Skip to main content


ชาวบ้านห้วยสะคามตื่นเต้น ใช้ไฟฟรี ประหยัดกันยกใหญ่
!


อยากให้พาดหัวข่าวแบบนี้ในหน้าหนังสือพิมพ์บ้างจัง

แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กมากของประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ขัดแย้งใหญ่หลวงของบ้านเมืองยามนี้ นโยบายอะไรๆ ของรัฐบาลก็ไม่ดีทั้งนั้น


ในฐานะที่ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรมากเกี่ยวกับนโยบายประชานิยม แต่ว่าพอเข้าใจหัวจิตหัวใจของชาวบ้านตาดำๆ ซึ่งเวลาลงคะแนนเลือกตั้งเสียงของเขาก็มีค่าเท่ากับศาสตราจารย์หรือด๊อกเตอร์ในเมืองไทย เขาก็มองเห็นผลดีผลได้เท่าที่จับต้องได้ ไม่ต้องอ้างเอ่ยว่าเขาซื้อเสียงง่ายหรอก แต่เขาเห็นว่าเขาได้อะไรจากรัฐบาลชุดที่แล้ว (ยุคทักษิณ) เขาถึงเลือกและชอบ


ฉันไม่ได้เข้าข้างทักษิณ (สารภาพตามตรง ข้อมูลไม่พอ) แต่ว่าหลายครั้งที่กระแซะถามไทบ้านยามไปหมู่บ้านนั้นหมู่บ้านนี้ละแวกเลียบริมน้ำโขงพวกเขาพูดเหมือนกันว่า สองปีมานี้ซบเซาเหลือเกิน ผ้าฝ้ายขายไม่ได้เลย ไม่เหมือนตอนที่สินค้าโอท็อปเฟื่องฟู (แถวนี้นอกจากทำนาแล้ว ยามหมดหน้านาจะปลูกฝ้าย ทอผ้าฝ้าย)


ฉันไม่รู้ว่าเคยมีใครทำวิจัยถึงผลการสร้างกระแสสินค้าโอท็อปบ้างไหม ยุคแรกๆ เห็นหลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าล้มเหลว แต่จวบจนทุกวันนี้ ฉันรู้ได้อย่างหนึ่งว่า ถ้าไปจังหวัดไหนก็ตาม เพื่อนหรือคนในพื้นที่จะพาไปร้านสินค้าโอท็อป เพราะรู้ว่าเป็นสินค้าพื้นเมือง เหมาะแก่การทำเป็นของฝากหรือของที่ระลึก ซึ่งชาวบ้านได้รับผลอันนี้กันเต็มๆ แม้กำไรจะตกอยู่ที่พ่อค้าคนกลางมากกว่าอันเป็นธรรมดาของการระบอบการซื้อขายที่มีมายาวนาน แต่หากไม่คิดมาก วันหน้ามันก็คงมีการเรียนรู้และสร้างระบบการซื้อขายที่ยุติธรรมขึ้นมาเอง


พอเกิดการรัฐประหารและระบบต่างๆ ที่เคยเป็นชะงักลง ชาวบ้านก็ไปกันต่อไม่ถูก โชคยังดีที่มีที่นาป่าเขาแม่น้ำ ให้ทำไร่ไถนา หาของป่า ไม่ต้องจับจ่ายเงินทองมาก เงินไม่มี แต่เงินก็ไม่ต้องใช้ ก็ยังอยู่กันได้


เรื่องเหล่านี้ ฉันว่าอธิบายไปแทบตายอย่างไรก็คงจะทำความเข้าใจยากอยู่สำหรับคนเงินเดือนสามหมื่นขึ้นไป เวลากินอาหารมื้อหนึ่งปกติอยู่ที่ร้อยบาท หรือกินเลี้ยงหลังเลิกงานก็เห็นว่าเงินพันบาทเล็กน้อย คงทำความเข้าใจยากแน่ๆ ว่าทำไมการเอาเงินสองสามบาทไปซื้อใบกระเพรา โหระพา ถึงโดนด่า


