Skip to main content

พันธกุมภา

ถึง มีนา

อย่าเพิ่งตกใจนะครับพี่ที่ผมจะขอระบายเรื่องรัก ให้พี่รับรู้.....

1. ความรักมักเป็นกระแส ในวันสำคัญอย่างเช่นวันวาเลนไทน์ของทุกๆ ปี ความรักเหล่านี้ล้วนหมายถึง “รักฉันชู้สาว” - รักของสาวหนุ่ม รักในทางความใคร่ รักทางโลก ซึ่งความรักทางโลกนี่แหละที่เป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ขึ้นต่างๆ มากมาย  

จากเหตุนี้ ผมจึงไม่แน่ใจว่า การที่เราใครสักคนหนึ่ง ในฐานะที่จะมาเป็นคู่ชีวิตนั้น เรารักเขาหรือเพราะเรารักตัวเอง หลายคู่รักกันด้วยความหลง ความใคร่ หรือแม้แต่ความต้องการเป็นเจ้าของของกันและกัน ซึ่งความรักในแง่นี้นั้นก็เป็นเพียงความที่เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของคน

2. ยิ่งเรารักเขาแล้วเขาไม่รักเรานั้น “เรา” ยิ่งทุกข์ เพราะเราคาดหวังให้เขาคนนั้น “รักและเข้าใจเรา” ...นี่เป็นเพราะ เรารักตัวเองหรือไม่? ถ้าเรารักเขาจริงๆ ทำไมไม่ปล่อยให้เขาทำตามสิ่งที่เขาต้องการ ทำไมเราจึงจะต้องคอยหึง หวงไม่ให้เขาคุยกับใคร ไม่ให้เขารักใครนอกจากเรา เรื่องทำนองนี้เกิดจากอะไรถ้าไม่ใช่การที่เรารักตัวเอง?

3. บางครั้งที่เราโทรศัพท์หาเขาแล้วเขาไม่รับสาย เราก็เป็นทุกข์ จิตปรุงแต่งต่างๆ นานา ทำไม เขาไม่รับ เขาทำอะไร คุยกับใคร เกิดอะไรขึ้น อยากรู้ อยากเห็นทุกเรื่องที่เป็นเขา เพียงเพราะว่าอยากให้ตัวเองหายกลัว กลัวว่าเขาไม่รัก กลัวว่าเขาจะไม่คุยด้วย กลัวๆ หรือพูดอีกแบบหนึ่งคือ เราอาจกลัวที่จะไม่มีคนรักก็เป็นได้

4. ในสังคมวงกว้าง หากใครเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาวแล้วไม่มีความรักนั้นถือว่าเชยมากๆ ยิ่งถ้าเป็นหญิงก็จะถูกมองว่า “ขายไม่ออก” ถ้าเป็นชายก็ถูกมองว่า “แหม ไม่มีแฟนเสียที เป็นเกย์หรือเปล่านี่” อะไรทำนองนี้ ตกลงว่าทุกคนต้องมีแฟน ต้องมีคนรักใช่ไหม ถึงจะอยู่ในสังคมใบนี้ได้?

5. ความทุกข์สิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนได้รับคือ การที่เมื่อก่อนเคยรักและรักแบบเห็นแก่ตัว อยากให้เขารักและเข้าใจเรามากๆ แต่เราไม่เคยกลับมามองที่ตัวเองเลยว่า ตัวเองเข้าใจและรักเขาหรือเปล่า ยิ่งไม่เข้าใจก็ยิ่งทำเป็นทุกข์ หรือแม้แต่บางคนที่คบกันมานานหลายปี ไม่ยอมมีอะไรกัน ก็มักจะโกรธที่เขาไม่มีอะไรด้วย หรือแค่จับมือถือแขนก็โกรธ โมโห หาว่าเขาไม่รักตัวเอง อะไรทำนองนั้น  แท้จริงแล้ว ความรัก มันเป็นยังไงกันแน่?  ความรักที่แท้จริงบนโลกใบนี้มีบ้างไหม? รักกันแล้วต้องจบที่การมีอะไรกันเท่านั้นหรือ?

