Skip to main content

ไนท์ซาฟารีที่อยู่ของสัตว์กลางคืน ฉันไม่เคยไปที่นั่นสักครั้งเดียว แม้ว่าจะมีงานเปิดอย่างยิ่งใหญ่ ใครต่อใครก็เดินทางไปที่นั่น และฉันถูกถามบ่อยๆ ว่า “ไปไนท์ซาฟารีมาหรือยัง” “ทำไมไม่ไป”


ฉันได้แต่ยิ้มๆ ไม่ได้ตอบอะไร นอกจากว่า คนถามมีเวลาจริง ๆ ฉันก็จะอธิบายให้เขาฟังว่า ที่ไม่ไปเพราะไม่เห็นด้วยกับการสร้างไนท์ซาฟารีตั้งแต่ต้นและเห็นด้วยกับกลุ่มคัดค้านมาโดยตลอด ไปประชุมสัมมนากับเขาเสมอ


ส่วนที่ไม่ควรสร้างก็คือ อันดับแรก ไม่เห็นด้วยกับการเอาสัตว์ป่าเลี้ยงในกรงยิ่งเป็นสัตว์ในต่างแดนอีกยิ่งไม่ควร และสอง เห็นว่าไม่มีความจำเห็นใดๆ ที่จะสร้างเพราะใช้งบประมาณมากถึงสองร้อยกว่าล้าน และสาม พื้นที่ที่จะใช้เป็นพื้นที่ป่าที่ควรดูแลรักษาไว้เป็นป่าใกล้เมืองเชียงใหม่ รู้มาว่ามีพรรณไม้ในวรรณคดีอีกหลายอย่าง และสี่ การดูแลสัตว์จะต้องใช้น้ำจำนวนมาก ในขณะที่น้ำไม่เพียงพอสำหรับอุปโภคบริโภคอยู่แล้ว


ปลายปี 2551

เช้าวันที่ 26 ธันวาคม 2551องค์กรด้านการอนุรักษ์หลายองค์กรเช่นเครือข่ายคุ้มครองสัตว์ป่าไทย ภาคีคนฮักเชียงใหม่ ชมรมอนุรักษ์นกและสิ่งแวดล้อมล้านนา สถาบันสิทธิชุมชน และกลุ่ม Lanna Dog Rescue มีการวางหรีดอุทิศส่วนกุศลให้กับสัตว์ป่าที่เสียชีวิตในไนท์ซาฟารี และยื่นหนังสือกับผู้บริหารให้เปิดเผยข้อมูลในการทำงานการดูแลสัตว์ โดยมีองค์การกลางที่แต่งตั้งขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมและตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส



ไว้อาลัยแด่สัตว์ป่าที่มาตายในไนท์ซาฟารี”

พวงหรีด ที่เขียนว่า “ไว้อาลัยแด่...สัตว์ป่าที่มาตายในไนท์ซาฟารี” มีกระถางธูปอยู่ใกล้ๆ มีพระสวดบังสกุล ผู้คนที่ผ่านไปมาหยุดไว้อาลัยด้วย เด็กๆ จากปางแฟนและหนองควายคิดส์ร่วมไว้อาลัย โดยมีการแสดงหุ่นสัตว์ สวมหัวสัตว์นอนตายเกลื่อน


ผู้จัดการพื้นที่พิเศษเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และเจ้าหน้าที่ออกมารับจดหมายและบอกว่า เขาย้ายมาใหม่ มีทีมงานย้ายมาใหม่หลายคน และตั้งใจจะมาแก้ปัญหาในไนท์ซาฟารี และยินดีให้มีการแต่งตั้งคนนอกเป็นคณะกรรมการที่มาจากประชาชนหลายภาคส่วน เพื่อการมีส่วนร่วมของคนในท้องถิ่น

 


เกิดมาแล้วจะอยู่อย่างไร

ไนท์ซาฟารีเกิดขึ้นมาแล้วในเมืองเชียงใหม่ คำถามต่อไปคือ แล้วอนาคตจะอยู่อย่างไร เมื่อมีสัตว์ตายจำนวนมากถึง 300 ตัว ภาพข่าวสร้างความรันทดหดหู่ยิ่ง แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นของเก่า ภาพเก่า ตอนนี้ได้มีการปรับปรุงการดูแลและมีการทำงานร่วมกับองค์กรส่วนสัตว์


