Skip to main content


แม่เพิ่งโทรมาถามผมว่าวันเกิดปีนี้จะทำอะไร
? และเตือนว่าอย่าลืมไปทำบุญถวายพระ แถมยังบอกอีกว่าปีนี้ อยากให้ทำทานโดยการซื้อผ้าเช็ดตัวให้กับผู้เฒ่าผู้แก่และเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ ในหมู่บ้าน


ผมรู้สึกดีใจที่คุณแม่โทรมา เพราะอย่างน้อยแสดงว่าท่านจำวันเกิดของผมได้ แม้ว่าผมจะไม่ค่อยตื่นเต้นอะไรกับวันเกิดเพราะมันก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งสำหรับผม แต่ที่ไหนได้วันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณแม่ เพราะท่านได้ให้การเกิดผมมาลืมตาดูโลก


ในวันที่คุณแม่คลอดผม ผมจำไม่ได้หรอกครับ แต่แม่เคยเล่าให้ฟังว่า ผมคลอดยากมาก หมอต้องใช้เครื่องมือช่วยดูดออกมา แล้วก็เอาไปเข้าห้องอบ พักอยู่หลายวันเหมือนกัน น้ำหนักแรกคลอดไม่ค่อยสมบูรณ์เหมือนทารกคนอื่นๆ เท่าไหร่


แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้ผมก็มีชีวิตเติบโตขึ้นมาได้ ด้วยการเลี้ยงดูของแม่ (เป็นหลัก) เพราะพ่อได้หย่ากับแม่ไปเมื่อตอนผมอายุ 7 ขวบ แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะแม่ก็แต่งงานใหม่ตอนผมอายุ 9 ขวบ พร้อมกับมีลูกสาวอีกหนึ่งคน ปัจจุบันที่บ้านก็มีเรา 4 คน คือ พ่อบุญธรรม แม่ น้องสาว และผม


ผมดีใจมาก ที่ได้อยู่ร่วมกับพ่อบุญธรรมที่ให้การเลี้ยงดูผม แม้จะไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่ด้วยกัน แต่ท่านก็รักและเลี้ยงดูผมด้วยดีเสมอมา ผมดีใจที่แม่เป็นผู้หญิงที่ให้ความอบอุ่นและรักผม ให้โอกาสผมในการใช้ชีวิตที่ตัวเองเลือก และท่านก็คอยดูอยู่ห่างๆ ด้วยความปรารถนาดีตลอดมา ส่วนน้องสาวคนดีของผม แม้จะขี้อายไปนิด แต่น้องผมก็ใฝ่เรียน ใฝ่ธรรม และมีความคิดเป็นของตัวเอง


เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมกลับบ้านและพวกเราทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ผมจึงได้เล่าเรื่องการปฏิบัติธรรมของผมให้ทุกๆ คนที่บ้านได้ฟัง เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูต่อพ่อและแม่ ซึ่งท่านตั้งใจฟังมาก และผมก็ซึ้งมากที่ได้เล่าให้ท่านฟัง เป็นการตอบแทนพระคุณที่ท่านได้มอบชีวิตและเลี้ยงดูผมมา


ตั้งแต่ผมโตมาและได้พบกับธรรมะที่ลึกซึ้งขึ้น ผมรู้สึกว่า “ชีวิตเป็นของมีค่ามากๆ” ผมดีใจที่ได้เกิดมาอยู่บนโลกมนุษย์นี้ เพื่อได้เรียนรู้ชีวิต เรียนรู้ธรรมะ และได้พบกับหนทางสู่การพ้นทุกข์ ซึ่งทำให้ผมพบว่าชีวิตคนเรานั้นมีการเกิดใหม่ทุกๆ ขณะ ทุกๆ ลมหายใจ


หากเราอยู่กับ “ปัจจุบันขณะ” ไปเรื่อยๆ นั่นหมายความว่าเราเป็นคนใหม่ในทุกๆ ลมหายใจ แม้ว่าการเกิดเป็นคนลืมตาดูโลกจะเป็นการเกิดจากดวงจิตหนึ่งมาเป็นมนุษย์ แต่ในทุกๆ ขณะชีวิตประจำวันนั้นเราก็เกิดใหม่อยู่สม่ำเสมอ เพียงแต่เรามองไม่ออกว่าการเกิดแต่ละครั้งนั้นมีความแตกต่างกัน


นั่นคือเดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวอยาก เดี๋ยวไม่อยาก เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวไม่โกรธ เดี๋ยวหลง เดี๋ยวไม่หลง การเกิดแต่ละครั้งเป็นสภาวะจิตที่แตกต่างกันออกไป สิ่งที่ผ่านไปก็ผ่านไป เราก็รู้ว่าผ่านไปและวางมันลง ส่วนอะไรที่ยังไม่เข้ามาเราก็ไม่กังวลหรือคิดมากจนวิตกอมทุกข์ เพราะการอยู่กับปัจจุบัน รู้ลงปัจจุบันจะทำให้เรามีสติระลึกรู้สภาวะต่างๆ จนทำไปเรื่อยๆ ก็จะสั่งสมเป็นปัญญาเกิดขึ้นในใจ


