Skip to main content

ถุงผ้าไม่ได้ลดโลกร้อน เพราะการใช้ถุงผ้าตามกระแสโดยเข้าไม่ถึงหลักใหญ่ใจความ ขณะที่ปริมาณการใช้ถุงพลาสติกยังคงเดิม

คงไม่ต้องไปดูไหนไกลอื่น แค่เพียงเราสำรวจดูที่บ้านว่าเรามีถุงผ้าอยู่ในครอบครองกี่ใบ แต่ละวันที่เราออกไปทำธุระนอกบ้าน หรือเวลาที่ตั้งใจไปจ่ายตลาด มีใครสักกี่คนที่เอาถุงผ้าหรือตะกร้าติดตัวไปด้วย และในบรรดาคนที่เอาถุงผ้าหรือตะกร้าติดตัวไปด้วยนั้น จะมีใครบ้างไหมที่ปฏิเสธแม่ค้าว่าไม่เอาถุงพลาสติก โดยเฉพาะแม่ค้าในตลาดสด "ไม่ต้องใส่ถุงพลาสติกชั่งน้ำหนักแล้วเทลงถุงผ้าเลย" อย่างน้อยการซื้อแกงถุงกลับบ้าน นอกจากถุงร้อนที่ใส่แกงแล้ว ยังมีถุงหูหิ้วสวมทับอีก ๑ ใบด้วยหรือไม่

นักวิชาการ นักเรียน นักศึกษา และสื่อมวลชนที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงวิชาการ ไปร่วมเวทีเสวนาบ่อยๆ ไปงานหนึ่งก็จะได้รับถุงผ้าบรรจุเอกสารเสวนามาด้วย ๑ ใบ แต่ละคนไปมาแล้วกี่งาน เคยนับบ้างไหมว่าได้ถุงผ้ามากี่ใบ มีใบไหนบ้างที่ถูกนำมาใช้งานซ้ำ

ทุกวันนี้กระแสถุงผ้ากลายเป็นแฟชั่นลดโลกร้อนลุกลามเข้าไปยังร้านขายผลิตภัณฑ์แนวสุขภาพ โรงแรม โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า องค์กรพัฒนาเอกชน หน่วยงานภาครัฐ และสถาบันการศึกษาทั้งหลาย

ผู้เขียนมีถุงผ้าที่ได้มาต่างกรรมต่างวาระประมาณ ๓๐ ใบ ได้จากเวทีเสวนาวิชาการเสียครึ่งหนึ่ง ที่เหลือได้มาจากห้างสรรพสินค้าที่แถมให้เมื่อซื้อสินค้าครบ ๕๐๐ หรือ ๑,๐๐๐ บาท จากโรงพยาบาล ร้านขายหนังสือ คนรู้จักมอบให้มาพร้อมทั้งกำชับว่า "ใช้ถุงผ้าช่วยกันลดโลกร้อน" แต่จนแล้วจนรอดผู้เขียนก็ไม่ค่อยได้ใช้ถุงผ้าเหล่านี้ นานทีปีหนนอกจากไปทำธุระใกล้บ้านเท่านั้น และก็ใช้อยู่เพียงแค่ใบเดียว ทั้งที่มีอยู่ล้นลิ้นชัก

ตัวอย่างกรณีของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่หันมารณรงค์ให้ใช้ถุงผ้าในศูนย์หนังสือ โดยเปลี่ยนมาใช้ถุงกระดาษแทนและหากนักศึกษาซื้อหนังสือครบ ๑,๐๐๐ บาท จะได้รับถุงผ้าแทน ส่วนใครที่ซื้อหนังสือมูลค่าเกินกว่านี้จะได้รับ "ถุงผ้าสะท้อนน้ำ" ก็เท่ากับว่าคนที่มีใจช่วยลดโลกร้อนก็ถูกยั่วยุให้ต้องเสียเงินซื้อหนังสือตั้งแต่หนึ่งพันบาทขึ้นไป ซึ่งจากคำให้สัมภาษณ์ของดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ยังยอมรับว่าปริมาณการใช้ถุงพลาสติกคงเดิม

"เราตื่นตัวในการใช้ถุงผ้าได้ระยะหนึ่งแต่การใช้ถุงพลาสติกยังไม่ลดลง ในฐานะที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นมหาวิทยาลัยที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมก็เป็นเรื่องสำคัญ ปีการศึกษา ๒๕๕๐ เราแจกถุงผ้าในการปฐมนิเทศน์นักศึกษาใหม่ ปีการศึกษา ๒๕๕๑ เราจะลดการใช้ถุงพลาสติก และในอนาคตเราจะลดการใช้ถุงพลาสติกอย่างสิ้นเชิง..."

