Skip to main content
 

วิถีชีวิตกับไม้ไผ่คู่กัน

 

เมื่อลุงมาบอกว่า วิถีชีวิตปกาเก่อญอกับไม้ไผ่นั่นคู่กัน วันนี้คนรุ่นพะตี(ลุง) จึงต้องสอนให้ลูกหลานรู้จักจักสาน เพราะว่าเด็ก ๆ รุ่นใหม่ ไม่ค่อยรู้เรื่องจักสานแล้ว พะตีมาบอกว่า ถ้าไม่ได้สอนไว้หมดรุ่นพะตีแล้วก็จะหมดรุ่นไปเลย ทั้งที่วิถีปกาเก่อญอกับไม้ไผ่นั่นคู่กัน

 

ฟังพะตีว่า ลูกหลานปกาเก่อญอไม่รู้จักการใช้ไม่ไผ่ ฉันคิดถึงลุงที่บ้านแกว่าลูกชาวเลทำปลากินไม่เป็น ไม่ใช่หาปลามากิน แต่ทำปลากินไม่เป็นนั่นคือเขาหามาให้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะทำกินอย่างไร ขูดเกล็ดปลาออกจากตัวปลาไม่เป็น ดึงขี้ปลาออกไม่เป็น เป็นต้น

 

ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร บ้างก็ว่าเพราะลูกหลานออกจากบ้านไปอยู่โรงเรียน และพ่อแม่ก็มอบทุกอย่างให้ครูสอน ลูกหลานลืมไปว่าพ่อแม่ทำอะไรอยู่ และมีพลาสติกซื้อพลาสติกมาใช้แทนที่จะทำของใช้เอง

ปลายฝนต้นหนาว ฉันเดินทางเข้าหมู่บ้านตีนผาอีกครั้ง ในเช้าวันนั้น ผู้ใหญ่สอนเด็กทำจักสาน เริ่มกันตั้งแต่เลือกตัดไม้ไผ่ ผ่าไม้ไผ่เพื่อจักตอก เป็นเส้นบาง ๆ

 

ครูผู้สอนการทำจักสานวันนี้ มีพะตีติทอ (นายติทอ วาทีปราศรัย), พะตีมา(นายมา คุณฐิตินันท์) และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านยืนยง ลำเนาพงศ์ไพรงาม (พะตี หมายถึงลุง)

 

"ต้องเลือกไม้ไผ่ที่ไม่แก่เกินไป" พะตีมาบอก

เด็กๆ เยาวชนที่กำลังจะจบม.3 ไปจนถึงเด็กหญิงวัยเจ็ดแปดขวบก็มาเรียน บางคนพาน้องเล็กมาด้วย เพราะพ่อแม่ไปเกี่ยวข้าวหมด เธอปล่อยน้องให้คลานเล่นบนลานหญ้าอย่างสบาย


เหลาไม้ไผ่เสร็จแล้วย้ายที่เรียนจากป่าไปเรียนข้างโปสถ์ เพราะมีลานกว้างนั่งสบาย

 

สถาพร ชวลิตธรรมรุ่ง หรือดอน เด็กหนุ่มคนหนึ่งมาเรียนจักสานในวันนี้ เล่าว่าเขาออกจากหมู่บ้านไปเรียนที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ วิทยาลัยอยู่ที่อำเภอสันป่าตอง เดือนสองเดือนถึงจะกลับบ้านครั้งหนึ่ง

"เป็นครั้งแรกที่ฝึกจักสานครับ แต่ต่อไปผมคิดว่าจะกลับบ้านบ่อยขึ้น"

 

วีระศักดิ์ ลำเนาพงศ์ไพรงาม เยาวชนในหมู่บ้านตีผา เป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่กำลังจะจบม.3 บอกว่า "อยากฝึกครับ เพราะไม่เคยทำเลยเหมือนกัน "

วีระศักดิ์บอกว่า เขาทำงานกับพ่อช่วยพ่อทำสวน ทำปุ๋ยหมัก และทำงานบ้าน แต่ยังไม่เคยฝึกทำจักสาน วันนี้เป็นวันแรก

 

