Skip to main content

 

 IMG_0217 (Small)aa.jpg

พลอลึเป็นนามปากกาของ ชัยวิทย์ ศรีสฤงฆาร                                                         

พลอลึ เป็นภาษาปวาเก่อญอ(กะเหรี่ยง) หมายถึง ดอกไม้สีม่วง ดอกไม้ป่า ดอกไม้ที่เติบโตและเบ่งบานในหุบเขา ขุนห้วย ซึ่งเขาชอบคำและความหมายนี้ จึงบอกกับมิตรสหายว่าขอใช้เป็นนามปากกา         

พลอลึ- -ดอกไม้สีม่วง                                                                                                       

ในความรู้สึกของผม นั้นช่างเหมาะและคล้ายคลึงกับชีวิตเขาเสียเหลือเกิน งามและเศร้า เหงาแล้วเบิกบานในหุบเขา เบ่งบานแล้วก็พลันร่วงหล่น ก่อนวันวัย...กระนั้น หากมองสะท้อนกลับไป เหมือนเขากำลังสื่อบอกเราให้เห็นถึงสัจจะความจริง ซึ่งไม่ว่าใครและใครก็หลีกหนีไม่พ้น                                            

ว่าชีวิตนี้บอบบางและแสนสั้น!                                                                                             

จริงสิ, นอกจากเขาจะเป็นข้าราชการประจำโรงพยาบาลเวียงแหง แต่เขามีเป็นอะไรมากกว่านั้น ซึ่งมิ่งมิตรคนหนึ่งเอ่ยถึงเขาว่า...

กลางวันเขาประจำอยู่ที่ห้องทันตกรรม                                                           

แต่กลางคืนเขาคือ...กวี!                                                                                                    

คงเป็นเช่นนั้น  เขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้...                                                                         

เกิดมาเพื่อเติบโต งดงาม และทำความดี ท่ามกลางป่าเขา งอกงาม เบ่งบาน ให้สรรพชีวิตรอบข้างได้ชื่นชมและสัมผัส                                                                                                                   

งามนอก งามใน และจากไปอย่างเงียบๆ                                                                          

หากเขาได้ทิ้งคุณค่ามากหลายให้โลกใบนี้ได้รับรู้และเรียนรู้ ดั่งเช่นบทกวีนิพนธ์ที่เขาหมั่นเพียรบันทึกเอาไว้อย่างต่อเนื่อง ผ่านวันและคืน ผ่านมาหลายห้วงฤดูกาล เชื่อว่าเมื่อทุกคนได้อ่านงานชุดนี้ของเขา จะมองเห็นตัวตน ชีวิต และจิตวิญญาณของเขามากยิ่งขึ้น งานเขียนชุดนี้ เขาได้นำเผยแพร่ผ่านทางทางเวบไซต์ บล็อกโอเคเนชั่น เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา- -ติดตามค้นหางานเขาได้ที่ http://www.oknation.net/blog/plolee06                                                                         

ในฐานะที่ผมเป็นเหมือนน้องชาย และเป็นเหมือนเพื่อน มิตรสหายที่คุ้นเคยกันมายาวนานหลายสิบปี ทำให้ผมมองเห็น ความจริง ความงาม และความฝันเปล่งประกายในตัวเขา เหมือนแสงตะวันยามเช้า           

ภาพเก่าๆ ยังย้ำเตือนให้เห็นถึงมิตรภาพที่เรามีต่อกันอยู่ย้ำๆ                               

ภาพเขาพาพยาบาลบรรจุใหม่แบกเป้พกกระเป๋ายา บนระยะทางครึ่งค่อนวัน เธอและเขาเดินดุ่มขึ้นดอยน้ำบ่อใหม่กันมาหลายสิบชีวิต ผมสอนหนังสืออยู่ที่นั่น ใช่,ทุกคนที่มาทำงานในเขตเวียงแหงนั้นทำงานไปพร้อมๆ กับการเรียนรู้ ทดสอบชีวิตของตนให้กล้าแกร่งไปในตัว                        

และผมยังจำภาพเราและผองเพื่อนล่องแพไม้ไผ่จากลำน้ำแตงไหลลงเมืองคอง เชียงดาว ค่ำคืนนั้น ภาพเราขดตัวนอนหนาวบนหาดทรายริมลำน้ำใกล้บ้านลาหู่ป่ากล้วย จำได้ว่า ครั้งหนึ่งเขาเกือบจมน้ำ แต่ผมช่วยดึงเขาขึ้นมาทัน                                                                                                    

ห้วงนั้น,เขารอดตาย เขายังมีชีวิต และเขายังมีความฝัน...                                  

และนี่คืออีกหนึ่งความฝันของเขาและครอบครัวเขาบอกผมว่าฝันจะทำสวนเล็กๆ ให้กลายเป็นที่พักของนักเดินทางไกล- -เขาลงมือทำในวันว่างจากงานโรงพยาบาล ช้าๆ ไม่เร่งรีบ เขาลงทุนซื้อเครื่องไม้เครื่องมือ ทำบล็อคประสาน                                                                                                 

ทำงานไปเงียบๆ ลำพัง                                                                              

ผ่านไปสิบกว่าปี ผมกลับไปเยือนหาเขาอีกครั้ง...ผมเห็นดวงตาและรอยยิ้ม แทบไม่น่าเชื่อว่า ความฝันของเขาได้ก่อร่างสร้างขึ้นมา จนกลายเป็น สฤงฆาร ฮัท & รีสอร์ทสวนสวรรค์ของนักเดินทางในยามนี้

ใช่,เขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้!                                                                              

เติบโต เบิกบาน เบ่งบานในหุบเขา แล้วจากไปอย่างเงียบๆ อย่างมีคุณค่าและสร้างสรรค์ และแน่นอนว่า แม้ห้วงขณะนี้ กายเขาจะมลายหายไป หาก สฤงฆาร ฮัท & รีสอร์ทและงานเขียน ถ้อยคำอักษรที่เขากลั่นออกมาจากจิตวิญญาณนี้จะยังคงอยู่สืบไป                                                                                        

ชั่วนิรันดร์.                                

