Skip to main content

 

ตาน้ำ

ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นเองที่แม่หลบมารดน้ำให้หัวใจ

รินลมหายใจแผ่วๆ ช้าๆ

ตาน้ำ

ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านี้เอง แต่มันทำให้แม่มีความสุข เพราะแม่สงบ ปลอดโปร่ง


สำหรับคนอย่างแม่ แต่ไหนแต่ไร การมีเวลาว่าง จิบกาแฟช้าๆ มองยามเช้าเคลื่อนไหว มองแดดสายพยับน้ำ มองสายธารกระพริบเล่น มองสายลมวนตามฤดูกาล เป็นเรื่องปกติธรรมดา กระทั่งเป็นกิจวัตรไปแล้วด้วย หากช่วงไหนไม่ค่อยได้ใช้เวลาอย่างที่ว่า แม่จะรู้สึกถึงความเหนื่อยอ่อนข้างใน แม้ว่าชีวิตรอบข้างยังอยู่ดี ไม่ได้ทะเลาะใคร ไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ได้โมโหโกรธาใคร แต่แม่ก็จะอยากหลบมุมสำหรับโลกภายในของแม่เอง


แม่รู้ตัวอยู่ว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนปกตินักสำหรับโลกใบนี้ สิ่งที่ทำ สิ่งที่เลือก ไม่ค่อยตรงกับใจใครคนอื่น (ส่วนใหญ่) แต่แม่ก็สำรวจตัวเองเสมอว่า สิ่งที่แม่ทำลงไปนั้นทำให้ใครเดือดร้อนหรือไม่ มันผิดหรือไม่ หากไม่ แม่ก็ไม่ลังเลถ้านั่นคือสิ่งที่ใช่สำหรับตัวแม่เอง เพียงแต่อาจต้องรับมือกับแรงเสียดทาน แรงคัดค้าน ของคนรอบข้างบ้าง


แต่แม่ก็ชินจนเกือบทำให้มันเป็นภาวะสุญญกาศแล้ว (ถ้าทำได้ก็ขั้นเทพแล้ว ตาน้ำ)


บทกวีของท่านเว่ยหลางไง ที่บอกว่า ถ้าไม่มีกระจก ฝุ่นละอองก็ไม่มีลงเกาะ เราก็ไม่ต้องเช็ดอะไรเลย (ก่อนหน้านี้มีพระรูปหนึ่งเขียนโคลงไว้ว่า ใจคนเปรียบเหมือนกระจก ถ้าไม่หมั่นเช็ดถูฝุ่นละอองก็ลงเกาะ ท่านเว่ยหลางเป็นเพียงเด็กวัดที่รอนแรมมาอาศัยอยู่เห็นเข้าจึงแอบเขียนโคลงของตนไว้ข้างๆ ว่า ถ้าไม่มีกระจกเสีย ฝุ่นละอองจะเกาะจับอะไรได้)


ตาน้ำ ภาวะที่จิตใจไม่มีอะไรเลย เป็นปรัชญาแบบเซน แม่ชอบอ่าน บางบทก็ชอบมาก แต่บางบทก็ไม่เข้าใจหรอก ยังโง่อยู่เลย อีกนานแหละกว่าจะคลี่คลาย


ซึ่งชีวิตแบบนี้ เราจำเป็นต้องมีเวลานะ ตาน้ำ


เวลาที่เราจะได้รินลมหายใจช้าๆ แผ่วๆ มองความเป็นไปแบบกลวงโบ๋ ว่างเปล่า ไม่ต้องไปคิดอะไร แม่รู้สึกว่ามันเป็นสภาวะชำระจิตใจ หากได้ใช้เวลาอย่างนี้บ้าง จิตใจก็จะใสสะอาด เบาสบายขึ้น