วันนี้พะตีมาเหมือนเป็นครูใหญ่ ฝึกสอนแล้วเดินดูงานของเด็ก ๆ ด้วย

"อย่างนี้ไม่ได้ เอาเส้นนี้ไว้ข้างบน ส่วนเส้นนี้ต้องลงข้างล่าง" พะตีมาบอกพลอย เด็กสาวที่มีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้ได้ เธอสวมถุงมือกันไม้ไผ่บาดมาด้วย

"อย่างนี้ใช่ไหม" พลอยถาม

 

พลอยกับเมย์ เป็นเพื่อนกัน เธอทั้งสองมาด้วยกัน ต่างมุ่งมั่นมากที่จะต้องทำให้ได้

"ต้องทำไปเรื่อย ๆ แล้วจะทำได้ละเอียดขึ้นเอง ชีวิตปกาเก่อญอกับไม้ไผ่เป็นของคู่กัน" พะตีมาย่ำว่าชีวิตปกาเก่อญอกับไม้ไผ่คู่กัน

 

เด็กหญิงวัยแปดขวบสองคนเรียกให้พะตีช่วยสอนต่อ ตอนนี้เธอเริ่มตั้งก้นตะกร้าได้แล้ว เธอทั้งสองพยายามรวบไม้ไผ่ขึ้นมาเป็นรูปทรงของตะกร้าเพื่อที่จะสานต่อไปเหมือนกับที่พี่ๆ ทำ แต่มือเล็กๆ เอาไม่อยู่ ไม้ไผ่ดีดกลับ ก่อนที่จะโดนไม้ไผ่ดีดหน้า เธอรีบผละมือออกแล้วถอยหนีทัน ต่างหัวเราะเริงร่า พลอยพี่ที่โตกว่าเข้ามาช่วยรวบปลายไม้ไผ่ พร้อมกับสอนให้สานต่อ ต้องค่อยๆ สานขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างใจเย็น

 

"ผิดนิดเดียวก็ไม่ถูกแล้ว" พะตีมาว่า

"ทำอย่างไรดีผมทำตอกไผ่หัก" เด็กชายคนหนึ่งถามพะตีอย่างตกใจ

"ไม่ต้องกลัว ต่อใหม่ได้ เอาอันใหม่เสียบทับเข้าไปเลย เสียบทับเข้าไปตรงเส้นที่หักนั่นแหละแล้วสานต่อไป" พะตีว่า

 

เด็กหญิงคู่แฝดสองคนดาวกับเดือน เธอเพิ่งเรียนชั้น ป.3 มาฝึกสานตะกร้าด้วย คนหนึ่งเริ่มเบื่อลุกขึ้นเดินไปเที่ยวเล่นเก็บเสาวรส และลูกไม้ป่ามากินกับเพื่อน ๆ แต่แฝดอีกคนยังคงพยายามทำต่อไปโดยมีป้าสอนให้เธอ


แม่บ้านคนหนึ่งเตรียมไปหาหน่อไม้แต่มาหยุดดูเด็ก ๆ สานตะกร้ากันก่อน แฝดนั่งกินลูกไม้ป่าก็เปลี่ยนใจไปหาหน่อไม้ดีกว่า


ไผ่เกี่ยวข้องกับชีวิตจริง ๆ เหมือนที่พะตีมาว่า แม่บ้านกำลังไปหาหน่อไม้ไผ่มาทำกิน หน่ออ่อน ๆ ลวกจิ้มน้ำพริก ในเกือบทุกมื้อที่ฉันมาที่นี่ หน่อไม้อยู่ในวงอาหาร บางมื้อก็แกงหน่อไม้ใส่ไก่ ข้าวเบอะ (ข้าวต้มและ ๆ ใส่หน่อไม้ รวมกับผักกาด มีเนื้อหมูหรือเนื้อไก่ลงไปต้มด้วย

 

ฝนตกลงมาก่อนที่เด็กๆ จะทำตะกร้าเสร็จ พวกเขารีบลากงานของตัวเองหลบเข้าชายคาโบสถ์และสานต่อไป

 

