สวนชีวิต (2)
หลังดินดำน้ำชุ่ม เขาหยิบเมล็ดพันธุ์หลากหลายมากองวางไว้ตรงหน้า
มีทั้งเมล็ดผักกาดดอยที่พ่อนำมาให้ เมล็ดฟักทองที่พี่สาวฝากมา นั่นเมล็ดแตงกวา เมล็ดหัวผักกาด ถั่วพุ่ม ผักบุ้ง บวบหอม ผักชี ฯลฯ เขาค่อยๆ ทำไปช้าๆ ไม่เร่งรีบ ทั้งหว่านทั้งหยอดไปทั่วแปลง เสร็จแล้วเดินไปหอบใบหญ้าแฝกที่ตัดกองไว้ตามคันขอบรอบบ้านปีกไม้มาปูบนแปลงผักแทนฟางข้าว ให้ความชุ่มชื้นแก่ดิน
หลังจากนั้น เขามองไปรอบๆ แปลงริมรั้วยังมีพื้นที่ว่าง เขาเดินไปถอนกล้าตำลึง ผักปลัง ผักเชียงดา มะเขือ พริก อัญชัน ตะไคร้ ขิง ข่า กระเพรา โหระพา สาระแหน่ ฯลฯ มาปลูกเสริม หยิบลูกมะเขือเครือ(ที่หลายคนเรียกกันว่าฟักแม้วหรือซาโยเต้) ลูกแก่จัดจนปริแตกงอกออกใบน้อยๆ มาวางบนเนื้อดินนุ่มริมรั้วแล้วกอบเอาดินมาพูนๆ สุมไว้พอให้รากหยั่งฝังดินไว้
ทุกอย่างดูเหมือนดำเนินไปอย่างเงียบๆ ช้าๆ
เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ปล่อยให้ ลม แดด ฝน ฟ้า เวลา คอยเพาะบ่มชีวิต
การปลูกพืชปลูกผักแบบคละผสมผสานกันในแปลง สลับแปลงแบบนี้นั้น นอกจากจะทำให้เขาเก็บกินได้ง่ายและหลากหลายแล้ว ยังอาจช่วยทำให้แมลงกินผักเข้ามากัดกินได้น้อยลง กระนั้น เขาพยายามหาวิธีการป้องกันแมลงที่เป็นศัตรูกับพืช ด้วยการนำดอกดาวเรืองมาปลูกไว้กลางแปลง ไปขุดเอาตะไคร้หอมในสวนของหลานชายที่อยู่ไม่ไกลจากสวนของเขา มาปลูกเสริมล้อมรอบแปลงผักอีกทีหนึ่ง
ขณะลงมือทำสวน เขาจะบอกกับพ่ออยู่ย้ำๆ ว่านับแต่นี้ต่อไป สวนแห่งนี้จะงดใช้สารเคมี จะปลอดสารพิษ
(หลังจากต้องฝืนทนกินพืชผักตามร้านค้ามายาวนานและหวาดระแวง)