กระแสที่ผู้คนลุกขึ้นมาให้ค่ากับการใช้ถุงผ้า ดาราไทยหลายคนก็ไม่พลาดรถไฟเที่ยวนี้ด้วยเช่นกัน (ดาราไทยไม่เคยพลาดขบวนรถไฟเที่ยวออกเทป รถไฟเที่ยวเปิดร้านอาหาร รถไฟเที่ยวเปิดร้านสปาร์ หรือรถไฟเที่ยวออกพ๊อคเกตบุ๊คส์แฉ) บางคนว่าเลยกันไปจนถึงขั้นการสะสม ตามมาด้วยการแข่งขันทั้งรูปแบบและสีสัน และตบท้ายด้วยการละเมิดลิขสิทธิ์ถุงผ้าชื่อดัง


นับจากวันที่เกิดแคมเปญรณรงค์ลดโลกร้อนเพื่อลดปริมาณถุงพลาสติก จนเป็นกระแสโลกเมื่อ Anya Hindmarch (อันย่า ไฮด์มาร์ช) นักออกแบบกระเป๋าชื่อดังระดับโลก ร่วมกับองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม We Are What We Do ผลิตกระเป๋าผ้านำสมัยมีลายสกรีนข้อความโดนใจว่า I'm not a plastic bag ที่แปลว่า "ฉันไม่ใช่ถุงพลาสติก" กระเป๋าผ้ากว่า 20,000 ใบขายหมดเกลี้ยงในเวลาไม่นาน


กระแสตอบรับดีอย่างเหลือเชื่อ แต่ประเด็นของการลดการใช้ถุงพลาสติกเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกลับถูกพลิกผัน การรณรงค์ลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกกลายเป็นแคมเปญจ์ไฟไหม้ฟางแถมเข้ารกเข้าพงผิดวัตถุประสงค์ เมื่อกระเป๋าผ้า "ฉันไม่ใช่ถุงพลาสติก" ของไฮด์มาร์ชที่วางขายราคาใบละ 5 ปอนด์ (ประมาณ 300 บาท) ถูกนักเก็งกำไรกว้านซื้อไปขายต่อทางเว็บไซต์ในราคาใบละ 220 ปอนด์ (ประมาณ 13,200 บาท) คนทั่วโลกเห่อสั่งซื้ออย่างไม่ทันคิดเสียดายเงิน บางรายลุกขึ้นมาปลอมสินค้ากันอย่างเปิดเผย วัตถุประสงค์ของกระเป๋าผ้าที่ออกมาเพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อน จึงกลายเป็นปัจจัยเสริมให้โลกร้อนมากยิ่งขึ้น ร้อนทั้งกิเลศที่อยากมีอยากได้ และร้อนที่เกิดจากกระบวนการผลิตและขนส่งถุงผ้า


กระแสเริ่มต้นที่เกิดขึ้นนั้นสวยงามใครต่างก็ร่วมอนุโมทนาสาธุ แต่ที่สุดผู้คนก็ตื่นกระแสแบบหลงทิศและจบด้วย "หัวมังกุท้ายมังกร" เพราะการแก่งแย่งแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งถุงผ้าเพื่อการสะสมแลตามกระแสนั้น ไม่ใช่วัตถุประสงค์ที่แท้จริง สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นได้แสดงเห็นว่าเป็นค่านิยมชั่วครู่ชั่วยามที่ขาดความยั้งคิดและขาดการทำความเข้าใจในความเป็นไปของโลก เหมือนครั้งหนึ่งที่มีคนพูดว่า "ยุคนี้หมดสมัยการถวายเทียนเข้าพรรษาแล้ว เพราะพระสงฆ์ไม่ได้ใช้งานจริง สู้ถวายหลอดไฟไม่ได้ มีประโยชน์กว่า" ถูก... หลอดไฟมีประโยชน์ แต่หลอดไฟหลอดหนึ่งก็ใช้งานนานหลายปี เมื่อสังคมหน้ามืดตามัวตามกระแสโดยไม่ทันยั้งคิด ทุกคนซื้อหลอดไฟถวายพระ บางรายฐานะดีหน่อยซื้อหลอดผอมถวายให้เปลี่ยนใหม่หมดทั้งวัด ทำให้วัดไม่มีที่เก็บหลอดไฟ ดูแลก็ยากเพราะหลอดไฟแตกหักง่าย วัดในกรุงเทพฯหลายวัดประสบปัญหานี้ จะบริจาคให้วัดต่างจังหวัด ต่างก็ปฏิเสธเพราะมีอยู่ล้นวัดเช่นกัน