นายแพทย์ รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ (หมอหม่อง) ประธานชมรมอนุรักษ์นกและธรรมชาติล้านนา ได้กล่าวกับผู้บริหารว่า หากไนท์ซาฟารีไม่สามารถจัดการดูแลสัตว์ให้ดีได้ ก็เสนอว่าให้ปิดไป และดำเนินการไนท์ฟาซารีให้เป็นอย่างอื่น สัตว์ที่มีอยู่ก็พิจารณาส่งคืนไป หรือเอาไปไว้ตามที่ต่างๆ


ข้อเสนออีกอย่างหนึ่งคือ เปิดเวทีให้ภาคประชาชนได้รับรู้เรื่องราวในไนท์ซาฟารีและร่วมกำหนดอนาคตของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี


ได้มีการเชิญตัวแทนที่มายื่นหนังสือเรียกร้องเข้าไปข้างใน และฉันก็ได้ติดตามเข้าไปด้วย เจ้าหน้าที่ที่นั่นบอกว่า ไนท์ซาฟารีไม่สามารถเลี้ยงตัวเองด้วยธุรกิจการเก็บเงินคนเพื่อมาดูสัตว์ได้ แต่จะอยู่ได้ถ้าพัฒนาพื้นที่เพื่ออย่างอื่นด้วย เช่น ทำร้านอาหาร ขายของที่ระลึก จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ และตอนนี้ได้เปิดให้โรงเรียนต่างๆ นำเด็กเข้ามาจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น ในวันนี้มีเด็กอนุบาลอยู่จำนวนหนึ่ง


ข้อสรุป

ฉันคิดไปเองว่าต่อไปนี้น่าจะเป็นเรื่องดีๆ บ้าง เมื่อต่างพูดคุยกันดีๆ มีท่าทีที่ดีต่อกันในการจัดการเพราะเราต้องยอมรับว่า สิ่งนั้นเกิดขึ้นมาแล้ว และสัตว์ต่างๆ ก็จากไปแล้วหลายตัว ผู้คนที่ทำงานก็ผ่านไปแล้วหลายรุ่น ที่สรุปกันว่า จะมีการแต่งตั้งกลุ่มคนภายนอกเข้าไปรับรู้รับฟังและร่วมดำเนินงานด้วยน่าจะเป็นทางออกที่ดีและเป็นจริงได้ แต่ก่อนอื่นต้องข้ามพ้นความไม่ไว้วางใจ และการกล่าวโทษซึ่งกันและกันก่อน ความร่วมมือจึงจะเกิดขึ้นได้






บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
“รู้สึกว่า ปีนี้ ไม่ค่อยจะมีความสดชื่น รื่นเริง  ความรื่นเริงและความสุขดูเหมือนจะหายไป ลุงรู้สึกเช่นนั้นไหม”ลุงว่า ใครมันจะมารื่นเริงอยู่ได้ในสถานการณ์เมืองไทยเป็นเช่นนี้ หมายความว่า น่าจะมาจากการเปลี่ยนแปลงระดับประเทศ โดยเฉพาะการเมืองที่สับสนและดูไม่กระจ่างใส  เป็นความเครียดทางสังคม เครียดจากการปกครองโดยทหารที่ลึกลงไป และเข้าใจว่า แม้จะยอมรับก็ยอมรับแบบหวานอมขมกลืน และยิ่งเครียดเข้าไปอีกเมื่อมีการเลือกตั้งในช่วงใกล้ปีใหม่ ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นของฝ่ายไหนก็ไม่น่าจะทำให้ใครสบายใจได้ เมื่อประชาชนถูกแบ่งเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจนมากขึ้น…
แพร จารุ
  ฉันรู้สึกว่ามันเป็นช่วงปีใหม่ที่ไม่รู้สึกสดชื่นนัก ดูเหงา ๆ วังเวง ในท่ามกลางงานเลี้ยงรื่นเริงที่มีอยู่และเป็นไปตามวาระของมัน ความรู้สึกอย่างนี้มันอยู่ลึกลงไปแต่ฉันสัมผัสได้อย่างเย็นเยียบจริง ๆ ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นจะรู้สึกหรือไม่ หรือว่าฉันรู้สึกอยู่คนเดียว ว่าเป็นปีใหม่ที่ไม่มีความรื่นเริงอยู่จริง มันหดหู่อยู่ภายในหัวใจอย่างไรไม่รู้ คล้ายรู้สึกว่า ความเศร้ามารอคอยเคาะประตูอยู่หลังบ้าน... หลังจากงานรื่นเริงจบลงฉันถามตัวเองหลายครั้งว่าความรู้สึกนี้เป็นจริง หรือว่าฉันกำลังจะป่วยด้วยอาการกลัวหรือกำลังจะเป็นโรคซึมเศร้า อะไรทำให้ฉันคิดอย่างนั้น หรือเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจของตัวเอง…
แพร จารุ
ฉันได้รับหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า อาหารบ้านฉัน  เป็นสูตรอาหารพื้นถิ่น ของกินจากป่าหลังบ้าน และที่สำคัญกว่านั้น เขียนว่าอร่อยไปถึงหัวใจ “ฉันเติบโตมาจากอาหารที่หลังบ้าน เธออยากรู้ไหมว่า อาหารบ้านฉันอร่อยแค่ไหน  เธอไม่ต้องกลัวหรอก บ้านฉันมีอาหารมากมาย กินกันอย่างไม่หมด” หนังสือเล่มนี้ มีผู้ร่วมดูแลหรือผู้ร่วมทำงานด้วย เขาคือ ธนภูมิ อโศกตระกูล เป็นคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารสุขภาพ การกินอยู่แบบง่าย ๆ เช่น จานอร่อยปลอดเนื้อ มหัศจรรย์แห่งเต้าหู้ เจไม่จำเจ เป็นต้นธนภูมิ อโศกตระกูลเขาเล่าว่า “ได้เข้ามาเที่ยวในแม่เหียะใน เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว…
แพร จารุ
“หนาวไหม หนาวหรือยัง”“หนาวแล้ว เชียงไหมหนาวแล้ว”“ฉันจะไปเชียงใหม่”บทสนทนาหนึ่ง ที่เราได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ รายงานข่าว ขณะนี้ยอดดอยอากาศหนาวมาก โดยเฉพาะดอยสูงอุณหภูมิติดลบแล้ว เกิดน้ำค้างแข็ง มีคำถามว่า นักท่องเที่ยวหรือคนที่จะมาเชียงใหม่ควรได้รับรู้ข่าวคราวอะไรบ้างนอกจากว่า หนาวแล้วหรือหนาวกี่องศา ชายคนหนึ่งพูดขึ้นในยามบ่าย เขาพูดต่อว่า ถ้าอยากให้คนอื่นที่มาเที่ยวเชียงใหม่ รู้ว่าเขาควรจะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลเมืองและรักเมืองนี้ เราต้องให้ข่าวสารเขามากกว่านี้  เราควรต้องทำงานกับสื่อให้มากว่านี้  เขาเป็นหนึ่งในคนทำงานภาคีฯการมุ่งเน้นให้คนเชียงใหม่ดูแลเมืองเชียงใหม่…
