Skip to main content

การเดินทางมาเจริญสติที่วัดป่าสุคะโตในช่วงก่อนเข้าพรรษานี้ แม้ว่าที่พักจะไม่เพียงพอแต่ผมก็ได้นอนด้านบนศาลา ซึ่งมีผู้คนมาจากหลายๆ ที่มาร่วมเจริญสติ และยังมีคณะผ้าป่าที่มาร่วมทอดผ้าป่าอีกด้วย ครานี้ที่วัดจึงแน่นไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา อยู่ในวัยเด็กเล็ก ไปจนถึงผู้สูงอายุ


ผมเข้าพักที่ศาลารวมกับคุณลุง คุณอา หลายท่าน ซึ่งท่านมาที่วัดนี้สม่ำเสมอ ก็พอจะได้พูดคุย รับฟังเรื่องราวการภาวนาของแต่ละคนบ้าง และผมก็ได้มีโอกาสภาวนาคนเดียว เพราะไม่ได้ไปร่วมภาวนากับพี่ๆ ที่มาเป็นคอร์สใหญ่ๆ


ช่วงระหว่างวันที่มาอยู่ที่วัดป่าสุคะโต นี้ก็มีกิจวัตรตามปกติคือ ทำวัตรเช้าตอนตี 4 ทำวัตรเย็นตอน 6 โมง และช่วงระหว่างวันก็มีการแยกย้ายกันไปเพื่อปฏิบัติธรรมของแต่ละคน ผมก็ช่วยงานในครัว กวาดลานวัด เดินไปมาภายในวัด รู้สึกตัวสบายๆ ผ่อนคลายในการเจริญสติ


เมื่อมีเวลาเอื้ออำนวยก็หาโอกาสมาภาวนาในรูปแบบ โดยการเดินจงกรมที่ “ดงไผ่” ผมตั้งใจว่าจะเดินเพื่อให้ได้ความรู้สึกตัว เมื่อถอดรองเท้าและวางมือไขว้ด้านหน้า ก็ค่อยๆ ก้มหัวลง เดินไปด้านหน้าอย่างเป็นปกติ สบายๆ และเอถึงปลายทางแล้วก็หยุดและหมุนกลับ เดินไปมาหลายๆ รอบ แล้วก็เฝ้าดูว่าจะเห็นจิตอะไรบ้างน้า


เฝ้าดู ไปเรื่อยๆ จนกิ่งไม้ตกลงมา แล้วเกิดความตกใจมาก ตอนนั้นสติจึงเกิดขึ้นแล้วกลับมาทบทวนสิ่งที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นเลยว่า เราเดินผิดมาตั้งแต่เริ่มต้น เพราะแรกที่จะเดินก็คิดเสียแล้วว่าจะปฏิบัติ และจึงเกิดความคาดหวังว่าจะต้องได้อะไรจากการปฏิบัติ


เรื่องการตั้งใจปฏิบัติก็เป็นอีกทางผิดหนึ่ง ที่ผมเองไม่ค่อยได้ทันระวังในความอยากได้ อยากมี อยากเป็นของตัวเอง ไปคิดเพียงว่าเราไม่เอาอะไรอยู่แล้ว ทั้งที่ในใจลึกๆ แล้วก็ยังหวังว่าจะได้อะไรบ้าง จึงวางท่าทางเป็นนักปฏิบัติและตั้งใจมากจนลืมตัวไปว่าตัวเองมัวแต่ไปจงหา ควานหาแต่สภาวะ ว่าจะต้องเห็นอะไร ต้องรู้อะไรบ้าง


เมื่อหลงไปเสียไกล ใจไถลไปกับความขาดสติ ทำให้เดินไปก็จงใจ ไปดูไปรู้ ซึ่งก็ไม่เห็นอะไร พอไม่มีอะไรให้ดูให้รู้ก็เผลอไปควานหาอารมณ์ว่านี่เป็นอะไร นี่จะเกิดอะไร ฟุ้งไปต่างๆ คิดไปต่างๆ จนลืมกลับมารู้สึกตัว นี้แหละหนอจึงเป็นอย่างที่ใครหลายคนบอกว่า ถ้าคิดว่ารู้จะไม่รู้อะไร ให้รู้ว่าคิดก็เป็นการเริ่มต้นของการรู้สึกตัว


ผมต้องขอบคุณกิ่งไม้ที่ตกลงมาอย่างแรง ทำให้ใจที่มันแต่ควานหาอารมณ์นั้น กลับมารู้สึกตัวอยู่กับการเดิน และหลังจากที่ผมรู้สึกตัวแล้วว่าที่ผ่านมานั้นทำผิด ผมก็ค่อยๆ เดิน และไม่ตั้งใจที่จะดูอะไร จึงเลยไปๆ มาๆ ด้วยท่าท่าปกติ รู้สึกที่เท้าสัมผัส รู้สึกที่กายเคลื่อนไหว รู้สึกถึงใจที่เฝ้าคิด


