Skip to main content


ที่มาภาพ
: www.bangkokbiznews.com


1.

ผมหยิบซีดีเพลงชุด Demo-Seed ของ พล ไวด์ซี้ด (ชุมพล เอกสมญา) ที่ให้ผมไว้ออกมาเปิดฟังอีกครั้ง หลังยินข่าวร้าย พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา พ่อผู้กล้าของเขาเสียชีวิต เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา

บทเพลง บันนังสตาถูกผมนำมาเปิดฟังวนๆ ซ้ำๆ พร้อมคิดครุ่นไปต่างๆ นานา  
ในขณะสายตาผมจ้องมองภาพของพ่อฉายซ้ำผ่านจอโทรทัศน์ ทั้งภาพเมื่อครั้งยังมีชีวิตและไร้วิญญาณ...นั้นทำให้หัวใจผมรู้สึกแปลบปวดและเศร้า...

ฉันรู้ว่าวันเวลาเป็นสิ่งหนึ่ง
ฉันรู้ว่าวันเวลา...
ฉันรู้ว่าวันเวลาเป็นสิ่งหนึ่ง ที่รีไซเคิลไม่ได้
มองโลกตามที่มันเป็นจริง
มองโลกตามที่มันเป็นไป
 
โลกที่เราล้างไฟด้วยไฟ
ล้างไฟด้วยไฟ ฮือ ฮือ ฮึม...


2.

บทเพลง บันนังสตาถูกนำมาเปิดฟังวนๆ ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น และทำให้ผมครุ่นคิดไปต่างๆนานา
หวนนึกถึงค่ำคืนหนึ่ง ในห้องอัดเสียงของ โจ้ รังสรรค์ ราศีดิบ ละแวกซอยวัดอุโมงค์ ผมนั่งคุยกับเขา สัมภาษณ์ความคิดของ พล-ไวด์ซี้ด เพื่อลงเผยแพร่ในคอลัมน์
Be My Guest เสาร์สวัสดี กรุงเทพธุรกิจ เมื่อสองสามปีก่อน

"มองสังคมไทยในขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง"
แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก โลกหมุนเร็วขึ้น เทคโนโลยีทุกอย่างดูรีบร้อน เร่งรีบ รวดเร็วไม่ว่าจะเป็นสังคม การเมือง ความขัดแย้ง มันประทุไปทั่ว ทำให้เราเกิดปฏิกิริยาในหัวใจ เกิดเป็นบทเพลงหลายเพลง การล้างไฟด้วยไฟ มองโลกที่เป็นจริง มองสงครามการเมือง มองสังคมรอบข้าง มองตนเอง เหมือนเราพยายามล้างไฟด้วยไฟ"

"ได้ยินข่าวว่าคุณเขียนเพลงเกี่ยวกับบ้านเกิดที่บันนังสตาด้วย"
ครับ และต้องถือว่าพี่นนท์ (สุวิชานนท์ รัตนภิมล) เป็นต้นกำเนิดเพลงบันนังสตา คือในวันหนึ่งผมส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือบอกเล่าเรื่องราวบ้านเกิดที่บันนังสตา ให้พี่นนท์อ่านบ่อยๆ พี่นนท์ก็เลยบอกว่า เขียนเพลงบ้านเกิดขึ้นมาสักเพลงสิ ตอนแรก ผมไม่มีความมั่นใจที่จะเขียนได้เลย โจทย์มันง่ายในการเขียนถึงบ้านเกิด แต่จริงๆ แล้วเหตุการณ์ที่มันรุมเร้าทำให้เพลงเขียนยาก ว่าจะออกมามุมไหนดี


3.

บันนังสตา บ้านเกิดของฉันในวัยเยาว์นั้น
หอนาฬิกาโบราณ
หอนาฬิกาโบราณ
นาฬิกาตาย
!                                                                                                                 

