Skip to main content

 

 

ตาน้ำ
แม่เพิ่งรู้ว่า ยามลมพายุพัดระหว่างมีบ้านอยู่กลางหุบเขากับที่ราบโล่ง เสียงสายลมจะหวีดดังไม่เหมือนกัน


ค่ำวันนี้ เมื่อแม่เห็นลูกนอนในเปลผ้าฝ้ายหลับสนิทดีแล้ว แน่ใจว่าลูกหลับลึกพอ แม่ก็เดินเข้าบ้านไปเอาผ้าเช็ดตัวเตรียมอาบน้ำ แต่เมื่อเดินออกมา เสียงสายลมจากทิศตะวันออกไกลก็ทำให้แม่แน่ใจได้ทันทีว่ามีพายุแน่ แม้ว่าก่อนหน้านี้แม่จะอุ้มลูกแนบอก ยังชี้ชวนให้ลูกดูพระจันทร์ครึ่งซีกที่รายล้อมด้วยดวงดาวแจ่มใส สำหรับหน้าฝน ยามฟ้าแจ่ม ก็แจ่มเหลือเกิน ท้องฟ้าโปร่งโล่ง สีท้องฟ้ารอบดวงจันทร์นวลตานวลใจ


แต่ก็นั่นแหละ นี่คือหน้าฝน อะไรๆ มันก็ไม่แน่ไม่นอนทั้งนั้น เมื่อแม่ได้ยินเสียงลมหวีดหวือ แม้รู้ดีว่าเสียงนั้นอยู่ไกล แต่อยู่ไกลขนาดนั้นยังดังให้ได้ยินขนาดนี้ แม่ก็วิ่งมาใต้ถุนบ้าน บอกพ่อว่า “พายุมาแน่”


แล้วแม่ก็รีบอุ้มลูกออกจากเปลใต้ถุนบ้าน ลูกยังหลับสนิทไม่ได้ตกใจตื่นเลย แม่เอาผ้าคลุมหัวลูกไว้ก่อนเดินออกจากเรือน


แม่มีความเชื่อเหมือนคนโบราณเชื่อ เพราะแม่ของแม่บอกแม่มาเช่นนี้ ออกจากเรือนชานให้หาผ้าคลุมกระหม่อมลูกไว้ ขวัญลูกยังไม่แข็งนัก จะทำอะไรแม่ก็หวั่นกลัวเสมอว่าลูกจะตกใจหรือผวากับโลกกว้างใบนี้


แม่ก้าวเดินเพียงสองสามก้าว ลมที่ว่าดังหวือๆ ก็มาถึงเร็วเกินคาด ระลอกแรกที่สายลมพัดมาถึงมันแรงเสียจนพ่อที่ยังดูงงๆ ว่าทำไมแม่อุ้มลูกเข้าบ้านด้วยท่าทีรีบร้อนนักต้องหันมางงกับลมแรงแทน ส่วนแม่วิ่งจ้ำอ้าว ปากก็ท่องคาถาที่ยายของลูกสอนมา “เกศาโลมา นะขาปันต๋านะติ...”


มันเป็นคาถาปกป้องดูแลลูกจ้ะ แปลว่าอะไร แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าท่องแล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคุ้มครองป้องกันภัยให้ลูก แม่ก็ท่อง


เข้าบ้านได้แม่ก็อุ้มลูกไปบนเตียง กางมุ้งให้ ลูกหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่อง ถึงตอนนี้ลมแรงมาก สังกะสีที่วางปิดตุ่มน้ำใบใหญ่ข้างบ้านปลิวลงพื้นดังโคร้งเคร้ง เสียงลมพัดแรงน่ากลัวมาก มองดูลูกที่หลับไหลไม่รับรู้โลกภายนอกแน่ใจว่าลูกคงไม่ตื่นง่ายๆ แม่ก็เดินออกมา ทีแรกว่าจะไปช่วยพ่อเก็บข้าวของใต้ถุนบ้าน แต่ลมพัดแรงจัดจนแม่ต้องวิ่งคืนเข้าบ้าน ตะโกนถามพ่อไปว่า “เก็บเองได้ไหม” ถามไปอย่างนั้นแหละ เพราะรู้ดีว่า พ่อของลูกคงไม่พูดหรอก อยากช่วยก็มา ไม่ต้องถามมาก ในใจพ่อคงจะตอบอย่างนี้มากกว่า


