาตุที่ถูฏรู้

หลวงพ่อกลับ

 

บันทึกต่อมาของลูกในวันนั้น เกี่ยวกับเรื่องกิน เรื่องอ่านหนังสือเล่มเดิมๆ จนจบ มีเพิ่มมาใหม่คือเรื่อง ทุ่งหญ้าแอฟริกา และดู CD ธรรมะที่หลวงพ่อเอามาให้

แม่ซักผ้าในตอนเที่ยง ลูกบันทึกเอาไว้ด้วย และเขียนว่าพ่อเป็นคนตากผ้า จากนั้น พ่อกับแม่ช่วยกันนวดมือ เท้า เข่าให้ลูก (นวดน้ำมัน)

 

พ่อนวดมือ เท้า (นวดน้ำมัน) แม่นวดเข่า ขา ขูดซา นวดหลัง

พ่อไปส่งย่ากลับมุกดาหาร

 

ตกตอนเย็น

เข้ามาอยู่ข้างในห้อง แม่เช็ดตัวให้ ประคบท้อง พ่อกลับมา พ่อกับแม่ไปทำกับข้าวด้วยกัน ฟัง CD หลวงพ่อเทศน์ นอนหลับยาว กินยาญี่ปุ่น กินน้ำเขียว กินลวกผักบุ้ง กินปิ้งปลา ต้มจืดผัก สลัดผัก 1คำ เปลี่ยนกางเกง นอนหลับ กินยาธิเบต แม่นวดหลังให้ กินกล้วย 1 ลูก กินข้าวเหนียวกับน้ำผึ้งตอนดึก แม่ขูดซาที่ไหล่ซ้ายให้ นอนทับเลยปวดฉี่ 2 ครั้ง พ่อกวาดมดที่เข้ามทั้งคืน เลยนอนไม่หลับเท่าไหร่

 

 

 

