Skip to main content


(ขอความกรุณาสวมเสื้อขาว, สีฟ้า หรือสีที่ดูเหมาะสม ยกเว้นอย่าสวมเสื้อสีเหลืองหรือสีแดง เพราะจะทำให้แตกสามัคคี)

 

ข้อความในวงเล็บนี้ทำเอาฉันอมยิ้มจนเกือบเผลอหัวเราะ


นี่คือจดหมายเชิญเดินเทิดพระเกียรติของชมรมผู้สูงอายุตำบลหารแก้วที่ประธานชมรมถึงกับควบมอเตอร์ไซค์แถดๆ มาหาพ่อถึงบ้าน


(
ฉันคิดถึงบ้านเลยชะแว้บหลบจากแถวปากมูนมาตากลมหนาวเชียงใหม่ จึงขออนุญาตนอกเรื่องอีสานสักตอนเน่อ)


นอกจากจะทำให้ฉันตระหนักขึ้นมาจริงๆ จังๆ ว่าพ่อแม่เราแก่มากเลยนะนี่ ถึงขนาดเข้าชมรมผู้สูงอายุกันแล้ว ฉันยังต้องตระหนักจริงๆ จังๆ อีกว่า เรื่องการใส่เสื้อแดงเสื้อเหลืองมันก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หรือ เรื่องธรรมดาอีกต่อไป


จดหมายเชิญมาถึงมือพ่อในวันที่ ๑ ธันวาคม เป็นวันเดียวกันที่น้าขับรถมาบ่นให้ฟังว่า เช้านี้ต้องขอร้องลูกชายแทบตายว่าห้ามใส่เสื้อเหลืองไปทำงานเพราะกลัวอันตราย ลูกชายก็หัวดื้อคิดว่าไม่เป็นไรยืนกรานจะใส่ แต่คนเป็นแม่เป็นห่วงลูกหนักหนา เห็นข่าวเสื้อเหลืองเสื้อแดงไล่ตีกันเหมือนเด็กช่างกลต่างสถาบัน ใครเป็นใครไม่รู้แล้ว ขอให้รู้ว่าเป็นคู่อริเสียอย่าง ก็พร้อมจะทำลายให้แหลกลาญในพริบตา คนเป็นแม่มีหรือจะยอม ยิ่งรู้ๆ กันอยู่ว่าเชียงใหม่ลำพูนพื้นที่นี้สีแดงจอง น้าของฉันเลยต้องขอร้องอ้อนวอนลูกชายเป็นการใหญ่


ในช่วงสองสามปีนี้สำหรับคนทำงานไม่ว่าส่วนราชการหรือเอกชน การใส่เสื้อเหลืองไปทำงานทุกวันจันทร์ถือเป็นขนบธรรมเนียมไปแล้ว ดังนั้น การที่ลูกชายน้าไม่เชื่อแม่ เพราะหากไม่ใส่จะกลายเป็นเรื่องผิดระเบียบ ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เหมือนกัน


แต่ก่อนฉันไม่ค่อยใส่ใจเรื่องใครจะใส่เสื้อสีเหลืองวันจันทร์ สีชมพูวันอังคาร หรือสีอะไรๆ ในวันต่างๆ มากนัก เพราะถือว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนใครจะใส่อะไรยังไงก็ใส่ไปเถอะ


อาจมีหงุดหงิดบ้างก็เวลาดูบอลไทย จากที่แต่ก่อนทีมชาติไทยเคยใส่สีน้ำเงินกับแดง กลายเป็นว่าเราเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แล้วเสือเหลืองมาเลเซีย เขาจะใส่สีอะไร ? เขาใส่สีนี้มาตั้งนานจนเป็นเอกลักษณ์


มันทำให้สับสน ก็คิดว่าเราใส่สีแดง สีน้ำเงิน มันก็ดีอยู่แล้วนี่นา สุดท้าย เพื่อมิตรภาพที่ดีของเพื่อนบ้านมาเลเซียก็ยอมเปลี่ยนสีเสื้อ (ล่าสุดฟุตบอล AFF SUZUKI CUB 2008 ทีมชาติไทยเตะกับมาเลเซีย ทีมชาติไทยใส่สีเหลือง ทีมชาติมาเลเซียใส่สีแดง พอบอลจบพ่อเดินมาบอกพวกวงสนทนาปัญหาบ้านเมืองว่าพวกเสื้อแดงแพ้แล้ว สู้พวกเสื้อเหลืองไม่ได้หรอก เล่นเอาฮา!)