วันเกิดที่แท้จริงคือ วันเกิดใหม่ทุกๆ ขณะ วันที่คลอดเมื่อหลายปีก่อนนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผมและแม่ที่เราได้เกิดมาเป็นลูกแม่กัน เป็นวันเกิดเหตุแห่งชีวิต เกิดมาเป็นคนได้มีโอกาสสั่งสมปัญญา ถือเป็นนาทีทองของชีวิต ที่จะเจริญสติด้วยการ “รู้สึกตัวให้เป็น” และ ดูจิตตัวเองตามความเป็นจริง ดูไปเรื่อยๆ จิตเป็นอย่างไร ก็แค่รู้ว่าเป็นอย่างนั้น


คำสอนเหล่านี้เป็นคำสอนที่ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ได้ถ่ายทอดไว้มานานแสนนาน ถือเป็นนาทีทองของชีวิต ซึ่งครูบาอาจารย์ท่านได้เตือนที่ว่า “หนทางยังมีอยู่ ผู้เดินทางยังไม่ขาดสาย ลงมือเสียวันนี้ ก่อนที่กระแสลมแห่งกาลเวลา จะพัดพารอยพระบาทของท่านจางหายไป เพราะถึงเวลานั้นพวกเราก็จะต้องระหกระเหินไร้ทิศทางไปอีกนานแสนนาน”

 

 

 