ฉันโดนพ่อสนคนสวนแห่งศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านเอ็ดเอามาแล้วว่า เอะอะอะไรก็ซื้อ ไม่เห็นคุณค่าของเงิน ทั้งๆ ที่เงินร้อยบาทที่นี่ซื้ออาหารเลี้ยงคนได้ตั้งหกเจ็ดคน ซื้อขนมให้เด็กกินได้อีกหลายห่อ ฉันไม่รู้สึกอะไรเพราะว่าแต่ก่อนกินข้าวเที่ยงมื้อหนึ่งบวกขนมที่หิ้วกลับสำนักงานก็ประมาณนี้ ร้อยเดียวเอง แต่พอมาอยู่ที่นี่ต้องปรับตัวใหม่ ต้องเริ่มล้างความเคยชินเดิมๆ ออก เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่อาจเข้าใจได้เลยว่า ชาวบ้านเขามีวิธีคิดต่อสิ่งต่างๆ อย่างไร


เขาไม่ได้โง่!

อันนี้แน่นอน ยืนยันได้

และไม่ได้งก ไม่ได้เห็นแก่เงิน

เห็นพวกเขามีเงินน้อย แต่คุณเชื่อเถอะว่า หากคุณไปเยือนบ้านเขา เขาจะฆ่าไก่เป็นอาหารเลี้ยงคุณ แม้จะจน แต่สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่มี เขาให้คุณ ดังนั้น หากจะประเมินไก่หนึ่งตัวของเขา คุณก็ลองคิดถึงเบนซ์งามๆ สักคันในโรงรถที่คุณจอดเรียงรายนั่นแหละ คุณให้เขาได้หรือเปล่า


เงินซื้อเขาไม่ได้ อย่าคิดว่าชาวบ้านซื้อกันได้ง่ายๆ ถ้าคุณให้เงินเขาไปพันบาทและแสดงกิริยาไม่ดีใส่ ไม่ให้เกียรติ เหมือนอย่างที่คุณนั่งแท็กซี่ในกรุงเทพฯ หรือปฏิบัติหยาบๆ ต่อเด็กในร้านอาหารตามเมืองใหญ่ เชื่อว่าอย่างไรเงินก็มีอำนาจจะแสดงกิริยาหยาบคาย พูดจากระโชกโฮกฮาก อย่างไรเขาก็ต้องยอมคุณ เพราะเขามีอาชีพให้บริการและคุณก็เงินหนาเพียงพอต่อความมั่นใจ คุณอาจจะทำเช่นนั้นได้สำหรับเมือง


แต่ที่นี่ คุณจะไร้สัมมาคารวะไม่ได้ หากคุณกระโชกโฮกฮากเหมือนที่คุณทำกับแท็กซี่หรือเด็กเสิร์ฟในเมือง คุณอาจจะถูกคนที่นี่ไม่พูดด้วยและบอยคอตโดยธรรมชาติของสังคมชาวบ้าน และอย่าแปลกใจหากชาวบ้านเข้ากรุง เขาจะนอบน้อมตั้งแต่กระเป๋ารถเมล์ไปจนถึงยามอพาร์ทเมนท์


ฉะนั้น เรื่องที่สำคัญที่สุดของชาวบ้านคือการให้เกียรติ ไม่ใช่เงิน


แต่ที่เขาถูกมองว่าซื้อเสียงเพราะเขาเลือกตามบุคคลที่เขานับถือ และเราก็เรียกคนเหล่านั้นว่า หัวคะแนน และเผอิญหัวคะแนนมีเงินมาให้ ต่อให้หัวคะแนนไม่มีเงินมาให้ ก็เป็นไปได้ว่าด้วยความเชื่อมั่นที่มีต่อกัน ก็ยังจะเลือกตามหัวคะแนนเหล่านั้นอยู่ สายสัมพันธ์ตรงนี้ลึกซึ้งแน่นเหนียว ถ้าหัวคะแนนไม่แปรเป็นอื่น ร้อยทั้งร้อยอย่างไรไทบ้านก็เลือกพรรคเดิม