แพร จารุ
มีเพื่อนผู้หวังดีส่งเมลมาว่า ให้เขียนเรื่องดี ๆ เพื่อเมืองเชียงใหม่บ้าง ทำไมถึงมองไม่เห็นความงามของเมืองบ้าง  ฉันจึงเขียนบทความชิ้นนี้ขึ้นมา               1ถ้ามองลงมาจากฟ้า เราจะเห็นเมืองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ตรงกลาง มีป่าดอยสุเทพอยู่ทางตะวันตก มีแม่น้ำปิงไหลผ่านทางตะวันออก  ช่างเป็นเมืองงดงามที่สมบูรณ์ เล่ากันว่า เดิมทีผู้คนในเมืองนี้อยู่กันอย่างสงบสันติ แต่แน่นอนเมืองที่ดีงามเช่นนี้ ย่อมมีผู้คนต้องการ เข้ามาอยู่มาครอบครอง โดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาติบนดอยสูง หลายร้อยปีต่อมา เมืองเชียงใหม่เติบโตอย่างรวดเร็ว…
แพร จารุ
ขอบอกก่อนว่า เป็นเรื่องเล่าที่ไม่มีสาระอะไรเลย เล่าเรื่องนี้ เพราะวันพิเศษเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ถือว่า เป็นการผจญภัยในดินแดนที่รื่นรมย์เลยทีเดียวฉันจะเรียกเขาว่า แขกพิเศษ เพราะเป็นการมาเยือนแบบไม่คาดคิดมาก่อน และต่างมาในวันเดียวกันด้วย อีกทั้งไม่ได้นัดหมายมาล่วงหน้า ต่างมาแบบตั้งตัวไม่ติดทั้งนั้น แขกคนที่หนึ่ง เขาเดินทางมาด้วยรถมอเตอร์ไชค์ มาถึงก่อนที่เจ้าของบ้านจะทันตื่น ได้ยินเขาส่งเสียงตะคอก เจ้าสองตัวแม่ลูก ที่ทำหน้าที่เฝ้าบ้าน มันเห่าเสียงแหลมเล็กตามแบบของหมาเล็ก และยังเยาว์ ฉันว่าคนเลี้ยงหมาทุกคนไม่ชอบให้ใครตะคอกหมา และยินดีที่มีคนรักหมาของตัวเอง…
แพร จารุ
ไม่รักไม่บอก  เออ...เหมือนมีใครมาพูดอยู่ข้างหู บอกว่า ฉันรักเธอนะจึงบอก แต่ว่าเรื่องที่ฉันจะบอกนั้น เธออาจไม่ชอบ เธออาจจะโกรธฉัน  แต่ที่ฉันต้องบอกเพราะว่า ฉันรักเธอและปรารถนาดีต่อเธอจริง ๆ “ฉันไม่บอกไม่ได้แล้ว”ถึงตอนนี้คุณอาจจะรู้สึกรำคาญใจ พูดพร่ำอยู่ทำไม อยากบอกอะไรก็บอกมาเถอะ ใช่...ไม่รักไม่บอกค่ะ เป็นชื่อหนังสือเล่มเล็ก ๆ บาง ๆ มีการ์ตูนน่ารักๆ เปิดไปหน้าแรก ผู้เขียนบอกว่า ที่ทำหนังสือเล่มนี้ เพราะว่า ความสัมพันธ์ของมนุษย์เป็นเรื่องน่ารัก มีเรื่องดีงามที่เขาค้นพบอยู่มากมาย เขาเล่าถึงเรื่อง เด็กชายคนหนึ่ง ตามแม่ไปซื้อของที่ร้านเกษมสโตร์ เขากินไอศกรีมรอแม่…
แพร จารุ
เรื่องขยะ ๆ มันโดนใจใครต่อใครหลายคน หลังจากที่เขียนเรื่อง แปดสิบบาทกับผู้ชายริมทางรถไฟ และในเรื่องมีขยะ ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
แพร จารุ
“สุชาติ สวัสดิ์ศรี” ยืนล้วงกระเป๋าเสื้ออยู่ริมทางรถไฟ ในขณะที่รถไฟกำลังมา  เป็นภาพปกหนังสือ ฅ คน ที่ทำให้ฉันต้องนับเงินในกระเป๋าให้ครบแปดสิบบาท ความจริงหนังสือเขาไม่แพงหรอก เพียงแต่ว่า เงินสำหรับบ้านฉันมันหายากมาก หรือจะเรียกให้ถูกก็คือฉันไม่ค่อยหาเงิน ดังนั้นเมื่อไม่หาเงินก็ต้องใช้เงินน้อย ๆ หรือไม่ใช้ไปเลยถ้าไม่จำเป็นต้องใช้จริง ๆ แม้ว่าการจะซื้อหนังสือถือเป็นความจำเป็นหนึ่ง แต่ก็ต้องเลือกอย่างพิถีพิถันในเนื้อหา ดังนั้น ถ้าร้านไหนห่อพลาสติกอย่างดีเปิดไม่ได้ ก็ผ่านเลย หนังสือเล่มนี้ก็ห่อพลาสติกอย่างดีเหมือนกัน แต่ก็รีบซื้อ  เพราะทั้งรถไฟและคุณสุชาติ  สวัสดิ์ศรี…