มาถึงตรงจุดนี้ จึงบอกกลับตัวเองไว้ว่าการปฏิบัติหากจะเริ่มต้นมารู้สึกที่กายและใจแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องตั้งใจมาก จนกลายเป็นจงใจไปดู เพราะมันจะไม่เห็นอะไร แถมยังจะกลายเป็นการไปกำหนด ไปเพ่ง ให้จิตไม่มีอารมณ์ใดๆ เกิดขึ้น จนไม่มีอะไรเกิดให้เห็นเป็นสภาวะ เพราะมัวแต่ไปตั้งท่า จงใจ จนเกินไป อาจทำให้ผู้ปฏิบัติเกิดความตึง เครียด แน่น ได้


ทางที่ดีที่จะช่วยได้คือ ให้ลืมเรื่องการปฏิบัติไปก่อน แล้วกลับมาเป็นคนธรรมดา รู้สึกถึงความเป็นธรรมดาที่เกิดขึ้น เปลี่ยนแปลงไป ของอะไรที่ปรากฏเด่นชัดและรู้เท่าที่รู้ก็พอ

 

 

บล็อกของ พันธกุมภา

พันธกุมภา
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยชอบอยู่กับตัวเอง เพราะมีความรู้สึกไม่มั่นคง อีกทั้งยังคิดว่าเราควรที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ บ้าง ในการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน การเรียน หรือกิจกรรมต่างๆ ที่มีในความสัมพันธ์  แต่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ จำนวนหนึ่งที่ทำงานขับเคลื่อนทางสังคมในเรื่องชีวิตทางเพศได้เข้าร่วมภาวนา หรือ Retreat ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการภาวนาเพื่อติดตามเพื่อนๆ ที่ได้ภาวนาในรุ่นต่างๆ ก่อนหน้านี้ให้ได้พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยน ซึ่งกันและกันว่าใครเป็นอย่างไร มีสุข มีทุกข์อย่างไรบ้าง
พันธกุมภา
เมื่อมีเวลาตรวจดูสภาวะจิตใจของตัวเองในช่วงนี้แล้ว ก็เหมือนกับว่าผมได้พบกันสภาวธรรมต่างๆ ที่แปรเปลี่ยนไปหลายๆ ประการ มีเกิด มีดับ สลับกันไปในจิตแต่ละช่วงขณะ คือค่อยๆ รู้สึกตัวบ้างในบางครั้ง รู้ว่าเผลอ รู้ว่าหลง รู้ว่าประคอง ในอารมณ์ต่างๆ เช่น ความคิด ความโกรธ หรือแม้กระทั่งความอยาก
พันธกุมภา
ผมถามพี่ที่รู้จักกันท่านหนึ่งว่า "ที่คนทั่วไปไม่ค่อยปฏิบัติธรรมเพราะอะไร"และพี่ท่านนี้ก็ได้ตอบจากประสบการณ์ของตัวเอง ว่า เมื่อก่อนเค้าไม่สนใจ  เพราะเป็นเด็กจะไม่ค่อยมีความทุกข์ แต่พอโตขึ้นแล้วไม่สามารถหาคำตอบได้ในบางคำถาม แต่ธรรมะกลับตอบได้
พันธกุมภา
ถามสวัสดีค่ะเหนื่อยจัง  นอนน้อยเลยเบลอมีคำถามมาถามน้องอีกแล้วค่ะ  คือเมื่อคืนและเมื่อหลายคืนก่อน ดูละครสาปภูษา กับสุสานภูเตศวรสองเรื่องนี้มีความเหมือนกันอยู่อย่างคือ  ย้อนยุค  ทะลุมิติ  โดยมีเรื่องวิญญาณมาเกี่ยวข้องจู่ๆ ก็มีคนถามขึ้นมาว่า  เชื่อเรื่อง ชาตินี้ ชาติหน้า ไหมทำให้พี่คิดขึ้นมาว่า เออ แล้วมันจริงเหรอ เรื่องนี้น่ะไม่รู้สิคะ  ตามความคิดส่วนตัวคือ เชี่อค่ะเชื่อ เลยไม่อยากทำอะไรไม่ดีเลย  อยากสั่งสมความดี สร้างบุญเพราะเราเห็นว่ามันสุขตั้งแต่นาทีที่ทำวันก่อนอ่านหนังสือคุณ ดังตฤณ พี่คิดว่าตามแนวคิดคุณดังตฤณ  มันก็มีจริงสิคะ ชาตินี้…
พันธกุมภา
ต่อจากการตอบจดหมายเรื่องทุกข์ใจกับคนที่ไม่ชอบเรา1 ขอบคุณอย่างยิ่งค่ะอ่านแล้วรู้สึกน้ำตาจะไหล
พันธกุมภา
