Skip to main content

14 เมษายน 2552

“เราแพ้แล้ว”

ผู้ชายคนหนึ่ง หน้าเศร้า เดินมาบอกผู้ชายอีกสองสามคนที่บ้านหลังหนึ่ง รู้สึกได้ถึงความเสียใจ ผิดหวัง และจากนั้น หลายๆ คนก็เข้ามานั่งคุยกัน ทุกคนสีหน้าไม่สู้ดี

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งของ อ. กุดชุม จ.ยโสธร ขณะที่แทบทุกบ้าน ตั้งวงกินดื่ม รื่นเริง ญาติพี่น้องอยู่กันพร้อมหน้าวันสงกรานต์ ชาวบ้านผู้ชายกลุ่มหนึ่งก็จับกลุ่มคุยกัน

สองสามวันต่อมา วัยรุ่นในหมู่บ้านโพกผ้าแดงที่หัว แว้นมอเตอร์ไซค์ ร้องตะโกน “อภิสิทธิ์ออกไป อภิสิทธิ์ออกไป” และโบกผ้าแดงร่อนรอบหมู่บ้าน

เขาเป็นญาติของคนรู้จัก ฉันถามว่า สองสามวันที่มีการชุมนุมที่ กทม. น้องไปด้วยใช่ไหม “แหม ไปอยู่แล้วครับ เรามันต้องเรียกร้องประชาธิปไตย ฮ่าๆๆ”

เขาพูดแบบเห็นเป็นเรื่องสนุกมากกว่า

เหตุการณ์นี้ สื่อรายงานในช่วงแรกว่ารัฐบาลปฏิบัติการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงดีมาก ไม่มีใครตายเลย ปฏิบัติการอย่างระมัดระวัง รอบคอบมาก แต่ภายหลังพบว่ามีเสื้อแดงตายจริง และศพถูกจับโยนลงแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างน้อย 2 ศพที่ค้นพบ แต่ไม่รู้สาเหตุว่าใครทำ

 

หลังเหตุการณ์ 19 พฤษภาคม 2553

ลูกสาวฉันอายุยังไม่ถึงหนึ่งขวบ ยังต้องอุ้มกระเตงไปที่ไหนๆ ภายใต้กฎอัยการศึกและการล้างทำความสะอาด กทม. (บิ๊ก คลีนนิ่ง เดย์)  ฉันเปรยกับพี่สาวคนหนึ่งว่า ฉันอยากรู้ว่า คนเสื้อแดงตอนนี้ไปอยู่ไหน ฉันรู้แน่ๆ ล่ะว่า ตอนนี้พวกเขาอยู่รอบตัวฉันนี่แหละ  สันป่าตอง สันกำแพง ดอยสะเก็ด พวกเขาไม่ใช่ภูติผีปีศาจที่ไหน ฉันอยากไปสัมภาษณ์พวกเขา อยากรู้ว่าพวกเขาคิดอะไร อย่างไรบ้าง ทำไมถึงไปชุมนุม พวกเขาถูกจ้างไปจริงหรือ

รุ่นพี่ที่เรียนมช. มาด้วยกัน เธอพอมีรายได้บ้าง ให้เงินฉันมาสองพันสำหรับค่าน้ำมันรถ ลองไปสัมภาษณ์ดู เพราะตอนนั้นฉันจนมาก ไม่มีงานทำ ต้องเลี้ยงลูกทั้งวัน เงินแค่ร้อยสองร้อยก็ไม่มีติดตัว

คนเสื้อแดงอยู่ไหน จะถามใครดี

ทุกอย่างเป็นแค่ความเชื่อมั่นว่าพวกเขาอยู่รอบๆ ตัวนี่แหละ แต่เป็นใครก็ไม่รู้

แกนนำเสื้อแดงคนหนึ่งที่เริ่มปรากฎตัวเพื่อจะยืนหยัดต่อสู้หลังการตายของคนเสื้อแดงหลายสิบคนในเวลานั้น คือคนที่ให้เบอร์โทรผู้นำในพื้นที่บางคนมา และพี่ไม้หนึ่ง ก กุนที เป็นอีกคนหนึ่งที่ช่วยการันตี ให้ว่า ฉันไม่ได้เป็นสายของใคร ฉันเป็นนักเขียนเหมือนแก รักความยุติธรรมเหมือนแก (ตอนไปสัมภาษณ์ผู้มาร่วมชุมนุมที่เชียงราย ผู้นำบางคนไม่แน่ใจในตัวฉันนัก เขาโทรศัพท์หา ไม้หนึ่ง ก กุนที ซึ่งตอนนั้นกำลังหลบหนีเช่นกัน) มันเป็นช่วงที่ยากสำหรับการขอสัมภาษณ์ในยามที่คนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งพากันหลบหนี ถูกไล่ล่า ถูกอุ้มฆ่าเป็นข่าวติดๆ กันหลายคน (ซึ่งจนบัดนี้ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าใครฆ่า)

