Skip to main content

ขนิษฐา คันธะวิชัย


สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม

อีกคนตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวพราย”


กลอนภาษาไทยข้างต้นเป็นกลอนที่ฉันได้ยินมาแต่เด็ก เมื่อมาเขียนบทความนี้ก็พยายามหาว่าใครเป็นคนแต่ง ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่ามาจากเชคเสปียร์ที่บอกว่า Two folks look through same hole, one sees mud, one sees star” ส่วนผู้ที่ถอดเป็นภาษาไทยนั้น ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ว่าใครเป็นคนถอดความและประพันธ์กลอนนี้ อย่างไรก็ตาม ฉันเข้าใจว่ากลอนบทนี้กล่าวถึงการมองสรรพสิ่งที่เป็นสิ่งเดียวกัน แต่ว่าต่างคนอาจมองได้ต่างกัน และเมื่อฉันโตขึ้น ฉันก็ได้เห็นประจักษ์ถึงความเป็นไปตามคำกล่าวนั้น


ในครั้งนี้ฉันอยากจะเขียนถึงงานใหญ่ของชาวมอญในเมืองไทยงานหนึ่งที่ฉันได้ไปร่วม นั่นคือ พิธีบำเพ็ญกุศลถวายพระศพสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๑ ที่ผ่านมานี้เอง งานนี้เราจัดกัน ๑ วัน แต่การเตรียมการนั้นใช้เวลาหลายเดือน เนื่องจากเราทำตามประเพณีมอญโบราณซึ่งมีขั้นตอนเยอะ และเราก็ต้องใช้ปัจจัยเยอะด้วยเช่นกัน


ขบวนแห่ฮะอุ๊บมอญ (สังฆทาน) จากวัดชนะสงครามไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง


ในวันงาน ฉัน ในฐานะคณะกรรมการจัดงาน
(มือใหม่) ของชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพ ก็ต้องวิ่งวุ่นวายเพื่อช่วยเรื่องประสานงาน ซักซ้อมทำความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนกิจกรรมที่มีการเปลี่ยนกะทันหันตามเหตุการณ์ และต้อนรับพี่น้องชาวมอญที่มาร่วมงานภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เพียงเท่านี้ก็วุ่นและเหนื่อยจนไม่ได้เดินออกไปไหนนอกจากภายในลานพระที่นั่ง มาทราบภายหลังว่าเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังต้องนำเสื่อมาปูเพิ่มให้ประชาชนส่วนหนึ่งนั่งบริเวณลานด้านนอกกำแพงพระที่นั่ง เพราะยังมีพี่น้องชาวมอญอีกหลายท่านไม่สามารถเข้ามานั่งร่วมพิธีภายในลานพระที่นั่งดุสิต เนื่องจากคนเยอะจนที่ไม่เพียงพอ


จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่ามีคนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ฉันไม่ได้นับจำนวนที่แน่นอน แต่เห็นว่าน่าจะเป็นจำนวนมากกว่าสองพันคน ชาวมอญหลายๆ คนมาร่วมพิธีเพราะเห็นว่า นี่คือการบำเพ็ญพระราชกุศลให้กับสมเด็จพระพี่นางฯ หรือบางคนอาจเห็นว่านี่เป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีแบบชาวมอญที่ยึดถือกันมาแต่โบราณ ตอนที่เคลื่อนขบวนจากวัดชนะสงครามมาที่พระที่นั่งดุสิต ฉันสังเกตได้ว่าประชาชนที่ผ่านไปมาบนถนนให้ความสนใจ เนื่องจากมองเห็นสาวๆ แต่งชุดมอญถือฮะอุ๊บที่ใส่เครื่องไทยทานเดินเรียงเป็นแถว ซึ่งเป็นภาพที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก นักท่องเที่ยวหลายๆ คนก็อาจจะเห็นว่านี่เป็นภาพที่แปลกตาแนวๆ amazing Thailand จึงได้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก


พวงมาลาสักการะพระศพสมเด็จพระพี่นางฯ โดยชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพ

 
ต่างคนก็ต่างมองเห็นและมีเหตุผลในมุมของตนเอง แต่สำหรับฉันแล้ว ในงานครั้งนี้ฉันมองเห็น “โสร่งแดง” และการยอมรับการแต่งกายตามวัฒนธรรมในชาติพันธุ์ต่างๆ ของสำนักพระราชวัง”


โสร่งนี้ พ่อเมืองท้องถิ่นใกล้กรุงเทพฯบางท่านเกลียดนักเกลียดหนา ว่าไม่ให้ใส่ รับไม่ได้ ใส่โสร่งมาช่วยพระตามเก็บของบิณฑบาต ใส่กางเกงยังรับได้มากกว่า ฯลฯ แต่ก็โสร่งแบบเดียวกันนี้เองที่สำนักพระราชวังให้การยอมรับ และอนุญาตให้ใส่เข้ามาในพระที่นั่งดุสิตฯเพื่อถวายความเคารพพระศพ (ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรก เพราะเมื่อครั้งที่สมเด็จพระพี่นางฯสิ้นพระชนม์ใหม่ๆ ชาวมอญสังขละฯ ก็เคยเข้ามาถวายสักการะพระศพแล้วครั้งหนึ่ง) เนื่องจากเคารพในวัฒนธรรมประเพณีการแต่งกายตามกลุ่มชาติพันธุ์และคติเบื้องหลังการแต่งกาย ซึ่งตามประเพณีดั้งเดิมของชาวมอญแล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดดำเมื่อมาร่วมงานศพ และนี่คือการส่งเสด็จพระวิญญาณสู่สวรรค์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าโศกเศร้าแต่อย่างใดจึงไม่จำเป็นต้องแต่งดำไว้ทุกข์ (แต่ชาวไทยเชื้อสายมอญในระยะหลังๆ ก็ได้รับอิทธิพลแบบกระแสหลักเข้าไปมาก จึงแต่งกายด้วยชุดดำเมื่อไปร่วมงานศพ แต่กระนั้นก็ไม่เคร่งครัดมากว่าต้องเป็นขาวดำเท่านั้น อาจมีสีสดใสแซมมาบ้าง) และสำหรับงานบำเพ็ญกุศลถวายแด่สมเด็จพระพี่นางฯในครั้งนี้ ผู้ที่ทำหน้าที่อัญเชิญพวงมาลาเพื่อให้ประธานในพิธีถวายสักการะที่หน้าพระโกศก็เป็นหนุ่มมอญ ๒ นายที่นุ่ง “โสร่งแดง”



มอญรำจากเกาะเกร็ด นนทบุรี
 

มอญร้องไห้จากพระนครศรีอยุธยา


เมื่อปีก่อนคนที่นุ่งโสร่งแดงแบบเดียวกันนี้โดนมองว่าเป็นพวกแรงงานต่างด้าว เป็นภัยต่อความมั่นคง นั่นก็อาจเป็นเพราะคนที่มองนั้นมีพื้นฐานประสบการณ์ในแนวที่ทำให้มองเป็นแบบนั้นได้ง่าย เช่นอาจจะเคยได้ยินแต่ข่าวแรงงานต่างด้าวก่ออาชญากรรม หรือฟังภาษาที่พูดไม่ออกเลยเกิดความไม่เข้าใจและหวาดระแวง หรือมองด้วยกรอบความคิดเรื่องความมั่นคง อาจจะกลัวโดนยึดเมือง กลัวว่ารัฐบาลประเทศข้างเคียงจะไม่พอใจ ฯลฯ ซึ่งทางชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพ กลุ่ม NGO ในพื้นที่ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ก็ไม่ได้มองแบบนั้น เพราะเรามีพื้นฐานมาอีกแบบหนึ่ง ทำให้เรามองเห็นว่าการนุ่งโสร่งเป็นเรื่องปกติของชาวมอญ ซึ่งมีอยู่ในพื้นที่มาเป็นร้อยๆ ปีแล้ว และก็เป็นการธำรงวัฒนธรรมอันเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่สามารถแสดงออกได้ และตอนนี้ฉันก็ได้แต่หวังว่าผู้ใหญ่ท่านนั้นคงจะมีความเข้าใจในประเด็นต่างๆ เหล่านี้มากขึ้น และมองเห็นอะไรที่กว้างขึ้นบ้างแล้ว



