Skip to main content

 21_05_01

20080521 ongart (2)

20080521 ongart (3)

20080521 ongart (4)

ผมยืนอยู่บนเนินเขาเหนือหมู่บ้าน จ้องมองภาพเคลื่อนไหวไปเบื้องหน้า...

เป็นภาพที่คุ้นเคยที่ยังคงสวยสด งดงาม และเรียบง่ายในความรู้สึกผม ภาพชาวนาในท้องทุ่ง ภาพหุบเขาผาแดงที่มีป่าไม้กับลำน้ำแม่ป๋ามไหลผ่านคดโค้งเลียบเลาะระหว่างตีนดอยกับทุ่งนา ก่อนรี่ไหลลงไปสู่ลำน้ำปิง แม่น้ำในใจคนล้านนามานานนักนาน

ไม่ไกลจากสวนบนเนินเขา กลางแดดจ้า สายลมอบอ้าว ผมยินเสียงสายน้ำไหลหลั่งล้นฝายสลับกับเสียงเด็กๆ ตะโกนโหวกเหวกดังแว่วมา ใช่ พวกเด็กๆ คงลงเล่นน้ำคลายร้อนกันที่นั่น และเสียงของความสุขเหล่านี้มันช่างดึงดูดใจทำให้ผมต้องหยุดงานกะทันหัน รีบคว้าหมวก คว้าเสื้อแขนยาวมาสวม สะพายย่าม สะพายกล้อง เดินทอดน่องไปตามทางดินเล็กๆ ที่ลัดเลาะไต่ลงเนินไปโผล่ตรงฝายน้ำล้น

นั่น, เด็กๆ กำลังว่ายน้ำกันอย่างมีความสุข เมื่อหันไปบริเวณลำเหมือง...เด็กสองคนกำลังถือแหช่วยกันลากไปตามขอบเหมืองหาปลากันอย่างเงียบๆ

ทันใดนั้น ภาพความสุขเหล่านั้นค่อยๆ บดเบลอ ทับซ้อนและเลือนราง เหมือนกับว่ามีบางสิ่งที่เลื่อนลอยเข้ามาบังขวาง เหมือนมีบางอย่างที่แปลกปลอมกำลังรุกคืบเข้ามาเยือนหุบเขาแห่งนี้ในไม่ช้า...

“ได้ข่าวหรือยัง รัฐเขาจะทำอุโมงค์ผันน้ำกกมาลงน้ำปิง ผ่านหมู่บ้านของเราพอดีเลย”
“และยังได้ข่าวว่าจะสร้างโรงไฟฟ้าที่หมู่บ้านเราด้วยนะ...”
เสียงของหลานชายบอกเล่าให้ฟังดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทอีกครั้ง,

คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง เมื่อจู่ๆ ก็มีเรื่องราวแบบนี้เข้ามาถึงหมู่บ้านของตนเอง จู่ๆ ก็มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาสู่วิถีชีวิตคุณโดยที่ไม่รู้สึกตัวมาก่อน

แน่นอน สำหรับผมรู้สึกอึ้ง สับสน มึนงง เมื่อยินข่าวเช่นนี้ โดยที่รัฐไม่เคยบอกกล่าวให้รู้มาก่อนล่วงหน้า

และมันทำให้ผมบอกกับตัวเองว่า เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่จะปล่อยให้มันผ่านเลยไปอย่างแน่นอน เพราะว่านี่มันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว เป็นเรื่องอนาคตของหมู่บ้าน เป็นเรื่องอนาคตของการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์ เป็นเรื่องของวิถีชีวิตผู้คนที่อาศัยอยู่สองฟากฝั่งลุ่มน้ำสาขา ลุ่มน้ำฝาง และลุ่มน้ำปิงตอนบน

ใช่ และมันเป็นเรื่องของคนเชียงใหม่ เชียงราย ฯลฯ คนล้านนา และเป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ ที่จะต้องรับรู้ที่มาที่ไปของโครงการเช่นนี้

แต่มันกลับกลายเป็นโครงการที่แอบทำกันเงียบๆ โดยคนไม่กี่กลุ่มคน!