บล็อกของ เงาศิลป์

เงาศิลป์
เช้านี้...ไร้เรี่ยวแรงที่จะทำงาน จึงต่อสายไฟจากหม้อแบตเตอรี่รถแทรคเตอร์ เพื่อเปิดทีวีขนาดสิบสี่นิ้ว ฟังดูข่าวคราวของโลกกว้าง พบว่าราคาน้ำมันยังพุ่งลิ่ว ผู้คนในหลายประเทศตายเกลื่อนเพราะภัยพิบัติ ขณะที่ฉันกำลังทรมานใจกับความผิดบาปของตัวเอง เนื่องจากการทำงานเมื่อวานนี้... งูลายทางยาวๆ สีดำ ตัวโตขนาดข้อมือเด็กๆ กำลังบิดตัวขยับร่างให้เคลื่อนไหวต่อไปข้างหน้า มันผงกหัวออกแรงพุ่ง แต่ลำตัวกลับติดตายอยู่บนพื้นดิน ท่อนกลางและท่อนหางถูกตัดออกจนเกือบขาด มีเจ้าหมาหนุ่มสองตัวของฉันกำลังเอาตีนเขี่ยให้มันเคลื่อนไหวอย่างล้อเล่น
เงาศิลป์
กลีบดอกไม้ป่าร่วงผลอยไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เมล็ดพันธุ์เติบโตเท่าทันกับฤดูฝนที่มาถึง ราวป่าท้ายไร่จึงเขียวขจีชุ่มชื่นแผ่ผ่านความสดใสมาถึงหัวใจของผู้คนในละแวกใกล้เคียง“ไปทำบุญที่ยอดห้วยกันเถอะ”ยายแดงตะโกนเรียกมาจากบนรถอีแต๊ก ที่ควบปุเลงๆผ่านหน้าไร่ฉันไปอย่างรวดเร็วเกินธรรมดา ขณะที่ฉันกำลังก้มหน้าก้มตาจัดการกับต้นหญ้าเล็กๆที่หน้าบ้าน
เงาศิลป์
เสียงลมอื้ออึง ปลุกฉันจากความหลับใหลที่เนื่องมาจากความอ่อนล้าโรยแรงฉันตื่นกลัวจนกระทั่งเผลอกลั้นลมหายใจ ผุดนั่งอย่างลืมตัวผืนผ้าใบที่ชายคาเสียงดังพึ่บ มันสะบัดปลายจนเรือนไม้หลังน้อยสะเทือนไหว เงี่ยหูฟังเสียงลมที่กำลังมุ่งหน้ามามันมีกำลังแรงขึ้นและแรงขึ้นอย่างรวดเร็วแสงสว่างวาบลอดเข้ามาตามช่องฝาผนัง  ฉันกอดอกด้วยความหวาดกลัว  และแล้ว ..เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาใกล้ๆ “ฉันมาทำอะไรที่นี่” เสียงครางอยู่ข้างในถามไถ่ตัวเองอย่างน่าสงสารน้อยครั้งนักที่ฉันจะหวาดกลัวอะไร หรือจะคิดจินตนาการอะไรๆ ที่เป็นเรื่องร้ายๆ ต่อชีวิต แม้ในท่ามกลางวิกฤติ เพราะฉันมีความเชื่อว่าพระจะต้องคุ้มครองฉันเสมอ …
เงาศิลป์
“มันจะได้ผลหรือคุณ” น้ำเสียงต่ำๆ แกมรอยยิ้มที่ริมปาก ทำให้ฉันฉุนกึกอยู่ข้างใน แต่ต้องฝืนตอบออกมาอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เพราะนับเป็นครั้งที่ร้อยแล้ว ที่ตาลีถามฉันอย่างนี้ ทั้งที่ไม่ใช่กงการอะไรของแกซะหน่อย“ได้ผลสิ ที่บ้านที่ใต้ทำใช้อยู่ประจำ”เรากำลังสนทนาถึงน้ำหมักชีวภาพที่ฉันทำไว้ใช้เอง บรรจุในถังพลาสติกใบใหญ่และนำออกมารดพื้นดินแทบทุกครั้งที่ฝนตกชุ่ม ความหวังที่จะฟื้นฟูแผ่นดิน เพื่อให้ไส้เดือนคืนถิ่นของฉัน ดูช่างยาวไกลราวกับนักเดินทน ที่ต้องเดินรอบโลกหลายรอบ เผลอๆอาจหมดแรงตายเสียก่อนที่จะครบรอบแรกด้วยซ้ำ
เงาศิลป์