ชาวบ้านมองว่าเงินมีค่าที่สุด รู้เห็นคุณค่าของเงินที่สุด จึงใช้จ่ายแต่น้อยและอดออม เพราะเชื่อว่านั่นคือเงินที่บริสุทธิ์ เขาโกงกินไม่เป็น หลอกใครไม่เป็น คิดผลกำไรสูงๆ ไม่เป็น ประเมินค่าแรงตัวเองต่ำเสมอ ดังนั้น เมื่อนโยบายใช้ไฟฟ้าฟรีลงมาถึง อันปกติชาวบ้านก็ใช้ไฟกันอย่างประหยัดอยู่แล้ว (ไม่ประหยัดได้ไง เงินทองเป็นของหายาก) ถ้ามองในสายตาเราก็ไม่กี่บาท แต่ไม่กี่บาทนี่แหละมีความหมายอย่างยิ่ง โกงใครไม่เป็น แต่ว่าได้ประหยัดไปตั้งหลายบาท ไม่ว่าใครก็ต้องดีใจทั้งนั้น


บิลไฟฟ้าออกมาแล้ว

อีสร้อย บ้านเจ้าเสียจั๊กบาท” เสียงพี่สาวข้างบ้านตะโกนถาม

เดือนที่ผ่านมาฉันไม่ค่อยอยู่บ้าน (เช่า) บิลออกมายี่สิบบาท พอตอบไป แม่เฒ่าที่จับกลุ่มฟังอยู่ก็เฮ “อีสร้อยมันก็ได้ใซ้ไฟฟ้าฟรีคือกัน”


ยกเว้นพี่คนถามเพราะทำร้านค้า มีตู้เย็น ตู้แช่ไอติม และเปิดไฟหน้าบ้านอีก แกทำหน้ามุ่ย เพราะต้องออกเองครึ่งหนึ่ง มีบางบ้านเหมือนกันที่ใช้ไฟเกินกำหนดใช้ฟรี ต่างตั้งปณิธานกันใหญ่ว่าเดือนหน้าจะลดการใช้ไฟเพื่อให้ได้ใช้ไฟฟ้าฟรีด้วยคน


ส่วนฉันน่ะหรือ เดือนนี้หอบหม้อหุงข้าว กระทะไฟฟ้า วิทยุเทป มาอีก ก็หวั่นเกรงอยู่ว่าเดือนหน้าค่าไฟจะเพิ่มไหม แต่ไม่ว่าอย่างไร ฉันจะประหยัดให้มากที่สุด เพราะรายได้นักเขียนก็ไม่ได้ดีไปกว่าชาวนาเท่าไหร่ อย่างไรจะยันที่ต่ำกว่าแปดสิบหน่วยให้จงได้


คิดแล้วก็ขำ อารมณ์อยากใช้ของฟรีก็ทำให้เราได้กลับมาทำอะไรที่ถูกที่ควรเหมือนกันนะ แถวนี้มีเขื่อนปากมูนที่แลกมาด้วยความล้มเหลวในวิถีไทบ้านหลายร้อยครัวเรือน แลกมาด้วยความสูญเสียทางทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่อาจประเมินค่าได้ เงินกี่ร้อยกี่พันล้านก็ชดเชยไม่ได้


และเมื่อลองย้อนมองกลับไปอีกมุมของเมืองไทย คนบางคนที่คิดว่าตัวเองฉลาดรู้เท่าทันเกมการเมือง มานั่งดูถูกว่าเป็นนโยบายหาเสียงแล้วตัวเองก็ไม่สนใจปล่อยให้วิถีชีวิตพึ่งแต่ไฟฟ้า ต้องเสียค่าไฟกันเดือนละสองสามพันบาท (เพราะคุณไม่เคยเห็นคุณค่าของเงิน) เปิดแอร์กันเข้าไป เปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้เข้าไป เปิดไฟเพราะกลัวหัวขโมยกันไม่รู้กี่ดวง แต่ทุกการกระทำล้วนเป็นการทำร้ายคนชายขอบทั้งสิ้น


บัดนี้ เขื่อนแห่งใหม่ในละแวกใกล้เคียงจากสายน้ำแม่โขงก็กำลังส่อเค้ามาอีก ทั้งที่ใช้ไฟฟ้ากันคนละติ๊ดดดดด เท่านั้น ก็ไม่รู้ทำไมต้องซวยถูกสร้างเขื่อนแห่งแล้วแห่งเล่าด้วยหนอ?


บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
  ๑.ผูกพัน เป็นชื่อเพลงเพลงหนึ่งไม่บ่อยนักที่ฉันจะได้ฟังเพลงสักเพลงแล้วมันตรึงเราให้อยู่นิ่งๆ ตั้งอกตั้งใจฟังจำได้ว่า วันนั้นฉันนอนเปลที่ผูกเข้ากับเสาอาคารและต้นไม้ข้างศูนย์ฯ มีกิจกรรมค่ายของน้องๆ วัยมัธยมและมหาวิทยาลัยราวสี่สิบคน บรรดาพี่เลี้ยงเป็นคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมที่แต่ละคนล้วนฝีมือฉกาจฉกรรจ์ โดยเฉพาะ แคน และน้องผู้ชายอีกคนจำชื่อไม่ได้ (มาจากแก่งเสือเต้น) ดำเนินกิจกรรมให้กับเด็กๆ ได้อย่างมีสาระและสนุกสนาน เรียกว่าเอาอยู่ เก่งมากๆ
สร้อยแก้ว
 หน้าบ้านดอกโมกบานก่อนเพื่อนดอกมะลิตามมาดอกคูนเริ่มผลิไสวลั่นทมสี่ต้นที่เคยปลูกเองกับมือก็ผลิดอกให้ชมเร็วทันใจปีที่แล้วนี้เอง, ตอนนั้นเอามาปลูกกับเด็กหญิงไพจิตรพายุคะนองทำให้กิ่งก้านใหญ่ของลั่นทมหน้าศูนย์ฯ หักฉันแบ่งออกเป็นสี่กิ่งปลูกรอบบ้านดินไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้มาอยู่บ้านหลังนี้ลั่นทมกลิ่นหอม ชอบเด็ดมาดมดอกพุก ไม้ยืนต้นก็บานแล้วสีขาวดอกยอกขี้หมาส่งกลิ่นหอมจากคืนถึงเช้ามันเป็นดอกที่ชื่อกับตัวไม่เข้ากันเลยยอกขี้หมาสีขาวร่วงหล่นบนพื้นสีขาวเกลื่อนทางเดินดูสวยดียามเช้าตื่นมาเดินเล่น สูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้แสนสดชื่นเย็นวันนี้…
สร้อยแก้ว
แม้ม็อบเสื้อสีๆ จะซาลงไปแล้ว (ซาแต่นามภาพ-รูปธรรม แต่ในความรู้สึกนั้นยังคงไหลแรง) แต่ฉันก็ยังเชื่อว่าคนที่เข้าร่วมแต่ละกลุ่มย่อมมีความคิด มีทัศนคติที่ชัดเจนของตนเอง อย่างที่ทิ้งท้ายไว้ในตอนที่แล้วว่าฉันจะนำความคิดของ ไม้หนึ่ง ก.กุนที มานำเสนอ เพราะเห็นว่าวิธีคิดของเขาน่าสนใจมาก ซึ่งแม้ปัจจุบันฉันจะยังอยู่ขอบปลายชายแดนอีสาน ไม่มีโอกาสได้เจอหรือพูดคุยกับตัวตนจริงๆ ของเขา และบทสัมภาษณ์ที่คัดลอกมาฝากนี้ก็เคยผ่านหน้านิตยสารมาบางส่วนแล้ว แต่ฉันก็ยังอยากให้ใครอีกหลายๆ ที่อาจยังไม่ได้ผ่านตากับความเห็นเหล่านี้ได้ลองอ่านเล่นๆ ดูบ้าง
สร้อยแก้ว
ไม้หนึ่ง ก. กุนที - เป็นใคร? สำหรับคนที่ไม่ได้สนใจงานเขียนประเภทกวีนิพนธ์หรืองานวรรณกรรม ก็มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะตั้งคำถามนี้ แต่สำหรับแวดวงนักเขียนหรือคนที่สนใจงานวรรณกรรม ย่อมรู้จักเขาดีว่าเขาคือหนึ่งในกวีหัวก้าวหน้าที่มีความสามารถสูงในด้านฉันทลักษณ์จนก้าวพ้นกรอบกฎเกณฑ์ของฉันทลักษณ์ไปได้อย่างสง่างามและพยายามที่จะให้ฉันทลักษณ์รับใช้ศิลปะ มีชีวิตชีวา มากกว่าเพียงแค่ถ้อยคำไพเราะเพราะพริ้ง