ช่วงที่ผ่านมา มีจดหมายจาก คุณ พรพรรณ เขียนจดหมายมาสอบถามผม 4 เรื่องดังนี้  1. การที่เราต้องอยู่ร่วมกับคนที่เขาไม่ชอบเรา หรือมีทัศนคติที่ขัดแย้งกัน  เราควรทำอย่างไร2. การแผ่เมตตา  ช่วยให้ทุกข์ที่เกิดขึ้นคลายลง ได้หรือไม่  และการแผ่เมตตามีคุณอย่างไร3. การไปปฏิบัติ  จะช่วยให้เกิดผลบุญถึงเจ้ากรรมนายเวรได้จริงหรือเปล่าคะ4. คุณน้องเต้าเชื่อเรื่องกรรม หรือไม่คะ ผมได้รับและตอบกลับดังนี้.................... สวัสดีครับ ขอบคุณที่ไว้วางใจให้ผมได้แบ่งปันนะครับแต่...สภาวะของผมอาจเป็นคนอื่น…
พันธกุมภา
 คืนนี้ ดึกแล้วครับช่วงเวลาตีสามกว่าๆ ควรเป็นเวลาที่ผมจะได้นอนหลับอย่างสงบแต่ไม่รู้ทำไม? คืนนี้จึงเกิดความรู้สึกว่าอยากจะรวมเล่มบันทึก "ธรรมใจ ไดอารี่" นี้ให้เสร็จ
พันธกุมภา
ผมเขียนเรื่องนี้ตอนเพิ่งตื่น ตอนนี้ยังไม่ได้ล้างหน้า แปรงฟัน ตาก็ดูเบลอ ทำอะไรก็เบลอๆ อยู่นิดหนึ่ง ยังไม่ค่อยมีใจอยากจะทำอะไร ความขี้เกียจเป็นเพื่อนที่ไม่หนีไปไหน ยังคงยืนอยู่ข้างๆ กายผม ไม่อยากทำอะไรเลย แม้ว่าจะมีงานมากน้อยเพียงใด ผมอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงที่การอยู่เฉยๆ เพราะเวลาไม่ได้ทำอะไรก็ดีไปอีกอย่าง...บอกไม่ถูกครับ
พันธกุมภา
  ตอนนี้ผมพบว่าความอ่อนล้าทำให้เหนื่อยกับสิ่งกำลังทำอยู่ ไม่ว่างานจะสนุกเพียงใด แต่ถ้าอะไรหลายๆ อย่างเข้ามาในชีวิตจนไม่สามารถจัดการได้ว่าจะทำอะไรก่อนหลัง วิธีการเรียงลำดับความสำคัญของงานเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับการมีชีวิตที่สมดุลกัน
พันธกุมภา
แม่เพิ่งโทรมาถามผมว่าวันเกิดปีนี้จะทำอะไร? และเตือนว่าอย่าลืมไปทำบุญถวายพระ แถมยังบอกอีกว่าปีนี้ อยากให้ทำทานโดยการซื้อผ้าเช็ดตัวให้กับผู้เฒ่าผู้แก่และเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ ในหมู่บ้าน ผมรู้สึกดีใจที่คุณแม่โทรมา เพราะอย่างน้อยแสดงว่าท่านจำวันเกิดของผมได้ แม้ว่าผมจะไม่ค่อยตื่นเต้นอะไรกับวันเกิดเพราะมันก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งสำหรับผม แต่ที่ไหนได้วันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณแม่ เพราะท่านได้ให้การเกิดผมมาลืมตาดูโลก
พันธกุมภา
ช่วงอาทิตย์กว่าที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่คนรอบข้างผมต้องเสียชีวิตไปมากกว่า 3 คน คนหนึ่งเสียชีวิตด้วยการยิงตัวตาย อีกคนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง และคนสุดท้ายเสียชีวิตดูความชรา การจากไปของคนรู้จักเหล่านี้ แน่นอนว่านำมาซึ่งความเสียใจ ความเศร้าโศก และมันก็ทำให้ผมคิดถึง “ความตาย” อยู่ทุกๆ ขณะ เพราะความตายนี้เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราจริงๆ ซึ่งมันเป็นการบอกย้ำธรรมชาติของชีวิตว่าชีวิตทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง
พันธกุมภา
หลังจากวันที่เริ่มบันทึกมาจนถึงวันนี้ ก็ผ่านเลยมาหลายวันแล้ว มีเรื่องราวหลายๆ อย่างเกิดขึ้นในชีวิตแต่เท่าที่สำคัญและจำได้ดีคือ ช่วงวันที่ 5 - 15 มกราคม ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ ที่ทำงานสุขภาวะทางเพศประมาณ 20 คนได้เข้าอบรมภาวนาภายในและการเรียนรู้โครงสร้างทางสังคม ที่บ้านสวนธารทิพย์ ซึ่งมีพี่อวยพร เขื่อนแก้ว เป็นกระบวนกรหลัก