Skip to main content

0

ในที่สุดก็มาถึงวันนี้ ไม่น่าเชื่อว่าฉันติดตามหนังสือเล่มนี้มาถึงเจ็ดปี จำได้ว่าวันแรกที่อ่าน รู้สึกอิ่มเอม มีความสุข ไม่อยากไปไหน อยากอยู่ในโลกของคนขี่ไม้กวาด เสกคาถา ในโลกที่ตอบสนองจินตนาการที่ขาดหายไปในวัยเด็ก

คุยกับเพื่อน ๆ ที่ติดแฮรี่ พ็อตเตอร์ ว่าอ่านแล้วรู้สึกเหมือนได้ฟังนิทานก่อนนอนในวัยเด็ก ความที่หนังสือเล่มหนาทำให้อ่านวันเดียวไม่จบ และความที่เนื้อหาเหมือนขนมอร่อยที่มีจำนวนจำกัด จึงอยากค่อย ๆ ละเลียดกินทีละน้อย  อ่านแล้วไม่อยากให้จบ อยากกลับบ้านไปนอนห่มผ้าอ่านต่อ เป็นแบบนี้มาเจ็ดปี!

ปีนี้อ่านจบลงในวันเดียว แล้วรีบโทรไปบอกเพื่อนว่า มันส์เป็นบ้าเลย สู้กันทั้งเรื่อง เพื่อนบอกว่าไม่ต้องเล่า แต่มีพี่บางคนบอกให้เราเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วบอกว่า ม่วนดี!

ฉันชอบแก่นเรื่องง่ายดาย ที่พระเอกเกิดจากความรัก เป็นเด็กชายผู้รอดชีวิตมาด้วยความรักของแม่ ที่เวทมนต์อันโหดร้ายไม่อาจกล้ำกรายได้  ขณะที่ตัวร้ายไม่เคยถูกรัก  หนังสือแสดงให้เห็นว่าความรักของแม่ และรวมถึงความรักในครอบครัว เป็นสิ่งสำคัญ มีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์ และมนุษย์หรือพ่อมดก็แพ้ชนะกันด้วยพลังแห่งรักอันเป็นฐานสำคัญในหัวใจ อาวุธ เวทมนต์ พลังฝีมือ ล้วนแล้วแต่เป็นนามธรรม เป็นเครื่องมือในการดำรงกาย หากความรักต่างหากคือ เนื้อหาที่แท้จริงของชีวิต

2

ความเป็นแม่หรือเปล่าไม่รู้ ที่ทำให้เธอเข้าถึงจินตนาการของเด็ก ๆ และเป็นจินตนาการที่ผู้ใหญ่ก็เสพได้อย่างเช่นกัน

อ่านจบแล้ว...

สุดยอดกระบวนวิชาของแฮรี่ พ็อตเตอร์ ดูคล้าย ๆ กับโกว้เล้ง คือ “กระบี่อยู่ที่ใจ”

แต่ใจที่จะบรรจุกระบี่ได้ ต้องผ่านการเทรนมาจากพ่อแม่ที่มีความมั่นคงทางอารมณ์ รัก และมีเหตุผล มีวุฒิภาวะอย่างเพียงพอ ที่จะส่งลูกเข้ามาใช้กระบี่ในทางที่ถูกที่ควรได้  เพราะจอมมารในโลกของความเป็นจริงนั้น บางครั้งอาจอยู่ในรูปของโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ร้านโชว์ไม่ห่วยที่ผุดขึ้นรอบบ้าน ความเจริญทางวัตถุที่ลดทอนอำนาจการต่อต้านในหัวใจ เด็กควรจะรู้เท่าทันว่าสิ่งใดคือเวทมนต์ที่กำลังดูดกลืนวิญญาณของตน และชักกระบี่ออกมาต่อสู้กับมันให้ได้

และจอมมาร บางครั้งก็อยู่ในรูปแบบของคนที่เราไม่อาจเอ่ยชื่อได้ อยู่ในภาวะคลุมเครือ สังคมอับทึบ มีรังสีของการบังคับควบคุมและดูดกลืนความสุข ดื่มกินความสิ้นหวังเป็นอาหาร ยิ่งผู้คนสิ้นหวังเท่าไร จนหมดไปจากสังคมได้ จอมมารดูจะยิ่งอิ่มเอมมากเท่านั้น

สังคมที่สิ้นหวัง...
ฟังดูคุ้น ๆ นะ

 