สร้อยแก้ว
แมนยูฯ คือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ศูนย์ฯ คือ ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูนฉันย้ายจากบ้านเช่าในเมืองโขงเจียมมาอยู่บ้านดินของศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูน ได้ ๑ เดือนเต็มๆ แล้วและนับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ภายในบ้านที่มีโทรทัศน์ใส่กล่องกระดาษตั้งอยู่ มันก็มีหน้าที่เป็นพนักพิงยามเขียนหนังสือ (กับโต๊ะญี่ปุ่น) ให้เท่านั้น ฉันขอความร่วมมือจากคนร่วมชายคาบ้านว่าหากอยากดูข่าวสารจากโทรทัศน์ก็ช่วยออกแรงเดินสักร้อยกว่าเมตรไปดูในห้องทำงานของศูนย์ฯ เถอะนะ ซึ่งที่นั่นจะมีน้องชายอ้วนดูอยู่เป็นประจำ (และนอนที่นี่) คนอาศัยชายคาเดียวกันก็นับว่ามีน้ำใจยิ่ง ให้ความร่วมมือกับคนเรื่องมากอย่างฉันโดยดี
สร้อยแก้ว
ไม่ได้ตั้งใจจะเลี้ยงเล้ยยยยย... จริงๆ พับเผื่อยซิ วันประชุมสมัชชาคนจน ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบความเดือดร้อนจากการสร้างเขื่อน ได้มาประชุมปรึกษาหารือกันที่ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน เจ้าแมวตัวนี้นอนซุกอยู่ในรองเท้าเจ้าอ้วน - เด็กอ้วนแห่งรายการวิทยุชุมชน เด็กๆ แถวนี้บอกว่าพี่น้องมันตายไปหมดแล้ว หมาฟัดเรียบฉันได้แต่ฟังเขาพูด ไม่ได้ขึ้นไปฟังเขาประชุมด้วย เลยไม่รับรู้ต่อการมีอยู่ของมันแต่ว่าพอบ่ายแก่ๆ ก็มีมือดีจับใส่กระเป๋าเสื้อเดินมาให้ที่บ้านดิน"อยู่ที่นี่ดีกว่านะ ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะถูกหมาฟัดตาย"เจ้าของเสียงดึงมันออกมา ตัวเล็กๆ อยู่ในอุ้งมือเดียวเท่านั้นของชายหนุ่มฉันมองแล้วทั้งยิ้มทั้งถอนใจ
สร้อยแก้ว
ร้อนๆ อย่างนี้ ซื้อน้ำแข็งกินทีไร ก็อดคิดถึงตู้เย็นไม่ได้ทุกที ถ้ามีตู้เย็นฉันคงจะซื้อน้ำแข็งกินไม่เปลืองเท่านี้ เพราะกินเท่าที่ต้องการ เหลือก็ใส่ตู้เย็น หรือบางทีก็ทำน้ำแข็งกินเองก็ได้ ส่วนของสดหรืออาหารที่กินเหลือก็แช่ตู้เย็นไว้ได้ หิวเมื่อไหร่ก็นำมากินได้อีก ไม่เปลือง อืมม์! คิดทีไรก็อยากกลับไปเอาตู้เย็นที่กรุงเทพฯ ทุกที แต่ก็ติดตรงที่ฉันไม่เคยแน่ใจสักทีว่าจะปักหลักที่ไหน การเคลื่อนย้ายบ่อยจึงไม่เหมาะที่จะมีสัมภาระอะไรมาก นี่ขนาดว่าไม่มาก ฉันก็ยังซื้อโทรทัศน์ (ไว้ดูข่าวสารบ้านเมือง) เครื่องซักผ้า (แก่แล้ว นั่งซักปวดหลัง) หนังสืออีกหนึ่งเข่งและข้าวของจิปาถะอีกสองเข่งกับอีกสองลังเสื้อผ้า…
สร้อยแก้ว
ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการสร้างเขื่อนสิรินธรเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๔ ได้จัดงานรำลึก ๑๕ ปีในการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในบริเวณแถบอีสานใต้นี้ นับว่ามีปัญหาของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของภาครัฐอยู่หลายโครงการ เอาแค่ใกล้ๆ ที่ฉันอยู่ มีปัญหาจากการสร้างเขื่อนอยู่สามโครงการคือ เขื่อนสิรินธร เขื่อนปากมูน และเขื่อนราษีไศล
สร้อยแก้ว
  "ท่านเป็นเจ้านาย มีเงินเดือนกิน ท่านบ่ได้เป็นแม่ค้าหาเช้ากินค่ำ ท่านจะเว้าจังได๋ก็ได้"คำพูดของแม่ค้าคนหนึ่งดังอยู่ข้างหูเมื่อทุกคนมายืนรอฟังคำตอบจากการไปเจรจากับทางเทศบาลมาเสียงโทรศัพท์ที่ดังแต่เมื่อคืนบอกถึงเจตจำนงในการจะยึดพื้นที่ค้าขายกลับคืนมาในช่วงเวลาราวตีหนึ่งเศษทำให้เพื่อนบางคนที่ทำงานในศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านต้องรีบออกไปดูแต่เช้า และแน่นอนด้วยความอยากรู้อยากเห็นฉันก็ขอกระเตงติดรถไปด้วยคน
สร้อยแก้ว
ฉันมีโอกาสไปดูงานรณรงค์เลิกเหล้าของหมู่บ้านคำกลาง ตำบลโนนหนามแท่ง อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อหลายเดือนก่อน ตำบลนี้มีกำนันคนเก่งเป็นผู้หญิงชื่อ รัตนา สารคุณ ก่อนนี้แม่กำนันเคยเป็นนักเลงสุรา ดื่มเหล้าหนัก แม่กำนันดื่มเหล้าเพียวและดื่มน้ำตบตูดแบบเดียวกับที่ผู้ชายพื้นบ้านนิยมดื่มกัน และแม่คอแข็งชนิดผู้ชายต้องยอมแพ้ แต่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไป กาลเวลาสามารถพิสูจน์ความสามารถของเธอได้มากกว่าการพิสูจน์ความกินทนกินนาน ใจป้ำ ใจแกร่ง ในวงสุรา แม่กำนันก็เห็นโทษของการดื่มสุรา และหันมารณรงค์ให้ลูกบ้านลดละเลิกเหล้า
สร้อยแก้ว
  นึกไม่ออกแล้วว่าเคยไปร่วมงานวันเด็กครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่พยายามนึก...ลูกก็ยังไม่มี หลานรึ ก็ไม่เคยได้พาไป เพราะไม่ค่อยได้อยู่บ้านงานวันเด็กครั้งสุดท้ายของตัวเองน่าจะเป็นตอนที่ยังเรียนอยู่ชั้น ป.๖ นั่นแหละ เพราะหลังจากนั้น พอขึ้นชั้น ม.๑ ความแก่แดดแก่ลมของฉันก็พลันให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นสาววัยรุ่นแล้ว ไม่ใช่เด็ก จึงไม่เคยไปวอแวงานวันเด็กอีก ไม่อย่างนั้น เค้าจะหาว่าเด็กจนปีใหม่นี้ฉันมีโอกาสไปนอนมองพระจันทร์กลางทุ่งนา มองฟ้าพร่างดาวเคลื่อนคล้อยข้ามคืนข้ามปีในช่วงปีใหม่ที่อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร ก็เลยได้อยู่ยาวมาเรื่อยจนถึงงานวันเด็กของหมู่บ้าน