แม่กลับเข้าไปนอนในมุ้งกับลูก แม่เกรงว่าเสียงฟ้าร้องจะทำให้ลูกตื่นตกใจ แม่นอนชิดลูก กอดลูกไว้เบาๆ เสียงลมตอนนี้ไม่ใช่ดังหวือๆ แล้ว แต่มันดังน่ากลัวมากมันเหมือนจะพัดบ้านไปได้ทั้งหลังจนแม่อดนึกถึงพายุทอร์นาโดในหนัง Twister ไม่ได้ ในหัวจินตนาการไปถึงว่าแม่ควรจะหลบไปอยู่ตรงไหนดีถึงจะปลอดภัย ซุกแอบกับกำแพงบ้านฝั่งไหนที่จะไม่พัง แต่บ้านดินหลังนี้คงพังทั้งหลังแน่ๆ แล้วลมจะพัดแม่กับลูกขึ้นไปอยู่ในวงหมุนของทอร์นาโด แม่คงจะอุ้มลูกไว้แนบอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแม่จะอุ้มลูกแน่น แน่นยิ่งกว่าตอนพาลูกวิ่งเข้าบ้านเมื่อตะกี้เสียอีก


อืมม์... ดูแม่จินตนาการซิ คิดไปได้อย่างไร

แม่หัวเราะให้ตัวเอง

ลมหมุน เราสองคนล่องลอยอยู่บนฟ้า ลูกจะไม่มีวันพลัดพรากจากแม่ และลูกจะไม่มีวันเป็นอะไร แม่จะปกป้องด้วยชีวิตแม่ ลูกรัก


ไม่นาน พ่อของลูกวิ่งเข้าบ้าน เข้ามุ้งมาก็มองดูลูกก่อนอันดับแรก พ่อเข้ามานอนอีกข้างหนึ่งของลูก และพ่อกับแม่ก็แย่งกันกอดลูกเช่นเคย เราสองคนเป็นแบบนี้จนแม่เหนื่อยบ่อยๆ เหนื่อยกับการสงสัยว่าทำไมเราสองคนชอบแย่งกันเลี้ยงลูกจัง


ตาน้ำ

นั่นเป็นเพราะแม่กับพ่อรักลูกจ้ะ

เราอาจจะขัดแย้งเรื่องวิธีเลี้ยงลูกในบางครั้ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นพ่อกับแม่ต่างอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูกเท่านั้น


พ่อเข้ามานอนพลางพึมพำว่า ของกินในกระจาดที่แขวนไว้กระจัดกระจายหมดแล้ว ช่างมัน

แม่บอกว่า นี่ถ้าแม่ทันได้อาบน้ำก่อนคงจะดีมากๆ แม่คงจะหลับไปเลยพร้อมลูกท่ามกลางอากาศที่เย็นสบายเช่นนี้ ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว สถานการณ์อย่างนี้เวลาที่มีพ่ออยู่แม่จะสบายใจมาก เพราะรู้ว่าถ้าพ่อไม่กลัวอะไรก็แปลว่าไม่มีอะไรน่ากลัว แม่สิมักจะตื่นตูมอยู่เสมอ


ฝนลงหนักพักใหญ่ เมื่อพายุหายพ่อก็ออกจากมุ้งกลับไปที่ใต้ถุนบ้าน ไม่นานแม่ก็ตามออกไป ฝนซาลงไปมาก แม่พาดผ้าเช็ดตัวกับบ่าเตรียมไปอาบน้ำ ใต้ถุนบ้านที่เราใช้อาศัยอยู่ช่วงกลางวันบัดนี้พื้นดินมีน้ำเจิ่งนอง พ่อเตรียมกับข้าวไว้แล้ว