6. ผมชักไม่ค่อยแน่ใจแล้วว่า การที่เรารักคนๆ หนึ่ง จุดมุ่งหมาย ปลายทางของความรักคืออะไร? แต่งงาน? ทำงาน?  มีลูก? อย่างนี้พอกระนั้นหรือ? ทำไมเราทั้งหลายยังวนเวียนอยู่ภายใต้กรอบทางเดินความรักทำนองเพียงนี้ ซึ่งหลายคนยังคงไม่สามารถก้าวข้ามความรักแบบนี้ได้ แล้ว ความรักที่เกื้อกูลกัน ความรักที่ต่างฝ่ายต่างช่วยเหลือ เข้าใจและยอมรับในกันและกันนั้นเป็นไปได้ไหม? (ผมเชื่อว่ายังคงมีอยู่ในสังคมนี้  ซึ่งการที่ว่าเราจะก้าวข้ามความรักแบบนี้ได้นั้นผมว่าต้องใช้เวลานานอยู่พอควร)

7. ด้วยความเชื่อว่าความรักมีหลายแบบ ผมไม่ได้จะบอกว่าความรักทางโลกไม่ดีนะครับ แต่ผมคิดว่าความรักที่เราเห็นแก่ตัว เห็นว่าตัวเองจะได้รับอะไรจากความรัก โดยที่ไม่ได้มองไปที่คู่ของเราว่าต้องการอะไรจากเราบ้าง มีอะไรที่เราควรเกื้อกูล และมอบให้แก่กันบ้าง ถ้าใครที่ยังไม่เข้าใจตัวเองดีพอ ก็ไม่ต้องคิดจะไปรักใคร รักตัวเองให้ดีพอก่อนจะดีกว่าไหม?

8. ความรักที่แท้จริงเป็นอย่างไร? ผมเขียนมาถึงพี่มีนา เพียงเพราะผมกำลังคิดว่า ผมไม่ควรจะรักใครหากผมยังไม่หลุดกรอบที่ผมยังรักตัวเองและกลัวที่จะได้รักอยู่อย่างนี้ เท่านั้นเองนะครับ

พี่มีนาครับ....ที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้ เกิดจาก “อารมณ์” เมื่อเขียนมาจนจบ ก็ “รู้” ว่า อารมณ์นั้นเป็นใหญ่กว่าสติเสียอีก เสียดายที่ “สติ” โอบอุ้ม “อารมณ์” เหล่านี้ช้าไป....เรื่องที่อยู่ภายในใจจึงระบายออกมาให้พาปวดหัวอยู่เช่นนี้......

