ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ภาพของเพื่อนสนิทคนหนึ่งในวันที่เข็นรถเด็กที่มีเด็กหญิงวัยแปดเดือนนั่งยิ้มแฉ่งเดินเล่นยามเย็นนอกเมืองก็โผล่ขึ้นมาในห้วงคำนึงในวันฝนตก ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวกันเลยสักนิด
เธอดูมีความสุขปลอดโปร่งใจดีเหลือเกิน เธอบอกฉันว่า แต่ก่อน เธอมองชีวิตแบบเอ็นจีโอ ใส่เสื้อผ้าฝ้าย ใช้ข้าวของอย่างประหยัด หน้าตาไม่แต่ง เธอเชื่อมั่นในวิธีคิดแบบนั้น ศรัทธาคนเหล่านั้น แต่วันเวลาก็ทำให้เธอเห็นว่าคนเหล่านั้นก็เป็นเพียงปุถุชนธรรมดาๆ เท่านั้น พวกเขาไม่ได้ดีอย่างที่เรามอบความศรัทธาให้ เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงใช้ชีวิตตามแนวคิดอย่างนั้นได้อย่างเชื่อมั่นอยู่ตั้งหลายปี คิดว่าคนที่ใช้ชีวิตสไตล์อื่นเป็นคนเบียดเบียนโลกอย่างไม่รู้ตัว แต่ตอนนี้ เธอรู้แล้วว่าเธอไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้นอีกต่อไป เธอค้นพบแล้ว หากเธอจะใช้ชีวิตอย่างที่เธออยากเป็น ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไปเบียดเบียนใคร เธออยากใส่เสื้อผ้าตัวละสี่ห้าพันเธอก็จะใส่ เธออยากแต่งหน้า อยากสวย อยากเดินห้าง เพราะมันทำให้เธอมีความสุข เธอก็จะทำ
ในแสงตะวันรอน ทุ่งหญ้านอกเมืองเขียวสดสะท้อนแสงอมส้มของดวงตะวันทำให้ยามเย็นวันนั้นดูอบอุ่น รื่นรมย์ แต่ฉันกลับน้ำตาคลออย่างไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม
คำพูดของเธอสะเทือนใจเกินไป เราเป็นเพื่อนสนิทกัน คบกันมานานหลายปี หายจากกันไปก็หลายปี เมื่อมีโอกาสฉันไปเยี่ยมเธอที่บ้านต่างจังหวัด ฉันก็พบว่าความคิดของเธอเปลี่ยนไป
ก่อนจากกัน เธอยกเสื้อผ้าฝ้ายให้ฉันมาเป็นลัง เธอบอกว่าเธอจะไม่ใส่แล้ว
แต่เมื่อเวลาล่วงผ่านไปราวสองสามปี ฉันก็ได้ข่าวว่าเธอสร้างบ้านดินอยู่ ปลูกผัก ทำสวนอยู่กับลูก
ฉันระบายลมหายใจยาวเมื่อได้ยินข่าวนี้ บอกไม่ถูกว่าฉันรู้สึกดีใจหรือรู้สึกอย่างไร ฉันเพียงแต่คิดว่า เธอจะเป็นอะไรก็ได้ตามแต่เธอเถอะ ฉันขอเพียงแค่เธอมีความสุขกับชีวิตดี เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
ฉันไม่เคยตำหนิคนที่มีวิถีชีวิตแตกต่างจากเรา หากว่านั่นมันไม่ได้เบียดเบียนใครจริงอย่างเธอว่า เพียงแต่อดคิดไม่ได้ - อะไรเล่าที่ทำให้ความคิดของเธอแกว่งไปแกว่งมาอย่างแรง
ความทุ่มเทอย่างหนักทำให้ความรู้สึกยามผิดหวังมันหนาหนักอย่างนั้นด้วยใช่ไหม
แต่ก่อนเรายังเด็ก เรามีความศรัทธาต่อบุคคลอันเป็นธรรมดาของเด็กที่ต้องการฮีโร่ เรามองเห็นคนหลายๆ คนขาวและงาม เราเลยไม่ได้เตรียมใจสำหรับการยอมรับความจริงที่ว่าไม่มีใครขาวสะอาดหมดจด
แม้ใจบริสุทธิ์ แต่เมื่อชีวิตก้าวข้ามวันเวลาทุกวัน เราต้องเติบโต หัวใจเราก็ควรเติบโตและพร้อมทำความเข้าใจ ให้อภัย และมีเมตตา แม้แต่คนที่ทำให้เราเจ็บด้วย
ผ่านวัน ผ่านวัย มาถึงขนาดนี้ ฉันคิดว่าสันติภาพเกิดขึ้นได้ในวิถีทางเดียวเท่านั้นคือ ให้อภัย เพราะความยุติธรรมมันคืออะไรยังไม่รู้ คนที่เรียนเอกคณิตศาสตร์ย่อมรู้ดีว่า การแบ่งครึ่งที่แท้จริงนั้นไม่มีจริง
เมื่อวานฉันแวะไปเยี่ยมชมสังคมอุดมคติอีกแห่งหนึ่ง มีบ้านเรือนหลายสิบหลัง มีอาคารการเรียนรู้ แปลงเกษตร ห้องเรียน ร้านค้า คนกว่าสามร้อยคนอยู่ร่วมกันที่นี่โดยไม่ใช้เงิน (ร้านค้ามีไว้จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติสำหรับคนภายนอก) ซึ่งไม่ว่าคนภายนอกจะมองอย่างไรก็แล้วแต่ ฉันก็เห็นว่าอย่างน้อยก็มีคนจำนวนหนึ่งที่อยากมีสังคมที่น่าอยู่ เป็นสังคมในอุดมคติ
ฉันชอบคำพูดประโยคหนึ่งที่เขียนติดไว้หน้าร้านค้าว่า
“การยอมขาดทุนคือการเป็นคนที่มีคุณค่าอย่างหนึ่ง”
หากเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกถูกเอาเปรียบ ถูกทำให้เจ็บ เราเกิดความแค้น ให้อภัยไม่ได้ ยอมไม่ได้ เราก็จะเจ็บปวดอยู่อย่างนั้น และแรงเหวี่ยงของความรู้สึกที่มี บางครั้งหากมันมากเกินไป ก็จะเป็นเราเองที่ตกลงมาเจ็บอีกครั้ง
..........
เช้าในวันฝนตก
แม้ห้วงรำลึกที่มีไม่เกี่ยวอะไรกันเลยกับการคิดถึงฉากนั้น ภาพนั้น ในวันที่เธอเข็นลูกน้อยวัยแปดเดือนเดินไปบนถนนยามเย็น แต่ฉันก็คิดถึงเธอจับใจ
ฉันหวังว่าเธอจะสบายดี และลูกสาวของเธอ ป่านนี้คงเติบโต เป็นเด็กหญิงร่าเริง ช่างเจรจาแล้ว
ฉันอยากให้เธอรักษาดุลยภาพของทัศนคติไว้ให้ได้ แม้ยามเราผิดหวัง เราถูกแกว่งไกวได้ก็เพียงเบาๆ แต่มันไม่อาจทำให้เราเสียศูนย์