ด้วยจิตคารวะ 

                                                                                                                                      

ภู เชียงดาว.                  

 

                                                            

 IMG_0195 (Small)a.jpg

 
 

 

 
 
 

บล็อกของ ภู เชียงดาว

ภู เชียงดาว
        ผมมองเห็นพลังในตัวผู้ชายคนนี้ ตั้งแต่เขาเปิดประตูลงจากรถ หลังจากเรายืนทักทายกัน เขาเอื้อมไปหยิบกล้องถ่ายรูปขนาดกะทัดรัดที่วางบนเบาะหน้ารถ มากดเก็บภาพหลายมุมรอบๆ สวนและบ้านปีกไม้ ในขณะที่ผมกำลังถือไม้กวาดทางมะพร้าวกวาดใบสักแห้งหล่นกองเต็มลานดินรอบโคนต้น ผมหอบใส่ตะกร้าไม้ไผ่ยัดๆ ไปเทไว้หลังบ้าน ตั้งใจไว้ว่าเมื่อเก็บเศษใบไม้ใบหญ้าได้มากพอ จะทำปุ๋ยหมักเก็บไว้ พอหันไปมองเขาอีกที ผมเห็นเขาจัดแจงลงมือทำในสิ่งที่รักและชอบเรียบร้อยแล้ว เขานั่งหลบมุมอยู่ระหว่างโรงรถกับต้นตะขบที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา ข้างกายเขามีอุปกรณ์เขียนรูป กระดาษ กระดาน จาน สีน้ำ พู่กัน น้ำ…
ภู เชียงดาว
    เมื่อเอ่ยชื่อ...คนมากมายต่างรู้จักเขา… จริงสิ, ใครต่อใครบอกไว้ว่า เขากลายเป็นตัวแทนของคนหนุ่มสาว ของความรัก ความหวัง และความฝันของใครหลายคน กระทั่งมีคนให้สมญานามแด่เขา ‘เจ้าชายโรแมนติก’
ภู เชียงดาว
  กี่ครั้งที่เราทุกข์ กี่ครั้งที่เราล้ม กี่ครั้งที่เราจม อยู่ในท้องทะเลน้ำตา…
ภู เชียงดาว
ที่มาภาพ : www.oknation.net/blog/fontree/2008/08/20/     อีกคืนค่ำ,ผมถวิลหาคำปลอบโยนของอา “เป็นไงบ้าง อยู่ได้ไหม...ชีวิต” นั่นคือถ้อยคำของอาเคยไถ่ถาม น้ำเสียงยังกังวานหากอุ่นอ่อนโยน อาเหมือนดอกไม้กลางป่าอวลกลิ่นหอม อาคงรับรู้ว่างานข่าว งานเขียน มันยากหนักเพียงใด “ที่ถามเพราะอาเคยผ่านจุดนั้นมาก่อน...” ผมได้แต่พยักหน้าบอกไป “อยู่ได้ครับอา...” ในขณะหัวใจผมตื้นตันในถ้อยคำห่วงใยนั้น
ภู เชียงดาว
ใกล้สิ้นปีทีไร เชื่อว่าหลายคนคงแอบบ่นกับตัวเองอยู่เงียบๆ ลำพัง “ชีวิตเราเดินทางมาไกลจังเลย” “ทำไมมันถึงหนักหนาสาหัสอย่างนี้” “แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป...” “สิ่งไหนเล่าที่เราต้องการ...” “แล้วอะไรคือความสุขที่แท้จริง...”
ภู เชียงดาว
เหน็บหนาวใช่ไหมหัวใจเจ้า             โศกเศร้าใช่ไหมหัวใจหวัง ยามสายลมเลาะภูรับรู้-ดัง               แว่วฟังเหมือนดั่งเพลงร้าวราน ใครบางคนสับสน บ่นถึงเจ้า   ไยวิถีจึงเหน็บหนาวแตกร้าวฉาน ไม่มีแล้วหรือ...จิตวิญญาณ                                        …
ภู เชียงดาว
        ที่มาภาพ : โอ ไม้จัตวา http://blogazine.prachatai.com/user/omaijattava/post/2171
ภู เชียงดาว
ยามหมอกขาวห่มคลุมดอย และลมหนาวพัดมาเยือนเมืองเหนือคราใด ทำให้ผมอดครุ่นคำนึงถึงวิถีเก่าๆ เมื่อครั้งเที่ยวท่องไปตามภูเขา ทุ่งไร่ สายน้ำ และชุมชนของพี่น้องชนเผ่านั้นไม่ได้ แน่ละ ในเส้นทางที่ย่ำไปนั้น มักเจอทั้งเรื่องราวมากมายให้เรียนรู้ พานพบ และหยุดทบทวนดูภาพผ่านในบางสิ่ง และละทิ้งภาพผ่านในบางอย่าง แต่โดยรวมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทุกข์สุข สดชื่นรื่นรมย์ หรือปวดปร่าในห้วงลึก เราไม่อาจเกลี่ยทิ้งไปได้ เพราะนั่นล้วนคือวิถีแห่งความจริงทั้งสิ้น...