Skip to main content
20_05_01

ขอคั่นรายการหน้าโฆษณาหน่อยนะคะ บอกจริง ๆ ว่า ช่วงนี้รู้สึกโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก คุณผู้อ่านรู้จักคำว่า โหวงเหวงไหม มันเป็นอาการซึม ๆ เศร้า ๆ และรู้สึกเบา ๆ ในหัวใจ

 

เมื่อทบทวนดูอาการแล้ว พบว่าน่าจะมาจากสภาพสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว ซึ่งน่าจะเป็นอาการผิดปกติจากข่าว ช่วงนี้มีข่าวมีคนตายเป็นหมื่นเป็นแสน และยังหายสาบสูญไปอีกเท่าไหร่ไม่รู้ อีกทั้งยังบาดเจ็บรอคอยอยู่อีกมาก

เหตุร้ายหนัก ๆ สองแห่ง แผ่นดินไหวที่เมืองจีน และเกิดไซโคลนนาร์กีสที่พม่า

 

คนตายเป็นคนหายเป็นแสน ฉันนึกภาพไม่ออกเลย แค่เราเห็นคนตายเพียงคนหรือสองคนก็รู้สึกเศร้าเหลือเกิน

 

เป็นหมื่นเป็นแสน เป็นคนนะ ไม่ใช่ผักไม่ใช่ปลากะตักตัวเล็ก ๆ นะคะ โดยเฉพาะในพม่านั้นตัวเลขการเสียชีวิตยังไม่หยุด เพราะมีผู้เจ็บป่วยอยู่อีกจำนวนมาก รวมทั้งผู้ที่ไร้ทีอยู่อาศัย และคนอดอยากที่ไม่มีอะไรกิน อีกทั้งรัฐบาลของเขาก็อยากช่วยเหลือตัวเองอยากจัดการกับปัญหาด้วยตัวเองไม่ค่อยจะยอมรับการช่วยเหลือ ยังคงอยากปิดประเทศ เพื่อความมั่นคง

 

เอ้อ...อะไรมันจะสำคัญเท่าชีวิตของเพื่อนมนุษย์

 

ฉันรู้จักน้อง ๆ ชาวพม่าสี่ห้าคน ที่เคยเช่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ กันแถวแม่ริม จึงโทร.ไปถามว่า ญาติพี่น้องเป็นอย่างไร พวกเขาขอบอกขอบใจที่พี่ยังไม่ลืม

ฉันบอกพวกเขาว่า พี่ก็ทำได้แค่นี้แหละน้อง เธอว่า แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้วพี่

ฉันบอกเธอว่า แล้วเราจะพบกันเพราะ มีการจัดงานที่เชียงใหม่ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพม่า ที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถนนนิมมานเหมินทร์ ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2551 เวลา 15.00 - 22.00 . เธอคงไปที่นั่น เธอตอบว่าไปแน่นอนและหวังว่าจะได้พบกัน

ในโอกาสนี้ ฉันจึงเขียนมาเพื่อบอกกล่าวท่านผู้อ่าน ว่า "ไปพบกัน" งานนี้ไม่ได้จัดขึ้นเพื่อหาทุนทรัพย์เพื่อการส่งไปช่วยเหลือเท่านั้น แต่เป็นงานเรียกขวัญและกำลังใจ เป็นงานบอกกล่าวของหัวใจที่มองผ่านการเมืองภายในและภายนอกประเทศ

 

ไปพบกันนะคะ ในวันที่ 20 งานดนตรีและเวทีสาธารณะเพื่อความช่วยเหลือพื่อนผู้ประสบภัยในพม่า วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม 2551 เวลา 15.00 - 22.00 . หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถนนนิมมานเหมินทร์

งานนี้จัดขึ้นเพื่อ ระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยพายุไซโคลนนาร์กิสในพม่าให้กับองค์ท้องถิ่นที่ทำงานในพื้นที่ประสบภัยประเทศพม่า สร้างความเข้าใจและตระหนักร่วมกันถึงสถานการณ์ทางการละเมิดสิทธิมนุษยชนและสถานการณ์ในพื้นที่ผลกระทบจากพายุไซโคลนนาร์กิ

