Skip to main content

 



เพลงนี้ชื่อเพลง You've got a friend. ขับร้องโดย Carole King เธอเล่นเปียโนด้วย เป็นเวอร์ชั่นที่ฟังครั้งแรกก็รู้สึกชอบ เสียงร้องกับเสียงเปียโนไปด้วยกัน แต่ฟังไปสักสิบรอบจะรู้สึกว่าเสียงเธอแข็ง เหมือนตะโกนยังไงไม่รู้


ไม่เป็นไร ยังไงก็ยังชอบเพลงนี้ที่เนื้อหาอยู่ดี จำได้ว่าเพื่อนคนแรก ๆ ที่คบหาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เขียนบทกวีใส่กระดาษสีน้ำเงิน พับเป็นท่อน ๆ มาให้ อ่านแล้วก็อึ้ง ๆ เพราะไม่ชินกับการแสดงความรู้สึก แต่เนื้อหาของบทกวีนั้นบอกว่า ถ้าฉันมีปัญหาหรือไม่มีใคร ขอให้เรียกเธอ เธอจะมาหาทันที จนเมื่อได้ฟังเพลงนี้ จึงได้รู้ว่าเพื่อนแปลเพลงนี้ให้ และนำไปสู่ความผูกพันกับเพลง

23 ปีผ่านไป เพลงยังอยู่ เพื่อนยังอยู่ โทรหากันเมื่อนึกได้ วันนี้ฟังเพลงนี้รู้สึกคิดถึงเพื่อน แล้วก็ไล่เรียงไปว่าเมื่ออายุ 40 ในวันนี้ฉันเหลือคนที่เรียกได้ว่า "เพื่อน" กี่คน

(เสียงโทรศัพท์แทรก) เพื่อนโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้นัดกินข้าวกับอาจารย์ที่เคารพผู้ยังคบหากันอยู่แบบนาน ๆ หรือนานมากๆ เจอกันครั้ง ฉันไม่ได้กินข้าวกับอาจารย์หลายปี นานจนจำไม่ได้แต่พบเห็นอาจารย์ตามข้างถนน...อาจารย์ชอบเดิน ต่อ...ฉันบอกเพื่อนไปว่าฉันไม่อยากไปไหน อยากอยู่บ้าน ไม่อยากคุยกับใคร พักนี้สมาธิสั้นเมื่อนั่งโต๊ะอาหารพอกินอิ่มแล้วอยากลุกทันที ไม่อยากคุยต่อ และจะยุกยิกเก็บอาการไม่ค่อยอยู่ จนรู้สึกเสียมารยาท บอกเพื่อนต่อไปว่าไม่อยากฝืน คงเหลือไม่กี่คนหรอกนะที่จะบอกตรง ๆ แบบนี้ได้ เพื่อนบอกว่าเหลือไม่กี่คนจริง ๆ

เมื่ออายุมากขึ้นคนมักรู้ความต้องการของตัวเอง และความอดทนต่ำลง น้อยลง หลายคนบอกว่านั่นคืออาการของสาวแก่ ไม่ก็วัยทอง แต่ฉันคิดว่าคนเหล่านี้พบพานเหตุการณ์ในชีวิตมามาก เขาหรือเธอรู้ความต้องการของตัวเองจริง ๆ และรู้ว่าป่วยการที่จะอดทนในสิ่งที่ไม่ควรทน พี่คนหนึ่งของฉันรอให้ลูกโตเพื่อจะได้เดินทางท่องเที่ยวเป็นเพื่อนกัน เมื่อลูกโตลูกมีสังคมเพื่อน ๆ ที่สนุกกว่าเที่ยวกับแม่ วันนี้เธอออกเดินทางราวคนเก็บกด ไปอย่างนกเสรีที่มีลูกโตปีกแข็งแล้ว

ฉันเหลือ "เพื่อน" อยู่ไม่กี่คน ที่อยู่และเข้าออกโลกของฉันได้อย่างมั่นใจว่าพวกเขาไม่ทุบทำลายมิตรภาพด้วยวิธีการต่าง ๆ โดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม พวกเขาเหล่านี้นั่งฟังฉันเพ้อเจ้อ พร่ำบ่น หรือนั่งร้องไห้กลางร้านอาหารราวเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นทุกวัน เมื่อน้ำตาแห้งเหือดบางคนตบไหล่ บางคนบอกแกมันโง่ที่ไม่เคยเผื่อที่ว่างให้ชีวิต

ทำไงได้ ก็คนมันเป็นแบบนี้ คนที่ฉันเลือกเรียกเพื่อนมิตรนั้นก็ล้วนให้ใจกันหมด แล้ววันเวลาก็ค่อย ๆ หมดใจไปด้วยอะไรต่าง ๆ ที่แทรกเข้ามา บางทีบั่นทอน บางทีกันเซาะจนมิตรภาพแหว่งวิ่น สถานะของมิตรเหล่านี้ก็เปลี่ยนไปเป็นหมู เห็ด เป็ด ไก่ หรือบางคนกลายเป็นสิ่งไร้ที่ไม่มีความหมายกับฉัน

