Skip to main content
ผมเริ่มรับพฤติกรรมหล่อนไม่ได้เสียแล้ว ยิ่งนานวันเข้า รากฝอยของความเกียจคร้านก็ชอนไชแตกงามไปทั่วฝ่ามือและฝ่าเท้าบอบบางของหล่อน การงานทุกอย่างจึงต้องตกเป็นหน้าที่ของผมไปโดยปริยาย ทั้งที่ก่อนนั้นหล่อนเองต่างหากที่เป็นฝ่ายคิดเสนอโปรเจ็กยั่วใจเหล่านั้นขึ้นมาเพื่อหวังพัฒนาหน้าที่การงานที่หล่อนรับผิดชอบอยู่


ผมเริ่มสงสัยถึงเรื่องการมีจิตสาธารณะ จิตอาสาหรือการมีหัวใจ ความเป็นมนุษย์ของตัวเองว่ามันบกพร่อง หรือสั่นคลอนไปแล้วหรือไร ถึงได้คิดประหวั่นพรั่นพรึงกับพฤติกรรมของหล่อนได้ถึงเพียงนี้ หรืออีกนัยหนึ่ง ความละเอียดอ่อนต่อมิติทางสังคมบางอย่างของผมอาจหล่นหายไประหว่างการร่วมงานกับหล่อนเสียบ้างแล้ว


หล่อนเป็นสาวรุ่นในออฟฟิศเดียวกับผม รูปร่างหล่อนบอบบางออกไปทางผอม เนื้อผิวสีแทน ผมกลางยาวกลางสั้น และมักสวมแว่นตาสีน้ำตาลเข้มยี่ห้อดังจากต่างประเทศแบบสมัยนิยมของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด


หล่อนยังขับมินิคาร์คันเก๋งสีแดงยี่ห้อดังจากประเทศเพื่อนบ้าน แถมพ่วงท้ายด้วยดีกรีการเป็นนักศึกษาปริญญาโทที่ฟังแล้วโก้ไม่หยอกมาหลายปีเลยทีเดียว


นอกจากเป็นพนักงานออฟฟิศเดียวกับผมแล้ว หล่อนยังเป็นประธานรุ่นอีกสองสามรุ่น ผมไม่แน่ชัดว่าเป็นรุ่นที่หล่อนเรียนปริญญาโทกับรุ่นอบรมอะไรสักอย่างสองอย่าง รวมถึงที่หล่อนเป็นนักขายมือใหม่ ทั้งจำพวกน้ำหอม เครื่องสำอางประทินผิว อุปกรณ์ทาคิ้วทาตา เสื้อผ้าสารพัดยี่ห้อ ประกัน หวย และอีกมากมายเกินจะจดจำได้หมด


ในแต่ละวัน นั่นจึงเป็นเหตุให้หล่อนต้องดูวุ่นวายเพราะจับนั่นจับนี่อยู่ตลอดเวลา เหมือนสาวออฟฟิศคนขยันกับอาชีพเสริมสุดโปรดของหล่อน แต่ไม่ว่าจะอย่างไร หล่อนก็เป็นถึงเลขาฯ คนโปรดของผู้จัดการสาขาหน้าหม้อเชียวนะ


จริง ๆ แล้วเราก็รู้กันทั้งออฟฟิศนั่นแหละว่าหล่อนลักลอบเข้าถึงเนื้อตัวกับเขา แต่ก็นั่นแหละ มันเรื่องส่วนตัวของหล่อน ผมจะเข้าไปยุ่งก็แกว่งเท้าหาเสี้ยนเสียเปล่า ๆ มันคงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกนักหรอกที่หล่อนจะปล่อยตัวแหวกม่านประเพณีให้กับผู้จัดการสาขาหน้าหม้อที่เพิ่งย้ายมาใหม่


เขาดูเป็นหนุ่มใหญ่มาดแมนไปเสียทุกท่วงท่า และที่สำคัญ เขาก็ไม่มีลูกมีเมียให้ต้องหวาดกังวล


ผมสังเกตเห็นหล่อนชายตาให้ตั้งแต่วันแรกที่เขาเพิ่งย้ายเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการสาขาที่นี่เสียด้วยซ้ำ