“โชค ไปเที่ยวในป่ากันดีกว่า น้าได้กลิ่นดอกไม้หอม”เขาพยักหน้า วางเครื่องมือทำงานไว้ในที่ร่มแล้วคว้าขวดน้ำดื่มติดมือมาแทน เจ้าหมาหนุ่มสองตัวรีบมุ่งหน้ามาสมทบโดยไม่ต้องส่งเสียงเรียก เพราะการเคลื่อนไหวของเราอยู่ในสายตาของมันเสมอแค่เอื้อมเท่านั้น...ที่ฉันจะหาความสุขอันลึกซึ้งได้ แต่บ่อยครั้งที่ฉันแข็งใจไม่แวะเข้าไปในป่า เนื่องจากงานในไร่กำลังเร่งรีบ และยามนี้เป็นเวลาปิดเทอมใหญ่ “โชค” จึงมีเวลามาช่วยงานได้เต็มวัน เขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่ขยัน เป็นครูสอนงานที่ดีให้แก่ฉันในบางกรณี และพร้อมที่จะเป็นผู้เรียนรู้งานได้อย่างน่าชื่นชม ฉันแอบดูเขาทำงาน มองร่างผ่ายผอมในวัยเพียงสิบห้าปี…
เงาศิลป์
แสงไฟสีส้มดวงเล็กๆ ดาหน้ากันเข้ามาจากทุกทิศทาง ยกเว้นจากส่วนที่เป็นด้านหลังไร่ เพราะนั่นคือป่าชุมชนผืนใหญ่ ที่เป็นเป้าหมายของการไปสู่ของแสงไฟเหล่านั้น ดูแล้วน่าตื่นเต้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพายุฝนที่โหมกระหน่ำเมื่อตอนเย็นนี้ฉันนึกถึงแนวรั้วลวดหนามด้านท้ายไร่ ที่เสร็จไปครึ่งทางแล้ว ด้วยฝีมือของตาลี “เราทำรั้วกั้นที่ของเรา ไม่มีใครเขามาว่าได้หรอก อีกหน่อยพอฝนตกชุก คุณต้องทำประตูกั้นทางเข้าไร่ด้วยนะ ทำรั้วง่ายๆพอเป็นที่เข้าใจว่าถนนที่ตรงมาทางนี้คือทางส่วนบุคคล ไม่ใช่ทางสาธารณะ” แกย้ำถึงความจำเป็น เพราะฉันเคยลังเลกลัวว่าจะไปทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ต้องเดินอ้อมไปไกลจึงจะไปถึงป่าชุมชนนั้นได้…
เงาศิลป์
การใช้ชีวิตในบ้านไร่ชายป่า บางครั้งทำให้ฉันถามตัวเองว่า การใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต เป็นความฟุ่มเฟือยของชีวิตด้วยหรือเปล่า แต่แล้วก็มีบางเรื่องราวมาคลี่คลายเป็นคำตอบให้ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับคำถามใดๆ ทั้งสิ้น.......สวัสดีค่ะ พี่ชื่ออะไรเหรอคะหนูชื่อทรายนะคะ บังเอิญเข้ามาอ่านเจอพอดี พี่ทำงานกับป๊าหนูด้วยเหรอค่ะ (ยงยุทธ ตรีนุชกร) แต่พ.ศ.31 หนูเพิ่งจะเกิดเอง คงไม่รูจักพี่แน่เลย!! แล้วจะเข้ามาอ่านใหม่นะค่ะ อ่านแล้วชอบมากๆ เลย เพราะหนูเรียนแพทย์แผนไทยอยู่ ก็เลยรู้สึกดีที่มีคนชอบการรักษาแบบแผนไทยเหมือนกัน ขอให้พี่หายเร็วๆ นะคะ แล้วก็ช่วยเป็นกำลังใจให้ป๊าด้วยนะคะ……………………….
เงาศิลป์
มือขวาที่บวมเบ่ง ความสากกร้านที่ห่อหุ้มยิ่งทำให้มือนั้นดูเทอะทะ เจ้าของมือยังมีเค้าความสวยงาม แม้วัยล่วงเลยจนเป็นย่าคนแล้ว เธอยังต้องทำงานหนัก จนกระทั่งบาดเจ็บ
ฉันค่อยๆลูบยาหม่องสูตรเข้มข้นที่ปรุงเอง ความร้อนของน้ำมันสมุนไพรคงพอบรรเทาอาการ ที่สำคัญกว่าสิ่งใดในการเยียวยาคือให้พักงาน หยุดใช้มือนั้นทำงานสักระยะ  เธอยิ้มตอบคำแนะนำอย่างสดใส บนใบหน้ากร้านแดด บอกว่าทำไม่ได้หรอก งานมีเยอะแยะ หนี้สินอีกมากมายจะหยุดทำงานได้อย่างไร“นี่ก็เปลี่ยนกันทำงาน ให้ตาเก้ไปรับจ้างไถไร่เพิ้น เอาเงินมาซื้อน้ำมันสูบน้ำใส่ไร่อ้อย ข้อยกะต้องมาเลี้ยงวัวแล้วกะเสียหญ้าอ้อยไปนำ” ฉันคลึงเบาๆที่นิ้วกลางอันบวมช้ำ…
เงาศิลป์