ตัวแทนพระสงฆ์มอญจากทั่วประเทศรับสังฆทานแบบมอญ


อย่างไรก็ตาม ในพิธีบำเพ็ญกุศลถวายพระศพสมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ นี้ ฉันดีใจและขอขอบพระคุณสำนักพระราชวังที่ “มองเห็น” คุณค่าของวัฒนธรรมของแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ ยอมรับและเปิดโอกาสให้เรามีโอกาสรักษาประเพณีวัฒนธรรมแบบเดิมนี้ไว้ ไม่ได้มีมุมมองว่า เป็นชุดของต่างด้าวหรือไม่น่าพึงประสงค์หรือไม่เรียบร้อยแต่อย่างใด จึงนับว่าเป็นนิมิตรหมายอันดีในประเด็นเรื่องการธำรงวัฒนธรรม


สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม

อีกคนตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวพราย”


บล็อกของ องค์ บรรจุน

องค์ บรรจุน
การบริภาษผู้ที่มาทำให้เราไม่พอใจนั้นมีอยู่ด้วยกันทุกชนชาติ หากแต่ถ้อยคำที่ก่นด่ากันนั้นมีนัยยะสำคัญอย่างไร เหตุใดคนที่เลือกสรรถ้อยคำนั้นขึ้นมาจึงคิดว่าจะเป็นคำที่เจ็บแสบ สามารถระบายอารมณ์พลุ่งพล่านนั้นลงได้ ว่าแต่ว่า คำที่คนชาติหนึ่งด่ากันแล้วนำเอาไปด่าใส่คนอีกชาติหนึ่งมันจะเจ็บแสบอย่างเดียวกันหรือไม่ หรือคนด่าจะเป็นฝ่ายเจ็บเสียเอง
องค์ บรรจุน
บางท่านอาจเคยรู้มาบ้างแล้วว่า นายกรัฐมนตรีคนแรกของมาเลเซียมีเลือดเนื้อเชื้อไขไทยสยาม แต่บรรดาคนเกือบทั้งหมดในจำนวนนี้อาจจะยังไม่รู้ว่า เชื้อสายไทยสยามของท่านนั้นแท้จริงแล้วคือ มอญ ด้วยสายเลือดข้างมารดานั้นคือ คุณหญิงเนื่อง (คุณหญิงฤทธิสงครามรามภักดี) หลานลุงของหลวงรามัญนนทเขตคดี อดีตนายอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีคนแรก ต้นสกุล นนทนาคร
องค์ บรรจุน
แม้พุทธศาสนาจะมีต้นกำเนิดมาจากชมพูทวีป แต่ชนชาติต่างๆ ได้มีการแลกรับปรับใช้ในแบบของตนเอง เกิดลัทธินิกายผิดแผกแตกต่างกันไป สำหรับพุทธศาสนาในเมืองไทยนั้นเป็นที่รับรู้กันมานานแล้วว่า ได้รับอิทธิพลมาจากลัทธิเถรวาทของมอญ ซึ่งเลื่องชื่อเรื่องความเคร่งครัดในวัตรปฏิบัติของสงฆ์และความเลื่อมใสศรัทธาอย่างแน่นแฟ้นของพุทธศาสนิกชนมอญ ข้อหนึ่งที่จะกล่าวถึงต่อจากนี้คือ พุทธประวัติตอนที่พระนางพิมพาสยายผมลงเช็ดพระบาทองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พุทธประวัติตอนนี้มีกล่าวถึงเฉพาะในส่วนของมอญเท่านั้น นอกจากนี้ชาวมอญยังได้นำมาใช้ในชีวิตจริงกับกษัตริย์และราชวงศ์อีกด้วย…
องค์ บรรจุน