นี่ไม่ใช่ผมมองเพียงเพราะว่าโครงการนี้มันกระทบต่อหมู่บ้านเกิดของตนเองเท่านั้น แต่ผมมองในมิติในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่เริ่มทนไม่ได้ และทนไม่ไหวแล้วกับโครงการรัฐแบบนี้

แน่นอน- -ผู้ที่เห็นดีเห็นงามด้วย ก็มักจะกล่าวอ้างว่า อย่าเห็นแก่ตัว ต้องเสียสละ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมบ้างซี

แต่ช่างแปลกดีแท้ ที่คำกล่าวอ้างเช่นนี้ เสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม แต่กลับไม่เคยย้อนไปดูว่าที่ผ่านมา โครงการของรัฐแบบนี้ มันได้สร้างผลกระทบ สร้างปัญหาให้กับวิถีชีวิตผู้คนท้องถิ่นไปกี่มากน้อย

เพราะตั้งแต่ผมตระเวนเดินทางไปทำข่าว พบเห็นพี่น้องหลายพื้นที่หลายชุมชน ที่โดนกระทำและกำลังถูกกระทำ ด้วยแนวคิดของรัฐที่ร่วมมือกับทุนนิยมรุกคืบเข้าไปทั่วทุกหนแห่ง แก่งแย่งทำลายฐานทรัพยากร สิ่งแวดล้อม โดยใช้ข้ออ้างและเชิดชูผลประโยชน์ที่จะได้รับในนาม ‘ความเจริญ’ และ ‘การพัฒนา’ แบบเหมารวมเช่นนี้มานักต่อนักแล้ว

ซึ่งการกระทำด้วยเงื้อมมือของรัฐแบบนี้ ผมมองว่านี่มันเป็นการกระทำที่มุ่งเอาแต่ได้และขาดการยั้งคิด โดยที่ผ่านมารัฐไม่เคยฉุกคิดเลยว่ามันได้กัดเซาะบ่อนทำลายรากเหง้าชีวิตวัฒนธรรมของคนท้องถิ่นให้แหลกลาญไปกี่พื้นที่กี่มากแล้ว

ที่ผมเกริ่นมาเสียยาวยืด นั่นมาจากที่ผมเริ่มรู้ข่าวมาว่า กรมทรัพยากรน้ำ กำลังดำเนินการ ‘โครงข่ายการเชื่อมโยงลุ่มน้ำจากแม่น้ำกกและลุ่มน้ำสาขาของแม่น้ำโขงไปยังแม่น้ำปิงลงเขื่อนภูมิพล’ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการศึกษาโดยนำน้ำจากลุ่มน้ำในประเทศสหภาพพม่าที่มีปริมาณน้ำมาก มาเพิ่มน้ำต้นทุนให้กับแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำของประเทศไทยที่ยังคงมีความสามารถเก็บกักน้ำเพิ่มเติมได้ คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์

กรมทรัพยากรน้ำ ยังระบุอีกว่า แนวทางหนึ่งที่เป็นไปได้คือ การพิจารณา โครงการผันน้ำจากเขื่อนน้ำกก ด้วยระบบโครงข่ายการเชื่อมโยงลุ่มน้ำ (Water grid line) และการจัดการน้ำในภาคเหนือจากลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำโขง (ตอนเหนือ) ในประเทศสหภาพพม่า แล้วผันเข้าลำน้ำต่างๆ ในภาคเหนือ ซึ่งโครงข่ายการเชื่อมโยงลุ่มน้ำจากแม่น้ำกกและลุ่มน้ำสาขาของแม่น้ำโขงไปยังแม่น้ำปิงลงเขื่อนภูมิพล และจากแม่น้ำกกและลุ่มน้ำสาขาของแม่น้ำโขงไปยังแม่น้ำอิง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่านลงเขื่อนสิริกิติ์ โดยคาดว่าจะสามารถบรรเทาอุทกภัยและปัญหาขาดแคลนน้ำ ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางของประเทศไทยได้นั้น