ให้กำลังใจให้กับพี่น้องจากประเทศพม่าที่อยู่ในประเทศไทย ตลอดจนพี่น้ององค์กรที่ทำงานในประเด็นประเทศพม่า

เริ่ม 15.30 - 17.30 เวทีสาธารณะ "การละเมิดสิทธิมนุษยชนถึงไซโคลนนากิสในพม่า"
ผู้เข้าร่วมเสวนา : วิน มิน นักวิชาการชาวพม่า พลากร วงศ์กองแก้ว สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) พูดถึงทิศทางความช่วยเหลือระยะสั้นระยะยาว : บทเรียนจากสึนามิ) บทเรียนคนทำงานเครือข่ายอาสาสมัครไทย และ อ.ชยันต์ วรรธนะภูติ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วิเคราะห์สถานการณ์
18.00 - 22.00 น. มีการประมูลภาพวาดของ อาจารย์เทพศิริ สุขโสภา และ อาจารย์ธีรยุทธ บุญมี Miss and Mr. Questions ให้ข้อมูลสถานการณ์โดยน้องๆ เยาวชน จากพม่า ตามด้วย บทเพลงเพื่อเพื่อนพม่า จากพี่น้องพม่าและไทย ได้แก่ สุนทรีย์ เวชานนท์, บุ๊ค คีตวัฒนะ, สุวิชานนท์, สุดสะแนน, Yenni และ ตุ๊ก Brasserie, ดนตรีจากเยาวชนจากพม่า

แสงดาว ศรัทธามั่น ไพฑูรย์ พรหมวิจิตร อ่านบทกวี นอกจากนี้ยังมี ซุ้มระดมทุนและของที่ระลึก ได้แก่ ภาพถ่ายจาก ศรันย์ บุญประเสริฐ, ธีรภาพ โลหิตกุล, จีรนันท์ พิตรปรีชา, ตุ๊กตาหมี จากโน้ส อุดม แต้พานิช และอื่นๆ อีกมากมาย ชิมอาหารพม่า และกาแฟสดจากร้านหลวงพระบาง

  • เพื่อนร่วมจัดมีมากมาย เช่น กลุ่มภาคประชาสังคมในจังหวัดเชียงใหม่

  • Regional Center for Sustainable Development (RCSD) คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