แม่แคร์เรื่องการดูแลความรู้สึกคนนะ ตาน้ำ แคร์จนบางทีก็รู้สึกว่ามันมากเกินไป พอแก่ตัวขึ้นแม่เลยเลือกที่จะพบเจอผู้คนให้น้อยลงเพราะกลัวว่าตัวเองอาจเผลอไปทำร้ายหรือระคายเคืองคนอื่นเข้าอย่างไม่ตั้งใจ (โดยเฉพาะในยามที่ไม่ค่อยมีสมาธิกับชีวิตนัก) แม่เลือกที่จะอยู่กับธรรมชาติให้มาก เพราะธรรมชาติทำให้ใจแม่สงบ ไม่วุ่นวาย


ด้วยเหตุนี้แหละ ตาน้ำ แม่ถึงเลือกที่จะให้ลูกเกิดและเติบโตที่นี่ แม้ว่ามันอาจมีปัญหา อุปสรรค ความไม่สะดวก บ้าง แต่ธรรมชาติและอากาศที่บริสุทธิ์ปลอดโปร่ง คือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับลูกในวัยนี้ (ใครบางคนบอกแม่ว่า สำหรับเด็กทารกแล้ว เขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าอากาศบริสุทธิ์และนมแม่) แม่อยากให้ลูกจิตใจอ่อนโยน เยือกเย็น จึงเลือกที่จะอยู่กับธรรมชาติ แต่ก็ไม่กล้าคาดหวังนักหรอก เพราะของอย่างนี้ เขาว่ายิ่งคาดหวัง มักได้ตรงกันข้าม (จริงหรือเปล่านะ?)


ตาน้ำ การเลือกเป็น เลือกทำในสิ่งที่ไม่เหมือนคนอื่นเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความมั่นคงของจิตใจมากพอสมควร ลูกจะเป็นคนเช่นนี้ได้ ลูกต้องมีความดื้อรั้นระดับหนึ่ง แล้วมีแรงขวนขวายให้มาก ไม่ว่าความรู้ หรือประสบการณ์ เพราะสองสิ่งนี้ จะเพิ่มความรู้ให้ลูก เมื่อลูกมีความรู้ ลูกก็จะมีความมั่นใจ ไม่ใช่การมั่นใจอย่างไร้สติ ไร้ข้อมูล


ทุกวันนี้ แม่พยายามทำงานให้มาก เพื่อจะให้ลูกได้มีโอกาสเรียนรู้ให้มาก แม่ไม่เคยคาดหวังสิ่งใดจากลูก นอกจากแม่อยากเห็นลูกเติบโตอยู่บนโลกนี้อย่างสง่างาม ไม่เอาเปรียบใคร ไม่รังแกใคร แต่ก็เอาตัวรอดได้


ตาน้ำ รู้ไหม สิ่งที่แม่กลัวที่สุดในฐานะคนเป็นแม่คืออะไร


แม่กลัวลูกถูกรังแก ถูกคนหลอก ถูกเอารัดเอาเปรียบ รู้ไม่เท่าทันเล่ห์กลคนโกงคนโฉด แม่เพิ่งพูดกับเพื่อนเมื่อไม่นานนี้เองว่า “ฉันไม่อยากให้ลูกเป็นคนมองโลกในแง่ดี ฉันอยากให้มันเห็นแก่ตัวบ้าง อยากให้มันเอาตัวรอดได้ ไม่ถูกใครเอาเปรียบหรือหลอกมัน"


และแม่ก็ไม่อยากให้ลูกเป็นคนขี้สงสาร เพราะความขี้สงสารมันย้อนกลับมาทำร้ายคนคนนั้นมานักต่อนักแล้ว


แม่รู้ ว่าแม่หยาบกระด้างขึ้น แต่โลกทุกวันนี้น่ากลัว ตาน้ำ มันไม่ได้สวยงามอย่างที่แม่เคยมองเห็นอีกต่อไป (มันอาจเลวร้ายอย่างนี้อยู่แล้ว แต่แม่เพิ่งค้นพบ หรือมันอาจเพิ่งเลวร้ายมากขึ้นไม่นานมานี้เอง เพราะโลกของเราเปลี่ยนไป มันคืออย่างไหนไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ มันสวยงามก็เพียงด้านเดียว และลูกจะต้องเรียนรู้ทั้งสองด้าน)