บล็อกของ พันธกุมภา

พันธกุมภา
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยชอบอยู่กับตัวเอง เพราะมีความรู้สึกไม่มั่นคง อีกทั้งยังคิดว่าเราควรที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ บ้าง ในการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน การเรียน หรือกิจกรรมต่างๆ ที่มีในความสัมพันธ์  แต่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ จำนวนหนึ่งที่ทำงานขับเคลื่อนทางสังคมในเรื่องชีวิตทางเพศได้เข้าร่วมภาวนา หรือ Retreat ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการภาวนาเพื่อติดตามเพื่อนๆ ที่ได้ภาวนาในรุ่นต่างๆ ก่อนหน้านี้ให้ได้พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยน ซึ่งกันและกันว่าใครเป็นอย่างไร มีสุข มีทุกข์อย่างไรบ้าง
พันธกุมภา
เมื่อมีเวลาตรวจดูสภาวะจิตใจของตัวเองในช่วงนี้แล้ว ก็เหมือนกับว่าผมได้พบกันสภาวธรรมต่างๆ ที่แปรเปลี่ยนไปหลายๆ ประการ มีเกิด มีดับ สลับกันไปในจิตแต่ละช่วงขณะ คือค่อยๆ รู้สึกตัวบ้างในบางครั้ง รู้ว่าเผลอ รู้ว่าหลง รู้ว่าประคอง ในอารมณ์ต่างๆ เช่น ความคิด ความโกรธ หรือแม้กระทั่งความอยาก
พันธกุมภา
ผมถามพี่ที่รู้จักกันท่านหนึ่งว่า "ที่คนทั่วไปไม่ค่อยปฏิบัติธรรมเพราะอะไร"และพี่ท่านนี้ก็ได้ตอบจากประสบการณ์ของตัวเอง ว่า เมื่อก่อนเค้าไม่สนใจ  เพราะเป็นเด็กจะไม่ค่อยมีความทุกข์ แต่พอโตขึ้นแล้วไม่สามารถหาคำตอบได้ในบางคำถาม แต่ธรรมะกลับตอบได้
พันธกุมภา
ถามสวัสดีค่ะเหนื่อยจัง  นอนน้อยเลยเบลอมีคำถามมาถามน้องอีกแล้วค่ะ  คือเมื่อคืนและเมื่อหลายคืนก่อน ดูละครสาปภูษา กับสุสานภูเตศวรสองเรื่องนี้มีความเหมือนกันอยู่อย่างคือ  ย้อนยุค  ทะลุมิติ  โดยมีเรื่องวิญญาณมาเกี่ยวข้องจู่ๆ ก็มีคนถามขึ้นมาว่า  เชื่อเรื่อง ชาตินี้ ชาติหน้า ไหมทำให้พี่คิดขึ้นมาว่า เออ แล้วมันจริงเหรอ เรื่องนี้น่ะไม่รู้สิคะ  ตามความคิดส่วนตัวคือ เชี่อค่ะเชื่อ เลยไม่อยากทำอะไรไม่ดีเลย  อยากสั่งสมความดี สร้างบุญเพราะเราเห็นว่ามันสุขตั้งแต่นาทีที่ทำวันก่อนอ่านหนังสือคุณ ดังตฤณ พี่คิดว่าตามแนวคิดคุณดังตฤณ  มันก็มีจริงสิคะ ชาตินี้…
พันธกุมภา
ต่อจากการตอบจดหมายเรื่องทุกข์ใจกับคนที่ไม่ชอบเรา1 ขอบคุณอย่างยิ่งค่ะอ่านแล้วรู้สึกน้ำตาจะไหล
พันธกุมภา
ช่วงที่ผ่านมา มีจดหมายจาก คุณ พรพรรณ เขียนจดหมายมาสอบถามผม 4 เรื่องดังนี้  1. การที่เราต้องอยู่ร่วมกับคนที่เขาไม่ชอบเรา หรือมีทัศนคติที่ขัดแย้งกัน  เราควรทำอย่างไร2. การแผ่เมตตา  ช่วยให้ทุกข์ที่เกิดขึ้นคลายลง ได้หรือไม่  และการแผ่เมตตามีคุณอย่างไร3. การไปปฏิบัติ  จะช่วยให้เกิดผลบุญถึงเจ้ากรรมนายเวรได้จริงหรือเปล่าคะ4. คุณน้องเต้าเชื่อเรื่องกรรม หรือไม่คะ ผมได้รับและตอบกลับดังนี้.................... สวัสดีครับ ขอบคุณที่ไว้วางใจให้ผมได้แบ่งปันนะครับแต่...สภาวะของผมอาจเป็นคนอื่น…
พันธกุมภา
 คืนนี้ ดึกแล้วครับช่วงเวลาตีสามกว่าๆ ควรเป็นเวลาที่ผมจะได้นอนหลับอย่างสงบแต่ไม่รู้ทำไม? คืนนี้จึงเกิดความรู้สึกว่าอยากจะรวมเล่มบันทึก "ธรรมใจ ไดอารี่" นี้ให้เสร็จ
พันธกุมภา
ผมเขียนเรื่องนี้ตอนเพิ่งตื่น ตอนนี้ยังไม่ได้ล้างหน้า แปรงฟัน ตาก็ดูเบลอ ทำอะไรก็เบลอๆ อยู่นิดหนึ่ง ยังไม่ค่อยมีใจอยากจะทำอะไร ความขี้เกียจเป็นเพื่อนที่ไม่หนีไปไหน ยังคงยืนอยู่ข้างๆ กายผม ไม่อยากทำอะไรเลย แม้ว่าจะมีงานมากน้อยเพียงใด ผมอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงที่การอยู่เฉยๆ เพราะเวลาไม่ได้ทำอะไรก็ดีไปอีกอย่าง...บอกไม่ถูกครับ
พันธกุมภา
  ตอนนี้ผมพบว่าความอ่อนล้าทำให้เหนื่อยกับสิ่งกำลังทำอยู่ ไม่ว่างานจะสนุกเพียงใด แต่ถ้าอะไรหลายๆ อย่างเข้ามาในชีวิตจนไม่สามารถจัดการได้ว่าจะทำอะไรก่อนหลัง วิธีการเรียงลำดับความสำคัญของงานเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับการมีชีวิตที่สมดุลกัน
พันธกุมภา
แม่เพิ่งโทรมาถามผมว่าวันเกิดปีนี้จะทำอะไร? และเตือนว่าอย่าลืมไปทำบุญถวายพระ แถมยังบอกอีกว่าปีนี้ อยากให้ทำทานโดยการซื้อผ้าเช็ดตัวให้กับผู้เฒ่าผู้แก่และเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ ในหมู่บ้าน ผมรู้สึกดีใจที่คุณแม่โทรมา เพราะอย่างน้อยแสดงว่าท่านจำวันเกิดของผมได้ แม้ว่าผมจะไม่ค่อยตื่นเต้นอะไรกับวันเกิดเพราะมันก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งสำหรับผม แต่ที่ไหนได้วันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณแม่ เพราะท่านได้ให้การเกิดผมมาลืมตาดูโลก
พันธกุมภา
ช่วงอาทิตย์กว่าที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่คนรอบข้างผมต้องเสียชีวิตไปมากกว่า 3 คน คนหนึ่งเสียชีวิตด้วยการยิงตัวตาย อีกคนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง และคนสุดท้ายเสียชีวิตดูความชรา การจากไปของคนรู้จักเหล่านี้ แน่นอนว่านำมาซึ่งความเสียใจ ความเศร้าโศก และมันก็ทำให้ผมคิดถึง “ความตาย” อยู่ทุกๆ ขณะ เพราะความตายนี้เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราจริงๆ ซึ่งมันเป็นการบอกย้ำธรรมชาติของชีวิตว่าชีวิตทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง
พันธกุมภา
หลังจากวันที่เริ่มบันทึกมาจนถึงวันนี้ ก็ผ่านเลยมาหลายวันแล้ว มีเรื่องราวหลายๆ อย่างเกิดขึ้นในชีวิตแต่เท่าที่สำคัญและจำได้ดีคือ ช่วงวันที่ 5 - 15 มกราคม ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ ที่ทำงานสุขภาวะทางเพศประมาณ 20 คนได้เข้าอบรมภาวนาภายในและการเรียนรู้โครงสร้างทางสังคม ที่บ้านสวนธารทิพย์ ซึ่งมีพี่อวยพร เขื่อนแก้ว เป็นกระบวนกรหลัก