  • เพื่อนพี่น้ององค์กรที่ทำงานประเด็นประเทศพม่าในจังหวัดเชียงใหม่

  • เพื่อนพี่น้องศิลปินชาวไทยและพม่าในจังหวัดเชียงใหม่ ฯลฯ

ถ้าถามว่า เราจะสามารถช่วยเหลืออะไรได้ ช่วยได้ดังนี้ค่ะ

1.ไปร่วมงานที่งานมีกล่องบริจาค

2.ซื่อของที่นำมาขายในงาน

3.หากท่านมาไม่ได้ สามารถบริจาคเงินโดยผ่านองค์กรร่วมจัด หรือโทร.สอบถามได้ที่

4 ไปให้กำลังใจและส่งความปรารถนาดีสวดมนต์ให้กับทุกชีวิตที่ประสบภัย

คุณเอ๋ 086-9091238 apassorns@hotmail.com

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
ถ้าฉันพูดว่า อย่าเอาดอกไม้มาให้ฉันถ้าเธอไม่ได้ปลูกเอง เธออย่าโกรธฉันนะ ฉันจะเล่าให้เธอฟัง วันหนึ่งก่อนฤดูฝน ฉันเดินทางไปหมู่บ้านหลังดอยอินทนนท์  ฉันพบผู้ชายคนหนึ่ง เขาพูดว่า"เอาดอกไม้ของฉันออกจากหน้าอกเธอ"หนุ่มใหญ่คนหนึ่งพูดขึ้น หญิงสาวมีสีหน้าแปลกใจคงสงสัยว่าเธอทำอะไรให้เขาไม่พอใจ จึงไม่ยอมเอาดอกไม้ออกจากกระเป๋าเสื้อ "เอาออกเถอะ" เขายืนยันอีกครั้ง แต่หญิงสาวยังไม่ทำตาม ยังคงเอาดอกไม้เหน็บในกระเป๋าเสื้อตรงหน้าอกต่อ ในที่สุดเขาก็บอกว่า " มันอันตราย ดอกไม้ฉันมีแต่ยา"
แพร จารุ
หมู่บ้านหายโรงเรียนร้าง เดือนก่อนฉันเดินทางไปที่หมู่บ้านหนึ่ง แถวเชียงดาว ไกลเข้าไปในป่า พบโรงเรียนร้างไม่มีเด็ก ไม่มีครู โรงเรียนถูกปิดเพราะไม่มีเด็กเรียน และไม่ใช่แค่โรงเรียนร้างเท่านั้น หมู่บ้านก็หายไปด้วย  ผู้ชายคนหนึ่งเล่าให้ฉันฟังว่าหมู่บ้านนี้ถูกซื้อไปแล้ว "จริงเหรอ เหมือนโฆษณาเลย โฆษณาอะไรนะ ที่ผู้ชายคนหนึ่งถามซื้อเกาะให้ผู้หญิง" ใครคนหนึ่งพูดขึ้น"ไม่ใช่แค่โฆษณาหรอก ละครโทรทัศน์ก็มีเหมือนกัน ชายหนุ่มคนหนึ่งเขาซื้อเกาะให้หญิงสาวเป็นของขวัญหากเธอแต่งงานกับเขา" ฉันบอกพวกเขา
แพร จารุ
แปลกใจใช่ไหมค่ะ ต้นไม้ใหญ่ อ่างเก็บน้ำและหมีแพนด้า  มันเกี่ยวกันอย่างไร  เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ  เดือนฉันก่อนไปศาลากลางมา  ที่หน้าศาลากลางมีคนมากมาย มีชาวบ้านมาประท้วงเรื่องการสร้างอ่างเก็บน้ำ 
แพร จารุ
ในขณะที่ผู้คนที่มาดูต้นไม้ ต่างตื่นเต้นกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ใหญ่ที่สุดที่นี่คือต้นจามจุรีหรือต้นก้ามปูที่สโมสรเชียงใหม่ยิมคานา เป็นสนามกอล์ฟเก่า เขาเล่ากันว่าต้นไม้นี้มีอายุมากกว่าร้อยปี ส่วนสูง 15 เมตร ผ่านการประกวดต้นไม้ใหญ่ที่ได้รับรางวัลของเทศบาลมาแล้ว
แพร จารุ
"ที่ซึ่งหนุ่มสาวหอบฝันมาทิ้ง" ฉันบอกเพื่อน ฟังดูน่าตกใจและดูจะเป็นคนใจร้ายไปสักหน่อย และหากว่าน้อง ๆ หนุ่มสาวที่นี่ได้ยินฉันพูดทำนองนี้ พวกเธออาจเสียกำลังใจ เพราะการเดินทางครั้งนี้เราพบหนุ่มสาวพวกที่ฉันคิดว่าเป็นพวก"หอบความฝัน"มากมายหลายคนทีเดียว
แพร จารุ
