ครอบครัวเราก็เคยมีสวนยาง
แต่ตอนหมดลู่ทางพ่อ “บอกขาย”
เพื่อเปลี่ยนเป็นค่าหมอก่อน
รักษามะเร็งร้ายอยู่หลายปี
สวนยางก็ค่อยเปลี่ยนเป็นค่า
ค่ากับข้าวค่าปลาค่าโน่นค่า
ค่อยค่อยเปลี่ยนเป็นฝันบันด
จนวันล่วงขวบปียางหมดไป
พ่อก็เคยกรำแรงเหนื่อย “บนควน”
ยุคป่าล้วนอัดตื้นอยู่เต็มใ
อุดมการณ์คนดาวแดงดั่งฟอนไฟ
พ่อก็สู้ด้วยหัวใจเสมอมา
จนห้วงกาลผ่านผันลูกเติบใหญ
ยางพาราไม่แตกใบในวงหน้า
พ่อหันมาปลูกข้าวแต่งผืนนา
ไม่นานรวงก็แต้มทา “ทุ่งลานโย”
แน่ล่ะ, ครอบครัวเรามีผืนนา...
แต่เมื่อการศึกษามาอวดโอ่
รัฐก็ริบที่ทางก่อนคุยโว
ว่าจะสร้างให้ใหญ่โต “มหาวิทยาลัย”
เหลือแผ่นดินผืนสุดท้ายของ สปก.
มรดกที่ทอดทอความหวังใหม่
หวังเพื่อเลี้ยงครอบครัวเรา
จึงเลือกปลูกหัวใจกับปาล์มน
พ่อกับแม่กลับบ้านไปหลายวันแล้ว ผมกับบ่าวปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ และสภาพแวดล้อมที่นี่ได้ดีมากขึ้น ไอ้หมีกับไอ้ตาลก็คุ้นเคยกับเราดี ไม่เห่าคิดว่าเราเป็นคนแปลกหน้าเหมือนเก่าแดดเช้าสาดสีขาวจากขอบฟ้า ไก่ขันแจ้วๆ ตอบกันเหนือยุ้งข้าวมาแต่ไกล ย่าปลุกเราตั้งแต่เช้าขณะที่ลมอุ่นแห่งท้องทุ่งกำลังพัดโบยหมอกเช้า เรางัวเงียพลิกตัวไปมาก่อนลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟัน “บ่าวๆ ๆ ๆ น้องๆๆ” จ้อยมาตามเราตั้งแต่เช้า“วันนี้ที่ศาลาจะมีการประชันตอกลูกยาง ไปกันนะ ต้องสนุกแน่ๆ” จ้อยชวน“ไปๆๆ ไอ้เสือสมิงของผมต้องชนะแน่ๆ”…