เด็กหญิงสองคนเลิกสานตะกร้าแล้วกำลังนั่งเล่นน้ำฝน ตารีบอุ้มหลานวิ่งกลับบ้าน

 

สถาพร สานสุมใส่ไก่ได้แล้ว สุ่มเล็กๆ ขังไก่ได้หนึ่งตัว ที่นี่นอกจากเลี้ยงไก่แบบปล่อยแล้ว เขาจะสานสุ่มสำหรับขังไก่เอาไว้ ทำปากสุมให้ไก่โผล่หน้าออกมาจิกข้าวเปลือกกิน


สมสุข สานเปอะใส่หลัง ซึ่งใช้ในชีวิตประจำวัน ยามเมื่อไปไร่ ทุกคนจะมีเปอะใส่หลังไปด้วย สมสุขทำเสร็จแล้วโยนเล่นให้เพื่อน ๆ ดู

 

"ยิ่งทำยิ่งง่ายขึ้น ยิ่งทำยิ่งงามขึ้น" พะตีมาพูด ให้กำลังใจเด็กๆ แล้วเดินไปดูคนอื่นต่อไป

จริงของพะติยิ่งทำยิ่งง่าย ยิ่งทำยิ่งงาม ไม่ว่าจะทำอะไรก็เอามาใช้ได้หมด



นี่คือเป๊อะที่สานด้วยไม้ไผ่ใช้ในชีวิตประจำวัน


"อันนี้ค่อยสวยหน่อย" พะตีมาหยิบตะกร้าใบหนึ่งมาพิจารณา


พะตีมาบอกฉันว่า เมื่อก่อนสานไปขาย เดี๋ยวนี้สานแค่พอใช้กันในบ้าน บางบ้านก็ไม่ทำ ไปซื้อพลาสติกมาใช้ ไม้ไผ่สานได้หลายอย่าง ทำกระด้งก็ได้ ทำข้องใส่ปลา กระบุงใส่ข้าว ลวดลายมีเยอะ ถ้าสานได้แล้วไม่ต้องซื้อ ทำทุกอย่างใช้เองได้ เมื่อก่อนใช้ไม้ไผ่ทั้งนั้น ไม่มีกะละมัง ถุงพลาสติก

 

 

 

 

