Skip to main content

ช่วงนี้เป็นช่วงสอบสำหรับมหาวิทยาลัยที่ผมทำงานอยู่ พฤติกรรมของนักศึกษาในห้องสอบอยู่ในระดับที่ไม่น่าพอใจอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสียงดังโดยนักศึกษาที่ส่งข้อสอบก่อนหมดเวลาแต่รอพรรคพวกอยู่นอกห้องสอบ การที่เปิดตัวข้อสอบก่อนเวลาสอบ (ถึงแม้ว่าคณะกรรมการคุมสอบห้ามแล้วก็ตาม) การที่ไม่วางปากกาทั้งๆ ที่หมดเวลาสอบแล้ว ฯลฯ

         ก่อนหน้านี้ผมคิดว่า มันเกิดจากระดับวินัยชองนักศึกษาอันต่ำ ผมไม่ปฏิเสธว่า โดยภาพรวม วินัยของนักศึกษาไทย (รวมถึงนักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่เป็นที่ทำงานของผม) ก็ไม่อยู่ในระดับที่น่าชื่นชม และวินัยของนักศึกษาสมัยนี้ก็ตกต่ำกว่านักศึกษาประมาณ 15 ปีที่แล้ว เมื่อผมมาอยู่ที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก แต่หลังจากสังเกตพฤติกรรมเหล่านี้ ผมเริ่มตั้งข้อสงสัยว่า นักศึกษาสมัยนี้เข้าใจถึงความสำคัญของสถานการณ์การสอบ (exam condition) หรือไม่

         การสอบเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับสถาบันการศึกษาเพื่อวัดผลกาศึกษาของนักเรียนนักศึกษา ด้วยเหตุนี้ กฎระเบียบต่างๆ ก็จำเป็นต้องบังคับใช้อย่างเข้มงวดที่สุด อีกนัยหนึ่ง การรักษาสถานการณ์การสอบ (exam condition) เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อยึดถือหลักการของการศึกษาระบบใหม่ซึ่งเน้นความเท่าเทียมกันและความยุติธรรม

1. ทำไมส่งเสียงดังไม่ได้

ในสถานการณ์สอบ ฝ่ายผู้จัดสอบจำเป็นต้องให้แน่ใจว่า ผู้เข้าสอบสามารถทำข้อสอบในสถานการณ์เดียวกัน ด้วยเหตุนี้ ช่วงแรกๆ ของเวลาสอบ ทุกคนสามารถทำข้อสอบได้ในสถานการณ์ที่ไม่มีเสียงรบกวน แต่หลังจากนั้น นักศึกษาที่ส่งข้อสอบก่อนหมดเวลาบางคน (จริงๆ แล้วส่วนใหญ่) ก็ไม่ยอมกลับหอ แต่อยู่สถานที่สอบต่อ อ้างว่ากำลังรอเพื่อนที่ยังทำข้อสอบไม่เสร็จ นักศึกษาหลายๆ คนส่งเสียงดังที่ทำลายสถานการณ์ข้อสอบ การกระทำนี้เป็นการละเมิดสิทธิของนักศึกษาที่ยังทำข้อสอบอยู่ ดังนั้น สถานการณ์สอบของนักศึกษาที่ส่งข้อสอบก่อนที่ทำข้อสอบโดยไม่มีเสียงรบกวนกับนักศึกษาที่ยังทำข้อสอบท่ามกลางเสียงรบกวนไม่เท่ากันแล้ว นักศึกษาที่กระทำเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นนักศึกษาที่ไม่เคารพสิทธิพื้นฐานของผู้อื่น ซึ่งเป็นพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีฐานะเป็น “นักศึกษา”

2. ทำไมต้องส่งข้อสอบทันทีที่เวลาสอบหมด

การที่ให้ผู้เข้าสอบทำข้อสอบภายในช่วงเวลาเดียวกันก็มีสาเหตุมาจากหลักการความเท่าเทียมกันและความยุติธรรม นักศึกษาที่ไม่ยอมวางปากกาและส่งข้อสอบ ทั้งๆ ที่ผู้คุมสอบประกาศว่าหมดเวลาสอบแล้ว เป็นคนที่คิดว่า ตัวเองมีสิทธิเหนือกว่าผู้อื่น หรือไม่มีจิตสำนึกใดๆ ในเรื่องสิทธิ ขอเน้นหลักการที่สำคัญว่า ตราบใดที่คุณเป็นนักศึกษา คุณมีสิทธิเท่าเทียมกันกับผู้อื่น ดังนั้น คุณก็ไม่มีสิทธิใดๆ ที่จะขยายสิทธิของคุณเหนือกว่าผู้อื่น ไม่ว่ามีสาเหตุอย่างใดก็ตาม การที่คณะกรรมการคุมสอบไม่ให้นักศึกษาเปิดตัวข้อสอบก่อนเวลาสอบก็มาจากสาเหตุเดียวกัน คือ ต้องทำข้อสอบภายในช่วงเวลาเดียวกัน การขยายเวลาสอบโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการสอบเป็นการกระทำขยายสิทธิของตัวเองโดยฝ่าฝืนกฎระเบียบเพื่อรักษาความเท่าเทียมกันและความยุติธรรม นักศึกษาแบบนี้ไม่ควรได้รับบัตรปริญญา เพราะไม่เข้าใจหลักการนี้