จากโครงการดังกล่าว ชาวบ้านในหลายๆ พื้นที่ในเขตอำเภอแม่อายฝาง ไชยปราการ และเชียงดาว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากโครงการอุโมงค์ผันน้ำกก-แม่น้ำฝาง-แม่น้ำปิง นี้โดยตรง ต่างพากันตื่นตัว และพากันออกมาวิพากษ์วิจารณ์และคัดค้านไม่เห็นด้วย เพราะหวั่นเกรงว่าจะกระทบต่อฐานทรัพยากรและวิถีชีวิตของชาวบ้านในอนาคต

มาถึงตอนนี้ ผมยังนึกไม่ออกเลยว่า พวกเขาจะผันน้ำกกมาลงน้ำปิงได้อย่างไร...ในเมื่อมีสันดอยสูงกั้นกลางระหว่างลุ่มน้ำฝางกับลุ่มน้ำปิง และผมเชื่อว่าหลายคนยังไม่นึกออกหรอกว่า แล้วที่จะเจาะอุโมงค์ผ่าป่าผ่าดอยหัวโทเขตอำเภอไชยปราการ เพื่อปล่อยน้ำใส่ท่อขนาดยักษ์ลงมาลงที่ลำน้ำแม่ป๋ามที่บ้านป่าตึงงาม ก่อนปล่อยลงแม่น้ำปิงที่เชียงดาวนั้น จะต้องสูญเสียพื้นที่ในการเจาะป่าเจาะดอยมากสักเท่าใด

และยังไม่รู้ว่าจะต้องใช้งบลงทุนมหาศาลจำนวนเท่าใดถึงจะเพียงพอต่อโครงการใหญ่ๆ ครั้งนี้!