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
“จึงขอตั้งจิตมั่นว่าจะพูดแต่ความจริงด้วยถ้อยคำที่ก่อให้เกิดความมั่นใจ ความเบิกบาน และความหวัง โดยไม่กระพือข่าวที่ตัวเองไม่รู้แน่ชัด รวมทั้งไม่วิพากษ์วิจารณ์ หรือกล่าวโทษในสิ่งที่ตัวเองไม่แน่ใจ” ฉันชอบถ้อยคำนี้มาก เป็นถ้อยคำ ที่เพื่อนนำมาฝากหลังจากที่เธอกลับมาจากภาวนา เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ... เพื่อนของฉันกลับมาจาก “ภาวนา” แบบหมู่บ้านพลัม เธอว่าดีงามมาก ใช้กับชีวิตได้ เธอพูดถึง ข้ออบรมสติ 5 ประการ แต่เธอเน้นข้อฝึกอบรม ข้อที่ 4 เธอเขียนส่งมาให้ฉันอ่าน ฉันคิดว่าเธอคงอยากให้ฉันตระหนักรู้ หรือไม่เธอก็บอกอ้อม ๆ ว่า ฉันเป็นคนที่ควรจะปฏิบัติเพราะฉันมีปัญหาในข้อนี้…
แพร จารุ
ระหว่างการพูดคุยกับเพื่อน เพื่อนนักเขียนของฉัน ไปอยู่ไกลถึงลอนดอน ช่วงที่ผ่านมาเธอกลับบ้านเพื่อมาส่งแม่เดินทางไกล เพราะครั้งนี้แม่ไปแล้วจะไม่กลับมาอีกเลย และไม่รู้ว่าเส้นทางสายยาวไกลของแม่อยู่ที่ไหน แต่สำหรับเธอ เชื่อว่า จะไปพบกันที่พระเจ้า เราไม่ได้พบหน้ากันมานาน ได้แต่คุยโทรศัพท์กัน ช่วงแรกเพื่อนนักเขียนของฉันนั่งทำงานเขียน นั่งวาดภาพ และปลูกต้นไม้อยู่ในเรือนกระจกอยู่ที่บ้าน ต่อมาเธอไม่เลือกที่จะนั่งเขียนหนังสืออยู่ที่บ้านแล้ว เธอไปทำงานที่พักคนชรา ทำงานอยู่กับคนแก่ ไม่ใช่เรื่องโรแมนติกแต่เป็นเรื่องจริงของชีวิต เธอมีการงานที่มีความเศร้า ความตายของคนแก่ที่นั่นอยู่เสมอ
แพร จารุ
ยามเช้าได้อ่านงานของดอกสตาร์ เธอเขียนจั่วหัวว่า เชียงใหม่แพ้ซ้ำซาก Chiangmai lost her beauties. ข้อเขียนของเธอบอกว่า ผังเมืองฉบับใหม่ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วง ๙๐ วัน ที่คนได้รับความเดือดร้อนจากผังเมืองฉบับนี้จะยื่นคำร้องเพื่อคัดค้าน ถ้ารัฐบาลไม่รับฟังและผังเมืองฉบับนี้ผ่าน โฉมหน้าเมืองเชียงใหม่คงจะอัปลักษณ์สุด ๆ รอวันตายลูกเดียว มีเรื่องฝายทั้งสามแห่งคือ ฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้งและฝ่ายท่าศาลาอีก ของเก่าแก่ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษสร้างไว้ให้ลูกหลานชาวล้านนาได้ประโยชน์กลับจะรื้อทิ้งโดยเห็นแก่ประโยชน์เล็กน้อยที่เทียบไม่ได้เลยกับความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองกับลูกหลานในอนาคต“…
แพร จารุ
พ่อหมื่นแก่ฝายคนสุดท้าย นัดพบที่หน้าฝายพญาคำ ในวันเสาร์ที่ 13 กันยายน เวลา 10.00 น. ร่วมทำพิธีสืบชะตาอีกครั้ง ชาวบ้านยอมให้มีการสร้างประตูระบายน้ำแล้ว แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามทุบห้ามรื้อฝายโบราณทั้งสามฝาย หรือทดลองใช้ประตูระบายน้ำก่อนสองปี ว่าสามารถทดน้ำเข้าเหมืองเพื่อส่งเลี้ยงไร่นาได้หรือไม่ คือให้ลองดูว่าประตูน้ำทำหน้าที่แทนฝายหินทิ้งเก่าแก่ได้ดีแค่ไหน การจัดการน้ำด้วยระบบเหมืองฝายจะถูกเปลี่ยนมือ จากการจัดการโดยชาวบ้านในระบบแก่ฝายมาเป็นจัดการโดยรัฐชลประทาน ชาวบ้านผู้ใช้น้ำคิดอย่างไรถึงยินยอมทั้งที่ยื้อกันมานาน ถ้านับตั้งแต่ช่วงแรกที่จะมีการรื้อก็เกือบสิบปีแล้ว