Exam condition ในประเทศไทย

ไม่ใช่นักศึกษาเท่านั้น เท่าที่ผมสังเกต ยังมีอาจารย์บางท่านที่ส่งเสียงดังหรือให้นักศึกษาทำข้อสอบแม้ว่าเวลาสอบหมดแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า ในประเทศไทย เรื่องการรักษาสถานการณ์สอบไม่ได้รับความสำคัญและความเคารพ

         ในตรงกันข้าม ในประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่ที่ยึดหลักการวิชาการซึ่งมีความเท่าเทียมกันและความยุติธรรมเป็นพื้นฐาน สถานการณ์ข้อสอบได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวง เช่นเดียวกันกับระบบข้อสอบระหว่างประเทศ (เช่น IELTS หรือ TOEFL) ก็รักษาเรื่องนี้อย่างเข้มงวดที่สุด การที่ปล่อยนักเรียนนักศึกษา (รวมถึงอาจารย์บางส่วน) ไม่เข้าใจถึงความสำคัญของเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อระดับการศึกษาของประเทศอย่างแรง เพราะคนเหล่านี้ไม่เข้าใจหลักการสำคัญของวิชาการ

          ผมได้สัมผัสความเข้มงวดของสถานการณ์สอบครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น และทราบว่ามาตรฐานนี้เป็นมาตรฐานสากลเมื่อผมนั่งสอบภาษาอังกฤษ IELTS ซึ่งใช้มาตรฐานที่เข้มงวดลักษณะเดียวกัน

         ตราบใดที่นักเรียนนักศึกษา (ไม่ต้องพูดถึงครูบาอาจารย์) ไม่ตระหนักถึงความสำคัญของสถานการณ์สอบ ระดับการศึกษาของประเทศไทยก็คงจะอยู่กับที่ ในขณะที่ประเทศอื่นๆ อาจจะพัฒนาอีกต่อไป เพราะศักดิ์ศรีของสถานการณ์สอบเป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจนสำหรับระดับการศึกษาของประเทศ ตอนนี้ผมเข้าใจว่า ทำไมระดับการศึกษาของประเทศไทยอยู่ในระดับปัจจุบัน

         การที่ทำให้บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการศึกษาเข้าใจถึงความสำคัญของสถานการณ์สอบ ซึ่งมีหลักการวิชาการที่ยึดมั่นในความเท่าเทียมกันและความยุติธรรม มีความสำคัญมากกว่าการที่เผยแพร่คุณค่าบางอย่างหรือทำพาสปอร์ตบางชนิดที่อ้างว่าจะส่งเสริมความดีงาม ความดีงามที่ไม่ยึดถือความเท่าเทียมกันและความยุติธรรมก็แค่ความดีงามผิวพื้นที่ไม่อาจพัฒนาการศึกษาของประเทศหนึ่ง

บล็อกของ Shintaro Hara

Shintaro Hara
1. เป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นมาเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วในเมื่อประเทศสยามยังอยู่ภายใต้ระบอบสมบูรณสิทธิราช ความเหมาะสมของกฎหมายฉบับนี้ในยุคนี้ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยเป็นประเด็นที่ควรมีการถกเถียงกัน
Shintaro Hara
ณ ประเทศญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง  มีคำศัพท์คำที่ใช้กันทั่วไปเพื่อด่าคนอื่น ซึ่งก็คือ “ฮีโคคูมิน” ซึ่งหมายถึง “คนที่ไม่ใช่ประชาชนของประเทศ” เมื่อคนใดคนหนึ่งวิจารณ์รัฐบาลที่กำลังนำประเทศไปสู่สงคราม คนนั้นจะถูกเรียกว่าเป็น ฮีโคคูมิน ทั้งๆ ที่คนนั้นอาจจะมองเห็นวินาศกรรมที่จะเกิดขึ้นจากภ
Shintaro Hara
ไม่มีภูมิภาคใดในประเทศไทยที่มีประสบการณ์ (แต่ไม่เคยชิน) เกี่ยวกับพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก
Shintaro Hara
ประเทศญี่ปุ่นมีผลการเรียนของเด็กนักเรียน/นักศึกษาที่อยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี แต่มันไม่ได้หมายความว่า ผลการเรียนนั้นเกิดขึ้นจากระบบการศึกษาที่ดี เพราะ “ผลการเรียน” กับ “ระบบการศึกษา” เป็นคนละประเด็นกัน ถึงแม้ว่าระบบการศึกษาที่ดีจะสามารถสร้างผลการเรียนที่ดีก็ตาม จริงๆ
Shintaro Hara
มีหลายคนเคยถามผู้เขียนว่า ถ้าพวกกำนัน/