Skip to main content

 

ฉันมีโอกาสไปร่วมงานรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ ๑๐ ปีนี้ เลยทำให้อดคิดไม่ได้ว่า รางวัล มีความหมายอย่างไรต่อชีวิตคนบ้าง ลองเปิดพจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถานดู เขาก็บอกว่า


รางวัลคือ สิ่งของหรือเงินที่ได้มาจากความดี ความชอบ หรือความสามารถ


ย้อนทบทวนตอนเด็กๆ รางวัลแรกของฉันมาจากการวิ่งได้ที่ ๓ จากการวิ่งแข่งกันสี่คน (เกือบไป!) โชคดีได้ขึ้นแท่นรับรางวัลกับเขา ยิ้มแก้มแทบปริ และเมื่อถึงบ้านก็รีบเอาสมุดดินสอมาให้พ่อกับแม่ดู


หลังจากนั้นก็เลยรู้ว่าหากมีการประกวดอะไรก็ตามถ้าเราเข้ารอบ เราก็จะได้รางวัล ดังนั้น นอกจากเล่นกีฬาแล้วฉันก็เลยเริ่มเขียนงานประกวด (ส่วนใหญ่เป็นประเภทเรียงความ) รวมถึงส่งงานไปตามหน้านิตยสารเพราะรู้ว่าถ้าได้ลงเราจะได้ตังค์


แต่เมื่อโตขึ้น เริ่มครุ่นคิดอย่างจริงจังถึงการใช้ชีวิต ฉันตอบคำถามตัวเองได้ว่าชีวิตที่มีคุณค่าคืออะไร จึงรู้ว่าเงินไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่เป็นคุณค่าของการทำงานต่างหาก (ก็คงไม่ต่างอะไรจากต้อยในโฆษณาประกันชีวิตของบริษัทหนึ่ง ฉันชอบโฆษณาชุดนี้เพราะมันช่วยเตือนฉันและคนอื่นๆ ที่บางทีเราจมอยู่กับปัญหาของตนเองมากเกินไปให้คิดได้ว่า หันมองคนอื่นบ้าง อย่างน้อยก็มองต้อยและเด็กๆ เหล่านั้น)


ฉันเลิกคิดถึงเงินรางวัลนับตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยและหันมาทำกิจกรรมที่คิดว่ามีประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ฉันเริ่มเขียนหนังสือโดยไม่ได้คิดว่าต้องเอาเงินเป็นตัวตั้ง เลิกฝันถึงการงานอาชีพที่จะมีเงินใช้เยอะๆ รุ่นพี่ที่ชมรมของมหาวิทยาลัยนับว่ามีส่วนช่วยให้ฉันเชื่อมั่นในความคิดนี้ไม่น้อยแต่ว่าเราก็ไม่อาจสลัดเรื่องเงินหรือการยอมรับของสังคมให้หลุดออกจากชีวิตทั้งหมดทั้งมวลได้ นั่นเพราะเรายังมีพ่อแม่พี่น้องที่เป็นเพียงคนธรรมดาๆ ของสังคม พวกเขายังคาดหวังว่าเราจะมีการงานอาชีพที่มั่นคง มีรายได้ที่พอเลี้ยงตัวอยู่ได้ไม่ขัดสน มีสวัสดิการชีวิตที่ดี ดังนั้น ไม่แปลกที่พ่อแม่ส่วนใหญ่ก็ยังฝันให้ลูกรับราชการ เพราะสบาย มั่นคง มีเกียรติ อะไรจะดีไปกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว


แต่ความศรัทธา ความใจจดจ่อต่อเส้นทางที่รัก บวกความดื้อรั้นอย่างยาวนานก็พอจะทำให้ฉันมีที่ทางของตัวเองบ้าง ยืนหยัดได้แม้ไม่สะดวกสบายนัก


ในงานรางวัลลูกโลกสีเขียวไม่ได้มีแค่คนเขียนหนังสือเท่านั้น แต่ใจความสำคัญหลักๆ อยู่ที่คนทำงานด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังมากกว่า งานนี้ฉันจึงได้เห็นคนทำงานตัวจริงเสียงจริงหลายคนนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่มาร่วมงานกันอย่างชื่นมื่น


