ช่วงเดือนหกตามจันทรคติที่ผ่าน ดอกผักบุ้งกลางทุ่งทางปักษ์ใต้ได้บานรับฝนโปรยกันทั่ว เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นฤดูฝนปรัง เติมความชุ่มชื่นให้ผืนดินหลังฤดูเก็บเกี่ยว รอการไถปลูกนอกฤดูกาล แม้ในบางพื้นที่ ทุ่งนาได้กลายเป็นกล้าข้าวพื้นเมืองสีเขียวจำพวก ‘ข้าวเล็บนก’ ‘ข้าวสังข์หยด’ ‘ข้าวเฉี้ยง’ ‘ข้าวไข่มดริ้น’ ฯลฯ ไปแล้ว ที่ลุ่มริมทะเลสาบเจิ่งนองด้วยน้ำที่เอ่อมาจากพรุ วาระอย่างนี้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาทุกปีไม่เหนื่อยหน่าย
ลมฝนระลอกแรกพัดผ่าน ‘วันดี’ (วันฤกษ์งามยามดี) ไปแล้ว บอกถึงการหมดยกแรกของฤดูงานแต่งงาน (ดูกินเหนียว) ในงานแต่งงานของชาวใต้มักมีข้าวเหนียวหัวสังขยา หรือ ข้าวเหนียวหัวพร้าว(มะพร้าว) ไว้กินในงาน ช่วงนี้จึงมีข้าวเหนียวให้กินกันไม่ขาด
ฤดูนี้รอยยิ้มของหนุ่มสาวบานสะพรั่งบอก ‘การ’(งานแต่ง) ไปทั่ว ทั้งหมูและวัวถูกปรุงเป็นอาหารเลี้ยงรับรองแขกทั้งฝ่ายบ่าว-สาว ผู้หวังสร้างรักสืบเชื้อสายแตกก่อพงศ์พันธุ์เครือย่านต่อตระกูล เสร็จงานน้ำเคอยพุงปลาส่งกลิ่นฟุ้งเป็นแกงอุ่นทั่วหมู่บ้านอันเป็นสัญลักษณ์ของความมีน้ำใจไมตรี เอื้อเฟื้อแจกจ่ายกับข้าวกับปลาหลังวาระการรับแขกผ่านพ้นของคนลุ่มทะเลสาบ
ผ่านพ้นประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ ทั้งแห่ผ้าขึ้นพระบรมธาตุเจดีย์เมืองนครศรีธรรมราช แห่ผ้าขึ้นเจดีย์เขากุฏิ (เกาะยอ-สงขลา) และ แห่ผ้าขึ้นพระบรมธาตุวัดเขียนบางแก้ว (พัทลุง) ถึงเดือนเจ็ดวิถีคนรอบลุ่มก็หวนกลับมาอีกครั้งพร้อมกับราคาข้าวที่สูงขึ้นจนชาวนาเองต้องซื้อข้าวกินในราคาแพงลิบ ยังไม่รวมถึงปุ๋ยราคาแพง โรคพืช น้ำมันแพง ‘น้ำพะ’ (น้ำนอง) ค่าครองชีพ ผลผลิตไม่ดีตามที่คาด ความชื้นสูง จิปาถะ
วัดเขียนบางแก้ว
อย่างไรก็ตาม นาปรังต้องปลูกเลี้ยงปากท้องครอบครัว เพราะฝนโปรยกรีดยางไม่ได้ เงินทองต้องป้อนต่อสู่ฤดูกาลเปิดภาคเรียนใหม่อีกครา ผมลองคิดเล่น ๆ ต่อถึงเรื่องฝนแรกพัดเติมความชุ่มชื่นให้ผืนแผ่นดินในฤดูกินเหนียวของชาวลุ่มทะเลสาบได้ซับน้ำไว้อย่างอิ่มหมีพีมัน ส้มสูกลูกไม้ก็ไม่น้อยหน้าแข่งเติบโตรอสุกก่อนเดือนสิบล่วงผ่านเช่นกัน เงาะข้างบ้านหลายคนเริ่มเขียวแก่ สะตอหลายบ้านห้อยระย้าไกวลมเล่นเพลิดเพลิน (คงทันเดือนเก้า ‘วันดี’ยกสอง) ลิ้มลองข้าวใหม่ปลามันกันอีกครั้ง
ช่วงที่ผ่านมาผมวุ่นวายอยู่กับการจัดการทางเดินของตัวเองจนเกเรขาดส่งงาน “แบบว่าเรื่องใต้ใต้” มาระยะหนึ่ง อย่างไรก็ดี ผมก็หวนกลับมาพร้อมกับความสุขกับมันอีกครั้ง แม้ลมฝนครางครืน ฤดูกินเหนียวยกแรกผ่านพ้นผมก็ยังคงต้องเป็นผู้รับไมตรีเอื้อเฟื้อการแจกจ่ายกับข้าวกับปลาหลังวาระการรับแขก บ่าว-สาวของคนลุ่มทะเลสาบที่ผ่านพ้นไปอยู่ดังเดิม
นึกแล้วหิว คงต้องลุกไปอุ่นแกงน้ำเคอยพุงปลาให้ส่งกลิ่นฟุ้งไปทั่วบ้านจะดีกว่า....ฮา ๆ...
ต้นเดือนเจ็ด/ทุ่งลานโย-พัทลุง
๑๙ พฤษภาคม ๕๑