บล็อกของ พันธกุมภา

พันธกุมภา
ผมคิดไว้มานานหลายเดือนแล้วว่า จะตั้งใจเขียน "บันทึกการเจริญสติ" ของตัวเองขึ้นมาเพราะคิดว่าคงจะดี ถ้าได้บันทึกไว้ เพื่อการเรียนรู้ของตัวเอง และคนอื่นๆ ที่สนใจ ก่อนที่จะบันทึกในกาลต่อไป ขอเล่าเรื่องการภาวนาของตัวเองก่อน....สำหรับผมแล้ว เริ่มต้นของการปฏิบัติคือเมื่อปลายปี 2549 ก็เกิดจากทุกข์ทางใจ เพราะงานเยอะ เครียด และตอนนั้นแฟนจะขอเลิก เขาเลยเสนอว่าให้ไปปฏิบัติธรรมเพื่อทำใจ จึงได้สมัครไปปฏิบัติของท่าน โกเอ็นก้า ที่ ธรรมอาภา จ.พิษณุโลก พอไปทำมา 10 วัน ก็ดีใจ ที่ทุกข์ครั้งนี้ทำให้ได้พบกับธรรมะ
พันธกุมภา
พันธกุมภาถึง มีนา ปลายปี 2551 นี้ ผมมีโปรแกรมไปเจริญสติที่วัดป่าสุคะโตอีกครั้ง ภายหลังจากเมื่อสิ้นปี 2550 ที่ผ่านมาผมได้เดินทางไปที่วัดป่าสุคะโตแล้วและได้พบหลัก พบหนทาง หลายอย่างที่เหมาะสมกับตัวเองยิ่งนัก แต่การเดินทางไปครั้งนี้ไม่เหมือนปีก่อน....มีหลายเรื่องเกิดขึ้น เปลี่ยนแปลง ไปตามกาลเวลา สิ่งที่เข้ามารับรู้ทำให้อารมณ์ของผมเกิดขึ้นไปต่างๆ นานา และสิ่งที่เสียใจที่สุด ทำให้ใจหม่นหมองมาหลายวัน นั่นคือการมรณภาพของ "หลวงปู่" เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน
พันธกุมภา
พันธกุมภา ถึง มีนา เมื่อฉบับที่แล้ว ผมได้กล่าวถึงโครงการ “ธรรมทานสู่โรงพยาบาล” ที่ผมและลูกปัดไข่มุก ร่วมกันทำในนามกลุ่ม “ธรรมะทำดี” – กลุ่มที่เราสองคนร่วมกันคิด ร่วมกันก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา เพื่อการเผยแพร่ธรรมะที่เราได้พบและเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆ ทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่ ที่ผ่านมา พวกเราสองคนต้องขอบคุณพี่ๆ หลายๆ ท่านที่ได้ส่งหนังสือมาให้นะครับ ตอนนี้มีคนที่มอบหนังสือมาหลายเล่ม ทั้งนิตยสาร และหนังสือธรรมะ และก็มีบางส่วนที่เราไปหาซื้อแถวจตุจักร จากเงินเก็บของเราที่มีอยู่
พันธกุมภา
พันธกุมภา ถึง พี่มีนา  ผมหายจากหน้าจอไปนานเพราะมีงานให้ทำ จนฟกช้ำจิตใจไปทั่วเลย ไม่ค่อยมีเวลาได้พัก เพราะงานที่ผมรัก ทำให้ผมต้องใช้กำลังกายและความคิดมากเหลือล้น ผมจึงเป็นดั่งคนที่นำเอาพลังชีวิตในอนาคตมาใช้ ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าจะพอมีเรี่ยวแรงเหลือใช้หรือไม่ในกาลต่อไป เฮ้อ...แต่ที่จะเล่าให้พี่ฟังครานี้ก็คือ ช่วงที่ผ่านมาผมและ “ลูกปัดไข่มุก” ได้ไปจัดห้องสนทนาธรรมชื่อห้องว่า “ห้องธรรมตามใจ” เนื่องในงานเพศศึกษาวิชาการขององค์การแพธ แล้วมีเรื่องที่น่าสนใจมากมาย ทว่าในฉบับนี้อยากเอาคำคมชวนคิดที่ “ลูกปัดไข่มุก” และผมได้ช่วยกันคิดและเขียนขึ้นมาบอกเล่าต่อ ดังนี้ครับ 1.…
พันธกุมภา