มาเลเซียอาจยอมเปลี่ยนให้ไทยเพราะเราเป็นประเทศเพื่อนบ้านเอเชียอาคเนย์เหมือนกัน ไม่ยึดมั่นถือมั่นได้ แต่กับชาติบิ๊กๆ ที่เขาใส่สีนี้อยู่แล้ว เขาก็ไม่ยอมเปลี่ยน อย่างตอนแข่งคัดเลือกบอลโลกรอบแรกกับทีมชาติออสเตรเลีย เสื้อทีมชาติออสเตรเลียเป็นสีเหลือง ทีมชาติไทยก็ต้องกลับไปใส่สีแดงดังเดิม ส่วนคนไทยใส่เสื้อเหลืองไปเชียร์กันเต็มสนามรัชมังคลาภิเษก จนในเว็บไซต์กีฬาแห่งหนึ่งแซวว่าที่เราแพ้ เพราะออสเตรเลียกำลังใจดี เห็นคนไทยใส่สีเหลืองกันเต็มสนามเลยคิดว่าคนไทยมาเชียร์ตนเอง

(ขำไหม ไม่ขำคนเขียนขำเอง)


หรือจะเป็นเรื่องของเสื้อแดงบ้าง


กองเชียร์ลิเวอร์พูลกับกองเชียร์แมนยูฯ ก็เคยเสียวๆ เวลาใส่เสื้อทีมโปรดไปเชียร์ข้างนอกอย่างลานเซ็นทรัลเวิลด์ว่าจะโดนตีหัวไหม เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องกังวลเล่นๆ ในเว็บไซต์พันทิป เคยมีคนโพสท์ว่า ทำอย่างไรถึงจะใส่เสื้อแดงเชียร์บอลได้อย่างปลอดภัย ปรากฏว่ามีคนหัวใส เขียนตัวหนังสือตัวโตๆ ติดหน้าอกเสื้อแดงลิเวอร์พูล แมนยูฯ ว่า

"เสื้อตัวนี้สีเหลือง"

555

 

เห็นไหมล่ะ ว่าจากที่เคยคิดว่ามันไม่เดือดร้อนใครก็ใส่ไปเถอะ มันกลับไม่ใช่เสียแล้ว มันกลายเป็นว่าเดือดร้อนจริงๆ


เมื่อเห็นมิติใหม่ของการใส่เสื้อในวันเดินเทิดพระเกียรติของชาวบ้านปีนี้ ฉันเลยคิดว่า นี่น่าจะเป็นนิมิตหมายอันดีแล้วล่ะ ที่จะทำให้เราเลิกยึดติดสีแดงสีเหลืองเสียที


ใส่สีอะไรก็ได้ที่มันเหมาะสม


คำๆ นี้น่าจะเป็นการปลดล็อกในระดับสัญลักษณ์ทีเดียว โดยเฉพาะมันมาจากชาวบ้านกันเอง ไม่มีใครกลัวผิดวินัยที่ไม่ใส่สีเหลืองแล้ว เพราะกลัวโดนพวกสีแดงตีหัวมากกว่า ที่สำคัญ อย่างที่จดหมายชมรมผู้สูงอายุว่า อย่าใส่ เพราะมันจะทำให้แตกสามัคคี!


เสียงประธานชมรมบ่นกับพ่ออยู่นานสองนาน "โอ๊ย! ปวดหัวกับการเมือง ลูกหลานเวลาไปทำงานก็กลัวมันโดนลูกหลง"


(ช่วงที่ว่านี้นายกสมชาย มาปักหลักอยู่เชียงใหม่ นักวิชาการ นักกิจกรรม ปัญญาชน ชาวบ้าน ของเชียงใหม่ต่างมีความเห็นแตกต่างกันสองฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด กลุ่มเสื้อแดงก็แผลงฤทธิ์เต็มที่)


พ่อฉันได้แต่หัวเราะ และรับปากมั่นเหมาะว่าไปเดินแน่ๆ


ส่วนฉันก็แอบหัวเราะกับจดหมาย พร้อมดีใจเล็กๆ ที่แม้ไม่รู้ว่าสถานการณ์การเมืองจะคลี่คลายอย่างไร แต่หากเราเลิกยึดติดเสียทีกับเสื้อกีฬาสี หันกลับไปใส่สีที่เหมาะสมของแต่ละคนอย่างมีเสรีภาพตลอดไป มันคงจะดีมากทีเดียว


บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
นั่งดูบอลคู่นี้อย่างไม่ตั้งใจนัก เผอิญว่ากดรีโมทโทรทัศน์มาเจอเข้าพอดี เลยคิดว่าอยากจะเชียร์บอลไทยสักหน่อย ดูเวลาการแข่งขันตอนนั้นก็เข้าสู่นาทีที่เจ็ดสิบกว่าแล้ว ไทยนำอยู่ 2-1 ดูไปได้ไม่ทันไร ก็มาถึงจังหวะการกระโดดแย่งบอลกันกลางอากาศ นักเตะไทยเป็นฝ่ายกระโดดได้สูงกว่าและโดนลูกบอล แต่เมื่อเท้าแตะถึงพื้น นักเตะไทยวิ่งต่อ ส่วนนักเตะเลบานอนลงไปนอนกับพื้น เอากุมหัว ดิ้นอย่างเจ็บปวดสักพักเมื่อเขาลุกขึ้น สิ่งที่เห็นก็คือเลือดอาบหน้าและสองมือที่กุมเอาไว้ เลือดออกเยอะมากขนาดที่เห็นแล้วต้องเบะปาก ขณะที่เพื่อนร่วมทีมวิ่งมาดู นักเตะไทยเดินยิ้ม ยักไหล่ แพทย์สนามก็มาช้าเหลือเกิน เกมรึ…
สร้อยแก้ว
หลังการจากไปของพี่ปุ๋ย (นันทโชติ ชัยรัตน์) วันหนึ่งของต้นฤดูหนาว พี่แป๊ะ ภรรยาพี่ปุ๋ยก็มีดำริจะปลูกบ้านเป็นของตัวเองเสียที โดยพี่แป๊ะได้ซื้อไม้จากบ้านเก่าหลังหนึ่งไว้ ก่อนการเริ่มต้นปลูกบ้าน พี่แป๊ะจึงต้องหาคนมารื้อเอาไม้จากบ้านเก่าก่อน ซึ่งก็ได้น้องนุ่งแรงดีจากลุ่มน้ำมูนและหนุ่มในเมืองอย่างเอก และผู้อาวุโสแต่หัวใจวัยรุ่นอย่างพ่อถาหนึ่งในแกนนำปากมูน แห่งบ้านนาหว้า มาช่วยกันคนละไม้ละมือ
สร้อยแก้ว
(ขอความกรุณาสวมเสื้อขาว, สีฟ้า หรือสีที่ดูเหมาะสม ยกเว้นอย่าสวมเสื้อสีเหลืองหรือสีแดง เพราะจะทำให้แตกสามัคคี) ข้อความในวงเล็บนี้ทำเอาฉันอมยิ้มจนเกือบเผลอหัวเราะนี่คือจดหมายเชิญเดินเทิดพระเกียรติของชมรมผู้สูงอายุตำบลหารแก้วที่ประธานชมรมถึงกับควบมอเตอร์ไซค์แถดๆ มาหาพ่อถึงบ้าน
สร้อยแก้ว
 ฉันมีโอกาสไปร่วมงานรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ ๑๐ ปีนี้ เลยทำให้อดคิดไม่ได้ว่า รางวัล มีความหมายอย่างไรต่อชีวิตคนบ้าง ลองเปิดพจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถานดู เขาก็บอกว่ารางวัลคือ สิ่งของหรือเงินที่ได้มาจากความดี ความชอบ หรือความสามารถย้อนทบทวนตอนเด็กๆ รางวัลแรกของฉันมาจากการวิ่งได้ที่ ๓ จากการวิ่งแข่งกันสี่คน (เกือบไป!) โชคดีได้ขึ้นแท่นรับรางวัลกับเขา ยิ้มแก้มแทบปริ และเมื่อถึงบ้านก็รีบเอาสมุดดินสอมาให้พ่อกับแม่ดู
สร้อยแก้ว
ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ภาพของเพื่อนสนิทคนหนึ่งในวันที่เข็นรถเด็กที่มีเด็กหญิงวัยแปดเดือนนั่งยิ้มแฉ่งเดินเล่นยามเย็นนอกเมืองก็โผล่ขึ้นมาในห้วงคำนึงในวันฝนตก ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวกันเลยสักนิด เธอดูมีความสุขปลอดโปร่งใจดีเหลือเกิน เธอบอกฉันว่า แต่ก่อน เธอมองชีวิตแบบเอ็นจีโอ ใส่เสื้อผ้าฝ้าย ใช้ข้าวของอย่างประหยัด หน้าตาไม่แต่ง เธอเชื่อมั่นในวิธีคิดแบบนั้น ศรัทธาคนเหล่านั้น แต่วันเวลาก็ทำให้เธอเห็นว่าคนเหล่านั้นก็เป็นเพียงปุถุชนธรรมดาๆ เท่านั้น พวกเขาไม่ได้ดีอย่างที่เรามอบความศรัทธาให้ เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงใช้ชีวิตตามแนวคิดอย่างนั้นได้อย่างเชื่อมั่นอยู่ตั้งหลายปี…
