Skip to main content

ผมได้รับชวนจากมิตรสหายท่านหนึ่งให้เข้ามาเขียนบล็อกที่นี่ หลังจากไปโพสต์ต่อท้ายข่าวซุปเปอร์แมนลาออกจากเดลี่เทเลกราฟไปเขียนบล็อก ผมบ่นไปทำนองว่า อยากออกไปทำงานอย่างอื่นบ้าง มิตรสหายท่านนั้นเลยยื่นข้อเสนอที่ยากปฏิเสธ

เพราะผมอ่านข่าวในประชาไทอยู่นานแล้ว ก็อยากมีส่วนร่วมด้วย ประการหนึ่ง

อีกประการหนึ่ง ผมเขียนบล็อกในหลายที่ หลายโอกาส แต่ก็ไม่ได้ไปเพิ่มเติมบทความ เพราะเป็นภาระที่จะต้องเข้าไปจัดการรูปภาพและข่าวสาร ในที่สุดก็ปล่อยให้เป็นบล็อกร้างและลืมกระทั่งพาสเวิร์ดในที่สุด

แต่เหตุผลสำคัญอีกข้อหนึ่งก็คือ ผมใช้ social network อย่าง facebook ในฐานะเครื่องมือสื่อสารกับมิตรสหายตั้งแต่ที่เรียนด้วยกันที่อาวายอิ จนถึงเพื่อนมัธยม บ่อยครั้งที่ต้องลดโทนการแสดงความเป็นลงเพราะเกรงใจในมิตรภาพ มีบางครั้งที่ต้อง unfriend ไปเพราะไม่สามารถเยียวยาความรู้สึกและอคติที่มีต่อกันได้ก็มี

fb. จึงเปราะบางเกินกว่าจะสื่อความทางการเมืองสำหรับคนบางกลุ่ม และการเขียน fb บางครั้งก็เป็นการบ่นบ้าสาธารณ์ ไร้สาระไปวันๆ ตามอารมณ์หวั่นไหวบ้าง (ฮา) 

การกลับมาเขียนบล็อกจึงน่าจะเป็นช่องทางการสื่อสารกึ่งทางการ แต่เอาจริงเอาจังได้ดีกว่าช่องทางอื่น

ส่วนชื่อบล็อก "ยืนบนเงา" เคยใช้เป็นหัวคอลัมน์ที่เขียนให้หนังสือพิมพ์การเงินฉบับหนึ่งนานมากแล้ว คอลัมน์นั้นมีชะตากรรมอันแสนสั้น เมื่อผมต้องไปเรียนต่อ และบทความไม่เตะตาบรรณาธิการ 

วันนี้กลับมาเขียนบล็อก ก็น่าจะเอา "เงา" ของตัวเองมาส่องชะโงกดูบ้าง จะได้ไม่หลงลืมความฝัน ว่าเลือกเดินมาถึงป่านนี้ ใช่ทางที่ตัวเองเลือกหรือยัง

ชื่อ "ยืนบนเงา" ก็สะท้อนความไม่เที่ยงแท้ของโลก ของแสงแดด และเงาจากแสงเทียม 

อาจจะดูปรัชญา อาจจะดูไม่ขำ ไม่เท่ แต่ก็น่าจะใช้ได้

อีกเหตุผลหนึ่ง ผมมีข้อเขียนที่เผยแพร่ในวงจำกัด แต่อยากจะนำมาเผยแพร่อีกครั้งเพื่ออ้างอิงและรวบรวมเอาไว้ จึงน่าจะสะดวกสำหรับคนที่สนใจงานแบบที่ผมทำ ไม่ว่าจะเป็นการย่อยสรุปความ บันทึกจากการเดินทาง โดยเฉพาะความทรงจำจากเวนิสเบียนน่าเล่ (2554) ที่ยังไม่มีโอกาสเผยแพร่ที่ไหน

แค่นี้ก็น่าจะพอสำหรับการสนองตอบคำชวนของมิตรสหายท่านนั้น

สวัสดีอย่างเป็นทางการครับ

บล็อกของ บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ

บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ตรุษจีนปีนี้ผมไม่ได้กลับบ้าน คงอยู่เงียบๆ เหมือนเคย แต่บรรยากาศของตรุษจีนของชาวจีนโพ้นทะเลไม่ว่าที่ไหนๆ ก็จะต้องมีเสียงของเติ้งน้อยเป็นเพลงประกอบราวกับเพลงบังคับของเทศกาล อดไม่ได้ที่จะหวนคิดถึงความเก่าความหลังที่ชีวิตวกวนพาไปเดินเล่นไกลถึงนิวยอร์ค
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ผมเคยเขียนงานชุด จริยธรรมของการพบพาน (The Ethics of Encounter) เอาไว้เมื่อหลายปีก่อน เพื่อนำเสนอสิ่งที่เป็นไปได้ในสถานการณ์ของการเชิญหน้า ว่าในการปะทะสังสรรค์กันของมนุษย์กับคนแปลกหน้าย่อมเกิดภาวะพิเศษ ซึ่งอาจนำไปสู่สงครามหรือสันติภาพก็ได้ หลายปีมานี้ผมพบว่าปัญหาหนึ่งของสังคมไทยก็คือการปะทะกั
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
v\:* {behavior:url(#default#VML);} o\:* {behavior:url(#default#VML);} w\:* {behavior:url(#default#VML);} .shape {behavior:url(#default#VML);}
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ผมได้รับชวนจากมิตรสหายท่านหนึ่งให้เข้ามาเขียนบล็อกที่นี่ หลังจากไปโพสต์ต่อท้ายข่าวซุปเปอร์แมนลาออกจากเดลี่เทเลกราฟไปเขียนบล็อก ผมบ่นไปทำนองว่า อยากออกไปทำงานอย่างอื่นบ้าง มิตรสหายท่านนั้นเลยยื่นข้อเสนอที่ยากปฏิเสธ เพราะผมอ่านข่าวในประชาไทอยู่นานแล้ว ก็อยากมีส่วนร่วมด้วย ประการหนึ่ง