"ปายแบบเมื่อก่อนจะไม่กลับมาอีกแล้ว เรามาค้นหาคุณค่าใหม่กันเถอะ" เพื่อนคงรำคาญที่ฉันพร่ำเพ้อถึงความหลังครั้งก่อน (ฉันเขียนมาถึงตอนนี้เมื่อฉบับที่แล้ว )  เราได้เพื่อนใหม่ทันที เธอชื่อเนเน่ เธอบอกว่า เธอเดินทางมาที่นี่ปีละหลาย ๆ ครั้ง และแม้ปายจะเปลี่ยนไปอย่างไรเธอก็ยังชอบปาย เธอมาเพื่อหาที่นั่งอ่านหนังสือสบาย ๆ ช่วง เย็น ๆ ก็ออกเดินเล่นไปตามถนน เดินคุยกับคนโน้นคนนี้เพราะผู้คนส่วนมากเป็นมิตร
แพร จารุ
  1 ปาย เปลี่ยนไปมาก และที่ฉันไม่กล้าไปปายก็เพราะกลัวความเปลี่ยนแปลง กลัวจะเสียใจกับความเปลี่ยนแปลงก็เลยพยายามจะลืมปายทำเหมือนหนึ่งว่าไม่เคยมี ไม่เคยไป
แพร จารุ
"ป้าไฟไหม้ ไฟไหม้ " หลานสาวส่งเสียงอยู่หน้าบ้าน "ไฟไหม้ที่ไหน" ฉันถาม เดี๋ยวนี้อาการตื่นกลัวเรื่องไฟไหม้ป่าหลังบ้านลดลงไปแล้ว หากเป็นเมื่อสองปีก่อน ฉันจะกลัวมาก กลัวจนตัวสั่นและรีบโทรศัพท์ไปแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายทันที และบางครั้งก็ลงมือดับไฟเองก่อนที่รถดับเพลิงจะมา พร้อมกับบ่นด่าคนที่ทำไฟไหม้ คนที่มาเก็บของกินในสวนร้างแต่ไม่เคยสนใจหน้าแล้งยามที่ไม่ค่อยมีอะไรเก็บกิน และเจ้าของสวนที่ทิ้งสวนตัวเองไว้แล้วไม่มาดูแล  รวมถึงดับเพลิงที่มาช้าไม่ทันใจ
แพร จารุ
"อย่าลืมเอาถุงผ้าไปซื้อของ" ฉันเคยบอกใครต่อใครจนเขาเบื่อหน่ายกันแล้ว "อย่าเอาถุงพลาสติกเข้าบ้านถ้าไม่จำเป็น"และทุกครั้งที่ฉันเห็นถุงพลาสติกที่ใส่อาหารแล้ววางทิ้งไว้บนโต๊ะ ก็จะรู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีและรีบเก็บแต่ถุงพลาสติกก็ไม่เคยหมดไปจากบ้านฉัน มันวางอยู่ตรงโน้นตรงนี้เสมอ ๆ
แพร จารุ
ผู้ชายคนหนึ่งนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาขยันมาก นั่งทำงานทุกวัน เขามีเมียขี้คร้านกับหมาพุดเดิ้ลตัวเล็ก ๆ ที่ส่งเสียงเห่าแหลมเล็กทั้งวันทั้งคืน เสียงหมาเห่าดังมาก  แต่เขายังนั่งทำงานอย่างไม่สนใจ  เมียเขานอกจากขี้คร้านแล้วขี้รำคาญด้วย เธอจึงลุกขึ้นไปที่ประตูอย่างหงุดหงิดรำคาญใจเพราะเธอกำลังนอนอ่านหนังสืออย่างสำราญอยู่ ประตูบ้านยังไม่ปิด บ้านนี้ประตูจะไม่ปิดจนกว่าเจ้าของบ้านจะนอน  ลักษณะพิเศษคือเจ้าของบ้านไม่ชอบปิดประตู เปิดไว้ทั้งวันทั้งคืน
แพร จารุ
 หน้าร้อนใคร ๆ ก็ไม่อยากมาเชียงใหม่ อย่าว่าแต่นักท่องเที่ยวเลย คนที่อยู่เชียงใหม่ที่พอออกจากเมืองได้ก็จะพากันออกจากเมืองไปพักผ่อนที่อื่นฉันเป็นคนหนึ่งที่หนีออกจากเมืองเชียงใหม่ในช่วงหน้าร้อนเสมอ ให้เหตุผลกับตัวเองว่า ถือโอกาสกลับใต้ เป็นการกลับบ้านปีละครั้ง
แพร จารุ
“บ้านฉันไม่ได้อยู่ใกล้สถานบันเทิงเลยค่ะ แต่หนวกหูมากเหมือนกัน” ฉันบอกเพื่อนที่โทรศัพท์มาปรึกษาเรื่องที่บ้านของเธออยู่ใกล้สถานบันเทิง หลังจากที่ ฟังเธอบ่นปรับทุกข์ เรื่องเสียงเพลงหนวกหูจากสถานบันเทิง เธอเล่าว่าย้ายบ้านจากกรุงเทพฯ มาอยู่ต่างจังหวัดได้ไม่นาน ร้านอาหารคาราโอเกะก็มาเปิดข้างบ้าน