ตลาดน้ำเกิดใหม่ใกล้กรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วอึดใจ ท่ามกลางธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์ ผู้คนให้การต้อนรับแบบน้ำใสใจจริง และเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์รายรอบที่น่าสนใจ แม้จะเป็นตลาดน้ำเกิดใหม่เมื่อไม่นานแต่ก็ไม่มีการเสริมแต่งอย่างฝืนธรรมชาติ ซ้ำยังโดดเด่นด้วยของกินของใช้และของฝากหลากหลายโดยพ่อค้าแม่ขายคนในท้องถิ่น เปิดขายทุกวันเสาร์อาทิตย์ ตั้งแต่เช้าตรู่เรื่อยไปจนแดดร่มลมตก จากนั้นตลาดก็จะวายไปเองตามวิถีทางของมัน  
องค์ บรรจุน
ป้าขจี (สงวนนามสกุล) เป็นคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในหลายวัฒนธรรม คลุกคลีกับผู้คนตั้งแต่เหนือสุดจนเกือบใต้สุดแดนสยาม อีกทั้งยังมีการผสมผสานหลายชาติพันธุ์ในตัวของป้า กับวัยที่ผ่านสุขทุกข์มาแล้วกว่า ๗๖ ปี จิตใจที่โน้มเอียงเลือกจะอยู่ข้างวัฒนธรรมแบบใดหรือยอมรับการผสมผสานของสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตมากน้อยเพียงใดนั้น คงเกิดจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่หล่อหลอมป้าขจีมาตั้งแต่วัยเด็ก
องค์ บรรจุน
ไม่รู้ว่าทำไมนักวิชาการที่ชอบใช้ทฤษฎีเมืองนอกเมืองนา ประเภทท่องจำขี้ปากฝรั่งมาพูด (สังเกตดูจากบทความวิชาการที่มักมีวงเล็บภาษาอังกฤษ มีเชิงอรรถในแต่ละหน้าเกือบครึ่งหน้ากระดาษ ฉันไม่ได้รังเกียจหลักการวิชาการของต่างชาติที่มีมาก่อนเรา เพียงแต่สงสัยว่า ตรงไหนกันหนอคือความคิดสร้างสรรค์ที่มาจากสมองของคนเขียน...?) ชอบเอาทฤษฎีมาทดสอบพฤติกรรมเอากับคนเล็กคนน้อย คนที่ไม่ค่อยมีปากมีเสียงในสังคม โดยมักมีคำถามและ “คำพิพากษา” ต่อคนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ เมื่อพบเจอคนชาติพันธุ์นุ่งห่มชุดประจำชาติของเขาในกิจกรรมสำคัญ ก็ล้วนมีคำพูดถากถางเสียดสี และพูดคุยกันในกลุ่มของตัวเองแบบเห็นเป็นเรื่องขำ
องค์ บรรจุน
ถึงทุกวันนี้คนส่วนใหญ่คงรู้กันแล้วว่า พม่าย้ายเมืองหลวงจาก ร่างกุ้ง (Rangoon) ไปยังเมืองเนปิดอว์ (Naypyitaw หรือ Naypyidaw) หลายคนอาจไม่รู้ว่าทำไม เหตุผลที่คาดเดากันไปก็มีหลายอย่าง ทั้งความเชื่อถือของนายพลตานฉ่วยตามคำทำนายของโหรส่วนตัว ภัยคุกคามจากอเมริกา หรือข่าวล่าสุดเรื่องการสะสมอาวุธ สร้างอุโมงค์ใต้ดินซึ่งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากเกาหลีเหนือเมื่อไม่นาน เพื่อลำเลียงพลและสรรพาวุธป้องกันตนเองและควบคุมชนกลุ่มน้อยต่างๆ