แต่ก่อนแม่ไม่เคยเข้าใจว่าทำไม พ่อแม่ของแม่ (ตายาย) จะต้องเข้ามาจ้ำจี้จ้ำไชชีวิตแม่มาก แม่เคยคิดว่า เจ็บก็เรื่องของแม่ แม่รับผิดชอบเอง แม่ไม่ได้ทำให้ใครเจ็บปวดด้วยนี่ แต่เปล่าเลย ตาน้ำ แม่เพิ่งมารู้สึกเอาตอนมีลูกนี้เองว่า ‘เจ็บก็เรื่องของฉัน’ นั้น เป็นแค่ความคิดของลูกผู้ดื้อรั้นแต่โง่ (แม่หวังว่าลูกจะดื้อและเฉลียวฉลาด) แม่ไม่เคยรู้เลยว่า ทุกครั้งที่แม่เจ็บ ปิดประตูห้องร้องไห้ ใครกำลังยืนสะอื้นร้องไห้มากยิ่งกว่าอยู่นอกห้องนั้น


ตาน้ำ ทุกครั้งที่ลูกอยู่ในอ้อมกอดของคนอื่น ลูกยิ้ม แม่ก็พลอยสุขใจ แต่หากเมื่อไหร่ลูกร้องไห้ โยกตัวหนีจะหาแม่ แม่รู้สึกได้ ว่าแม่อยากรับลูกมาอยู่ในอ้อมกอดแม่โดยเร็วที่สุด แม่ไม่อยากเห็นลูกร้องไห้ ไม่อยากเห็นลูกทุกข์ใจ แม่ห่วงใยสารพัดว่ายามใครพาลูกเดินลับตา เขาดูแลลูกดีหรือไม่ เขาเอาอะไรให้ลูกกิน เขาเข้าใจความต้องการ ความรู้สึกของลูกหรือไม่ เขาถนุถนอมจับต้องลูกอย่างอ่อนโยนเพียงพอไหม


ตาน้ำ แม่เพิ่งเข้าใจอย่างลึกซึ้งเดี๋ยวนี้เอง ว่าตลอดสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา พ่อแม่ (ตายายของลูก) เขารู้สึกอย่างไร


ทุกครั้งที่แม่โทรศัพท์บอกพ่อแม่ว่า ไม่ต้องเป็นห่วงนะ หนูสบายดี แม่รู้แล้วว่า คนฟังก็เพียงแค่ฟัง แต่ไม่มีวันหรอกที่เขาจะไม่ห่วง ห่วงอันนี้มันจะติดตามไปจนชั่วชีวิต

ฉันเลี้ยงแกมา ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าแกเป็นคนยังไง”

(ประโยคคลาสสิคในหนัง The joy luck club)

.....

 

ตาน้ำ โตขึ้นลูกจะเป็นคนอย่างไรนะ


แม่ว่าแม่จะไม่คาดหวัง แต่ไปๆ มาๆ แม่ก็คาดหวังมากมายไปหมด อยากให้ลูกเยือกเย็นอ่อนโยน แต่ก็เข้มแข็งหนักแน่นมั่นคง อยากให้ลูกเป็นคนดี แต่ก็อยากให้ดีโดยไม่เบียดเบียนตัวเอง เอาตัวรอดได้


ตาน้ำ

แม่ห่วงลูก แม่อาจกังวลล่วงหน้าหลายอย่าง

แต่บางทีนะ บางที ลูกอาจไปได้ดีกว่าแม่ ทำได้ดีกว่า เข้าใจโลกและชีวิตได้ดีกว่า และแม่อยากให้เป็นเช่นนั้น

 

รักลูก

แม่สร้อย

๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๒

 

 

 

 

