ongart's picture

<p>เขาผ่านชีวิตครูดอยมานับสิบปี ท่ามกลางความบริสุทธิ์ของธรรมชาติและผู้คนชนเผ่า เขาขีดเขียนงานด้านบทกวี เรื่องสั้น สารคดี มาตั้งแต่ปี 2540 ก่อนผันเปลี่ยนวิถีสู่งานด้านสื่อ ”ประชาไท” ตามคำชวนของมิตรสหาย และตามเสียงเพรียกบางอย่างข้างใน</p> <p>แน่นอน คอลัมน์นี้จึงเป็นเสมือนเพิงพักในทางผ่าน เพื่อเล่าเรื่องความจริงที่ประสบ ซึ่งมีอารมณ์ทั้งแง่งาม ประทับใจ ทั้งเศร้าลึก แปลบปวดร้าว เมื่อพบบางชีวิตต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ตนเองไม่ได้ก่อ</p> <p>เขาถ่ายทอดตามในสิ่งที่ดวงตาเห็น และดวงใจได้สัมผัส…ว่ายังมีอีกหลากหลายเรื่องราวบนหนทางที่เราผ่านพบ นั้นควรอย่างยิ่งกับการบันทึกเอาไว้ เพื่อจดจำและเรียนรู้...ในชีวิต.</p>

บล็อกของ ongart

สวนชีวิต (2)

13 November, 2008 - 00:00 -- ongart

หลังดินดำน้ำชุ่ม เขาหยิบเมล็ดพันธุ์หลากหลายมากองวางไว้ตรงหน้า


มีทั้งเมล็ดผักกาดดอยที่พ่อนำมาให้ เมล็ดฟักทองที่พี่สาวฝากมา นั่นเมล็ดแตงกวา เมล็ดหัวผักกาด ถั่วพุ่ม ผักบุ้ง บวบหอม ผักชี ฯลฯ เขาค่อยๆ ทำไปช้าๆ ไม่เร่งรีบ ทั้งหว่านทั้งหยอดไปทั่วแปลง เสร็จแล้วเดินไปหอบใบหญ้าแฝกที่ตัดกองไว้ตามคันขอบรอบบ้านปีกไม้มาปูบนแปลงผักแทนฟางข้าว ให้ความชุ่มชื้นแก่ดิน

หลังจากนั้น เขามองไปรอบๆ แปลงริมรั้วยังมีพื้นที่ว่าง เขาเดินไปถอนกล้าตำลึง ผักปลัง ผักเชียงดา มะเขือ พริก อัญชัน ตะไคร้ ขิง ข่า กระเพรา โหระพา สาระแหน่ ฯลฯ มาปลูกเสริม หยิบลูกมะเขือเครือ(ที่หลายคนเรียกกันว่าฟักแม้วหรือซาโยเต้) ลูกแก่จัดจนปริแตกงอกออกใบน้อยๆ มาวางบนเนื้อดินนุ่มริมรั้วแล้วกอบเอาดินมาพูนๆ สุมไว้พอให้รากหยั่งฝังดินไว้

ทุกอย่างดูเหมือนดำเนินไปอย่างเงียบๆ ช้าๆ
เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ปล่อยให้ ลม แดด ฝน ฟ้า เวลา คอยเพาะบ่มชีวิต

การปลูกพืชปลูกผักแบบคละผสมผสานกันในแปลง สลับแปลงแบบนี้นั้น นอกจากจะทำให้เขาเก็บกินได้ง่ายและหลากหลายแล้ว ยังอาจช่วยทำให้แมลงกินผักเข้ามากัดกินได้น้อยลง กระนั้น เขาพยายามหาวิธีการป้องกันแมลงที่เป็นศัตรูกับพืช ด้วยการนำดอกดาวเรืองมาปลูกไว้กลางแปลง ไปขุดเอาตะไคร้หอมในสวนของหลานชายที่อยู่ไม่ไกลจากสวนของเขา มาปลูกเสริมล้อมรอบแปลงผักอีกทีหนึ่ง

ขณะลงมือทำสวน เขาจะบอกกับพ่ออยู่ย้ำๆ ว่านับแต่นี้ต่อไป สวนแห่งนี้จะงดใช้สารเคมี จะปลอดสารพิษ
(หลังจากต้องฝืนทนกินพืชผักตามร้านค้ามายาวนานและหวาดระแวง)