วันนั้นวาวตาหล่อนส่องประกายอยู่ใต้อายชาวโดว์สีม่วง เรียวปากแดงเรื่อของหล่อนจีบมุมสวัสดีทักทายเขาขณะโน้มตัวเปิดเสื้อคอกว้าง เนินใจหล่อนล้นออกมาเล็กน้อยพอยั่วน้ำลาย แม้พนักงานหญิงอีกคนทักหล่อนให้ระวังภาพบัดสี แต่กลับโดนหล่อนเต๊ะท่าใส่อย่างไม่เกรงใจ


ไม่กี่นาทีถัดมา หล่อนปัดหน้าปัดตาอย่างรีบ ๆ แล้วเข้าไปขลุกอยู่กับไอ้ผู้จัดการสาขาหน้าหม้อคนนั้นเสียครึ่งค่อนวัน จากนั้นก็ออกมากำชับเราว่า ท่านผู้จัดการต้องการใช้สมาธิศึกษางานใหม่ ไม่อยากให้รบกวน


ผมไม่รู้หรอกว่าการสนทนาของเขาในห้องนั้นเป็นเรื่องศึกษางานสลักสำคัญหรือมอบหมายสิ่งใดกันบ้าง แต่นอกจากเสียงหัวเราะคิกคักชอบใจที่ดังเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ ๆ แล้วผมก็ไม่เห็นว่าจะมีงานอะไรคืบหน้า ยิ่งตอนที่หล่อนออกจากห้องมากำชับเราซ้ำด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ผมคลื่นเหียนหล่อนมากขึ้นไปอีก


หล่อนทำเป็นออกมายืนพิงขอบประตูเต๊ะท่า กอดอกไว้ใต้เนินถัน วาดมือหนึ่งขึ้นขยับแว่นแบบนางอิจฉาในละครหลังข่าวเขาทำกัน ก็ตามสไตล์นั่นแหละ หล่อนจะจีบปากแสยะยิ้มแจกเราทุกคนที่หันไปทางหล่อน


นับแต่วันนั้นหล่อนก็ยกตัวเป็นใหญ่ ถ่ายโอนงานทุกอย่างของหล่อนให้เป็นของเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ และเหมือนจะโอนให้ผมมากเป็นพิเศษ


จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อหล่อนเป็นถึงเลขาฯ คนโปรดของผู้จัดการสาขาหน้าหม้อคนนั้น หล่อนอ้างเป็นนโยบายแบ่งงานของท่านผู้จัดการ เพื่อให้หล่อนได้มีเวลาช่วยสะสางงานเฉพาะหน้าของยุคเศรษฐกิจซบเซาในสาขาเราไปเสียทุกที


ออฟฟิศเราเป็นสำนักงานขายสาขาย่อยเล็ก ๆ ชายขอบการปกครองของกรุงเทพมหานคร

จริงอยู่ช่วงนี้ตัวเลขในสาขาของเราไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจของสำนักงานใหญ่ แต่ทางโน้นก็คงเข้าใจดี เพราะเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้ใครต่อใครจึงไม่อยากเสี่ยงลงทุนหรือจับจ่ายใช้สอย


รายงานข่าวในโทรทัศน์ล่าสุดเมื่อเที่ยงที่ผ่านยังบอกว่าเป็นผลพวงของตลาดโลกและภัยเศรษฐกิจที่ตกสะเก็ดของชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา จนส่งผลให้เดือดร้อนกันทั่วโลกเช่นนี้ ผู้ประกาศข่าวสาวยังแสดงให้เห็นชาร์ตตัวเลขจีดีพี และกราฟต่าง ๆ ของผลกระทบและแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะนี้ได้อย่างน่าเชื่อถือ


ยังไม่รวมถึงบรรดาหมอดูทั้งหลายที่เรียงแถวกันออกมาแสดงความคิดเห็น ทำนายทายทักกันต่าง ๆ นานาเรื่องดวงเมือง ราหู หรือแม้แต่การเคลื่อนตัวของดวงดาวต่าง ๆ ที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกี่ยวข้องกันอย่างไรกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ


แต่ก็รู้กันอยู่ หล่อนจะช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอะไรได้นอกจากวิ่งหาเอกสารที่เกี่ยวข้อง


แต่เปล่าเลย ผมว่าหล่อนไม่ได้วิ่งวุ่นหาเอกสารใดทั้งนั้น หล่อนเพียงออกมายืนพิงขอบประตูเต๊ะท่า กอดอกไว้ใต้เนินถัน ก็ตามสไตล์เดิม ๆ นั่นแหละ แล้วบอกใครบางคนว่าท่านผู้จัดการอยากได้เอกสารโน่นเอกสารนี่ ก่อนกลับเข้าไปหัวเราะคิกคักชอบใจกันต่อ


บางทีผมก็สุดจะทนกับพฤติกรรมน่าสังเวทของหล่อน

 

ผมเริ่มรับพฤติกรรมหล่อนไม่ได้เสียแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ชอบพอกันดีอยู่ มันจะน่าหมั่นไส้อะไรปานนี้ แต่ถ้าจะลาออกจากงานไปเพื่อหนีปัญหาระยำพวกนี้ก็คงไม่ใช่ทางแก้ปัญหารกใจเป็นแน่


เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวอะไรกับพิษเศรษฐกิจที่พี่เบิ้มแห่งอเมริกาเขามอบเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายให้แก่เพื่อนมนุษย์ทุกหย่อมย่านก่อนจะโบยบินไปสู่อ้อมกอดของมิ่งมิตรที่มั่งมีไปตาม ๆ กันเสียแล้ว


โอ๊ย!!!..........อะไรมันจะนักหนากับผม ไอ้ท่านผู้จัดการหน้าหม้อคนนั้นอีกคน มันจะโชคดีอะไรถึงปานนั้นที่ย้ายมาเจอะเจอกับนางแมวยั่วสวาทอย่างหล่อน จนเข้ากันยังกับหมาเน่ากับคลองแสนแสบ


อะไรมันจะนักหนากับผมละเนี่ย เสียงหัวเราะเยาะของทั้งหล่อนทั้งไอ้ท่านผู้จัดการหน้าหม้อมันก้องอยู่ในรูหูผมจนสลัดไม่ออก