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
  ๑.ผูกพัน เป็นชื่อเพลงเพลงหนึ่งไม่บ่อยนักที่ฉันจะได้ฟังเพลงสักเพลงแล้วมันตรึงเราให้อยู่นิ่งๆ ตั้งอกตั้งใจฟังจำได้ว่า วันนั้นฉันนอนเปลที่ผูกเข้ากับเสาอาคารและต้นไม้ข้างศูนย์ฯ มีกิจกรรมค่ายของน้องๆ วัยมัธยมและมหาวิทยาลัยราวสี่สิบคน บรรดาพี่เลี้ยงเป็นคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมที่แต่ละคนล้วนฝีมือฉกาจฉกรรจ์ โดยเฉพาะ แคน และน้องผู้ชายอีกคนจำชื่อไม่ได้ (มาจากแก่งเสือเต้น) ดำเนินกิจกรรมให้กับเด็กๆ ได้อย่างมีสาระและสนุกสนาน เรียกว่าเอาอยู่ เก่งมากๆ
สร้อยแก้ว
 หน้าบ้านดอกโมกบานก่อนเพื่อนดอกมะลิตามมาดอกคูนเริ่มผลิไสวลั่นทมสี่ต้นที่เคยปลูกเองกับมือก็ผลิดอกให้ชมเร็วทันใจปีที่แล้วนี้เอง, ตอนนั้นเอามาปลูกกับเด็กหญิงไพจิตรพายุคะนองทำให้กิ่งก้านใหญ่ของลั่นทมหน้าศูนย์ฯ หักฉันแบ่งออกเป็นสี่กิ่งปลูกรอบบ้านดินไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้มาอยู่บ้านหลังนี้ลั่นทมกลิ่นหอม ชอบเด็ดมาดมดอกพุก ไม้ยืนต้นก็บานแล้วสีขาวดอกยอกขี้หมาส่งกลิ่นหอมจากคืนถึงเช้ามันเป็นดอกที่ชื่อกับตัวไม่เข้ากันเลยยอกขี้หมาสีขาวร่วงหล่นบนพื้นสีขาวเกลื่อนทางเดินดูสวยดียามเช้าตื่นมาเดินเล่น สูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้แสนสดชื่นเย็นวันนี้…
สร้อยแก้ว
แม้ม็อบเสื้อสีๆ จะซาลงไปแล้ว (ซาแต่นามภาพ-รูปธรรม แต่ในความรู้สึกนั้นยังคงไหลแรง) แต่ฉันก็ยังเชื่อว่าคนที่เข้าร่วมแต่ละกลุ่มย่อมมีความคิด มีทัศนคติที่ชัดเจนของตนเอง อย่างที่ทิ้งท้ายไว้ในตอนที่แล้วว่าฉันจะนำความคิดของ ไม้หนึ่ง ก.กุนที มานำเสนอ เพราะเห็นว่าวิธีคิดของเขาน่าสนใจมาก ซึ่งแม้ปัจจุบันฉันจะยังอยู่ขอบปลายชายแดนอีสาน ไม่มีโอกาสได้เจอหรือพูดคุยกับตัวตนจริงๆ ของเขา และบทสัมภาษณ์ที่คัดลอกมาฝากนี้ก็เคยผ่านหน้านิตยสารมาบางส่วนแล้ว แต่ฉันก็ยังอยากให้ใครอีกหลายๆ ที่อาจยังไม่ได้ผ่านตากับความเห็นเหล่านี้ได้ลองอ่านเล่นๆ ดูบ้าง
สร้อยแก้ว
ไม้หนึ่ง ก. กุนที - เป็นใคร? สำหรับคนที่ไม่ได้สนใจงานเขียนประเภทกวีนิพนธ์หรืองานวรรณกรรม ก็มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะตั้งคำถามนี้ แต่สำหรับแวดวงนักเขียนหรือคนที่สนใจงานวรรณกรรม ย่อมรู้จักเขาดีว่าเขาคือหนึ่งในกวีหัวก้าวหน้าที่มีความสามารถสูงในด้านฉันทลักษณ์จนก้าวพ้นกรอบกฎเกณฑ์ของฉันทลักษณ์ไปได้อย่างสง่างามและพยายามที่จะให้ฉันทลักษณ์รับใช้ศิลปะ มีชีวิตชีวา มากกว่าเพียงแค่ถ้อยคำไพเราะเพราะพริ้ง