สวนชีวิต (1)

3 November, 2008 - 11:45 -- ongart


ในช่วงสองเดือน ก่อนที่เขาจะตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เกือบทุกเสาร์
-อาทิตย์ เขาใช้เวลาเทียวขึ้นเทียวล่องระหว่างเมืองกับสวนในหุบเขาบ้านเกิด เพื่อวางแผนลงมือทำสวนผักหลังบ้าน


แน่นอน
- -เพราะเขาบอกกับตัวเองย้ำๆ ว่าหากคิดจะพามนุษย์เงินเดือน กลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นได้ จำเป็นอย่างยิ่งจะต้องมีฐานที่มั่น และมีผักไม้ไซร้เครือเตรียมไว้ให้พร้อม ให้พออยู่พอกินเสียก่อน

ใช่ เขาหมายถึงการสร้างฐานความมั่นคงทางอาหาร ด้วยการปลูกพืชผักสวนครัวหลังบ้าน

 

หลายคนอาจบอกว่า งานทำสวนนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เหมือนกับงานสาขาอาชีพอื่น แต่ก็อีกนั่นแหละ เขากลับมองว่า งานสวนไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าจะออกดอกออกผล ให้เก็บเกี่ยวกินได้

เหมือนกับที่เขากำลังลงมือในขณะนี้ เนื่องจากในสวนยามนี้ พ่อวัยเจ็ดสิบกว่า ได้ขนเอาไก่มาเลี้ยงปล่อยไว้ในสวนหลายสิบตัว นั่นหมายถึงว่า เขาจำเป็นต้องขอแรงญาติๆ ช่วยกันทำรั้วไม้ไผ่ล้อมรอบแปลงผักเป็นอันดับแรกก่อน ไม่งั้นพืชผักที่ปลูกคงถูกฝูงไก่คุ้ยเขี่ยจิกกินหมดเสียก่อนเป็นแน่...

ความสุข

6 October, 2008 - 00:00 -- ongart



1.

ในชีวิตคนเรานั้นคงเคยตั้งคำถามที่ไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก

คำถามคลาสสิกหนึ่งนั้นคือ...“คนเราต้องการอะไรในชีวิต!?...”

คำตอบส่วนใหญ่ก็คงหนีไม่พ้นต้องการปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิต

...อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค

หากปัจจุบัน ‘เงิน’ กลับกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของคนเรา

แน่นอน, เมื่อเอาเงินเป็นตัวกำหนดชะตากรรม,ชีวิต

จึงทำให้ทุกคนต้องดิ้นรนเพียงเพื่อให้ได้มาทุกสิ่งทุกอย่าง

จนทำให้ชีวิตหลายชีวิตนั้นขวนขวายทำงานกันอย่างหน่วงหนัก

การงาน’ ได้กระชากลากเหวี่ยงเรากระเด็นกระดอนไปไกลและไกล

ให้ออกไปเดินบนถนนของความโลภ ไปสู่เมืองของความอยาก

ไปสู่กงล้อของการไขว่คว้าที่หมุนวนอยู่ไม่รู้จบ

หน้าที่ อำนาจ ลาภ ยศ สรรเสริญ ความไม่รู้จักพอ เกาะกุม พอกพูนจนแน่นหนา

กระทั่งสถานที่ทำงานกลายเป็นที่กุมขังอันมืดทึบ กดทับจิตวิญญาณ

ยิ่งดิ้น ยิ่งควานหา ยิ่งไขว่คว้า ยิ่งอับจน ไร้หนทางออก

กระนั้น ใครบางคนกลับตั้งคำถามเดิมๆ นี้ ย้ำๆ ซ้ำๆ ลงไปอีก

แท้จริงแล้วคนเราต้องการอะไรในชีวิต...”

หลายคนอาจสรุปรวบย่อคล้ายๆ กันว่าต้องการ ‘ความสุข’

แล้วความสุขนั้นเล่าเราค้นหาได้จากที่ใด!?