บล็อกของ โอ ไม้จัตวา

โอ ไม้จัตวา
ไปปายมา เหมือนพูดคำฮิตยังไงไม่รู้ ฉันไปปายมาจริงๆ ถามว่าไปบ่อยไหม แปดปีมานี้ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามที่ไป แต่ละครั้งเว้นวรรคสี่ปี เพราะฉะนั้นฉันจึงเป็นความเปลี่ยนแปลงของปายค่อนข้างเยอะ
โอ ไม้จัตวา
 เจอคลิบวีดีโอนี้มานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสนำมาให้ชมสักที เขาชื่อ Paul Potts ผู้ร้องเพลง Nessun Dorma ในการประกวดร้องเพลง Britains Got Talent ของประเทศอังกฤษ ฉันชอบเข้าไปดูคลิ้บรายการนี้ เพราะจะเห็นผู้มีความสามารถทางการร้องเพลงมาร้องประกวดกันด้วยความสามารถอย่างแท้จริง อย่างเช่นสาวน้อย คอนนี่ ที่นำมาให้ชมสัปดาห์ที่แล้วก็เกิดจากรายการนี้ เขาไม่มีข้อจำกัดทางการตลาดในการประกวดร้องเพลง ไม่ต้องจัดฟัน ไม่ต้องหล่อ ไม่ต้องสวย ไม่ต้องมีคนจัดหาเสื้อผ้ามาให้ ขอเพียงมีหัวใจมาด้วยเท่านั้น
โอ ไม้จัตวา
   ขออนุญาตเปิดเพลงนี้อีกครั้ง Imagine จากเสียงร้องของสาวน้อยเสียงใส Connie Talbot นักร้องตัวน้อยผู้ผ่านการคัดเลือกเข้ารอบการประกวดร้องเพลง Britain's Got Talent ปี 2007 เสียงใส ๆ ของเธอร้องเพลง Somewhere over the rainbow ทำเอากรรมการนั่งน้ำตาไหลเป็นทาง
โอ ไม้จัตวา
  Pavarotti Last Performance "Nessun Dorma" @ Torino 2006
โอ ไม้จัตวา
  เพลงวาสิฏฐี  โดย มาโนช  พุฒตาล เมื่อวานนี้ฉันหยิบ วันที่ถอดหมวก ของเสกสรรค์  ประเสริฐกุล ขึ้นมาอ่าน (อีกรอบ) ต้องบอกก่อนว่าเป็นแฟนหนังสือของอาจารย์เสกสรรค์อย่างเหนียวแน่น ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็กภูหินร่องกร้า และซื้อ "ถนนหนังสือ" หน้าปกเสกสรรค์-จิระนันท์ มาอ่านด้วยความทึ่งกับหนุ่มสาวสมัยนั้น ความที่ประวัติศาสตร์ของเขาอยู่ใกล้บ้านเรา จึงยิ่งอ่านยิ่งอิน
โอ ไม้จัตวา
(เพลงปราสาทไหว บรรเลงพิณเปี๊ยะ โดย สมบูรณ์ กาวิชัย) ผู้ส่งเข้าประกวด: นางรัษฎาพร บริจินดาได้รับรางวัลจากการประกวดต้นไม้ใหญ่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ประจำปี 2549สถานที่ วัดเชียงมั่นเลขที่ 171 ถนนราชภาคินัย ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่อายุ ประมาณ 80 ปีความสูง ประมาณ 7 เมตรเส้นรอบวง 0.60 เมตร
โอ ไม้จัตวา
ขอยกคำกล่าวลาของคุณอุ๋มอิ๋ม วดีลดา เพียงศิริ "พี่บอกพี่ปุ๊ว่า พญาอินทรี ถึงเวลาต้องบิน" กับช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตพญาอินทรี ลุงปุ๊ครูแห่งการถ่ายภาพของฉัน
โอ ไม้จัตวา
 ป่วยค่ะท่านผู้ชม... อยู่บนโลกแท้ ๆ เหมือนอยู่ในน้ำลึก หายใจไม่ออก อากาศเป็นพิษ มันมาอีกแล้ว คราวนี้แสบจมูก แสบตา ไข้ขึ้น หวัดกินงอมแงม สยบยอมกับโลกใบนี้ หลับไปสองวันเต็ม ๆ วันนี้เจอคลิบของนักร้องคนโปรดอีกคน เคยมีซีดีเมื่อนานมาแล้วแต่แผ่นหายไป เธอชื่อ Jewel Kilcher ชาวอเมริกัน เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง เล่นกีต้าร์ นักแสดง และกวี ว้าว คนอะไรเนี่ย ฉันฟังเธอร้องครั้งแรกเมื่อครั้งอยู่ที่เมืองจีนคนเดียว เสียงเพลงของเธอเป็นเพื่อนในบรรยากาศเหงา ๆ หนาว ๆ เวิ้งว้างคนเดียวในโลกได้เป็นอย่างดี
โอ ไม้จัตวา
http://charyen.com/jukebox/play.php?id=30336  เปลี่ยนบรรยากาศมาฟังเพลงเก่า ๆ ของไทยกันบ้างค่ะ ชื่อเพลงดอกพะยอมยามยาก เสียงร้องของเพลิน พรหมแดน ซึ่งไม่คิดว่าจะมีเพลงแบบนี้ เพราะเพลงที่สร้างชื่อให้กับเพลิน พรหมแดนมักเป็นเพลงตลก ๆ เป็นเพลงร้องสลับพูด ตอนเด็ก ๆ ชอบฟังมากฟังไปหัวเราะไป คล้าย ๆ กับเพลงของวิฑูรย์ ใจพรหม ตอนนี้