Skip to main content

20080307 ภาพประกอบ (1)

20080307 ภาพประกอบ (2)

เธอมิใช่ผู้หญิงที่สูงศักดิ์
หากคือหญิงผู้แน่นหนักรักยิ่งใหญ่
รักในอิสรภาพ ความเป็นไท
รักต่อสู้ เพื่อสิ่งยากไร้- -ในสังคม

เธอมิใช่เป็นเจ้าหญิงในตำนาน
หากทำงานกับปัญหาอันหมักหมม
กระชากแหวก กรอบมายา ค่านิยม
เพียรเพาะบ่มความแกร่งกล้า- -พยายาม

เธอเฝ้าเรียน เฝ้าฝืนและตื่นรู้
แม้อยู่ท่ามกลางสายตาที่เหยียดหยาม
หากเธอยังต่อสู้กับความเสื่อมทราม
แม้จักผ่านกี่ห้วงยามความเลวร้าย !

ใช่,และเธอไม่ได้ต่อสู้เพื่อตัวเอง
หากเปล่งเสียงร้องปกป้องชนทั้งหลาย
เพื่อภราดรภาพ เสรีภาพของหญิงชาย
เพื่อเปล่งแสงแห่งความหมาย- -ความเท่าเทียม !

เธอคือหญิงนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่
มีจิตใจกล้าหาญชาญยอดเยี่ยม
เธอประกาศยืนหยัด...“ความเท่าเทียม”
ให้เต็มเปี่ยมคุณค่าความเป็นคน !

“ความเท่าเทียม ใช่มาจากประกาศิตเบื้องบน
หากเราได้มันจากผลของการต่อสู้ !!” *



* ถ้อยคำของหญิงนักรบของขบวนการซาปาติสตา ของชาวพื้นเมืองในเม็กซิโก

เขียนขึ้นด้วยแรงบันดาลใจหลังอ่านบทความของ ‘ภัควดี วีระภาสพงษ์’  : 8 มีนาคม วันสตรีสากล          ในหนังสือเนื่องในวันสตรีสากล,กลุ่มประชาธิปไตยเพื่อรัฐสวัสดิการ,มี.ค.2551

ที่มาภาพ
www.psunews.net/409200713333.jpg
www.oknation.net/blog/home/blog_data/145/6145/images/Zapagirlrgb.jpg









บล็อกของ ภู เชียงดาว

ภู เชียงดาว
        ผมมองเห็นพลังในตัวผู้ชายคนนี้ ตั้งแต่เขาเปิดประตูลงจากรถ หลังจากเรายืนทักทายกัน เขาเอื้อมไปหยิบกล้องถ่ายรูปขนาดกะทัดรัดที่วางบนเบาะหน้ารถ มากดเก็บภาพหลายมุมรอบๆ สวนและบ้านปีกไม้ ในขณะที่ผมกำลังถือไม้กวาดทางมะพร้าวกวาดใบสักแห้งหล่นกองเต็มลานดินรอบโคนต้น ผมหอบใส่ตะกร้าไม้ไผ่ยัดๆ ไปเทไว้หลังบ้าน ตั้งใจไว้ว่าเมื่อเก็บเศษใบไม้ใบหญ้าได้มากพอ จะทำปุ๋ยหมักเก็บไว้ พอหันไปมองเขาอีกที ผมเห็นเขาจัดแจงลงมือทำในสิ่งที่รักและชอบเรียบร้อยแล้ว เขานั่งหลบมุมอยู่ระหว่างโรงรถกับต้นตะขบที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา ข้างกายเขามีอุปกรณ์เขียนรูป กระดาษ กระดาน จาน สีน้ำ พู่กัน น้ำ…
ภู เชียงดาว
    เมื่อเอ่ยชื่อ...คนมากมายต่างรู้จักเขา… จริงสิ, ใครต่อใครบอกไว้ว่า เขากลายเป็นตัวแทนของคนหนุ่มสาว ของความรัก ความหวัง และความฝันของใครหลายคน กระทั่งมีคนให้สมญานามแด่เขา ‘เจ้าชายโรแมนติก’
ภู เชียงดาว
  กี่ครั้งที่เราทุกข์ กี่ครั้งที่เราล้ม กี่ครั้งที่เราจม อยู่ในท้องทะเลน้ำตา…
ภู เชียงดาว
ที่มาภาพ : www.oknation.net/blog/fontree/2008/08/20/     อีกคืนค่ำ,ผมถวิลหาคำปลอบโยนของอา “เป็นไงบ้าง อยู่ได้ไหม...ชีวิต” นั่นคือถ้อยคำของอาเคยไถ่ถาม น้ำเสียงยังกังวานหากอุ่นอ่อนโยน อาเหมือนดอกไม้กลางป่าอวลกลิ่นหอม อาคงรับรู้ว่างานข่าว งานเขียน มันยากหนักเพียงใด “ที่ถามเพราะอาเคยผ่านจุดนั้นมาก่อน...” ผมได้แต่พยักหน้าบอกไป “อยู่ได้ครับอา...” ในขณะหัวใจผมตื้นตันในถ้อยคำห่วงใยนั้น
ภู เชียงดาว
ใกล้สิ้นปีทีไร เชื่อว่าหลายคนคงแอบบ่นกับตัวเองอยู่เงียบๆ ลำพัง “ชีวิตเราเดินทางมาไกลจังเลย” “ทำไมมันถึงหนักหนาสาหัสอย่างนี้” “แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป...” “สิ่งไหนเล่าที่เราต้องการ...” “แล้วอะไรคือความสุขที่แท้จริง...”
ภู เชียงดาว
เหน็บหนาวใช่ไหมหัวใจเจ้า             โศกเศร้าใช่ไหมหัวใจหวัง ยามสายลมเลาะภูรับรู้-ดัง               แว่วฟังเหมือนดั่งเพลงร้าวราน ใครบางคนสับสน บ่นถึงเจ้า   ไยวิถีจึงเหน็บหนาวแตกร้าวฉาน ไม่มีแล้วหรือ...จิตวิญญาณ                                        …
ภู เชียงดาว
        ที่มาภาพ : โอ ไม้จัตวา http://blogazine.prachatai.com/user/omaijattava/post/2171
ภู เชียงดาว
ยามหมอกขาวห่มคลุมดอย และลมหนาวพัดมาเยือนเมืองเหนือคราใด ทำให้ผมอดครุ่นคำนึงถึงวิถีเก่าๆ เมื่อครั้งเที่ยวท่องไปตามภูเขา ทุ่งไร่ สายน้ำ และชุมชนของพี่น้องชนเผ่านั้นไม่ได้ แน่ละ ในเส้นทางที่ย่ำไปนั้น มักเจอทั้งเรื่องราวมากมายให้เรียนรู้ พานพบ และหยุดทบทวนดูภาพผ่านในบางสิ่ง และละทิ้งภาพผ่านในบางอย่าง แต่โดยรวมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทุกข์สุข สดชื่นรื่นรมย์ หรือปวดปร่าในห้วงลึก เราไม่อาจเกลี่ยทิ้งไปได้ เพราะนั่นล้วนคือวิถีแห่งความจริงทั้งสิ้น...