กินข้าวก่อนสิ”


แม้ลมพัดเทของกระจาย แต่ก็ยังเหลือกับข้าวไว้บางส่วน แม่บอกพ่อว่า แม่จะอาบน้ำก่อนแล้วค่อยมากิน แม่มองออกไปทางฝั่งทุ่งนา เห็นดวงไฟส่องแสงตรงโน้นตรงนี้ แม่ได้แต่ยิ้ม ภาพนี้เมื่อปีที่แล้วตอนเห็นครั้งแรกแม่ตื่นเต้นมาก มันเป็นภาพชีวิตที่สวยงามจริงๆ ค่ำคืนที่ฉ่ำชื้น ชีวิตดีดดิ้นไปตามฤดูกาลและความผันแปรของธรรมชาติ พวกเขาออกไปหากบกันจ้ะ ลูก ชาวบ้านเรียกการส่องดวงไฟหาสัตว์นี้ว่า ไต้ ถ้าหากบก็เรียกว่าไต้กบ ถ้าหากะปอม (กิ้งก่า) ก็ไต้กระปอม ไต้อึ่ง ไต้เขียด ไต้แมงจินูน โปรตีนชั้นดี ปลอดสารพิษ ของคนอีสาน ตอนแม่ตั้งท้องลูก แม่ก็ได้กินแมงจินูนและอึ่งสำหรับหล่อเลี้ยงสองชีวิตเราเหมือนกัน


ตาน้ำ คืนนี้ แม่กินข้าวท่ามกลางอากาศที่เย็นสดชื่นยิ่งนัก

เดี๋ยวนี้หลังแม่อาบน้ำแม่แทบไม่ทาแป้งแล้ว เพราะแม่กลัวแป้งเปื้อนอก ทำให้เวลาลูกดูดนมลูกอาจจะกินแป้งเข้าไปด้วย ส่วนเครื่องสำอางต่างๆ แม่ก็ไม่ได้ใช้ อันนี้เป็นเพราะว่าครีมของแม่หมด หมดมาสามเดือนก่อนแม่จะคลอดลูกเสียอีก แล้วแม่ก็ไม่มีเวลาไปซื้อ แต่อย่าว่าเพียงแค่จะหาเวลาไปซื้อเลย เพราะนับตั้งแต่แม่คลอดลูก แค่แม่ได้อาบน้ำก่อนนอนนี่ ก็นับเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว เพราะเดือนแรกนั้นมีหลายคืนมากที่แม่หลับไปทั้งที่ไม่ได้อาบน้ำ แม่เหนื่อยเกินไปและยังอ่อนเพลียเพราะสุขภาพยังไม่เข้าที่ แต่ตอนนี้แม่ทำได้มากกว่านั้นอีกแน่ะ แม่สามารถอาบน้ำได้วันละสองครั้งซึ่งมันหมายถึงว่าความเป็นอยู่ของแม่เริ่มใกล้เคียงวิถีปกติที่แม่เคยเป็นแล้ว เหลืออยู่อีกอย่างที่แม่อยากทำ แต่ยังหาเวลาได้ยากมาก ก็คือ การเขียนหนังสือ แต่แม่ก็พยายามอยู่ อย่างที่แม่กำลังเริ่มต้น ณ เวลานี้ คือเขียนบันทึกถึงลูก

 

ตาน้ำ แม่ว่าตอนนี้แม่คงไม่สวยเอามากๆ แล้วล่ะ เพราะแม่เองก็ไม่ได้ดูกระจกมานานหลายเดือนแล้ว มีบางครั้งเหมือนกันที่แม่เคยคิดว่าหากแม่มีเวลามากขึ้น แม่จะดูแลตัวเองให้มากกว่านี้ แม่ก็ยังอยากสวยอยู่นะ แต่ยังไงลูกก็ต้องมาก่อน


ตาน้ำ ตอนนี้ลูกอายุสองเดือนสามอาทิตย์แล้ว
แม่รู้สึกว่าชีวิตแม่เปลี่ยนแปลงไปมากเหลือเกิน