พี่นนท์ (เจ้าของคอลัมน์ การเดินทางของนักรบที่ไม่มีใครรู้จัก) บรรณาธิการคนแรกในงานเขียนของฉัน เราพบกันโดยไม่ได้นัดหมายในงานนี้ พี่นนท์บอกกับฉันว่า เชื่อไหม หลายๆ คนที่ได้รางวัล เวลาเขาอยู่ในชุมชนของเขา เขาเหมือนผีบ้า กลายเป็นคนแปลกแยก เพราะสิ่งที่เขาทำนั้นไม่เหมือนใครในหมู่บ้าน คนอะไรมาปลูกต้นไม้ คนอะไรมาทำการเกษตรอินทรีย์ในยุคที่คนอื่นเขาใช้สารเคมีกันทั่ว บางคนคัดค้านต่อต้านนโยบายรัฐ เป็นพวกหัวดื้อ ชาวบ้านคนอื่นไม่ชอบ แต่การได้รางวัลมันเหมือนช่วยให้เขาเป็นที่ยอมรับของสังคมมากขึ้น ทำให้เขาอยู่ในสังคมง่ายขึ้น


ฉันเองเลิกใส่ใจกับเรื่องรางวัลมานานนักแล้ว แต่ครั้นได้เห็นหลายๆ คนที่ได้รับรางวัลครั้งนี้ ฉันถึงรู้สึกได้ว่ารางวัลก็มีส่วนดีของมัน โดยเฉพาะในกรณีที่คนทำดีแล้วเขาควรได้รับการยกย่อง ไม่ใช่ถูกเมินเฉยจากสังคม ปล่อยให้เขาโดดเดี่ยวท่ามกลางวิถีที่คนเลือกทำตามกระแส (เพราะไม่ต้องเจ็บตัว)


การยืนหยัดเชื่อมั่นในสิ่งที่เราเชื่อท่ามกลางคนส่วนใหญ่ที่คิดต่าง มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดำรงอยู่อย่างสบายอกสบายใจ แต่การปราศจากความเชื่อและดำรงชีวิตอย่างเลื่อนลอยล่องไหลตามกระแสคนส่วนใหญ่เพียงเพราะกลัวความแปลกแยก สำหรับบางคน การเป็นเช่นนี้ทุกข์ใจกว่า


ฉันขอแสดงความชื่นชมกับทุกคนที่ต่างยืนหยัดทำดีจนมีคนมองเห็นในวันนี้

และฉันขอแสดงความชื่นชมอย่างมากสำหรับคนที่ยืนหยัดต่อสู้มายาวนานแต่ยังไม่เคยมีใครเห็น


ไม่ว่าจะได้รางวัลหรือไม่ได้รางวัลฉันก็หวังว่าเราจะเลือกทำและสร้างสรรค์การงานบนหนทางที่ดีงามนี้ตลอดไป


บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
  ๑.ผูกพัน เป็นชื่อเพลงเพลงหนึ่งไม่บ่อยนักที่ฉันจะได้ฟังเพลงสักเพลงแล้วมันตรึงเราให้อยู่นิ่งๆ ตั้งอกตั้งใจฟังจำได้ว่า วันนั้นฉันนอนเปลที่ผูกเข้ากับเสาอาคารและต้นไม้ข้างศูนย์ฯ มีกิจกรรมค่ายของน้องๆ วัยมัธยมและมหาวิทยาลัยราวสี่สิบคน บรรดาพี่เลี้ยงเป็นคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมที่แต่ละคนล้วนฝีมือฉกาจฉกรรจ์ โดยเฉพาะ แคน และน้องผู้ชายอีกคนจำชื่อไม่ได้ (มาจากแก่งเสือเต้น) ดำเนินกิจกรรมให้กับเด็กๆ ได้อย่างมีสาระและสนุกสนาน เรียกว่าเอาอยู่ เก่งมากๆ
สร้อยแก้ว
 หน้าบ้านดอกโมกบานก่อนเพื่อนดอกมะลิตามมาดอกคูนเริ่มผลิไสวลั่นทมสี่ต้นที่เคยปลูกเองกับมือก็ผลิดอกให้ชมเร็วทันใจปีที่แล้วนี้เอง, ตอนนั้นเอามาปลูกกับเด็กหญิงไพจิตรพายุคะนองทำให้กิ่งก้านใหญ่ของลั่นทมหน้าศูนย์ฯ หักฉันแบ่งออกเป็นสี่กิ่งปลูกรอบบ้านดินไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้มาอยู่บ้านหลังนี้ลั่นทมกลิ่นหอม ชอบเด็ดมาดมดอกพุก ไม้ยืนต้นก็บานแล้วสีขาวดอกยอกขี้หมาส่งกลิ่นหอมจากคืนถึงเช้ามันเป็นดอกที่ชื่อกับตัวไม่เข้ากันเลยยอกขี้หมาสีขาวร่วงหล่นบนพื้นสีขาวเกลื่อนทางเดินดูสวยดียามเช้าตื่นมาเดินเล่น สูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้แสนสดชื่นเย็นวันนี้…
สร้อยแก้ว
แม้ม็อบเสื้อสีๆ จะซาลงไปแล้ว (ซาแต่นามภาพ-รูปธรรม แต่ในความรู้สึกนั้นยังคงไหลแรง) แต่ฉันก็ยังเชื่อว่าคนที่เข้าร่วมแต่ละกลุ่มย่อมมีความคิด มีทัศนคติที่ชัดเจนของตนเอง อย่างที่ทิ้งท้ายไว้ในตอนที่แล้วว่าฉันจะนำความคิดของ ไม้หนึ่ง ก.กุนที มานำเสนอ เพราะเห็นว่าวิธีคิดของเขาน่าสนใจมาก ซึ่งแม้ปัจจุบันฉันจะยังอยู่ขอบปลายชายแดนอีสาน ไม่มีโอกาสได้เจอหรือพูดคุยกับตัวตนจริงๆ ของเขา และบทสัมภาษณ์ที่คัดลอกมาฝากนี้ก็เคยผ่านหน้านิตยสารมาบางส่วนแล้ว แต่ฉันก็ยังอยากให้ใครอีกหลายๆ ที่อาจยังไม่ได้ผ่านตากับความเห็นเหล่านี้ได้ลองอ่านเล่นๆ ดูบ้าง
สร้อยแก้ว
ไม้หนึ่ง ก. กุนที - เป็นใคร? สำหรับคนที่ไม่ได้สนใจงานเขียนประเภทกวีนิพนธ์หรืองานวรรณกรรม ก็มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะตั้งคำถามนี้ แต่สำหรับแวดวงนักเขียนหรือคนที่สนใจงานวรรณกรรม ย่อมรู้จักเขาดีว่าเขาคือหนึ่งในกวีหัวก้าวหน้าที่มีความสามารถสูงในด้านฉันทลักษณ์จนก้าวพ้นกรอบกฎเกณฑ์ของฉันทลักษณ์ไปได้อย่างสง่างามและพยายามที่จะให้ฉันทลักษณ์รับใช้ศิลปะ มีชีวิตชีวา มากกว่าเพียงแค่ถ้อยคำไพเราะเพราะพริ้ง
สร้อยแก้ว
แมนยูฯ คือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ศูนย์ฯ คือ ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูนฉันย้ายจากบ้านเช่าในเมืองโขงเจียมมาอยู่บ้านดินของศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูน ได้ ๑ เดือนเต็มๆ แล้วและนับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ภายในบ้านที่มีโทรทัศน์ใส่กล่องกระดาษตั้งอยู่ มันก็มีหน้าที่เป็นพนักพิงยามเขียนหนังสือ (กับโต๊ะญี่ปุ่น) ให้เท่านั้น ฉันขอความร่วมมือจากคนร่วมชายคาบ้านว่าหากอยากดูข่าวสารจากโทรทัศน์ก็ช่วยออกแรงเดินสักร้อยกว่าเมตรไปดูในห้องทำงานของศูนย์ฯ เถอะนะ ซึ่งที่นั่นจะมีน้องชายอ้วนดูอยู่เป็นประจำ (และนอนที่นี่) คนอาศัยชายคาเดียวกันก็นับว่ามีน้ำใจยิ่ง ให้ความร่วมมือกับคนเรื่องมากอย่างฉันโดยดี
สร้อยแก้ว