คนที่ใช้ถุงผ้าจึงไม่ได้ช่วย "ลด" โลกร้อน อย่างมากก็เพียงแค่ไม่ทำให้โลกร้อนขึ้นเท่านั้น แต่อย่างน้อยคนที่ใช้ถุงผ้าตามกระแสอย่างทุกวันนี้ มีส่วนทำให้อัตราเพิ่มการผลิตถุงผ้าที่เข้าสู่กระบวนการผลิตแบบอุตสาหกรรม เริ่มจากการโค่นป่าไม้ทำไร่ฝ้าย ผลิตเส้นด้ายป้อนโรงงานทอผ้า ที่ล้วนใช้พลังงานไฟฟ้าจากโรงงานถ่านหิน หรือโรงงานไฟฟ้าจากเขื่อนขนาดใหญ่ที่ป่าไม้หลายแสนไร่จมอยู่ใต้นั้น ธรรมชาติที่ถูกทำลาย กระนั้นทรัพยากรภายในประเทศก็ยังไม่เพียงพอ จนต้องซื้อแก๊สจากมาเลเซียและพม่า ซื้อไฟฟ้าจากลาวและเวียดนาม พร้อมด้วยโครงการผันน้ำจากแม่น้ำโขง ชาวไร่ชาวนาจากต่างจังหวัดมุ่งเข้าเมืองเพื่อใช้แรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตถุงผ้า คนงานที่ดิ้นรนเพื่อปากท้องตนเองและครอบครัวที่อยู่ต่างจังหวัด อนาคตฝากไว้กับรายได้จากการขายถุงผ้า สุขภาพร่างกายและจิตใจที่เสียหาย เวลามีค่าแข่งกันทำงานหาเงิน ไม่มีเวลาทอผ้าใช้เอง ต้องซื้อเสื้อผ้าที่ห่อมากับถุงพลาสติก ทำโอทีดึกดื่นไม่มีเวลาทำอาหารเอง ไม่วายต้องหิ้วแกงถุงเข้าไปกินในห้องเช่าข้างโรงงานหลังเลิกงานทุกวัน

 

 