องค์ บรรจุน
เม้ยเผื่อน เล่าว่า ตนเองเกิดที่ย่านวัดน่วมกานนท์ ตำบลชัยมงคล อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับบ้านปากบ่อและอยู่ภายในตำบลเดียวกันและเป็นหมู่บ้านของสามีและเครือญาติทางสามี
องค์ บรรจุน
  ผมไม่ได้คิดฝันว่าจะเป็นนักวิชาการมาแต่ต้น สู้เรียนเพิ่มจากระดับปริญญาตรีในศาสตร์คนละแขนงต่างขั้ว แค่หวังเพียงจะได้รับฟังและพูดคุยอธิบายความกับนักวิชาการทั้งหลายให้รู้เรื่องบ้างเท่านั้น
องค์ บรรจุน
ผมเป็นคนมหาชัย แม้ว่ามหาชัยเป็นเพียงแค่ชื่อตำบลหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร แต่คนทั่วไปกลับรู้จักคุ้นเคยมากกว่าชื่อจังหวัด เช่นเดียวกับ แม่กลอง ซึ่งเปรียบเหมือนชื่อเล่นที่คนเคยปากมากกว่าชื่อสมุทรสงคราม ทั้งที่เป็นเพียงชื่อตำบลเล็กๆ เท่านั้น ทั้งสองจังหวัดนี้อยู่ชายทะเลอ่าวไทย สมุทรสาครมีแม่น้ำท่าจีนไหลผ่าน ไปออกอ่าวไทยที่บ้านท่าจีน ไม่ต่างจากสมุทรสงครามที่มีแม่น้ำแม่กลองไหลผ่าน ไปออกอ่าวไทยที่บ้านแม่กลอง
องค์ บรรจุน
มอญ เป็นชนชาติเก่าแก่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เคยมีรัฐเอกราชปกครองตนเองอยู่ตอนใต้ของประเทศพม่า ปัจจุบันอยู่ในฐานะชนกลุ่มน้อยในประเทศพม่า ขณะที่มอญส่วนหนึ่งได้อพยพเข้ามายังดินแดนไทย และมีฐานะเป็นชนกลุ่มน้อยเช่นเดียวกัน ชนชาติมอญ มีประวัติศาสตร์และอารยธรรมสืบเนื่องมายาวนาน แม้ปัจจุบันจะไม่มีรัฐปกครองตนเอง แต่วัฒนธรรมมอญทางด้านศาสนา ภาษา วรรณคดี สถาปัตยกรรม นาฏศิลป์ ดนตรี ความเชื่อและประเพณีพิธีกรรมของชนชาติในภูมิภาคนี้ ล้วนได้รับอิทธิพลจากมอญ
องค์ บรรจุน
ราชาธิราช คือ วรรณคดีไทยที่แปลมาจากพงศาวดารมอญ โดยมีการแต่งเติมรายละเอียดบางอย่าง จึงไม่ใช่ประวัติศาสตร์หรือพงศาวดารมอญ แม้คนมอญจำนวนมากเชื่อว่า “ราชาธิราช” เป็นพงศาวดารชาติมอญก็ตาม เพราะได้รับอิทธิพลจากการที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดฯให้เจ้าพระยาพระคลัง (หน) และคณะ แปลขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๘ นำมาสู่การจัดพิมพ์จำหน่ายโดยหมอบรัดเลย์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๓ และอีกหลายสำนักพิมพ์มากกว่า ๒๒ ครั้ง ไม่นับแบบเรียน การแสดงลิเก ละครพันทาง ละครเวที และละครโทรทัศน์