จนเหลือแต่พวกนี้แหละ พวกที่ตบไหล่ รินเบียร์ ปากด่าว่าโง่ แต่แววตาพวกนี้นั่งอยู่เป็นเพื่อนที่กลางใจฉันแล้ว บางคนจนฉันหายโกรธคู่กรณีแล้วเพื่อนยังไม่ยอมให้อภัยก็มี

ปาดน้ำตาแห้ง ยกแก้วขึ้นดื่ม แล้วบอกเพื่อนว่า ก็เพราะฉันเป็นแบบนี้ไงล่ะ พวกเธอถึงรักฉัน

When you're down and troubled and you need a helping hand
and nothing, whoa nothing is going right.
Close your eyes and think of me
and soon I will be there
to brighten up even your darkest nights.

You just call out my name,
and you know wherever I am
I'll come running, oh yeah baby
to see you again.
Winter, spring, summer, or fall,
all you have to do is call
and I'll be there, yeah, yeah, yeah.
You've got a friend.

If the sky above you
should turn dark and full of clouds
and that old north wind should begin to blow
Keep your head together and call my name out loud
and soon I will be knocking upon your door.

You just call out my name and you know wherever I am
I'll come running to see you again.
Winter, spring, summer or fall
all you got to do is call
and I'll be there, yeah, yeah, yeah.

Hey, ain't it good to know that you've got a friend?
People can be so cold.
They'll hurt you and desert you.
Well they'll take your soul if you let them.
Oh yeah, but don't you let them.

You just call out my name and you know wherever I am
I'll come running to see you again.
Oh babe, don't you know that,
Winter spring summer or fall,
Hey now, all you've got to do is call.
Lord, I'll be there, yes I will.
You've got a friend.
You've got a friend.
Ain't it good to know you've got a friend.
Ain't it good to know you've got a friend.

You've got a friend.