แพร จารุ
ฉันได้เดินทางมายังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตั้งใจจะมาเที่ยวตามป่าเขาแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ   รัฐบาล โดยนายอำเภอ และอุทยานแห่งชาติ จัดให้มีงานบวชป่า และส่งมอบอาวุธปืน มีหนังสือจากหน่วยงานของรัฐมาถึงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในเย็นวันหนึ่ง มีเสียงพูดกันเบา จับใจความได้ว่า พวกเขากังวล เพราะพวกเขาไม่มีปืนจะไปมอบ ฉันฟังอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้พวกเขาว่าจะกังวลทำไม ไม่มีก็ไม่ต้องมอบ บอกไปว่าเราไม่มีก็จบ ก็ไม่มีจะเอามาจากไหน
แพร จารุ
 “ไม่นานคนก็ตายกันหมดโลกแน่ ๆ”หญิงสาววัยเพิ่งผ่านเลขสามพูดขึ้นก่อนล้มตัวลงนอน “พี่เชื่อไหม ไม่นานผู้คนจะตายหมดโลก” เธอพูดอีกครั้ง “อะไรทำให้เธอคิดเช่นนั้น” ฉันถามออกไปด้วยความขลาดกลัว มานอนกลางป่ากลางเขาแล้วพูดถึง เรื่องความตาย  ไม่อยากจะฟังคำตอบจากเธอ รีบเตรียมถุงนอน พร้อมที่จะล้มตัวลงนอนใกล้ ๆ เธอ คืนนี้เราเลือกที่จะไม่นอนในบ้านสบาย ๆ แต่เลือกที่จะมานอนกันในป่าเปลี่ยนบรรยากาศ   เธออธิบายต่อว่า เมื่อกลางวันได้ยินข่าวแผ่นดินไหวที่เชียงราย 3.5 ริกเตอร์  เมื่อแผ่นดินไหวที่เชียงรายได้ ก็ไหวที่เชียงใหม่ได้ หรือที่อื่น ๆ ได้ และมันคงจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ “อือ...ก็น่าจะจริง…
แพร จารุ
 เธอได้ยินไหม  คนบ้านฉันเขาตัดไม้กันอยู่ เสียงดังกรูด ๆ ๆ แล้วไม่นานก็ได้ยินเสียงไม่ล้ม ฉันฟังจนแยกออกแล้วว่า เสียงที่ล้มลงมาต้นเล็กต้นใหญ่ขนาดไหน ฉันบอกเพื่อนไปเช่นนั้น ด้วยเราพูดกันอย่างไม่เห็นหน้าจึงไม่รู้ว่า เพื่อนทำหน้าตาอย่างไร เธอคงคาดไม่ถึงว่าได้ยินเสียงตอบเช่นนี้ เธอคงผิดหวังมากทีเดียวเพื่อนโทร.มาบอกให้ฉันช่วยเขียนเรื่องการปลูกต้นไม้ เป็นโครงการหนึ่งของมูลนิธิที่เธอทำงานอยู่ ชื่อว่า โครงการป่าเมือง หรือการปลูกต้นไม้ในเมืองนั่นเอง
แพร จารุ
ขอคั่นรายการหน้าโฆษณาหน่อยนะคะ บอกจริง ๆ ว่า ช่วงนี้รู้สึกโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก คุณผู้อ่านรู้จักคำว่า โหวงเหวงไหม มันเป็นอาการซึม ๆ เศร้า ๆ และรู้สึกเบา ๆ ในหัวใจ  เมื่อทบทวนดูอาการแล้ว พบว่าน่าจะมาจากสภาพสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว ซึ่งน่าจะเป็นอาการผิดปกติจากข่าว ช่วงนี้มีข่าวมีคนตายเป็นหมื่นเป็นแสน และยังหายสาบสูญไปอีกเท่าไหร่ไม่รู้ อีกทั้งยังบาดเจ็บรอคอยอยู่อีกมาก
แพร จารุ