มีนา ถึง...น้อง พันธกุมภา ความขี้เกียจมันไม่เข้าใคร ออกใครจริงๆ ... แต่ตอนนี้ต้องเริ่มลุกขึ้นมาทำงานแล้ว เพราะคนที่อดทนไม่ได้เมื่อเราไม่ทำงานก็คือ “แม่” ของเราเอง แม่ของพี่ เป็นภาพสะท้อนของคนจีนในเมืองไทย รุ่นที่ 2 ที่ยังคง ลำบาก ทำงานหนัก และถือปรัชญาพุทธ “ขงจื๊อ” ในเรื่องการทำงานว่าต้องมี ความซื่อสัตย์ ไม่เอารัดเอาเปรียบ ความขยัน อดทน และอดออม แม่มีทุกอย่างจริงๆ แต่พี่อาจจะไม่มีทุกอย่าง อย่างที่แม่มี เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่เรามีความเหมือนและความต่าง แม้เราจะเติบโตมาท่ามกลางครอบครัวที่สอนให้เราเป็นคนค้าขาย เราอาจจะไม่ได้อยากค้าขาย ครอบครัวสอนให้เราทำงานหนัก…
พันธกุมภา
มีนาถึง พันธกุมภาช่วงนี้เป็นเวลาพักของพี่ ช่างเป็นช่วงเวลาที่สั้นมากๆ ในความรู้สึก... แต่พี่อดคิดถึงน้องไม่ได้... แล้ววันหนึ่ง... โดยที่ไม่คาดคิด เราก็มาพบกันโดยที่มิได้คาดหมายหรือนัดกันไว้ก่อน พี่อดคิดไม่ได้ว่า ชีวิตคนเราช่างแปลกจริงๆ เราก็มาพบกันจนได้ เพราะความไม่สบายของพี่ชายเพื่อนของเรา ส่วนตัวพี่ไปบ้านนั้นเพราะต้องการไปดูแลตัวเองนอกจากได้ไปดูแลตัวเองและพบกับน้องแล้ว พี่ยังได้พบกับเพื่อนอีกหลายคน ที่ไม่ได้พบกันนานที่นั่น ใครหลายคนบอกว่า โลกมันช่างแคบ ถ้าเรารู้จักคนนี้ เราก็จะรู้จักคนนั้น แต่อาจจะไม่ใช่ในช่วงเวลาเดียวกันเท่านั้นเองการพักผ่อนของพี่ ก็คงเหมือนกับคนทั่วๆ…
พันธกุมภา
มีนา ถึง...พันธกุมภา ตั้งแต่ตกงาน พี่ยังไม่ได้หยุดงานเลย พี่พบว่าโลกปัจจุบันมีงานอยู่หลายประเภท ขึ้นอยู่กับว่าใครจะนิยามมันว่าเป็นงานอย่างไร สำหรับชีวิตพี่ตอนนี้ มีงานแบบที่ถูกให้คุณค่าทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสังคม และงานที่ไม่ได้ถูกให้ค่าเชิงเศรษฐกิจแต่จำเป็นต้องทำ อันนี้ยังไม่ได้นับรวมเรื่องทางธรรมที่พี่ไปพบมา คืองานที่ทำแล้วไม่มีคุณค่าทางโลกแต่ได้ “บุญ” คิดดูสิว่า... ในโลกเรามีงานมากมายขนาดไหน งานที่พี่ลาออกมาเพื่อขอพัก พี่ยังไม่ได้พักเลยจนกระทั่งบัดนี้ เพราะพี่ทำแต่งานที่ไม่ให้ค่าทางเศรษฐกิจ อย่าง การดูแลแม่ งานบ้าน และการดูแลบ้าน และยังงานอื่นๆ ที่ต้องเกี่ยวข้องกับครอบครัว…
พันธกุมภา
พันธกุมภา ถึง มีนา ผมขอแสดงความดีกับพี่สาวของผมด้วยนะครับ ที่มีโอกาสได้พักผ่อน แม้ว่าหลายคนจะบอกว่าการที่เราตกงานนั้นเปรียบเสมือนการพายเรือในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่เคว้งคว้างไม่รู้ว่าจะมีหนทางในงานใหม่อย่างไรได้อีก ผมทราบดีว่าพี่คงจะเหนื่อยจากการทำงานมิน้อยเลย และเชื่อว่าการได้รับมอบหมายงานเยอะคงไม่ใช่สาเหตุของการออกจากงานหรอกใช่ไหมครับ ผมรู้ว่าจดหมายหลายฉบับที่พี่ได้เขียนมาบอกเล่านั้นมันสะท้อนให้เห็นถึงการต่อสู้กับวิถีชีวิตความเป็นคนในเมืองหลวง และรวมถึงการต้องสัมพันธ์กับคนมากหน้าหลายตา ที่มีตัวตนแตกต่างกันไป การที่เราทำงานที่เรารัก…
พันธกุมภา