ผมเริ่มรับพฤติกรรมหล่อนไม่ได้เสียแล้วจริง ๆ

.............. โอ๊ย!!!..........หย่าก็หย่า จะได้หมดเรื่องหมดราวกันเสียที

บล็อกของ ปรเมศวร์ กาแก้ว

ปรเมศวร์ กาแก้ว
ผมเริ่มรับพฤติกรรมหล่อนไม่ได้เสียแล้ว ยิ่งนานวันเข้า รากฝอยของความเกียจคร้านก็ชอนไชแตกงามไปทั่วฝ่ามือและฝ่าเท้าบอบบางของหล่อน การงานทุกอย่างจึงต้องตกเป็นหน้าที่ของผมไปโดยปริยาย ทั้งที่ก่อนนั้นหล่อนเองต่างหากที่เป็นฝ่ายคิดเสนอโปรเจ็กยั่วใจเหล่านั้นขึ้นมาเพื่อหวังพัฒนาหน้าที่การงานที่หล่อนรับผิดชอบอยู่ ผมเริ่มสงสัยถึงเรื่องการมีจิตสาธารณะ จิตอาสาหรือการมีหัวใจ ความเป็นมนุษย์ของตัวเองว่ามันบกพร่อง หรือสั่นคลอนไปแล้วหรือไร ถึงได้คิดประหวั่นพรั่นพรึงกับพฤติกรรมของหล่อนได้ถึงเพียงนี้ หรืออีกนัยหนึ่ง ความละเอียดอ่อนต่อมิติทางสังคมบางอย่างของผมอาจหล่นหายไประหว่างการร่วมงานกับหล่อนเสียบ้างแล้ว
ปรเมศวร์ กาแก้ว
แม้ผ่านวันเพ็ญเดือนสิบสองที่น้ำนองเต็มตลิ่งไปนานแล้ว แต่น้ำในคลองข้างบ้านผมยังนองปริ่มตลิ่งอยู่เช่นเดิม แถมลมมรสุมยังพัด "ฝนหยาม"(ฝนประจำฤดู) มาซัดหลังคาบ้านให้คนเหงาได้นอนฟังกล่อมใจไม่สร่างมาหลายวันแล้วแน่นอนว่าฤดูฝนหยามจะพา "น้ำพะ"(น้ำนอง) มาด้วย ทุ่งข้าวสีเขียวจมอยู่ใต้น้ำ และแน่นอนคนหาปลาทุกเพศทุกวัยจะออกมาดักปลากันอย่างสนุกสนานดั่งรอคอยมาแรมปีปีนี้ฝนโปรยปักษ์ใต้อยู่แรมเดือน ยางพาราราคาต่ำ นาข้าวเสียหาย กระนั้นเลย คนที่นี่ก็ยังพอมีความสุขพอประทังกันบ้าง "กัด"(ตาข่ายดังปลา) ถูกนำมาชะล้างและ "วาง"ลงในห้วยเดิม คัน "เบ็ดทง"(เบ็ดสำหรับปักทิ้งไว้กลางทุ่งและค่อยกลับไปตรวจตราเป็นช่วง ๆ บน "ผลา"(…
ปรเมศวร์ กาแก้ว
สวัสดีครับพี่... ผม..เมศเองครับ ผมยังรู้สึกเหมือนเสียงหัวเราะและแรงมือที่ตบลงบนบ่าผม ก่อนเสียง “ไอ้เมศ...กูรักมึง...กูรักมึง” ของพี่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน... ในเสียงนั้นยังคงไหวหวานมาตลอด แม้ผมจะไม่ได้ยินเสียงพี่มานานแล้วก็ตามที สิ่งเดียวที่ทำให้ผมเชื่อว่าพี่จะอยู่กับเราไปตลอด คือความรักที่เราแลกเปลี่ยนกันตอนพี่บียังอยู่กับเรา หนึ่งปีผ่านไปแล้ว ดูเหมือนผมจะรู้สึกว่าเราใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ทั้งที่ไม่ได้เจอกันเลยสักครั้งแม้ในยามค่ำคืนที่โลกของความฝันชวนดวงดาวพริบแสงมาเยือนก็ตาม
ปรเมศวร์ กาแก้ว