 

แม่สร้อย
31
สิงหาคม 52

 

 

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
  ๑.ผูกพัน เป็นชื่อเพลงเพลงหนึ่งไม่บ่อยนักที่ฉันจะได้ฟังเพลงสักเพลงแล้วมันตรึงเราให้อยู่นิ่งๆ ตั้งอกตั้งใจฟังจำได้ว่า วันนั้นฉันนอนเปลที่ผูกเข้ากับเสาอาคารและต้นไม้ข้างศูนย์ฯ มีกิจกรรมค่ายของน้องๆ วัยมัธยมและมหาวิทยาลัยราวสี่สิบคน บรรดาพี่เลี้ยงเป็นคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมที่แต่ละคนล้วนฝีมือฉกาจฉกรรจ์ โดยเฉพาะ แคน และน้องผู้ชายอีกคนจำชื่อไม่ได้ (มาจากแก่งเสือเต้น) ดำเนินกิจกรรมให้กับเด็กๆ ได้อย่างมีสาระและสนุกสนาน เรียกว่าเอาอยู่ เก่งมากๆ
สร้อยแก้ว
 หน้าบ้านดอกโมกบานก่อนเพื่อนดอกมะลิตามมาดอกคูนเริ่มผลิไสวลั่นทมสี่ต้นที่เคยปลูกเองกับมือก็ผลิดอกให้ชมเร็วทันใจปีที่แล้วนี้เอง, ตอนนั้นเอามาปลูกกับเด็กหญิงไพจิตรพายุคะนองทำให้กิ่งก้านใหญ่ของลั่นทมหน้าศูนย์ฯ หักฉันแบ่งออกเป็นสี่กิ่งปลูกรอบบ้านดินไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้มาอยู่บ้านหลังนี้ลั่นทมกลิ่นหอม ชอบเด็ดมาดมดอกพุก ไม้ยืนต้นก็บานแล้วสีขาวดอกยอกขี้หมาส่งกลิ่นหอมจากคืนถึงเช้ามันเป็นดอกที่ชื่อกับตัวไม่เข้ากันเลยยอกขี้หมาสีขาวร่วงหล่นบนพื้นสีขาวเกลื่อนทางเดินดูสวยดียามเช้าตื่นมาเดินเล่น สูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้แสนสดชื่นเย็นวันนี้…
สร้อยแก้ว
แม้ม็อบเสื้อสีๆ จะซาลงไปแล้ว (ซาแต่นามภาพ-รูปธรรม แต่ในความรู้สึกนั้นยังคงไหลแรง) แต่ฉันก็ยังเชื่อว่าคนที่เข้าร่วมแต่ละกลุ่มย่อมมีความคิด มีทัศนคติที่ชัดเจนของตนเอง อย่างที่ทิ้งท้ายไว้ในตอนที่แล้วว่าฉันจะนำความคิดของ ไม้หนึ่ง ก.กุนที มานำเสนอ เพราะเห็นว่าวิธีคิดของเขาน่าสนใจมาก ซึ่งแม้ปัจจุบันฉันจะยังอยู่ขอบปลายชายแดนอีสาน ไม่มีโอกาสได้เจอหรือพูดคุยกับตัวตนจริงๆ ของเขา และบทสัมภาษณ์ที่คัดลอกมาฝากนี้ก็เคยผ่านหน้านิตยสารมาบางส่วนแล้ว แต่ฉันก็ยังอยากให้ใครอีกหลายๆ ที่อาจยังไม่ได้ผ่านตากับความเห็นเหล่านี้ได้ลองอ่านเล่นๆ ดูบ้าง
สร้อยแก้ว
ไม้หนึ่ง ก. กุนที - เป็นใคร? สำหรับคนที่ไม่ได้สนใจงานเขียนประเภทกวีนิพนธ์หรืองานวรรณกรรม ก็มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะตั้งคำถามนี้ แต่สำหรับแวดวงนักเขียนหรือคนที่สนใจงานวรรณกรรม ย่อมรู้จักเขาดีว่าเขาคือหนึ่งในกวีหัวก้าวหน้าที่มีความสามารถสูงในด้านฉันทลักษณ์จนก้าวพ้นกรอบกฎเกณฑ์ของฉันทลักษณ์ไปได้อย่างสง่างามและพยายามที่จะให้ฉันทลักษณ์รับใช้ศิลปะ มีชีวิตชีวา มากกว่าเพียงแค่ถ้อยคำไพเราะเพราะพริ้ง