มีนา  ถึง พันธกุมภา พี่กำลังจะเป็นคนตกงานค่ะ... ฉันกำลังจะเป็นคนตกงานค่ะ เดือนสิงหาคมนี้เป็นเดือนสุดท้ายสำหรับการทำงานอย่างเป็นทางการของฉัน ญาติพี่น้อง... เจ้านาย... เพื่อนร่วมงาน... เพื่อน... ต่างเป็นห่วงเป็นใยกลัวว่าพี่จะว่าง กลัวว่าฉันจะไม่มีงานทำ ไม่มีเงินใช้ ตอนที่ฉันทำงาน พวกเขาต่างให้ความห่วง ความกังวล ว่าฉันทำงานหนักเกินไป  คนและสังคมสมัยนี้ให้คุณค่ากับการทำงานมากกว่าคุณค่าของความว่างงาน พี่เคยมีประสบการณ์การตกงานมาก่อนหน้านี้แล้ว ครั้งนั้นพี่ยังไม่สามารถปล่อยวางเรื่องการว่างงานได้ แต่ครั้งนี้ พี่พยายามปล่อยวางเรื่องการงานในปัจจุบันเพื่อพบกับความว่าง …
พันธกุมภา
  พันธกุมภาถึง มีนาเมื่อฉบับที่แล้วพี่มีนาได้กล่าวถึงเรื่องการ "ปล่อยวาง" ซึ่งผมมองว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งของการปฏิบัติธรรม เพราะหาไม่แล้วเราก็เป็นเพียงแค่ผู้เผชิญกับความสุขที่จิตใจเกิดขึ้นโดยที่หลงยึดติดอย่างไม่ทันรู้ตัวทั่วถ้วนสิ่งที่ผมอยากจะเน้นย้ำในที่นี้ก็คือ เรื่องการปล่อยวาง หรือ การวางเฉย ซึ่งคล้ายกับภาษาธรรมที่เรียกว่า "อุเบกขา" นี้ ถือได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง เพราะอย่างที่เราได้รู้กันมานั้นก็คือ ในการปฏิบัติธรรมนั้น ถือว่ามีด้วยกัน 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ การทำสมถะ และการทำวิปัสสนา เท่าที่รู้, การทำสมถะ คือ การทำให้จิตสงบ ทำให้จิตนิ่ง…
พันธกุมภา
มีนา สวัสดี พันธกุมภา รู้ว่าน้องสบายดี พี่ก็ยินดีไปด้วย การดำรงชีวิตอย่างมีสติไม่ใช่เรื่องง่าย พี่ก็ว่างบ้างไม่ว่างบ้าง เพียงแต่ช่วงเวลาที่น้องไม่ว่าง บังเอิญพี่ว่าง ซึ่งเป็นเรื่องดีที่เราจะมีจังหวะชีวิตที่แตกต่างกัน และทำให้การเขียนงานลงตัว พี่ยังคิดอยู่ว่า ถ้าไม่ว่างขึ้นมาพร้อมๆ กัน คงมีปัญหาแน่ๆ สำหรับพี่ ความแตกต่างจึงน่าสนใจ เช่นเดียวกับฤดูที่แตกต่าง ชีวิตที่ขึ้นๆ ลงๆ ช่วงสัปดาห์ที่น้องกำลังมีความสุขอยู่นั้น ชีวิตของพี่เหน็ดเหนื่อยและผจญกับความทุกข์ของคนอื่น แล้วยึดมาเป็นความทุกข์ของตนเอง ... บางทีพี่ก็คิดว่า ทำไมเราจึงเป็นคนอย่างนั้นไปได้ และทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่…
พันธกุมภา
พันธกุมภา ถึง มีนา สวัสดีครับพี่มีนา เป็นอะไรไปถึงไหนอย่างไรบ้างครับ หวังว่าพี่จะสบายดีมีสติในทุกๆ ความสนุกนะครับ อืม...จะว่าไปแล้วเราก็ไม่ได้ตอบรับจดหมายกันนานทีเดียว บางทีพี่ก็ว่างมากมายจนผมรู้สึกอิจฉาตาร้อน และผมเองบางทีก็ว่างนิดหน่อย พอมีเวลามานั่งขีดเขียน เวียนวนให้พี่ได้ยลได้ติดตามอยู่เนืองๆ ช่วงที่ผ่านมาวันเข้าพรรษา ผมพาตัวเองไปเข้าวัดมาครับ แถวๆ เกาะสีชัง ได้ไปกับคนที่รักและใช้ชีวิต “ดูจิต” สนทนาธรรมและดื่มด่ำบรรยากาศอบอุ่นจากไอทะเล ทำกับข้าวกินกันริมชายฝั่ง นั่งนับดาวยามราตรี มีเวลาก็ขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวรอบเกาะ หาซื้อเงาะ ซื้อทุเรียนมานั่งกิน รินน้ำเปล่าชนกัน…