เมื่อเดือนแปดตามจันทรคติมาถึง “ลมหัวษา” (ลมต้นฤดูพรรษา) โหมแรงมาทางตะวันตกเฉียงใต้ พัดจีวรและผ้าอาบน้ำฝนใหม่ของพระหนุ่มแรกพรรษาและพระเก่าหลายพรรษาพลิ้วลมอยู่ไหวๆ ลมช่วงนี้อาจพัดแรงไปจนถึงปลายเดือนเก้าที่ “ลมออก” พัด “ฝนนอก” (มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ) ห่าใหญ่มาเติมทะเลสาบสงขลา (ที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดพัทลุง) อีกครั้งตอนผมยังเด็กกว่านี้ (เมื่อสองสามปีก่อน.....ฮา) ผ้าเหลืองบนกุฏิไหวลมไม่เคยสวยเท่าตอนนี้มาก่อน แม้ครอบครัวของผมจะคุ้นชินกับผ้าเหลือง (จีวร) เพราะ “พ่อเฒ่า” (ตา) ของผมบวชครองผ้าเหลืองมาตั้งแต่วัยหนุ่มใหญ่จนปลิดลมหายใจชราของชีวิตสิ้นไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน…
ปรเมศวร์ กาแก้ว
เ ชิ ญ ช ว น กั น สั ก ห น่ อ ยด้วยหัวใจผมรักธรรมชาติ และแน่นอนผมรักบทเพลงของชีวิตรวมถึงบทกวีที่ไหวเต้นเป็นจังหวะมาจากส่วนลึกของจิตใจผู้เป็นกวีจริง ๆ แล้วผมอยากบอกเล่าเรื่องราวของคนกลุ่มหนึ่ง แถบบ้านผม"คนเขาปู่" (บ้านเขาปู่ อำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง) ที่ตัวผมเองก็จำชื่อกลุ่มของพวกเขาได้ไม่แน่ชัดนัก (น่าจะชื่อเครือข่ายคนต้นน้ำ/หรืออะไรสักอย่างที่คล้ายชื่อนี้) เรามีโอกาสพบปะพูดคุยกัน 2-3 ครั้งก่อนหน้านี้และบ่อยขึ้น จนพบหัวใจบางอย่างในดวงตาพวกเขา จึงคิดเรื่องกิจกรรมบางอย่างร่วมกันเพื่อผืนป่าเล็ก ๆ เด็กๆ…
ปรเมศวร์ กาแก้ว
ปรเมศวร์ กาแก้ว
ช่วงเดือนหกตามจันทรคติที่ผ่าน ดอกผักบุ้งกลางทุ่งทางปักษ์ใต้ได้บานรับฝนโปรยกันทั่ว เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นฤดูฝนปรัง  เติมความชุ่มชื่นให้ผืนดินหลังฤดูเก็บเกี่ยว รอการไถปลูกนอกฤดูกาล แม้ในบางพื้นที่ ทุ่งนาได้กลายเป็นกล้าข้าวพื้นเมืองสีเขียวจำพวก ‘ข้าวเล็บนก’ ‘ข้าวสังข์หยด’ ‘ข้าวเฉี้ยง’ ‘ข้าวไข่มดริ้น’ ฯลฯ ไปแล้ว ที่ลุ่มริมทะเลสาบเจิ่งนองด้วยน้ำที่เอ่อมาจากพรุ  วาระอย่างนี้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาทุกปีไม่เหนื่อยหน่าย
ปรเมศวร์ กาแก้ว
หลังมื้อค่ำ ดาวไถทอประกายวาวอยู่บนฟ้าทางทิศเหนือแทนดวงไฟในคืนแรม ปู่เคยเล่าว่ามันเป็นสัญลักษณ์ให้นัก เดินทางกลางราตรีได้จดจำเส้นทางเพื่อความอุ่นใจขณะที่เรากำลังนอนดูดาวอยู่ระเบียงนอกชานหลังบ้าน สายลมบางเบาพัดเอาควันไฟจากกองที่จุดไว้ไล่ยุงให้วัว สามตัวในคอกของปู่ผ่านร่องกระดานไม้เก่าคร่ำโชยผ่านจมูกของเรา  หลังมื้อค่ำเรามักมานอนนับดาวเล่นอย่างนี้เสมอๆ ปู่นั่งถัดขึ้นไปที่ประตูซึ่งยกระดับขึ้นเหนือระเบียงนอกชานไม้เล็กน้อย  เราทั้งสามลุกขึ้นมานั่งใกล้ๆ ปู่  ปู่ลูบหัว เราทั้งสามเบาๆ แล้วโอบตัวบ่าวมาแนบกาย นัยน์ตาปู่ใสและเปล่งประกายอย่างอ่อนโยน  “อยู่บ้านปู่สนุกมั๊ย” …
ปรเมศวร์ กาแก้ว