สร้อยแก้ว
แมนยูฯ คือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ศูนย์ฯ คือ ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูนฉันย้ายจากบ้านเช่าในเมืองโขงเจียมมาอยู่บ้านดินของศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูน ได้ ๑ เดือนเต็มๆ แล้วและนับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ภายในบ้านที่มีโทรทัศน์ใส่กล่องกระดาษตั้งอยู่ มันก็มีหน้าที่เป็นพนักพิงยามเขียนหนังสือ (กับโต๊ะญี่ปุ่น) ให้เท่านั้น ฉันขอความร่วมมือจากคนร่วมชายคาบ้านว่าหากอยากดูข่าวสารจากโทรทัศน์ก็ช่วยออกแรงเดินสักร้อยกว่าเมตรไปดูในห้องทำงานของศูนย์ฯ เถอะนะ ซึ่งที่นั่นจะมีน้องชายอ้วนดูอยู่เป็นประจำ (และนอนที่นี่) คนอาศัยชายคาเดียวกันก็นับว่ามีน้ำใจยิ่ง ให้ความร่วมมือกับคนเรื่องมากอย่างฉันโดยดี
สร้อยแก้ว
ไม่ได้ตั้งใจจะเลี้ยงเล้ยยยยย... จริงๆ พับเผื่อยซิ วันประชุมสมัชชาคนจน ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบความเดือดร้อนจากการสร้างเขื่อน ได้มาประชุมปรึกษาหารือกันที่ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน เจ้าแมวตัวนี้นอนซุกอยู่ในรองเท้าเจ้าอ้วน - เด็กอ้วนแห่งรายการวิทยุชุมชน เด็กๆ แถวนี้บอกว่าพี่น้องมันตายไปหมดแล้ว หมาฟัดเรียบฉันได้แต่ฟังเขาพูด ไม่ได้ขึ้นไปฟังเขาประชุมด้วย เลยไม่รับรู้ต่อการมีอยู่ของมันแต่ว่าพอบ่ายแก่ๆ ก็มีมือดีจับใส่กระเป๋าเสื้อเดินมาให้ที่บ้านดิน"อยู่ที่นี่ดีกว่านะ ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะถูกหมาฟัดตาย"เจ้าของเสียงดึงมันออกมา ตัวเล็กๆ อยู่ในอุ้งมือเดียวเท่านั้นของชายหนุ่มฉันมองแล้วทั้งยิ้มทั้งถอนใจ
สร้อยแก้ว
ร้อนๆ อย่างนี้ ซื้อน้ำแข็งกินทีไร ก็อดคิดถึงตู้เย็นไม่ได้ทุกที ถ้ามีตู้เย็นฉันคงจะซื้อน้ำแข็งกินไม่เปลืองเท่านี้ เพราะกินเท่าที่ต้องการ เหลือก็ใส่ตู้เย็น หรือบางทีก็ทำน้ำแข็งกินเองก็ได้ ส่วนของสดหรืออาหารที่กินเหลือก็แช่ตู้เย็นไว้ได้ หิวเมื่อไหร่ก็นำมากินได้อีก ไม่เปลือง อืมม์! คิดทีไรก็อยากกลับไปเอาตู้เย็นที่กรุงเทพฯ ทุกที แต่ก็ติดตรงที่ฉันไม่เคยแน่ใจสักทีว่าจะปักหลักที่ไหน การเคลื่อนย้ายบ่อยจึงไม่เหมาะที่จะมีสัมภาระอะไรมาก นี่ขนาดว่าไม่มาก ฉันก็ยังซื้อโทรทัศน์ (ไว้ดูข่าวสารบ้านเมือง) เครื่องซักผ้า (แก่แล้ว นั่งซักปวดหลัง) หนังสืออีกหนึ่งเข่งและข้าวของจิปาถะอีกสองเข่งกับอีกสองลังเสื้อผ้า…
สร้อยแก้ว
ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการสร้างเขื่อนสิรินธรเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๔ ได้จัดงานรำลึก ๑๕ ปีในการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในบริเวณแถบอีสานใต้นี้ นับว่ามีปัญหาของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของภาครัฐอยู่หลายโครงการ เอาแค่ใกล้ๆ ที่ฉันอยู่ มีปัญหาจากการสร้างเขื่อนอยู่สามโครงการคือ เขื่อนสิรินธร เขื่อนปากมูน และเขื่อนราษีไศล
สร้อยแก้ว
  "ท่านเป็นเจ้านาย มีเงินเดือนกิน ท่านบ่ได้เป็นแม่ค้าหาเช้ากินค่ำ ท่านจะเว้าจังได๋ก็ได้"คำพูดของแม่ค้าคนหนึ่งดังอยู่ข้างหูเมื่อทุกคนมายืนรอฟังคำตอบจากการไปเจรจากับทางเทศบาลมาเสียงโทรศัพท์ที่ดังแต่เมื่อคืนบอกถึงเจตจำนงในการจะยึดพื้นที่ค้าขายกลับคืนมาในช่วงเวลาราวตีหนึ่งเศษทำให้เพื่อนบางคนที่ทำงานในศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านต้องรีบออกไปดูแต่เช้า และแน่นอนด้วยความอยากรู้อยากเห็นฉันก็ขอกระเตงติดรถไปด้วยคน
สร้อยแก้ว
ฉันมีโอกาสไปดูงานรณรงค์เลิกเหล้าของหมู่บ้านคำกลาง ตำบลโนนหนามแท่ง อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อหลายเดือนก่อน ตำบลนี้มีกำนันคนเก่งเป็นผู้หญิงชื่อ รัตนา สารคุณ ก่อนนี้แม่กำนันเคยเป็นนักเลงสุรา ดื่มเหล้าหนัก แม่กำนันดื่มเหล้าเพียวและดื่มน้ำตบตูดแบบเดียวกับที่ผู้ชายพื้นบ้านนิยมดื่มกัน และแม่คอแข็งชนิดผู้ชายต้องยอมแพ้ แต่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไป กาลเวลาสามารถพิสูจน์ความสามารถของเธอได้มากกว่าการพิสูจน์ความกินทนกินนาน ใจป้ำ ใจแกร่ง ในวงสุรา แม่กำนันก็เห็นโทษของการดื่มสุรา และหันมารณรงค์ให้ลูกบ้านลดละเลิกเหล้า
สร้อยแก้ว
  นึกไม่ออกแล้วว่าเคยไปร่วมงานวันเด็กครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่พยายามนึก...ลูกก็ยังไม่มี หลานรึ ก็ไม่เคยได้พาไป เพราะไม่ค่อยได้อยู่บ้านงานวันเด็กครั้งสุดท้ายของตัวเองน่าจะเป็นตอนที่ยังเรียนอยู่ชั้น ป.๖ นั่นแหละ เพราะหลังจากนั้น พอขึ้นชั้น ม.๑ ความแก่แดดแก่ลมของฉันก็พลันให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นสาววัยรุ่นแล้ว ไม่ใช่เด็ก จึงไม่เคยไปวอแวงานวันเด็กอีก ไม่อย่างนั้น เค้าจะหาว่าเด็กจนปีใหม่นี้ฉันมีโอกาสไปนอนมองพระจันทร์กลางทุ่งนา มองฟ้าพร่างดาวเคลื่อนคล้อยข้ามคืนข้ามปีในช่วงปีใหม่ที่อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร ก็เลยได้อยู่ยาวมาเรื่อยจนถึงงานวันเด็กของหมู่บ้าน