สร้อยแก้ว
แมนยูฯ คือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ศูนย์ฯ คือ ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูนฉันย้ายจากบ้านเช่าในเมืองโขงเจียมมาอยู่บ้านดินของศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูน ได้ ๑ เดือนเต็มๆ แล้วและนับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ภายในบ้านที่มีโทรทัศน์ใส่กล่องกระดาษตั้งอยู่ มันก็มีหน้าที่เป็นพนักพิงยามเขียนหนังสือ (กับโต๊ะญี่ปุ่น) ให้เท่านั้น ฉันขอความร่วมมือจากคนร่วมชายคาบ้านว่าหากอยากดูข่าวสารจากโทรทัศน์ก็ช่วยออกแรงเดินสักร้อยกว่าเมตรไปดูในห้องทำงานของศูนย์ฯ เถอะนะ ซึ่งที่นั่นจะมีน้องชายอ้วนดูอยู่เป็นประจำ (และนอนที่นี่) คนอาศัยชายคาเดียวกันก็นับว่ามีน้ำใจยิ่ง ให้ความร่วมมือกับคนเรื่องมากอย่างฉันโดยดี
สร้อยแก้ว
ไม่ได้ตั้งใจจะเลี้ยงเล้ยยยยย... จริงๆ พับเผื่อยซิ วันประชุมสมัชชาคนจน ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบความเดือดร้อนจากการสร้างเขื่อน ได้มาประชุมปรึกษาหารือกันที่ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน เจ้าแมวตัวนี้นอนซุกอยู่ในรองเท้าเจ้าอ้วน - เด็กอ้วนแห่งรายการวิทยุชุมชน เด็กๆ แถวนี้บอกว่าพี่น้องมันตายไปหมดแล้ว หมาฟัดเรียบฉันได้แต่ฟังเขาพูด ไม่ได้ขึ้นไปฟังเขาประชุมด้วย เลยไม่รับรู้ต่อการมีอยู่ของมันแต่ว่าพอบ่ายแก่ๆ ก็มีมือดีจับใส่กระเป๋าเสื้อเดินมาให้ที่บ้านดิน"อยู่ที่นี่ดีกว่านะ ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะถูกหมาฟัดตาย"เจ้าของเสียงดึงมันออกมา ตัวเล็กๆ อยู่ในอุ้งมือเดียวเท่านั้นของชายหนุ่มฉันมองแล้วทั้งยิ้มทั้งถอนใจ
สร้อยแก้ว
ร้อนๆ อย่างนี้ ซื้อน้ำแข็งกินทีไร ก็อดคิดถึงตู้เย็นไม่ได้ทุกที ถ้ามีตู้เย็นฉันคงจะซื้อน้ำแข็งกินไม่เปลืองเท่านี้ เพราะกินเท่าที่ต้องการ เหลือก็ใส่ตู้เย็น หรือบางทีก็ทำน้ำแข็งกินเองก็ได้ ส่วนของสดหรืออาหารที่กินเหลือก็แช่ตู้เย็นไว้ได้ หิวเมื่อไหร่ก็นำมากินได้อีก ไม่เปลือง อืมม์! คิดทีไรก็อยากกลับไปเอาตู้เย็นที่กรุงเทพฯ ทุกที แต่ก็ติดตรงที่ฉันไม่เคยแน่ใจสักทีว่าจะปักหลักที่ไหน การเคลื่อนย้ายบ่อยจึงไม่เหมาะที่จะมีสัมภาระอะไรมาก นี่ขนาดว่าไม่มาก ฉันก็ยังซื้อโทรทัศน์ (ไว้ดูข่าวสารบ้านเมือง) เครื่องซักผ้า (แก่แล้ว นั่งซักปวดหลัง) หนังสืออีกหนึ่งเข่งและข้าวของจิปาถะอีกสองเข่งกับอีกสองลังเสื้อผ้า…
สร้อยแก้ว
ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการสร้างเขื่อนสิรินธรเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๔ ได้จัดงานรำลึก ๑๕ ปีในการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในบริเวณแถบอีสานใต้นี้ นับว่ามีปัญหาของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของภาครัฐอยู่หลายโครงการ เอาแค่ใกล้ๆ ที่ฉันอยู่ มีปัญหาจากการสร้างเขื่อนอยู่สามโครงการคือ เขื่อนสิรินธร เขื่อนปากมูน และเขื่อนราษีไศล
สร้อยแก้ว
  "ท่านเป็นเจ้านาย มีเงินเดือนกิน ท่านบ่ได้เป็นแม่ค้าหาเช้ากินค่ำ ท่านจะเว้าจังได๋ก็ได้"คำพูดของแม่ค้าคนหนึ่งดังอยู่ข้างหูเมื่อทุกคนมายืนรอฟังคำตอบจากการไปเจรจากับทางเทศบาลมาเสียงโทรศัพท์ที่ดังแต่เมื่อคืนบอกถึงเจตจำนงในการจะยึดพื้นที่ค้าขายกลับคืนมาในช่วงเวลาราวตีหนึ่งเศษทำให้เพื่อนบางคนที่ทำงานในศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านต้องรีบออกไปดูแต่เช้า และแน่นอนด้วยความอยากรู้อยากเห็นฉันก็ขอกระเตงติดรถไปด้วยคน
สร้อยแก้ว
ฉันมีโอกาสไปดูงานรณรงค์เลิกเหล้าของหมู่บ้านคำกลาง ตำบลโนนหนามแท่ง อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อหลายเดือนก่อน ตำบลนี้มีกำนันคนเก่งเป็นผู้หญิงชื่อ รัตนา สารคุณ ก่อนนี้แม่กำนันเคยเป็นนักเลงสุรา ดื่มเหล้าหนัก แม่กำนันดื่มเหล้าเพียวและดื่มน้ำตบตูดแบบเดียวกับที่ผู้ชายพื้นบ้านนิยมดื่มกัน และแม่คอแข็งชนิดผู้ชายต้องยอมแพ้ แต่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไป กาลเวลาสามารถพิสูจน์ความสามารถของเธอได้มากกว่าการพิสูจน์ความกินทนกินนาน ใจป้ำ ใจแกร่ง ในวงสุรา แม่กำนันก็เห็นโทษของการดื่มสุรา และหันมารณรงค์ให้ลูกบ้านลดละเลิกเหล้า
สร้อยแก้ว
  นึกไม่ออกแล้วว่าเคยไปร่วมงานวันเด็กครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่พยายามนึก...ลูกก็ยังไม่มี หลานรึ ก็ไม่เคยได้พาไป เพราะไม่ค่อยได้อยู่บ้านงานวันเด็กครั้งสุดท้ายของตัวเองน่าจะเป็นตอนที่ยังเรียนอยู่ชั้น ป.๖ นั่นแหละ เพราะหลังจากนั้น พอขึ้นชั้น ม.๑ ความแก่แดดแก่ลมของฉันก็พลันให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นสาววัยรุ่นแล้ว ไม่ใช่เด็ก จึงไม่เคยไปวอแวงานวันเด็กอีก ไม่อย่างนั้น เค้าจะหาว่าเด็กจนปีใหม่นี้ฉันมีโอกาสไปนอนมองพระจันทร์กลางทุ่งนา มองฟ้าพร่างดาวเคลื่อนคล้อยข้ามคืนข้ามปีในช่วงปีใหม่ที่อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร ก็เลยได้อยู่ยาวมาเรื่อยจนถึงงานวันเด็กของหมู่บ้าน