บล็อกของ โอ ไม้จัตวา

โอ ไม้จัตวา
ได้มีโอกาสไปแอ่วเมืองน่านเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว หลังจากไม่ได้ไปมาเป็นสิบปี ไปคราวนี้คนที่ไปด้วยก็แทบไม่เคยไปเลย มีเราคนเดียวที่มาบ่อยที่สุด กระนั้นก็นับได้ประมาณสี่ครั้ง ความที่เมืองน่านเป็นเมืองที่จะว่าไกลก็ไกล จะว่าไม่ไกลก็ไม่ไกลนัก ขับรถจากเชียงใหม่ 5 ชั่วโมงรวมเวลาพักรถกินกาแฟที่เด่นชัย ขับรถเส้นทางนี้ขอแนะนำร้านกาแฟสดเด่นชัย ตรงริมแม่น้ำ เชิงสะพานทางไปลำปาง กาแฟเค้าดีจริงๆ หรือหากใครดื่มกาแฟไม่ได้ ถ้าได้ผ่านไปที่อ.ร้องกวาง จ.แพร่ แวะตลาดสด มีร้านหนึ่งขายเมี่ยง ใช้อมตอนขับรถง่วง ๆ ได้ผลดี เพราะเมี่ยงเป็นใบชาชนิดหนึ่งมีคาเฟอีนเหมือนกัน เราชอบกินเมี่ยงเพราะไม่ขับปัสสาวะเหมือนกาแฟ  
โอ ไม้จัตวา
  รูปนี้ก็ต้องจับกล้องนิ่ง ๆ เพราะถ่ายท้องฟ้าตอนเย็น
โอ ไม้จัตวา
 คำถามเดิม ถ่ายยังไงให้ดีให้สวย คำตอบแบบกำปั้นทุบกล้องเลยคือ มองให้เห็นความงาม ซึ่งตรงนี้ขอเน้นย้ำว่า “ความงามเป็นเรื่องปัจเจก” เป็นเรื่องของใครของมัน กล้องก็ของเรา เราถ่ายเราก็เอาไปดู และชื่นชมอย่างน้อยก็กับตัวเอง คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างไม่ต้องสนใจ ถ้าเราเห็นว่างาม...ถ่ายเลย
โอ ไม้จัตวา
  หลายคนถามว่าถ่ายรูปอย่างไรให้สวย ช่วยสอนหน่อยได้ไหม ความที่ไม่ได้ร่ำเรียนเรื่องการถ่ายภาพมาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ทำให้เราสอนเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้เช่นกัน คำตอบที่บอกไปส่วนใหญ่จะบอกแบบโยนกล้องให้แล้วไปหาเอา
โอ ไม้จัตวา
  ไปกินปลาสะแงะมาแล้ว รสชาติและเนื้อคล้าย ๆ กับปลาคังน่ะ ร้านที่ไปกินเป็นร้านอาหารอร่อยด้วยรสมือคนปรุง ชื่อร้านน้องเบส ขอแนะนำ เป็นห้องแถวสองคูหา นอกจากปลาสะแงะที่น่าลิ้มรสแล้ว สิ่งที่พลาดไม่ได้อีกเมนูหนึ่งของร้านนี้คือ เห็ดหอมทอดซีอิ้ว ที่มีน้ำจิ้มสีเขียวสูตรของร้านนี้โดยเฉพาะ อร่อยจริง ๆ
โอ ไม้จัตวา
ภาพจาก www.thailandoutdoor.com ไปปายคราวที่แล้ว ได้ยินชื่อปลาสะแงะในเมนูร้านอาหารร้านอร่อย (ร้านน้องเบส เห็ดหอมทอดอร่อยด้วยน้ำจิ้มสีเขียว) แต่ก็ไม่ได้กิน ถามใครก็ตอบไม่ได้ว่าเป็นปลาอะไร ดียังไง ทำไมต้องปลาสะแงะ จนกระทั่งมาเจอข้อเขียนของคุณ’รงค์  วงษ์สวรรค์ ที่เคยเขียนไว้ถึงปลาชนิดหนึ่งชื่อปลาไหลหูดำ “ปลาไหลหูดำ  โอว  หี่  เหมา  ปรุงรสน้ำแดงกับเห็ดหอมและผักบุ้ง--เอ้งฉ่าย   ปลานี้อิมพอร์ทเข้ามาจากฮ่องกงราคาแพงและมีกินในฤดูเดือนเท่านั้น แต่บางคนบอกความลับว่า  พรานปลาแถบลุ่มน้ำตาปีภาคใต้นำมาส่งอย่างไม่เปิดเผยเพื่อการผดุงราคาเหนือกว่าปลาอื่น…
โอ ไม้จัตวา
http://blog.palungjit.com/uploads/s/saochiangmai/3152.mp3 เพลงน้องน้อยแพนด้า สำหรับดาวน์โหลดค่ะ แพนด้าไม่ใช่หมี แพนด้าคือแพนด้า
โอ ไม้จัตวา
  ความที่ปายเป็นเมืองโรแมนติก เมืองที่อยู่สบาย ล้อมรอบด้วยภูเขา มีแม่น้ำเล็ก ๆ ไหลผ่าน เหมือนภาพในฝัน ในนิทานยังไงยังงั้น จึงมีผู้คนจำนวนหนึ่งย้ายนิวาสสถานมาอาศัยอยู่ที่ปาย บางคนมานอนอ่านหนังสือ พักผ่อน เช่าบ้านอยู่นาน ๆ เป็นจุดแวะพักในซอกมุมหนึ่งของโลก ก่อนจะออกเดินทางต่อไป  
โอ ไม้จัตวา
ดอกไม้ริมทาง ใครจะนึกบ้างว่าเมืองที่ “อะไรก็ปาย” ในพ.ศ.นี้ เคยเป็นดินแดนสำหรับเนรเทศผู้กระทำความผิดมาก่อน ย้อนหลังไปไกลเจ็ดร้อยกว่าปี เมื่อเริ่มสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้นในพ.ศ. 1839 ในสมัยราชวงศ์มังรายปกครองเชียงใหม่นี้ ปายก็เป็นเมืองหน้าด่านเมืองหนึ่งของเชียงใหม่ ในชื่อว่า “เมืองน้อย” ซึ่งปัจจุบันบ้านเมืองน้อย (อยู่ระหว่างปายกับอ.เวียงแหง) เป็นหมู่บ้านของชาวปกากญอ อยู่ต้น ๆ ของแม่น้ำปาย
โอ ไม้จัตวา
  ได้เวลาพารถคันน้อย ๆ ไปออกกำลังกายอีกแล้ว คราวนี้ไปแบบไม่รู้อะไรเลย บ้านวัดจันทร์ ฉันรู้จักในนามป่าสนวัดจันทร์ ความที่ชอบต้นสนสองใบ สามใบ และไม่เคยแยกออกสักทีว่าอย่างไหนสองใบ หรือสามใบ แต่ที่ชอบคือใบฝอย ๆ เวลามองไกล ๆ แล้วดูเป็นฟู่ ๆ สวยดี ใบสนไม่มีน้ำ ยามหน้าแล้งจึงยังเขียวอยู่เนื่องจากมีน้ำมันอยู่ข้างใน
โอ ไม้จัตวา
คนปาย
โอ ไม้จัตวา
ตื่นเช้ามาด้วยอาการแฮ้งค์ดาวแดงอย่างสุดชีวิต ความที่เคมีในร่างการเริ่มปฏิเสธดาวดาวสีแดงดวงนี้ ทำให้ชีวิตฉันง่ายขึ้นเมื่อต้องชะตากับลีโอ จนเพื่อนร่วมทางบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่กินลีโอ