ลมหนาวมาแล้ว ปีนี้อากาศผันผวนจนหลายคนป่วยไข้ แมวในบ้านนอนกกกันรับความอบอุ่น บ่ายวันนี้ฉันขับรถออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่ชุมชนเล็ก ๆ ในหุบเขาสูงชันที่อำเภอสันกำแพง ชื่อว่าบ้านแม่กำปอง หมู่บ้านโฮมสเตย์ที่มีการจัดการโดยชุมชนอย่างดี ฉันไม่เคยมาที่นี่ จึงชวนเพื่อนที่เคยมาบ่อย ๆ มาด้วย เธอบอกว่าครั้งแรกเธอขับรถเล่นกับสุนัขตัวโปรดของเธอ
ขับรถเล่นถึงแม่กำปองเนี่ยนะ!
เพราะทางที่เห็นตรงหน้าทั้งสูงทั้งชัน แสงแดดยามบ่ายจากในเมืองหายไปเมื่อเราเข้าสู่เขตภูเขา ทางเล็กลงเรื่อย ๆ ทุ่งนาที่เห็นตรงหน้างดงามราวภาพวาด แสงแดดเหลืองฟาดลงทุ่งข้าวเหลืองยิ่งเหลืองไปกันใหญ่ ฉันจอดรถหยิบกล้องอย่างไม่ลังเล สุนัขตัวเดิมเพื่อนร่วมทางของเพื่อนกระโดดลงมาดูทุ่งนาด้วยกัน
ที่นี่ยังมีหุ่นไล่กา มีเถียงนาและต้นไม้ใหญ่กลางทุ่ง ภาพธรรมดาที่เคยเห็นยามเด็ก จนเมื่อเข้ามหาวิทยาลัยเห็นเพื่อนชาวกรุงกรี๊ดกร๊าดทุ่งข้าวเขียว ฉันอดหัวเราะไม่ได้ เพราะคนบ้านนอกก็มองเขียว ๆ เหลือง ๆ นี้เป็นนาข้าว เป็นที่ทำงานของพวกเขา จนจากบ้านมานาน จนโลกเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน นาข้าวหายากขึ้นทุกที เมื่อพบเห็นจึงรู้สึกถึงความงามของธรรมชาติที่สอดคล้องสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละที่
ชาวนาที่นี่มีทุ่งนาติดภูเขา ระยะมองจากถนนไม่ใกล้ไม่ไกลนัก จึงกลายเป็นภาพที่ช่างภาพต้องกระโดดลงจากรถทันที สูดลมหายใจ...หอมข้าวใหม่
กว่าจะถึงแม่กำปองก็บ่ายแก่ เพราะพบว่าเราไถลไปข้างหน้ากับนาข้าวหลายนา จนจู่ ๆ เพื่อนก็บอกว่า เราหลงทาง
เห็นสีสันของโลกแล้วชุ่มฉ่ำใจ ทดแทนความเบื่อหน่ายต่อสภาวะสังคม มนุษย์เลือกใช้สิ่งต่าง ๆ รอบกายมาหมายเป็นของตัวเอง คนหนึ่งเหลือง คนหนึ่งแดง มีสัญลักษณ์ตีความกันไปต่าง ๆ นา นา โลกสีเหลืองตรงหน้านี้งามอย่างสงบนิ่งและอหิงสาอย่างแท้จริง โลกสีเขียวบนดอยสูงขึ้นไปก็เย็นชื่นฉ่ำ
เสียงน้ำใสไหลเย็นตลอดสองข้างทางถามฉันว่า โลกก็แค่นี้ พระอาทิตย์ขึ้นแล้วตก ข้าวเขียวแล้วก็เหลือง ค่ำแล้วพรุ่งนี้ก็เช้า
การเดินทางต้องมีวันกลับ