ตีพิมพ์ครั้งแรก : พลเมืองเหนือรายสัปดาห์ 12-18 พ.ค.2551

บล็อกของ ภู เชียงดาว

ภู เชียงดาว
“พระจันทร์กำลังขึ้นในหุบเขาผาแดง...” เสียงของเจ้าธันวา ลูกชายกวีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น กับภาพที่ฉายอยู่เบื้องหน้า พระจันทร์ดวงกลมโตกำลังเดินทาง โผล่พ้นหลังดอยผาแดงอย่างช้าๆ ก่อนลอยเด่นอยู่เหนือยอด ลอยสูงขึ้นไปบนเวิ้งฟ้าราตรี  0 0 0 0 อีกหนึ่งความทรงจำที่ตรึงผมไว้กับการเดินทางวันนั้น เป็นการเดินทางช้าๆ ไม่เร่งรีบ เรียบง่าย ไม่มีเป้าหมาย แต่เราได้อะไรๆ จากความเรียบง่ายนั้นมามากมาย เมื่อผมนัดกับพี่ชายกวี ‘สุวิชานนท์ รัตนภิมล’ คนเขียนหนังสือ คนเขียนเพลง คนเขียนคำกวี เพื่อไปค้นหาความลี้ลับบางอย่างกลางป่า
ภู เชียงดาว
เหมือนว่าอดีตกำลังกวักมือเรียกหาเหมือนว่าปัจจุบันกำลังคลี่เผยความลับอยู่เบื้องหน้าฉันรู้สึกตื่นเต้น อยากก้าวย่างไปบนทางสายนั้น ถนนความหวังและความใฝ่ฝันภูเขาลูกนั้นที่ฉันคุ้นเคย แม่น้ำสายนั้นที่ฉันฝันถึงป่าไม้ผืนนั้นยังตรึงไว้ในดวงตากับสายลมเริงร่า กลางทุ่งหญ้าสีทอง แหละนั่นตะวันเจิดจ้า กับท้องฟ้าสีฟ้าเบิกบานสดใสเพราะโลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่เพราะโลกใบนี้ยังไม่โหดร้ายเกินไปนักฉันจึงออกเดินทาง ไกลแสนไกลไปตามหาความฝันอันกว้างใหญ่ไปค้นหาความหวังใหม่ไม่รู้จบเพราะโลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่เพราะโลกใบนี้ยังไม่โหดร้ายเกินไปนักฉันจึงศรัทธา คิดและฝัน...ฉันจึงออกเดินทาง....…
ภู เชียงดาว
เธอมิใช่ผู้หญิงที่สูงศักดิ์หากคือหญิงผู้แน่นหนักรักยิ่งใหญ่รักในอิสรภาพ ความเป็นไทรักต่อสู้ เพื่อสิ่งยากไร้- -ในสังคมเธอมิใช่เป็นเจ้าหญิงในตำนานหากทำงานกับปัญหาอันหมักหมมกระชากแหวก กรอบมายา ค่านิยมเพียรเพาะบ่มความแกร่งกล้า- -พยายามเธอเฝ้าเรียน เฝ้าฝืนและตื่นรู้แม้อยู่ท่ามกลางสายตาที่เหยียดหยามหากเธอยังต่อสู้กับความเสื่อมทรามแม้จักผ่านกี่ห้วงยามความเลวร้าย !ใช่,และเธอไม่ได้ต่อสู้เพื่อตัวเองหากเปล่งเสียงร้องปกป้องชนทั้งหลายเพื่อภราดรภาพ เสรีภาพของหญิงชายเพื่อเปล่งแสงแห่งความหมาย- -ความเท่าเทียม !เธอคือหญิงนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่มีจิตใจกล้าหาญชาญยอดเยี่ยมเธอประกาศยืนหยัด...“ความเท่าเทียม”…
ภู เชียงดาว