บล็อกของ องค์ บรรจุน

องค์ บรรจุน
การบริภาษผู้ที่มาทำให้เราไม่พอใจนั้นมีอยู่ด้วยกันทุกชนชาติ หากแต่ถ้อยคำที่ก่นด่ากันนั้นมีนัยยะสำคัญอย่างไร เหตุใดคนที่เลือกสรรถ้อยคำนั้นขึ้นมาจึงคิดว่าจะเป็นคำที่เจ็บแสบ สามารถระบายอารมณ์พลุ่งพล่านนั้นลงได้ ว่าแต่ว่า คำที่คนชาติหนึ่งด่ากันแล้วนำเอาไปด่าใส่คนอีกชาติหนึ่งมันจะเจ็บแสบอย่างเดียวกันหรือไม่ หรือคนด่าจะเป็นฝ่ายเจ็บเสียเอง
องค์ บรรจุน
บางท่านอาจเคยรู้มาบ้างแล้วว่า นายกรัฐมนตรีคนแรกของมาเลเซียมีเลือดเนื้อเชื้อไขไทยสยาม แต่บรรดาคนเกือบทั้งหมดในจำนวนนี้อาจจะยังไม่รู้ว่า เชื้อสายไทยสยามของท่านนั้นแท้จริงแล้วคือ มอญ ด้วยสายเลือดข้างมารดานั้นคือ คุณหญิงเนื่อง (คุณหญิงฤทธิสงครามรามภักดี) หลานลุงของหลวงรามัญนนทเขตคดี อดีตนายอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีคนแรก ต้นสกุล นนทนาคร
องค์ บรรจุน
แม้พุทธศาสนาจะมีต้นกำเนิดมาจากชมพูทวีป แต่ชนชาติต่างๆ ได้มีการแลกรับปรับใช้ในแบบของตนเอง เกิดลัทธินิกายผิดแผกแตกต่างกันไป สำหรับพุทธศาสนาในเมืองไทยนั้นเป็นที่รับรู้กันมานานแล้วว่า ได้รับอิทธิพลมาจากลัทธิเถรวาทของมอญ ซึ่งเลื่องชื่อเรื่องความเคร่งครัดในวัตรปฏิบัติของสงฆ์และความเลื่อมใสศรัทธาอย่างแน่นแฟ้นของพุทธศาสนิกชนมอญ ข้อหนึ่งที่จะกล่าวถึงต่อจากนี้คือ พุทธประวัติตอนที่พระนางพิมพาสยายผมลงเช็ดพระบาทองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พุทธประวัติตอนนี้มีกล่าวถึงเฉพาะในส่วนของมอญเท่านั้น นอกจากนี้ชาวมอญยังได้นำมาใช้ในชีวิตจริงกับกษัตริย์และราชวงศ์อีกด้วย…
องค์ บรรจุน
ตลาดน้ำเกิดใหม่ใกล้กรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วอึดใจ ท่ามกลางธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์ ผู้คนให้การต้อนรับแบบน้ำใสใจจริง และเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์รายรอบที่น่าสนใจ แม้จะเป็นตลาดน้ำเกิดใหม่เมื่อไม่นานแต่ก็ไม่มีการเสริมแต่งอย่างฝืนธรรมชาติ ซ้ำยังโดดเด่นด้วยของกินของใช้และของฝากหลากหลายโดยพ่อค้าแม่ขายคนในท้องถิ่น เปิดขายทุกวันเสาร์อาทิตย์ ตั้งแต่เช้าตรู่เรื่อยไปจนแดดร่มลมตก จากนั้นตลาดก็จะวายไปเองตามวิถีทางของมัน  
องค์ บรรจุน
ป้าขจี (สงวนนามสกุล) เป็นคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในหลายวัฒนธรรม คลุกคลีกับผู้คนตั้งแต่เหนือสุดจนเกือบใต้สุดแดนสยาม อีกทั้งยังมีการผสมผสานหลายชาติพันธุ์ในตัวของป้า กับวัยที่ผ่านสุขทุกข์มาแล้วกว่า ๗๖ ปี จิตใจที่โน้มเอียงเลือกจะอยู่ข้างวัฒนธรรมแบบใดหรือยอมรับการผสมผสานของสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตมากน้อยเพียงใดนั้น คงเกิดจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่หล่อหลอมป้าขจีมาตั้งแต่วัยเด็ก
องค์ บรรจุน
ไม่รู้ว่าทำไมนักวิชาการที่ชอบใช้ทฤษฎีเมืองนอกเมืองนา ประเภทท่องจำขี้ปากฝรั่งมาพูด (สังเกตดูจากบทความวิชาการที่มักมีวงเล็บภาษาอังกฤษ มีเชิงอรรถในแต่ละหน้าเกือบครึ่งหน้ากระดาษ ฉันไม่ได้รังเกียจหลักการวิชาการของต่างชาติที่มีมาก่อนเรา เพียงแต่สงสัยว่า ตรงไหนกันหนอคือความคิดสร้างสรรค์ที่มาจากสมองของคนเขียน...?) ชอบเอาทฤษฎีมาทดสอบพฤติกรรมเอากับคนเล็กคนน้อย คนที่ไม่ค่อยมีปากมีเสียงในสังคม โดยมักมีคำถามและ “คำพิพากษา” ต่อคนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ เมื่อพบเจอคนชาติพันธุ์นุ่งห่มชุดประจำชาติของเขาในกิจกรรมสำคัญ ก็ล้วนมีคำพูดถากถางเสียดสี และพูดคุยกันในกลุ่มของตัวเองแบบเห็นเป็นเรื่องขำ