สร้อยแก้ว
สำหรับนักเขียน ยามคอมพิวเตอร์มีปัญหานับว่าเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว เพราะแต่ละวันไม่ว่ายังไงก็ต้องได้ลูบๆ เคาะๆ วันละนิดละหน่อยจนเคยชิน ครั้นเมื่อมันเกิดปัญหาขลุกขลัก แม้จะรู้สึกเซ็งๆ แต่ก็ต้องทนหอบหิ้วมันไปหาช่าง – คนที่เราคิดว่าเขารู้ดีกว่าเราแต่การเลือกช่างก็เหมือนการเลือกหมอรักษาอาการป่วยของเรานั่นแหละ หากยามใดเราไปเจอหมอที่วินิจฉัยโรคเราผิด จากที่ไม่ได้เป็นอะไรเลยแต่กลับบอกว่าเป็นโรคร้ายต้องผ่าตัดไปหลายยก เจ็บกาย เสียเวลา เสียเงิน เพื่อที่จะพบว่า ที่แท้เราไม่ได้เป็นอะไรเลย ความรู้สึกโกรธและไม่อาจทำใจยอมรับกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ…
สร้อยแก้ว
ชาวบ้านห้วยสะคามตื่นเต้น ใช้ไฟฟรี ประหยัดกันยกใหญ่! อยากให้พาดหัวข่าวแบบนี้ในหน้าหนังสือพิมพ์บ้างจัง แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กมากของประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ขัดแย้งใหญ่หลวงของบ้านเมืองยามนี้ นโยบายอะไรๆ ของรัฐบาลก็ไม่ดีทั้งนั้น ในฐานะที่ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรมากเกี่ยวกับนโยบายประชานิยม แต่ว่าพอเข้าใจหัวจิตหัวใจของชาวบ้านตาดำๆ ซึ่งเวลาลงคะแนนเลือกตั้งเสียงของเขาก็มีค่าเท่ากับศาสตราจารย์หรือด๊อกเตอร์ในเมืองไทย เขาก็มองเห็นผลดีผลได้เท่าที่จับต้องได้ ไม่ต้องอ้างเอ่ยว่าเขาซื้อเสียงง่ายหรอก แต่เขาเห็นว่าเขาได้อะไรจากรัฐบาลชุดที่แล้ว (ยุคทักษิณ) เขาถึงเลือกและชอบ
สร้อยแก้ว
ภาพจาก http://www.blogth.com/blog/ddimg/uploadimg/20070514/093435918.jpgอาจไม่ต้องถึงขั้นเป็นคอบอล เป็นแค่ผู้นิยมกีฬาฟุตบอลก็คงต้องอยากดูเกมระหว่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กับเชลซีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมาว่าจะเป็นอย่างไร เปิดฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก เชลซีเดินหน้าชนะทุกนัดเก็บมาได้เก้าคะแนนเต็ม เป็นการออกสตาร์ทที่สวยงามและทั้งนักเตะทั้งแฟนบอลเต็มไปด้วยความฮึกเหิม ขณะที่แชมป์เก่าอีกทั้งยังเป็นแชมป์ถ้วยฟุตบอลสโมสรยุโรปซะด้วย กลับเก็บมาได้เพียงสี่คะแนน แพ้บ้าง เสมอบ้าง จนแฟนๆ ชักใจคอไม่ดี แม้ฤดูกาลที่แล้วก็ออกสตาร์ทไม่ดีเหมือนกันแต่สุดท้ายก็ได้ถ้วย…
สร้อยแก้ว