“พี่มันน่ากลัวจริง ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ไม้พี่ไม้ ไม้เป็นหมื่น ๆ” เธอส่งเสียงมาเหมือนถูกผีหลอกกลางวัน“อยู่แดนสนธยาที่ไหน” ฉันถามกลับไปเพื่อให้ตัวเองตั้งสติหากมีเรื่องร้าย “ไม่ใช่ต้นไม้แต่เป็นไม้เป็นหมื่น ๆ ท่อนพี่ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย มันเยอะจริง เดี๋ยวจะถ่ายรูปส่งไปให้ดู บางต้นมีผ้าเหลืองผ้าแดงผูกโคนต้นด้วย” “ที่ไหน” “กิ่วคอหมาพี่ เขากำลังสร้างเขื่อนกิ่วคอหมา พี่รู้เรื่องนี้ไหม พูดแล้วขนลุกพี่ รอเดี๋ยว ๆ นะพี่นะจะส่งรูปไปให้ดู”“จ๊ะ แล้วเธอไปทำไม”“ขับรถผ่านมานะพี่  กลับมาจากลำปาง”เธอพูดหลายครั้งว่าเธอไม่เคยเห็นไม้เยอะขนาดนี้มาก่อนจริง ๆ และสงสัยว่าทำไมเขายังตัดไม้กันขนาดนี้…
แพร จารุ
เขาว่ากันว่า  เชียงใหม่เป็นเมืองแห่งธรรมชาติงดงาม เมืองวัฒนธรรมประเพณีเก่าแก่ จอดดูสักหน่อยซิเขาเล่ากันต่อว่า ช่วงสิบปีที่ผ่านมา เชียงใหม่เติบโตด้านการท่องเที่ยวสูงสุด ปีหนึ่งๆ มีคนมาเที่ยวเชียงใหม่มากมาย เชียงใหม่กลายเป็นเมืองที่ต้องรับภาระหาเงินทอง เมกกะโปรเจคขนาดใหญ่จึงเกิดขึ้นที่เมืองเชียงใหม่ว้าว! แล้วคนเชียงใหม่ คิดอย่างไรกับเมืองเชียงใหม่ หากไปถามคำถามนี้ ร้อยทั้งร้อยคนเชียงใหม่ต่างวิตกกังวล คนเชียงใหม่บอกว่า เมืองน่าอยู่นั้นคือเมื่อก่อน เมื่อก่อนซึ่งไม่นานเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้ คนเชียงใหม่ลำบากกับรถติดในเมือง คนเชียงใหม่กลัวน้ำท่วมเหมือนปี 2548 ฤดูร้อน…
แพร จารุ
เมื่อไม่นานมานี้ ฉันไปร่วมงาน เปิดตัวหนังสืออาหารบ้านฉัน ที่บ้านแม่เหียะใน หัวหน้าอุทยานดอยสุเทพ มาเปิดงาน ฉันฟังเสียงของท่านไม่ค่อยได้ยิน เพราะว่ายืนไกลและที่บ้านแม่เหียะใน ไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องใช้เครื่องปั่นไฟ เสียงเครื่องปั่นไฟดังมาก จึงไปถามชาวบ้านที่ตั้งใจไปฟังใกล้ ๆ ว่าท่านพูดอะไร แน่นอนชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่อุทยานเขาต้องตั้งใจฟังทุกอย่างที่เจ้าหน้าที่อุทยานพูด เพราะว่าชีวิตขึ้นอยู่กับอุทยานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  หรือเรียกว่าอยู่ภายใต้กฎหมายอุทยาน “ท่านพูดว่า ท่านเข้าใจว่าที่ทำหนังสือเล่มนี้ทำขึ้นมาเพราะต้องการที่อยู่ที่กิน” หญิงสาวคนหนึ่งบอกว่าท่านพูดเช่นนั้น และเธอรู้สึกดีใจมาก“…
แพร จารุ
ป้าของฉันเป็นผู้หญิงธรรมดามาก ไม่เป็นที่รู้จักของใคร  ฉันคิดว่าคนที่ป้ารู้จักมีแต่หลาน ๆ กับคนข้างบ้านเท่านั้น และคนที่รู้จักป้าก็เช่นกัน ป้าเป็นผู้หญิงธรรมดาจริง ๆ แต่ฉันอยากเขียนถึงป้า เพราะน่าจะมีแต่ฉันที่จะเขียนถึงป้า และฉันก็น่าจะเป็นหลานคนเดียวที่ไม่เคยได้ทำอะไรให้ป้าเลยนอกจากเขียนถึงป้า ใจหายเหมือนกันเมื่อคิดว่า นี่คือสิ่งแรกที่ฉันจะทำให้ป้า ป้าฉันไม่มีอะไรพิเศษเลยนอกจากเป็นคนดี มีจิตใจที่ดีงาม ตั้งแต่ฉันรู้จักเป็นป้าหลานมา ฉันไม่เคยเห็นป้าทำอะไรไม่ดีเลย ไม่ใช่แกเป็นป้าที่ดีของพวกหลาน ๆ แกเท่านั้น แต่เป็นเพื่อนบ้านที่ดีของเพื่อนบ้าน ชีวิตป้ามีความสุขมาก ฉันคิดว่าป้ามีความสุขทุกวัน…