ขณะที่แดดเช้าเก็บผีตากผ้าอ้อมไม่ทันหมด เครื่องจักรลูกหมาสีแดงยังคำรามเสียงดังไปทั่วท้องนา มันคำรามมาตั้งแต่เมื่อค่ำวานจนตลอดทั้งคืน  ปู่ออกจากบ้านมาตั้งแต่เมื่อค่ำวานพร้อมกับเพื่อนบ้านคนอื่นๆ เพื่อมาเฝ้ามองมันอย่างตั้งอกตั้งใจ เราเดินเลาะชายป่าไปทางท้ายวัด  ท้องนาสีเหลืองถูกเก็บเกี่ยวเหลือแต่ซังข้าวรอการไถกลบเพื่อ ปลูกใหม่อีกครั้งในฤดูทำนา   ปู่นั้งอยู่ริมบึงถัดจากที่เรายืนไปสองบิ้งนารวมอยู่กับตาเขียว ตาไข่ และคนอื่นๆ คนชนบททางภาคใต้เรียกรถไถนาเดินตามกันว่า “รถจักรลูกหมา” ปู่เคยบอกว่าประโยชน์ของมัน มากมาย นอกจากไถนาได้แล้ว …
ปรเมศวร์ กาแก้ว
ผมผลักประตูออกจากบ้านตั้งแต่เช้า  จ้อยนัดพวกเราไว้ที่ศาลากลางหมู่บ้านเหมือนทุกวัน  วันนี้บอยจัดแจงเตรียมเม็ดหัวครกมาด้วย แปลกจริงขณะที่บอยบอกชื่อของมัน บ่าวหัวเราะกับชื่อ แปลกๆ แล้วบอกบอยว่าที่บ้านเราเขาเรียกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ วันนี้เราจะเล่นขว้างหัวงูระหว่างทางสู่ศาลากลางหมู่บ้านกระจัดกระจายไปด้วยผีตากผ้าอ้อมขาวไปทั้งทุ่ง  บ่าว นั่งลงจ้องมองอย่างพินิจและยิ้มก่อนที่แดดเช้าจะรีบเก็บผีตากผ้าอ้อมเสียหมดทีละน้อยตั้งแต่เมื่อวานที่เราพากันไปเก็บเม็ดหัวครกหลังบ้านจ้อย เราเลือกเอาผลสุกที่เม็ดจะเป็น สีน้ำตาลเข้มแล้ว …
ปรเมศวร์ กาแก้ว
บนศาลากลางหมู่บ้านวันนี้ไม่มีเสียงเอ็ดตะโรของเด็กๆ  ขณะที่ฟ้าใส ดวงอาทิตย์คล้อยบ่ายทิ้งไว้เพียงเศษเปลือกลูกยางที่แหลกแล้วและ ใบตองห่อขนมเกลื่อนพื้นอีกฟากหนึ่งเป็นถนนสายเล็กๆ เราเดินตามทางนั้นไปเลี้ยวอ้อมป่าละเมาะสู่อีกหมู่บ้านทางตะวันตกตามคำชวนของขาว สองข้างทางเป็นผืนนาไกลสุดตา  ปู่เคยบอกว่าแถวนี้มีที่นาของปู่รวมอยู่ด้วยแล้วช่วงเก็บเกี่ยวจะพาเรามาเที่ยวเล่นกันเด็กๆ ชักย่านเดินตามกันเต็มถนนตัดกลางทุ่งนาไปทางตะวันตกขณะที่แดดบ่ายโดนเมฆขาวบดบังเป็นร่มเงาและลมทุ่งผัดแผ่วๆ  ไล้เนื้อตัวเรา  อีกไม่ไกลข้างหน้าเป็นหมู่บ้านริมธารเล็กๆ ที่ขาวและเพื่อนๆ อาศัยอยู่…
ปรเมศวร์ กาแก้ว
เหมือนฟ้าดำเก็บดาววิบวาวดวงและเหมือนแดดโชติช่วงกลับหุบหายเมื่อผีเสื้อปีกงามพบความตายและเหมือนฝันเกลื่อนรายเส้นทางจรใต้ใจรู้สึกโลกหมุนกลับขาวพลิกดำขลับใจโหยอ่อนดูสิน้ำตาฉันหลั่งบทกลอนผ่าวแต่ไม่ร้อนอย่างเคยเป็นยินไหม “จเรวัฒน์  เจริญรูป”ใจดั่งจะจูบแม้ทุกข์เข็ญโลกทั้งโลกรู้ความเยียบเย็นใครเล่ารู้ความเป็นของกวีเถิดพรุ่งนี้พบกันบนฟ้ากว้างพบในความอ้างว้างโค้งรุ้งสีฉันจะจำเธอไว้-ใจกวีพบในงามความดี-ฤดีดาล“จเรวัฒน์” จากแล้วเหมือนยังอยู่เหมือนยังนั่งเคียงคู่ ครูเขียนอ่านเรารู้เธอจะเป็นเช่นตำนานผู้สร้างความต้านทานทระนงอาลัยยิ่งกับการจากไปของกวีหนุ่มผู้มุ่งมั่นในงานกวีนิพนธ์ป ร เ ม ศ ว ร์ …