สิ่งไหนคือสุขจริง สิ่งไหนเป็นเพียงสุขมายาคติจอมปลอม

นั่นคือประเด็นที่แต่ละคนต้องเรียนรู้ ฝึกฝนและค้นหาด้วยตัวเอง


2.

หลังจากผมหวนกลับมาใช้ชีวิตอยู่ในหุบเขาบ้านเกิด

ผมค้นพบปรัชญาของความสุขอย่างง่ายๆ ในสวนแห่งนี้

ที่สุดแล้ว, ชีวิตต้องกลับคืนสู่เส้นทางที่จากมา

ทุกสรรพสิ่งล้วนพึ่งพาเกื้อกูลกันและกัน

จริงๆ แล้วความสุขนั้นไม่ได้อยู่ไหนไกลเลย

อยู่ในรอบๆ กาย อยู่ในข้างในตัวเรานั่นเอง

และแท้จริงแล้วชีวิตไม่ได้ต้องการอะไรมากเลย

ทำให้นึกถึงคำสอนพ่อของเพื่อนคนหนึ่งที่จากไป

นานหลายปีแล้ว หากถ้อยคำนั้นยังย้ำเตือน...

ชีวิตคนเราไม่ต้องการอะไรมาก

มีกระท่อมไว้นอน มีขอนไม้ไว้หนุน

มีบุญไว้ทำ มีกรรมไว้แต่ง

เพียงเท่านั้น เพียงเท่านั้นจริงๆ

เราเป็นเพียงผู้อาศัย...อีกไม่นาน

อีกไม่นานเราทุกคนก็จากไป...”

จริงสิ, ถ้าคนเราคิดได้กันเช่นนี้

ความสุขคงอบอวลหวนหอมขจรขจาย

ไปทั่วทุกหนแห่ง, ชีวิต.

ฝูงแตนกับกองทัพมดดำ

29 September, 2008 - 00:00 -- ongart

ค่ำนั้น, ฟ้าเริ่มครึ้มมัวหม่นเมฆฝน

ข้ายืนจดจ้องฝูงมดดำเคลื่อนขบวนมหึมา

ไต่ไปบนปีกไม้ไปหารวงรังแตนเกาะริมขอบหน้าต่างบ้านปีกไม้

หมู่มดยื้อแย่งขนไข่แตนกันออกจากรัง อย่างต่อเนื่อง

ขณะฝูงแตนบินว่อนไปมาด้วยสัญชาติญาณ

คงตระหนกตกใจระคนโกรธขึ้งเคียดแค้น

แต่มิอาจทำอะไรพวกมันได้

เหล่าฝูงมดอาศัยพลพรรคนับพันนับหมื่นชีวิต

ใช้ความได้เปรียบเข้าปล้นรังไข่พวกมันไปหมดสิ้น

ไม่นาน ขบวนมดจำนวนมหาศาลก็ถอยทัพกลับไป

ฝูงแตนไม่รู้หายไปไหน

เหลือเพียงรังแตนที่กลวง ว่างเปล่า

ชีวิตนี้...โลกนี้ คือสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจ !!

22 September, 2008 - 11:50 -- ongart



ในที่สุด
, ผมก็พาตัวเองกลับคืนสู่บ้านเกิดอีกครั้ง

หลังจากโชคชะตาชักชวนชีวิตลงไปอยู่ในโลกของเมืองตั้งหลายขวบปี

การกลับบ้านครั้งนี้ ผมกะเอาไว้ว่า จะขอกลับไปพำนักอย่างถาวร

หลังจากชีวิตเกือบค่อนนั้นระหกระเหินเดินทางไปหลายหนแห่ง

ผ่านทุ่งนา ภูเขา แม่น้ำ ทางป่า ถนนเมือง...

จนทำให้บ้านเกิดนั้นเป็นเพียงคนรู้จักที่ไม่คุ้นเคย

เป็นเหมือนโรงเตี๊ยมพักผ่อนชั่วคราวก่อนออกเดินทางไกล

อย่างไรก็ตามได้อะไรมากและหลากหลาย...

สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาสู่,ชีวิต
การกลับบ้านเกิดหนนี้, เหมือนกับว่าไปเริ่มสู่จุดเริ่มต้นและก่อเกิด

ผมบอกกับหลายคนว่ากำลังเกิดใหม่เป็นหนที่สาม
จากบ้านเกิด เข้ามาเรียนในเวียง ระเหเร่ร่อน เรียนรู้กับความกร้าน

ทั้งดีและเลวทรามอย่างสุดๆ ทำงานแบกเหล็ก พนักงานเก็บเงิน ยามโรงแรม

เป็นครูอาสาเดินสอน,ผลิตสื่อโรงเรียนกาวิละอนุกูล,ครูพี่เลี้ยงเด็กตาบอด ฯลฯ
ก่อนตัดสินใจขึ้นไปเป็นครูดอยทำงานอยู่กลางป่านับสิบปี
ก่อนตัดสินใจลงมาทำงานในโลกของไซเบอร์

ได้สัมผัสเรียนรู้กับโลกสื่อสารมวลชน คนข่าว ทั้งเสรีและคับแคบ

โลกของสังคมอันสับสนอลหม่านและซับซ้อน

โลกของการเมือง อันกระอักกระอ่วน เน่าเหม็นและทับซ้อน

โลกของมิตรแท้และศัตรูชั่วคราวและถาวร
กระนั้น ก็เป็นสิ่งที่เรามิอาจหลีกเลี่ยงมันได้เลย

ทำให้นึกไปถึงถ้อยคำของ ‘วีระศักดิ์ ยอดระบำ’

ที่บอกเล่าถึง ‘หนทาง’ ที่ชัดเจน

การเคลื่อนตัวเข้าไปอยู่ในสนามแห่งความจริง

ทำให้คนเราต้องเผชิญหน้ากับตัวเองและสังคม”

หุบเขาของความเปลี่ยน...แรงสั่นสะเทือนชีวิตและจิตวิญญาณ (4)

2 July, 2008 - 00:00 -- ongart

2_07_01

ลุ่มน้ำแม่ป๋าม’ ถือว่าเป็นลุ่มน้ำสาขาหลักที่สำคัญของแม่น้ำปิงอีกสายหนึ่งของอำเภอเชียงดาว ที่เราจะมองข้ามไปไม่ได้เลย

เมื่อย้อนทวนขึ้นไปบนความสลับซับซ้อนของต้นกำเนิดน้ำแม่ป๋าม หรือที่หลายคนเรียกกันว่า ตาน้ำ จะพบว่าอยู่บริเวณชุมชนบ้านแม่ปาคี ต.สันทราย ของ อ.พร้าว ก่อนจะลัดเลาะไหลอ้อมตีนดอยผาแดง ลงสู่หุบห้วยบริเวณบ้านป่าตึงงาม โดยมีสายน้ำย่อยอีกสายหนึ่ง คือน้ำแม่ป๋อย ได้ไหลมารวมกับน้ำแม่ป๋ามตรงสบน้ำบ้านออน ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว

นอกจากนั้นยังมีลำน้ำแม่มาดอีกสายหนึ่ง ซึ่งมีขุนน้ำอยู่บริเวณป่าเชิงดอยบ้านปางโม่ ก็ได้ไหลมาสมทบกับน้ำแม่ป๋าม แล้วค่อยไหลผ่านหมู่บ้านแม่ป๋าม ก่อนไหลรวมลงไปบรรจบกับแม่น้ำปิงที่อ้อมผ่านบ้านปิงโค้ง

ว่ากันว่า อนุภาคของลุ่มน้ำแม่ป๋ามนี้ได้ครอบคลุมพื้นที่หลายหมู่บ้านในตำบลปิงโค้ง และเนื่องจากพื้นที่ลุ่มน้ำแม่ป๋ามเป็นพื้นที่ที่มีฐานทรัพยากรความอุดมสมบูรณ์ ผู้คนแถบนี้จึงมีการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ลุ่มน้ำแม่ป๋ามมาโดยตลอด

แน่นอน ลุ่มน้ำแม่ป๋าม จึงมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของผู้คนพื้นเมืองหลายชนเผ่าโดยคนในลุ่มน้ำได้ร่วมรักษาป่า ดูแลสายน้ำ มีการจัดการทรัพยากรมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดการป่าไม้ในรูปแบบป่าชุมชน การจัดการน้ำด้วยระบบเหมืองฝาย และการใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อทำการเกษตรให้เหมาะสมกับพื้นที่ รวมไปถึงการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ มีวิถีชีวิตที่ผูกพันอยู่ธรรมชาติกันมานานเนิ่นหลายชั่วอายุคน