“ต้นไม้ไม่ต้องการคำภาวนา มันต้องการน้ำ” อาการห่อเหี่ยวของเรียวใบยังคงอยู่ บางต้นปลิดใบสีน้ำตาลร่วงพราวเกลื่อนพื้น........แม้แต่ความรัก ก็ยากจะเยียวยา.....ไม่ว่าฉันจะพูดปลอบประโลมอย่างไร มันก็ไม่อาจฟื้นคืนมาสู่ความสดใสได้อีกแล้วฉันสิ ที่ต้องคร่ำครวญและพาลโมโหตัวเองที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกชาวสวน แต่ไม่เคยมีวิชาทำสวนติดตัวสักกระผีกริ้น สิ้นลมหายใจพ่อ เหมือนสิ้นคู่มือชีวิต เรื่องของต้นไม้และเม็ดดินกลายเป็นความลี้ลับ ที่ต้องใช้เวลา และสติปัญญา มาถอดรัสลับ ซึ่งไม่รู้ว่าชาตินี้ฉันจะทำสำเร็จหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องดินฟ้าอากาศ ที่สัมพันธ์กับอารมณ์ของต้นไม้แต่ละชนิดแม้เวลานี้ ยังได้ชื่อว่าเป็น “ฤดูหนาว”…
เงาศิลป์
ดนตรีแห่งฤดูกาล กำลังเปลี่ยนผ่านจังหวะไปสู่ความรุนแรงร้อนรน แต่กระนั้นก็ยังหลอกล่อหัวใจผู้คนด้วยจังหวะผ่อนแผ่วของไอหนาว เมื่อคืน ฉันเผลอเรอลืมห่อห่มร่างกายให้อบอุ่น จึงถูกไข้หวัดจู่โจม จะเรียกว่าเป็นความอ่อนแอของร่างกายหรือว่าเป็นความแข็งแรงอันร้ายกาจของไวรัสก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะรอบทิศทางของไร่ มีเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่ทุกคืน การเผาซากอ้อยจึงกลายเป็นฤดูกาลเผาไร่...ฤดูกาลใหม่ของที่นี่ถ้าบินขึ้นไปบนท้องฟ้าไกลลิบนั่น คงเห็นรอยไฟลามเลียเป็นหย่อมๆ แผ่กระจายไปทั่ว คล้ายสัตว์ประหลาดสีแดงเพลิงเคลื่อนไหวเพยิบกลืนกินผิวโลกจนไหม้เกรียม และทุกหัวค่ำ ยังมีของแถมเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง…
เงาศิลป์
 ริ้วสีชมพูอมส้ม กระจ่างจ้าที่ริมขอบฟ้า ดุจแก้มใสปลั่งของสาวน้อย ไรแสงสาดจับจ้าบนท้องฟ้าเหนือศรีษะ งดงามตระการ ฉันยืนมองแสงสีตรงหน้า ที่แปรเปลี่ยนไปทีละนิดๆ อย่างโปร่งโล่งในอารมณ์ สูดลมหายใจยาว นำเอาความสดชื่นไปกักเก็บไว้เต็มปอด สัมผัสความเย็นชุ่มที่ล่วงลึกลงภายใน ผิดกับผิวกายที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อกันหนาวสีทึมเนื้อหนานุ่ม เพียงผิวหน้าเท่านั้นที่ได้สัมผัสกับละไอหมอกหนาลอยเรี่ยพื้น ความหนาวเย็น ไม่ใช่มิตรที่ดีนัก ไม่ควรใกล้ชิดจนเกินไป ร่างกายมันบอกให้ฉันอย่างนั้น เช้านี้เป็นอีกวันที่ตื่นขึ้นมาแล้วสดชื่นทั้งกายใจ งานหนักในไร่กลายเป็นคุณแก่ชีวิต…
เงาศิลป์
“เจ้าสองตัวนี่ เป็นนักล่าที่เก่งกาจ ดูที่อุ้งตีนมันสิ ใหญ่กว่าหมาทั่วไป” ลุงเจนบอก เมื่อเราเดินเล่นไปจนถึงนาของแก เสียงลิ้นตวัดน้ำในสระดังขวับ ๆ ๆ เพราะความหิวกระหาย มันคงเหนื่อยอ่อนทีเดียวเพราะต้องเดินดั้นด้นมุดกอหญ้าที่ท่วมตัว ดีว่ามีกันสองตัวพี่น้องจึงพอสนุกสานหยอกล้อไล่กัดกันไปพลาง ชวนขุดหามดหาแมลงกินกันไปพลาง ระยะทางเกือบกิโลเมตรจึงพอเดินสบายๆ ในยามแดดร่มลมตกเช่นนี้ฉันมีเจ้าสองตัวเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขมาได้สิบกว่าวัน อายุของมันทั้งสองราวๆ 2 เดือนกว่า กำลังกินกำลังซนและมันทั้งคู่ต่างประกาศนิสัยส่วนตัวออกมาอย่างชัดเจน  เจ้าเสือตัวโตกว่าเพราะกินเก่งกว่า ขี้เล่น ห้าวหาญ…