ไม่ได้ตั้งใจจะเลี้ยงเล้ยยยยย... จริงๆ พับเผื่อยซิ วันประชุมสมัชชาคนจน ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบความเดือดร้อนจากการสร้างเขื่อน ได้มาประชุมปรึกษาหารือกันที่ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน เจ้าแมวตัวนี้นอนซุกอยู่ในรองเท้าเจ้าอ้วน - เด็กอ้วนแห่งรายการวิทยุชุมชน เด็กๆ แถวนี้บอกว่าพี่น้องมันตายไปหมดแล้ว หมาฟัดเรียบฉันได้แต่ฟังเขาพูด ไม่ได้ขึ้นไปฟังเขาประชุมด้วย เลยไม่รับรู้ต่อการมีอยู่ของมันแต่ว่าพอบ่ายแก่ๆ ก็มีมือดีจับใส่กระเป๋าเสื้อเดินมาให้ที่บ้านดิน"อยู่ที่นี่ดีกว่านะ ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะถูกหมาฟัดตาย"เจ้าของเสียงดึงมันออกมา ตัวเล็กๆ อยู่ในอุ้งมือเดียวเท่านั้นของชายหนุ่มฉันมองแล้วทั้งยิ้มทั้งถอนใจ
สร้อยแก้ว
ร้อนๆ อย่างนี้ ซื้อน้ำแข็งกินทีไร ก็อดคิดถึงตู้เย็นไม่ได้ทุกที ถ้ามีตู้เย็นฉันคงจะซื้อน้ำแข็งกินไม่เปลืองเท่านี้ เพราะกินเท่าที่ต้องการ เหลือก็ใส่ตู้เย็น หรือบางทีก็ทำน้ำแข็งกินเองก็ได้ ส่วนของสดหรืออาหารที่กินเหลือก็แช่ตู้เย็นไว้ได้ หิวเมื่อไหร่ก็นำมากินได้อีก ไม่เปลือง อืมม์! คิดทีไรก็อยากกลับไปเอาตู้เย็นที่กรุงเทพฯ ทุกที แต่ก็ติดตรงที่ฉันไม่เคยแน่ใจสักทีว่าจะปักหลักที่ไหน การเคลื่อนย้ายบ่อยจึงไม่เหมาะที่จะมีสัมภาระอะไรมาก นี่ขนาดว่าไม่มาก ฉันก็ยังซื้อโทรทัศน์ (ไว้ดูข่าวสารบ้านเมือง) เครื่องซักผ้า (แก่แล้ว นั่งซักปวดหลัง) หนังสืออีกหนึ่งเข่งและข้าวของจิปาถะอีกสองเข่งกับอีกสองลังเสื้อผ้า…
สร้อยแก้ว
ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการสร้างเขื่อนสิรินธรเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๔ ได้จัดงานรำลึก ๑๕ ปีในการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในบริเวณแถบอีสานใต้นี้ นับว่ามีปัญหาของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของภาครัฐอยู่หลายโครงการ เอาแค่ใกล้ๆ ที่ฉันอยู่ มีปัญหาจากการสร้างเขื่อนอยู่สามโครงการคือ เขื่อนสิรินธร เขื่อนปากมูน และเขื่อนราษีไศล
สร้อยแก้ว
  "ท่านเป็นเจ้านาย มีเงินเดือนกิน ท่านบ่ได้เป็นแม่ค้าหาเช้ากินค่ำ ท่านจะเว้าจังได๋ก็ได้"คำพูดของแม่ค้าคนหนึ่งดังอยู่ข้างหูเมื่อทุกคนมายืนรอฟังคำตอบจากการไปเจรจากับทางเทศบาลมาเสียงโทรศัพท์ที่ดังแต่เมื่อคืนบอกถึงเจตจำนงในการจะยึดพื้นที่ค้าขายกลับคืนมาในช่วงเวลาราวตีหนึ่งเศษทำให้เพื่อนบางคนที่ทำงานในศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านต้องรีบออกไปดูแต่เช้า และแน่นอนด้วยความอยากรู้อยากเห็นฉันก็ขอกระเตงติดรถไปด้วยคน
สร้อยแก้ว
ฉันมีโอกาสไปดูงานรณรงค์เลิกเหล้าของหมู่บ้านคำกลาง ตำบลโนนหนามแท่ง อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อหลายเดือนก่อน ตำบลนี้มีกำนันคนเก่งเป็นผู้หญิงชื่อ รัตนา สารคุณ ก่อนนี้แม่กำนันเคยเป็นนักเลงสุรา ดื่มเหล้าหนัก แม่กำนันดื่มเหล้าเพียวและดื่มน้ำตบตูดแบบเดียวกับที่ผู้ชายพื้นบ้านนิยมดื่มกัน และแม่คอแข็งชนิดผู้ชายต้องยอมแพ้ แต่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไป กาลเวลาสามารถพิสูจน์ความสามารถของเธอได้มากกว่าการพิสูจน์ความกินทนกินนาน ใจป้ำ ใจแกร่ง ในวงสุรา แม่กำนันก็เห็นโทษของการดื่มสุรา และหันมารณรงค์ให้ลูกบ้านลดละเลิกเหล้า
สร้อยแก้ว
  นึกไม่ออกแล้วว่าเคยไปร่วมงานวันเด็กครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่พยายามนึก...ลูกก็ยังไม่มี หลานรึ ก็ไม่เคยได้พาไป เพราะไม่ค่อยได้อยู่บ้านงานวันเด็กครั้งสุดท้ายของตัวเองน่าจะเป็นตอนที่ยังเรียนอยู่ชั้น ป.๖ นั่นแหละ เพราะหลังจากนั้น พอขึ้นชั้น ม.๑ ความแก่แดดแก่ลมของฉันก็พลันให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นสาววัยรุ่นแล้ว ไม่ใช่เด็ก จึงไม่เคยไปวอแวงานวันเด็กอีก ไม่อย่างนั้น เค้าจะหาว่าเด็กจนปีใหม่นี้ฉันมีโอกาสไปนอนมองพระจันทร์กลางทุ่งนา มองฟ้าพร่างดาวเคลื่อนคล้อยข้ามคืนข้ามปีในช่วงปีใหม่ที่อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร ก็เลยได้อยู่ยาวมาเรื่อยจนถึงงานวันเด็กของหมู่บ้าน