บทเพลง บันนังสตาถูกนำมาเปิดฟังวนๆ ซ้ำๆ และทำให้ผมครุ่นคิดไปต่างๆ นานา                             

"รู้สึกแตกต่างไหมที่ตัวเองเป็นไทยพุทธท่ามกลางสังคมมุสลิม"
ไม่เลยครับ สมัยผมเรียนหนังสือที่บันนังสตา ในห้องเรียนมีไทยพุทธเพียง 3 คน แต่ว่าเรากับเพื่อนมุสลิมนั้นก็สนิทกันมาก เป็นเพื่อนเล่นกัน ไม่เห็นว่ามีเหตุการณ์รุนแรงเหมือนปัจจุบัน แต่ว่าตอนนี้ บันนังสตากลับกลายเป็นสงครามการเมืองขนาดย่อม เป็นเขตเคอร์ฟิว ตอนเด็กไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เลย ค่อนข้างจะสื่อยาก ผมก็เลยลองเขียนเพลงบันนังสตาขึ้นมา พูดถึงสังคมโครงสร้าง สังคมที่ล้างไฟด้วยไฟ ยุคสมัยที่ล้างไฟด้วยไฟ แล้วสื่อว่าจริงๆ แล้ว บันนังสตานั้นน่าอยู่แค่ไหน มีหอนาฬิกาโบราณ มันน่ารักนะเรื่องในวัยเยาว์ของผมเอง เมื่อก่อนเป็นเด็ก ผมเลี้ยงแพะ พ่อซื้อให้คนละตัวกับน้อง ก็เลยหยิบเรื่องนี้มาเขียน...

4.

มองโลกตามที่มันเป็นจริง
มองโลกตามที่มันเป็นไป
มองไปทางซ้าย ก็เพื่อนเรา
มองไปทางขวา โว่ โว๊ โว..เราเป็นเพื่อนกัน

บทเพลง บันนังสตาถูกนำมาเปิดฟังวนๆ ซ้ำๆ และทำให้ผมครุ่นคิดไปต่างๆ นานา   
ใช่, เขาเคยบอกว่า บันนังสตาเป็นเพลงที่พูดถึงการที่จะเป็นน้ำดับไฟในยุคของเรา

"พวกเราเองก็จะเป็นน้ำดับไฟ เพราะว่าวิธีการล้างไฟด้วยไฟจะไม่มีวันจบ
"คุณพูดเหมือนกับว่าสังคมไทยตอนนี้ถูกกดันจนใกล้จะระเบิดแล้ว ผมแหย่เขา
แต่ความกดดันพวกนี้ จะทำให้เราค้นหาทางออก...
แน่ละ...เขายังเชื่อและยืนยันเช่นนั้น เหมือนกับบทสุดท้ายของเพลง...

แม้โลกนี้เราล้างไฟด้วยไฟ
ล้างไฟด้วยไฟ
มองโลกตามที่มันเป็นจริง
มองโลกตามที่มันเป็นไป
ฉันก็ยังหวังนะ  ฉันก็ยังหวังดี
ว่าเราจะเป็นน้ำดับไฟ
เป็นน้ำดับไฟ


5.


บทเพลง บันนังสตาถูกนำมาเปิดฟังวนๆ ซ้ำๆ และทำให้ผมครุ่นคิดไปต่างๆ นานา                             

นึกไปถึงข้อความ ความรู้สึกของลูกชาย หลังจากการสูญเสียพ่อผู้กล้าของเขา

"คือความตายที่หายไปกับสายลม
เหมือนนักรบคนอื่นๆของประเทศนี้
อีกไม่นานคนก็ลืม"

 

* * * * ** * * * * *

**ขอไว้อาลัยกับการจากไปของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.บันนังสตา กับฉากสุดท้ายของตำนานมือปราบ จ่าเพียรกระดูกเหล็กชายแดนใต้
และขอไว้อาลัยแด่ความไม่เป็นธรรมของสถาบันตำรวจไทย กับการ(ไม่ให้)โยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม

ฟังเพลง
บันนังสตาได้ที่... http://www.youtube.com/watch?v=mdYRVYuFrLQ

และ
http://www.zidoupload.com/f-ZeoxOKj2

 

 

 