ที่มาภาพ : http://www.aromdee.net/pic_upload/Sep07/p2120_1.jpgในวันฟ้าเปลี่ยนสีข้ามองเห็นสัตว์การเมืองเปลี่ยนร่างบ้างสลัดคราบทิ้งกลายพันธุ์บ้างเกาะเกี่ยวกระหวัดรัดกันสมสู่ เสพสม กลิ้งเกลือกกองอาจมกิเลส ความใคร่อยาก อำนาจไม่รู้จบอา- - ข้ามองเห็นผู้คนเดินผ่านไปมา มองเห็นแล้วส่ายหน้าหดหู่ใจ...............ผมค้นบทกวีที่ผมแต่งเอาไว้นานแล้ว ออกมาอ่านอีกครั้งหนึ่ง...หลังมีข่าวว่าสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่งในนามว่า “เหี้ย” ออกมาผสมพันธุ์กันในทำเนียบรัฐบาล แหละนี่คือ "เบื้องหลัง 'เหี้ย' หลงฤดู โชว์อึดเสพเมถุน-เล้าโลมเป็นชั่วโมง ในทำเนียบหลังตึกไทยคู่ฟ้า" ที่เผยแพร่ใน ‘มติชนออนไลน์’…
ภู เชียงดาว
เมื่อวันก่อน เพื่อนนักเขียนสาวเมืองเหนือ นาม “สร้อยแก้ว คำมาลา” ส่งข่าวมาบอกว่า จะเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ที่ ‘ร้านเล่า’ เชียงใหม่ ในช่วงเย็น วันที่ 12 ก.พ.นี้ พร้อมกับชักชวนผมเข้าไปร่วมวงคุยกับศิลปินนักเขียนเมืองเหนือกันด้วย“ชื่อหนังสือ... เพราะคิดถึง... เป็นรวมความเรียงที่เคยเขียนไว้ในนิตยสารสานใจคนรักป่าเมื่อปีก่อนๆ แต่เพิ่งเอามารวมเล่มเจ้า” เสียงหวานๆ ของเธอบอกเล่าให้ฟัง“ปกสีชมพูอีกแม่นก่อ...” ผมแหย่เธอเล่น“แม่นแล้ว...สีชมพูหวานแหววเลยแหละ...” เธอรีบบอกพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ
ภู เชียงดาว
 ภาพประกอบโดย : ขวัญข้าวจากตาน้ำน้อยน้อยค่อยหยาดหยดผ่านขุนห้วยเคี้ยวคดรดรินไหลสู่ลุ่มน้ำสาขา -  -เดินทางไกลไปเลี้ยงชีพหล่อเลี้ยงในหัวใจคนกว่าจะเป็นแม่น้ำอันกว้างใหญ่ต้องผสานสายใยอันใหญ่ล้นดินอุ้มน้ำ  ป่าอุ้มฝน  คนอุ้มคนกว่าจะเป็นผลิตผลของแผ่นดินนั่นแสงแดด สายลมคอยห่มป่าโน่นเม็ดฝนหล่นโปรยมามิรู้สิ้น…ฟังสิเพลงนกป่า หญ้าผลิบานให้ได้ยินว่าชีวินนั้นสอดคล้องกันและกันลองหันมองจ้องดูสรรพสิ่ง…เราจะเห็นความจริงมิแปรผันคน ดิน น้ำ ป่า ฯ พึ่งพาอาศัยกันหากสิ่งหนึ่งผกผัน  สิ่งนั้นตาย !มาเถิด,  มาร่วมกันปกป้องป่ามารักษาสายน้ำ…
ภู เชียงดาว
อยู่ดีๆ ก็มีเพื่อนคนหนึ่งส่งเรียงความ เรื่องวันเด็ก ของ ด.ช.ภูภู่ มาให้ แถมยังย้ำบอกอีกว่าต้องอ่าน อืมม...ใช่ พออ่านแล้วฮาเลยนะครับ ผมว่าอารมณ์ขัน แสบ มัน ฮา อย่างนี้ น่าจะเขียนส่ง ต่วยตูน นะเนี่ยไม่รู้ว่าใครได้อ่านกันหรือยัง ขออนุญาตนำมาแปะให้อ่านกันตรงนี้แล้วกันครับ...ขอย้ำ- -โปรดเขย่าอารมณ์ขันก่อนอ่าน...
ภู เชียงดาว