หุบเขาของความเปลี่ยน...แรงสั่นสะเทือนชีวิตและจิตวิญญาณ (3)

10 June, 2008 - 06:08 -- ongart
10_6_01

มองไปในความกว้างและเวิ้งว้าง ทำให้ผมอดครุ่นคิดไปลึกและไกล และพลอยให้อดนึกหวั่นไหวไม่ได้ หากภูเขา ทุ่งนาทุ่งไร่ สายน้ำ และวิถีชีวิตในหมู่บ้านเกิดของผมต้องเปลี่ยนไป เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมที่อยู่นอกเหนือธรรมชาติเข้ามาเยือน

หุบเขาของความเปลี่ยน...แรงสั่นสะเทือนชีวิตและจิตวิญญาณ (2)

30 May, 2008 - 00:37 -- ongart

‘…เรารู้ซึ้งถึงสิ่งนี้ โลกนี้มิใช่ของมนุษย์ มนุษย์ต่างหากที่เป็นสมบัติของโลก สิ่งนี้เรารู้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันเหมือนดังสายเลือดในครอบครัวเดียวกัน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์ สิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นแก่โลก ย่อมเกิดขึ้นแก่บุตรธิดาของโลกด้วย มนุษย์ไม่ใช่ผู้สานทอใยแห่งชีวิต เขาเป็นเพียงเส้นใยหนึ่งในนั้น สิ่งใดก็ตามที่เขาทำต่อข่ายใยนั้น ก็เท่ากับกระทำต่อตนเอง...’

จดหมายโต้ตอบของหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงที่ซีแอตเติ้ล
จากหนังสือ ‘ณ ที่ดวงตะวันฉายแสง ข้าจะไม่สู้รบอีกต่อไป’
วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ : แปล และเรียบเรียง

หุบเขาของความเปลี่ยน...แรงสั่นสะเทือนชีวิตและจิตวิญญาณ (1)

21 May, 2008 - 00:41 -- ongart

 21_05_01

20080521 ongart (2)

20080521 ongart (3)

20080521 ongart (4)

ผมยืนอยู่บนเนินเขาเหนือหมู่บ้าน จ้องมองภาพเคลื่อนไหวไปเบื้องหน้า...

เป็นภาพที่คุ้นเคยที่ยังคงสวยสด งดงาม และเรียบง่ายในความรู้สึกผม ภาพชาวนาในท้องทุ่ง ภาพหุบเขาผาแดงที่มีป่าไม้กับลำน้ำแม่ป๋ามไหลผ่านคดโค้งเลียบเลาะระหว่างตีนดอยกับทุ่งนา ก่อนรี่ไหลลงไปสู่ลำน้ำปิง แม่น้ำในใจคนล้านนามานานนักนาน

ฤดูกาลหว่านหวัง

10 May, 2008 - 03:44 -- ongart

20080510 (1)

(1)

ดอกฝนหล่นโปรยมาทายทักแล้ว,ในห้วงต้นฤดู
หอมกลิ่นดินกลิ่นป่าอวลตรลบไปทั่วทุกหนแห่ง
หัวใจหลายดวงชื่นสดในชีวิต
วิถีถูกปลุกฟื้นตื่นให้เริ่มต้นใหม่อีกคราครั้ง…

ตีนเปลือยย่ำไปบนดินนุ่มชุ่มชื้น,เช้าวันใหม่
ไต่ตามสันดอย ไปในไร่ด้วยกันนะน้องสาว
ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน  ช่วยกันทำงานๆ
พี่ใช้เสียมลำไม้ไผ่กระทุ้งดิน  น้องหยิบเมล็ดข้าวหยอดใส่หลุม
ไม่เร่งรีบ ไม่บ่นท้อ ในความเหน็ดหน่าย
เสร็จงานเราผ่อนคลาย  เอนกายผ่อนพักใต้เงาไม้ใหญ่
แล้วพี่จะกล่อมให้, ด้วยเพลงพื้นบ้านโบราณขับขาน

Pages

Subscribe to RSS - บล็อกของ ongart