บล็อกของ ภู เชียงดาว

ภู เชียงดาว
“พระจันทร์กำลังขึ้นในหุบเขาผาแดง...” เสียงของเจ้าธันวา ลูกชายกวีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น กับภาพที่ฉายอยู่เบื้องหน้า พระจันทร์ดวงกลมโตกำลังเดินทาง โผล่พ้นหลังดอยผาแดงอย่างช้าๆ ก่อนลอยเด่นอยู่เหนือยอด ลอยสูงขึ้นไปบนเวิ้งฟ้าราตรี  0 0 0 0 อีกหนึ่งความทรงจำที่ตรึงผมไว้กับการเดินทางวันนั้น เป็นการเดินทางช้าๆ ไม่เร่งรีบ เรียบง่าย ไม่มีเป้าหมาย แต่เราได้อะไรๆ จากความเรียบง่ายนั้นมามากมาย เมื่อผมนัดกับพี่ชายกวี ‘สุวิชานนท์ รัตนภิมล’ คนเขียนหนังสือ คนเขียนเพลง คนเขียนคำกวี เพื่อไปค้นหาความลี้ลับบางอย่างกลางป่า
ภู เชียงดาว
เหมือนว่าอดีตกำลังกวักมือเรียกหาเหมือนว่าปัจจุบันกำลังคลี่เผยความลับอยู่เบื้องหน้าฉันรู้สึกตื่นเต้น อยากก้าวย่างไปบนทางสายนั้น ถนนความหวังและความใฝ่ฝันภูเขาลูกนั้นที่ฉันคุ้นเคย แม่น้ำสายนั้นที่ฉันฝันถึงป่าไม้ผืนนั้นยังตรึงไว้ในดวงตากับสายลมเริงร่า กลางทุ่งหญ้าสีทอง แหละนั่นตะวันเจิดจ้า กับท้องฟ้าสีฟ้าเบิกบานสดใสเพราะโลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่เพราะโลกใบนี้ยังไม่โหดร้ายเกินไปนักฉันจึงออกเดินทาง ไกลแสนไกลไปตามหาความฝันอันกว้างใหญ่ไปค้นหาความหวังใหม่ไม่รู้จบเพราะโลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่เพราะโลกใบนี้ยังไม่โหดร้ายเกินไปนักฉันจึงศรัทธา คิดและฝัน...ฉันจึงออกเดินทาง....…
ภู เชียงดาว
เธอมิใช่ผู้หญิงที่สูงศักดิ์หากคือหญิงผู้แน่นหนักรักยิ่งใหญ่รักในอิสรภาพ ความเป็นไทรักต่อสู้ เพื่อสิ่งยากไร้- -ในสังคมเธอมิใช่เป็นเจ้าหญิงในตำนานหากทำงานกับปัญหาอันหมักหมมกระชากแหวก กรอบมายา ค่านิยมเพียรเพาะบ่มความแกร่งกล้า- -พยายามเธอเฝ้าเรียน เฝ้าฝืนและตื่นรู้แม้อยู่ท่ามกลางสายตาที่เหยียดหยามหากเธอยังต่อสู้กับความเสื่อมทรามแม้จักผ่านกี่ห้วงยามความเลวร้าย !ใช่,และเธอไม่ได้ต่อสู้เพื่อตัวเองหากเปล่งเสียงร้องปกป้องชนทั้งหลายเพื่อภราดรภาพ เสรีภาพของหญิงชายเพื่อเปล่งแสงแห่งความหมาย- -ความเท่าเทียม !เธอคือหญิงนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่มีจิตใจกล้าหาญชาญยอดเยี่ยมเธอประกาศยืนหยัด...“ความเท่าเทียม”…
ภู เชียงดาว