เย็นลมเหนือพัดโชยผ่านกิ่งไม้ เย็นเยียบเย็นตะวันโผล่พ้นฉายแสงเช้าละมุนอุ่นอ่อนหากชีวิตหลายชีวิตโหยหา หวนหาความงามครั้งเก่าก่อนแม้ผ่านนานหลายนาน กี่เดือนปี ความหลังยังคงกรุ่นกลิ่นหอมนิ่งฟังสิ- -คล้ายยินเสียงนางฟ้าครวญเพลงแว่วมาแต่ไกลยังจดจำภาพเธอติดตาอยู่เสมอนะนางฟ้าเธอผู้มีดวงตาสุกใสในวัยเยาว์ฝันแก้มเธอเปล่งปลั่งดั่งดอกไม้สีชมพูแย้มผลิหวานงามแสนงามในนามของความรักที่เธอโปรยปรายแจกจ่ายให้ทุกคนคราพบเห็นยัง เป็น อยู่ เช่นนั้นใช่ไหม...นางฟ้าจากเช้า สู่บ่าย ล่วงลับเย็นยามตะวันอำลาลับขอบเขาตะวันตก...ในเงียบนั้นเรามองเห็นแสงงามอยู่กลางทุ่งเมฆฝันยังระบำร่ายรำฝันอยู่อย่างนั้นเช่นเดิมอยู่ใช่ไหม...…
ภู เชียงดาว
1.ฤดูหนาว...เชื่อว่าใครหลายคนคงรู้สึกชื่นชอบฤดูกาลนี้กันเป็นพิเศษ บางคนชื่นชอบเพราะชีวิตได้สัมผัสกับไอหนาว หมอกขาว ตะวันอุ่น...หลายคนอาจหลงรักดอกไม้ที่พากันแข่งชูช่อเบ่งบานล้อลมหนาวกันดื่นดาษ บางคนอาจชื่นชอบ เพราะเป็นฤดูกาลแห่งการถวิลหาความหลังที่ครั้งหนึ่งนั้นมีหัวใจที่เคยระรื่นชื่นสุขบางคนอาจชื่นชอบเพราะความสะอาดสดของอากาศของฤดูหนาวทว่าเมื่อหันไปมองคนอีกกลุ่มหนึ่งบนดอยสูง ในพื้นที่ทุรกันดารและห่างไกล...ฤดูหนาวกลับกลายเป็นความทารุณ โหดร้ายมากพอๆ กับความตายกันเลยทีเดียวใช่, ความหนาวทำให้หลายชีวิตต้องเผชิญกับความเป็นความตายมานับไม่ถ้วนแล้วหละนึกไปถึงร่างอันบอบบาง…
ภู เชียงดาว
ภาพโดย www.thaingo.org -งาม- เธองามดั่งดวงดอกไม้ป่าเบ่งบานสะพรั่งในหมู่มวลธรรมชาติสรรพสิ่งเพียงลมสายบริสุทธิ์พัดต้องล่องลอยมาสู่,ชีวิตเธอก็คลี่กลีบนวลยิ้มแย้มเบิกบานอยู่อย่างนั้นให้สัมผัสพบเห็นเป็นที่ชื่นชมในกัลยาณมิตรให้ชุ่มชื่นดวงจิตเธอช่วยชุบชูชีวิตหลายชีวิตให้มีหวังยิ่งยามแผ่นดินแล้งแห้งหรือเร่าร้อนดังไฟ-แกร่ง-เธอแกร่งดั่งภูผาที่ยืนท้าต้านแรงลม แดด ฝนวิถียังเฝ้าฝ่าฟัน บากบั่น ยึดมั่น ก้าวไปบนถนนของคนจนและความจน แหละผจญไปบนเส้นทางของความจริงแม้ร่างนั้นดูบอบบาง หากยังฝืนกำหมัดหยัดยืนชูมือขึ้นสู่ฟ้า เพียรวาดฝัน ปรารถนา ปวงประชาพบทางแห่งเสรีใช่, เหมือนกับที่เธอว่าไว้ในบทกวี...“…
ภู เชียงดาว
ข้าไม่สนใจที่จะก้าวไปข้างหน้า ข้าเดินอย่างสบายๆ ให้ทุกสิ่งดำเนินไปในวิถีของมัน มีข้าวสามทะนานอยู่ในย่าม มีฟืนใกล้เตาไฟ แล้วจะสนใจไยกับมายาและการบรรลุธรรม ชื่อเสียงและโชคลาภจะมีประโยชน์อันใด ข้านั่งในกระท่อม ฟังเสียงฝนยามค่ำ เหยียดขาอย่างอิสระอยู่ในโลก. ‘เรียวกัน’ ผมกลับมาพักอยู่ในสวนบนเนินเขาอีกครั้ง,ในวันที่ลมหนาวมาเยือน เป็นการกลับมาใช้วิถีของความเรียบง่ายและเป็นสุข, ผมรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เมื่อมาพักอยู่ในบ้านสวน ซึ่งนับวันสวนยิ่งคล้ายป่าไปทุกที ใจผมรู้สึกนิ่ง สงบมากขึ้น ไม่ต้องเคร่งเครียด เร่งรน หากใช้ชีวิตให้กลมกลืนและใกล้กับวิถีธรรมชาติให้มากที่สุดมาถึงห้วงยามนี้ ผมบอกกับตัวเองว่า…