องค์ บรรจุน
ถึงทุกวันนี้คนส่วนใหญ่คงรู้กันแล้วว่า พม่าย้ายเมืองหลวงจาก ร่างกุ้ง (Rangoon) ไปยังเมืองเนปิดอว์ (Naypyitaw หรือ Naypyidaw) หลายคนอาจไม่รู้ว่าทำไม เหตุผลที่คาดเดากันไปก็มีหลายอย่าง ทั้งความเชื่อถือของนายพลตานฉ่วยตามคำทำนายของโหรส่วนตัว ภัยคุกคามจากอเมริกา หรือข่าวล่าสุดเรื่องการสะสมอาวุธ สร้างอุโมงค์ใต้ดินซึ่งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากเกาหลีเหนือเมื่อไม่นาน เพื่อลำเลียงพลและสรรพาวุธป้องกันตนเองและควบคุมชนกลุ่มน้อยต่างๆ
องค์ บรรจุน
เม้ยเผื่อน เล่าว่า ตนเองเกิดที่ย่านวัดน่วมกานนท์ ตำบลชัยมงคล อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับบ้านปากบ่อและอยู่ภายในตำบลเดียวกันและเป็นหมู่บ้านของสามีและเครือญาติทางสามี
องค์ บรรจุน
  ผมไม่ได้คิดฝันว่าจะเป็นนักวิชาการมาแต่ต้น สู้เรียนเพิ่มจากระดับปริญญาตรีในศาสตร์คนละแขนงต่างขั้ว แค่หวังเพียงจะได้รับฟังและพูดคุยอธิบายความกับนักวิชาการทั้งหลายให้รู้เรื่องบ้างเท่านั้น
องค์ บรรจุน
ผมเป็นคนมหาชัย แม้ว่ามหาชัยเป็นเพียงแค่ชื่อตำบลหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร แต่คนทั่วไปกลับรู้จักคุ้นเคยมากกว่าชื่อจังหวัด เช่นเดียวกับ แม่กลอง ซึ่งเปรียบเหมือนชื่อเล่นที่คนเคยปากมากกว่าชื่อสมุทรสงคราม ทั้งที่เป็นเพียงชื่อตำบลเล็กๆ เท่านั้น ทั้งสองจังหวัดนี้อยู่ชายทะเลอ่าวไทย สมุทรสาครมีแม่น้ำท่าจีนไหลผ่าน ไปออกอ่าวไทยที่บ้านท่าจีน ไม่ต่างจากสมุทรสงครามที่มีแม่น้ำแม่กลองไหลผ่าน ไปออกอ่าวไทยที่บ้านแม่กลอง
องค์ บรรจุน
มอญ เป็นชนชาติเก่าแก่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เคยมีรัฐเอกราชปกครองตนเองอยู่ตอนใต้ของประเทศพม่า ปัจจุบันอยู่ในฐานะชนกลุ่มน้อยในประเทศพม่า ขณะที่มอญส่วนหนึ่งได้อพยพเข้ามายังดินแดนไทย และมีฐานะเป็นชนกลุ่มน้อยเช่นเดียวกัน ชนชาติมอญ มีประวัติศาสตร์และอารยธรรมสืบเนื่องมายาวนาน แม้ปัจจุบันจะไม่มีรัฐปกครองตนเอง แต่วัฒนธรรมมอญทางด้านศาสนา ภาษา วรรณคดี สถาปัตยกรรม นาฏศิลป์ ดนตรี ความเชื่อและประเพณีพิธีกรรมของชนชาติในภูมิภาคนี้ ล้วนได้รับอิทธิพลจากมอญ
องค์ บรรจุน
ราชาธิราช คือ วรรณคดีไทยที่แปลมาจากพงศาวดารมอญ โดยมีการแต่งเติมรายละเอียดบางอย่าง จึงไม่ใช่ประวัติศาสตร์หรือพงศาวดารมอญ แม้คนมอญจำนวนมากเชื่อว่า “ราชาธิราช” เป็นพงศาวดารชาติมอญก็ตาม เพราะได้รับอิทธิพลจากการที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดฯให้เจ้าพระยาพระคลัง (หน) และคณะ แปลขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๘ นำมาสู่การจัดพิมพ์จำหน่ายโดยหมอบรัดเลย์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๓ และอีกหลายสำนักพิมพ์มากกว่า ๒๒ ครั้ง ไม่นับแบบเรียน การแสดงลิเก ละครพันทาง ละครเวที และละครโทรทัศน์