ที่มาภาพ : http://www.aromdee.net/pic_upload/Sep07/p2120_1.jpgในวันฟ้าเปลี่ยนสีข้ามองเห็นสัตว์การเมืองเปลี่ยนร่างบ้างสลัดคราบทิ้งกลายพันธุ์บ้างเกาะเกี่ยวกระหวัดรัดกันสมสู่ เสพสม กลิ้งเกลือกกองอาจมกิเลส ความใคร่อยาก อำนาจไม่รู้จบอา- - ข้ามองเห็นผู้คนเดินผ่านไปมา มองเห็นแล้วส่ายหน้าหดหู่ใจ...............ผมค้นบทกวีที่ผมแต่งเอาไว้นานแล้ว ออกมาอ่านอีกครั้งหนึ่ง...หลังมีข่าวว่าสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่งในนามว่า “เหี้ย” ออกมาผสมพันธุ์กันในทำเนียบรัฐบาล แหละนี่คือ "เบื้องหลัง 'เหี้ย' หลงฤดู โชว์อึดเสพเมถุน-เล้าโลมเป็นชั่วโมง ในทำเนียบหลังตึกไทยคู่ฟ้า" ที่เผยแพร่ใน ‘มติชนออนไลน์’…
ภู เชียงดาว
เมื่อวันก่อน เพื่อนนักเขียนสาวเมืองเหนือ นาม “สร้อยแก้ว คำมาลา” ส่งข่าวมาบอกว่า จะเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ที่ ‘ร้านเล่า’ เชียงใหม่ ในช่วงเย็น วันที่ 12 ก.พ.นี้ พร้อมกับชักชวนผมเข้าไปร่วมวงคุยกับศิลปินนักเขียนเมืองเหนือกันด้วย“ชื่อหนังสือ... เพราะคิดถึง... เป็นรวมความเรียงที่เคยเขียนไว้ในนิตยสารสานใจคนรักป่าเมื่อปีก่อนๆ แต่เพิ่งเอามารวมเล่มเจ้า” เสียงหวานๆ ของเธอบอกเล่าให้ฟัง“ปกสีชมพูอีกแม่นก่อ...” ผมแหย่เธอเล่น“แม่นแล้ว...สีชมพูหวานแหววเลยแหละ...” เธอรีบบอกพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ
ภู เชียงดาว
 ภาพประกอบโดย : ขวัญข้าวจากตาน้ำน้อยน้อยค่อยหยาดหยดผ่านขุนห้วยเคี้ยวคดรดรินไหลสู่ลุ่มน้ำสาขา -  -เดินทางไกลไปเลี้ยงชีพหล่อเลี้ยงในหัวใจคนกว่าจะเป็นแม่น้ำอันกว้างใหญ่ต้องผสานสายใยอันใหญ่ล้นดินอุ้มน้ำ  ป่าอุ้มฝน  คนอุ้มคนกว่าจะเป็นผลิตผลของแผ่นดินนั่นแสงแดด สายลมคอยห่มป่าโน่นเม็ดฝนหล่นโปรยมามิรู้สิ้น…ฟังสิเพลงนกป่า หญ้าผลิบานให้ได้ยินว่าชีวินนั้นสอดคล้องกันและกันลองหันมองจ้องดูสรรพสิ่ง…เราจะเห็นความจริงมิแปรผันคน ดิน น้ำ ป่า ฯ พึ่งพาอาศัยกันหากสิ่งหนึ่งผกผัน  สิ่งนั้นตาย !มาเถิด,  มาร่วมกันปกป้องป่ามารักษาสายน้ำ…
ภู เชียงดาว
อยู่ดีๆ ก็มีเพื่อนคนหนึ่งส่งเรียงความ เรื่องวันเด็ก ของ ด.ช.ภูภู่ มาให้ แถมยังย้ำบอกอีกว่าต้องอ่าน อืมม...ใช่ พออ่านแล้วฮาเลยนะครับ ผมว่าอารมณ์ขัน แสบ มัน ฮา อย่างนี้ น่าจะเขียนส่ง ต่วยตูน นะเนี่ยไม่รู้ว่าใครได้อ่านกันหรือยัง ขออนุญาตนำมาแปะให้อ่านกันตรงนี้แล้วกันครับ...ขอย้ำ- -โปรดเขย่าอารมณ์ขันก่อนอ่าน...
ภู เชียงดาว
เย็นลมเหนือพัดโชยผ่านกิ่งไม้ เย็นเยียบเย็นตะวันโผล่พ้นฉายแสงเช้าละมุนอุ่นอ่อนหากชีวิตหลายชีวิตโหยหา หวนหาความงามครั้งเก่าก่อนแม้ผ่านนานหลายนาน กี่เดือนปี ความหลังยังคงกรุ่นกลิ่นหอมนิ่งฟังสิ- -คล้ายยินเสียงนางฟ้าครวญเพลงแว่วมาแต่ไกลยังจดจำภาพเธอติดตาอยู่เสมอนะนางฟ้าเธอผู้มีดวงตาสุกใสในวัยเยาว์ฝันแก้มเธอเปล่งปลั่งดั่งดอกไม้สีชมพูแย้มผลิหวานงามแสนงามในนามของความรักที่เธอโปรยปรายแจกจ่ายให้ทุกคนคราพบเห็นยัง เป็น อยู่ เช่นนั้นใช่ไหม...นางฟ้าจากเช้า สู่บ่าย ล่วงลับเย็นยามตะวันอำลาลับขอบเขาตะวันตก...ในเงียบนั้นเรามองเห็นแสงงามอยู่กลางทุ่งเมฆฝันยังระบำร่ายรำฝันอยู่อย่างนั้นเช่นเดิมอยู่ใช่ไหม...…