โขงเจียมคือชื่ออำเภอหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี อันเป็นที่รู้จักกันดีว่า เป็นเมืองที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยามเพราะอยู่ทิศตะวันออกสุดของประเทศ และยังเป็นที่รู้จักอีกในฐานะที่มีแม่น้ำสายสำคัญของอีสานสองสายมาบรรจบคือแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขง จุดที่บรรจบกันนั้นเรียกกันอย่างไพเราะว่า แม่น้ำสองสี โขงสีขุ่น มูลสีคราม (แต่ตอนนี้ขุ่นทั้งคู่ หากอยากเห็นมูลสีครามน่าจะเป็นช่วงหน้าแล้ง) โขงเจียมมีฐานะเป็นอำเภอ แต่อำเภอนี้เล็กเหมือนหมู่บ้าน ค่ำมาราวสักสองทุ่มก็เงียบแล้ว บางบ้านเข้านอน บางบ้านอาจจะยังนั่งพูดคุยกันอยู่หน้าบ้าน แต่คุยกันอย่างเงียบๆ ไม่กระโตกกระตาก สงบดีเหลือเกิน…
สร้อยแก้ว
ฤดูฝน นาพ่อสนเขียวไสวด้วยต้นข้าว ยามเช้าน้ำค้างชุ่มหญ้า ชุ่มพุ่มไม้ ครั้นเมื่อแสงแดดโผล่พ้นจากหมู่เมฆ ท้องนาสีเขียวยิ่งดูกระจ่างตา เหลียวมองรอบๆ แสนสบายตาสบายใจ เอ แล้วดอกอะไรกันหนอสีแดงขาว เป็นพุ่มไม้ใหญ่อยู่หน้าเถียงนาอีกแห่งนั่น ? เห็นแล้วก็อดคว้ากล้องเดินย่ำน้ำค้างบนคันนาไปหาดอกไม้นั้นไม่ได้ ไพจิตรเห็นก็วิ่งตามโดยทันใด เธอไม่ใส่รองเท้า ฉันบอกระวังหนาม ไพจิตรเงยหน้าขึ้นมองไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้ม เธอทำให้ฉันอดคิดถึงครั้งหนึ่งเมื่อเราไปเที่ยวช่องเม็ก ด่านชายแดนลาวด้วยกัน
สร้อยแก้ว
ฉันถ่ายรูปไพจิตรไว้หลายรูปทีเดียว จนอดไม่ได้ที่จะเขียนถึงเธออีกครั้ง ด้วยความที่เธอบริสุทธิ์เหลือเกิน บ้านของไพจิตรอยู่ในหมู่บ้าน แต่เธอและครอบครัวมักชอบไปนอนเถียงนาที่มีวัว ควาย หมู หมา ไก่ เป็นเพื่อน ในหมู่บ้าน บ้านเรือนมักจะปลูกติดๆ กัน อันเป็นธรรมดาของสังคมหมู่บ้าน ซึ่งสมัยก่อน บ้านเรือนอาจปลูกไม่ชิดกันมากขนาดนี้ แต่เมื่อลูกหลานสร้างครอบครัวกันขึ้นมาใหม่ เริ่มปลูกบ้านหลังใหม่เพิ่ม ลักษณะหมู่บ้านจึงดูหนาแน่นขึ้น ครอบครัวของพ่อสนซึ่งรักความสันโดษเลยพากันไปนอนเถียงนาที่แสนจะเงียบสงบ อากาศเย็นสบาย และฉันก็มักไปนอนที่นั่นด้วยบ่อยๆ
สร้อยแก้ว
ดาวใจและไพจิตร เป็นชื่อของเด็กหญิงสองพี่น้อง ลูกสาวแม่พร พ่อสน คนดูแลสวน-สถานที่ของศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน พ่อสนมีลูกทั้งหมดสิบคน ลูกชายสองคนก่อนหน้าดาวใจ ไพจิตร ชื่อไมโคร และ นูโว นัยว่าพ่อท่าจะชอบเสียงเพลงมากถึงตั้งชื่อลูกเป็นชื่อศิลปินนักร้อง ตอนนี้ลูกๆ ของพ่อสนที่ไม่ได้เอ่ยนามล้วนออกเรือน มีครอบครัว บ้างเสียชีวิต ลูกๆ ที่ยังอยู่กับพ่อสน แม่พร จึงมีสี่คนที่ว่า (ส่วนลูกชายอีกคนหนึ่งของพ่อสนที่เคยโด่งดังในม็อบปากมูนเมื่อหลายปีก่อน จนหนังสือพิมพ์หลายฉบับต่างเขียนถึงและลงบทสัมภาษณ์ คือดาวไฮปาร์คเด็กที่ชื่อ เปาโล ตอนนี้เปาโลโตเป็นหนุ่ม แต่งงานมีลูกแล้ว) ดาวใจกับไพจิตร เป็นเด็กหญิงที่ร่าเริง…