ภู เชียงดาว
1.ฤดูหนาว...เชื่อว่าใครหลายคนคงรู้สึกชื่นชอบฤดูกาลนี้กันเป็นพิเศษ บางคนชื่นชอบเพราะชีวิตได้สัมผัสกับไอหนาว หมอกขาว ตะวันอุ่น...หลายคนอาจหลงรักดอกไม้ที่พากันแข่งชูช่อเบ่งบานล้อลมหนาวกันดื่นดาษ บางคนอาจชื่นชอบ เพราะเป็นฤดูกาลแห่งการถวิลหาความหลังที่ครั้งหนึ่งนั้นมีหัวใจที่เคยระรื่นชื่นสุขบางคนอาจชื่นชอบเพราะความสะอาดสดของอากาศของฤดูหนาวทว่าเมื่อหันไปมองคนอีกกลุ่มหนึ่งบนดอยสูง ในพื้นที่ทุรกันดารและห่างไกล...ฤดูหนาวกลับกลายเป็นความทารุณ โหดร้ายมากพอๆ กับความตายกันเลยทีเดียวใช่, ความหนาวทำให้หลายชีวิตต้องเผชิญกับความเป็นความตายมานับไม่ถ้วนแล้วหละนึกไปถึงร่างอันบอบบาง…
ภู เชียงดาว
ภาพโดย www.thaingo.org -งาม- เธองามดั่งดวงดอกไม้ป่าเบ่งบานสะพรั่งในหมู่มวลธรรมชาติสรรพสิ่งเพียงลมสายบริสุทธิ์พัดต้องล่องลอยมาสู่,ชีวิตเธอก็คลี่กลีบนวลยิ้มแย้มเบิกบานอยู่อย่างนั้นให้สัมผัสพบเห็นเป็นที่ชื่นชมในกัลยาณมิตรให้ชุ่มชื่นดวงจิตเธอช่วยชุบชูชีวิตหลายชีวิตให้มีหวังยิ่งยามแผ่นดินแล้งแห้งหรือเร่าร้อนดังไฟ-แกร่ง-เธอแกร่งดั่งภูผาที่ยืนท้าต้านแรงลม แดด ฝนวิถียังเฝ้าฝ่าฟัน บากบั่น ยึดมั่น ก้าวไปบนถนนของคนจนและความจน แหละผจญไปบนเส้นทางของความจริงแม้ร่างนั้นดูบอบบาง หากยังฝืนกำหมัดหยัดยืนชูมือขึ้นสู่ฟ้า เพียรวาดฝัน ปรารถนา ปวงประชาพบทางแห่งเสรีใช่, เหมือนกับที่เธอว่าไว้ในบทกวี...“…
ภู เชียงดาว
ข้าไม่สนใจที่จะก้าวไปข้างหน้า ข้าเดินอย่างสบายๆ ให้ทุกสิ่งดำเนินไปในวิถีของมัน มีข้าวสามทะนานอยู่ในย่าม มีฟืนใกล้เตาไฟ แล้วจะสนใจไยกับมายาและการบรรลุธรรม ชื่อเสียงและโชคลาภจะมีประโยชน์อันใด ข้านั่งในกระท่อม ฟังเสียงฝนยามค่ำ เหยียดขาอย่างอิสระอยู่ในโลก. ‘เรียวกัน’ ผมกลับมาพักอยู่ในสวนบนเนินเขาอีกครั้ง,ในวันที่ลมหนาวมาเยือน เป็นการกลับมาใช้วิถีของความเรียบง่ายและเป็นสุข, ผมรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เมื่อมาพักอยู่ในบ้านสวน ซึ่งนับวันสวนยิ่งคล้ายป่าไปทุกที ใจผมรู้สึกนิ่ง สงบมากขึ้น ไม่ต้องเคร่งเครียด เร่งรน หากใช้ชีวิตให้กลมกลืนและใกล้กับวิถีธรรมชาติให้มากที่สุดมาถึงห้วงยามนี้ ผมบอกกับตัวเองว่า…