นั่นเป็นที่มาของข้อเขียนชุด ละครโรงหนึ่ง ที่นำลงในประชาไท มีทั้งหมด 5 ตอน

ฉันไม่เคยลืมทุกคำ ทุกกิริยา ที่พวกเขาตอบ ทั้งเคียดแค้น ร้องไห้ ไม่ว่าจะตำบลไหน อำเภอไหน จังหวัดไหน ทุกคนโกรธ ทุกคนแค้น ทุกคนเจ็บ

เขียนไปก็น้ำตาซึมไป

หมดสิ้นการชุมนุม ทุกคนกลับมายืนที่เดิม เป็นแม่ค้าขายของ ทำร้านตัดผม ขายกล้วยทอด ขายลาบ ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ช่างซ่อมรถ ทำนา เป็นข้าราชการเกษียณ ทิ้งไว้ให้ชนชั้นกลางอย่างฉัน และปัญญาชนจำนวนหนึ่งได้เกิดอาการตาสว่าง ว่าวันนี้พวกเขาเรียนรู้ เติบโตไปถึงไหนแล้ว

ขาดก็แต่สิทธิที่เท่าเทียมกันเท่านั้นเอง

 

30 พฤศจิกายน 2556

ตู่ เต้น เหวง วีระกานต์

พวกเขาจะมีบทบาทแค่ไหนก็ตาม แต่คนเสื้อแดงเป็นกลุ่มก้อนที่ใหญ่เกินการจำกัดความแค่ “ทักษิณ” น่าเสียดายที่ไมค์สัมภาษณ์ของนักข่าวส่วนใหญ่เลือกที่จะสัมภาษณ์คนอยู่เท่านี้

ความตายที่สนามกีฬารัชมังคลาภิเษก ฉันขอให้เป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะต้องตาย -- วันนั้น ช่วงเย็นฉันอยู่หน้ารามด้วย เห็นความป่าเถื่อน เห็นความรุนแรงหลายอย่างของม็อบนกหวีด เห็นการรุมกระทืบคนเสื้อแดงที่บังเอิญนั่งมอเตอร์ไซค์ผ่านมา เห็นความบ้าคลั่ง และรู้ว่าคนจนไม่มีวันชนะหรอกสำหรับประเทศนี้ เพราะเสียงของพวกเขาเบาเหลือเกิน ภาพของชาวบ้าน คนธรรมดาๆ โบกธงด้วยใบหน้ายิ้มย่อง ฮึกเหิม พร้อมจะมาปกป้องรัฐบาลของเขา ไม่มีเลย ข่าวยังคงรายงานประหนึ่งว่าชาวบ้านถูกหลอกมา และการปะทะกันไม่มีใครบอกสาเหตุว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร คนเสื้อแดงตายวันนั้น 4 ศพ ก่อนที่แกนนำจะยุติและขอให้ผู้ชุมนุมกลับบ้าน

 

23 เมษายน 2557

ไม้หนึ่ง ก กุนที ถูกยิงเสียชีวิต

พี่ไม้หนึ่งที่ฉันรู้จัก เป็นกวี จิบชา ฉลาดล้ำเลิศ น้ำใจเหลือเฟือ ขายข้าวหน้าเป็ด บะหมี่ รักชนชั้นรากหญ้า อุดมการณ์แน่วแน่ มั่นคง รักความยุติธรรม – ฉันรู้เท่านี้ มากไปกว่านี้ ฉันไม่รู้ แต่ฉันจะไม่กล่าวหาว่าใครโดยไม่มีประจักษ์พยานหลักฐาน

 

10 ปีแล้วของการกำเนิด นปก. นปช. หรือคนเสื้อแดง

ณรงค์ศักดิ์ กอบไธสง เป็นศพแรกของการปะทะระหว่างพันธมิตรและเสื้อแดง เขาถูกรุมตีจนตาย จากนั้นก็มีมาเรื่อยๆ ทั้งจากสองฝั่ง เสื้อเหลืองก็ตาย เสื้อแดงก็ตาย ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แต่โดนลูกหลงก็ตาย นักข่าว พยาบาล

พฤษภาคมแห่งความทรงจำ

บางคนที่ฉันสัมภาษณ์ไปเมื่อ 5 ปีก่อน ได้ล่วงลับไปแล้วเพราะเจ็บป่วย ชราภาพ บางคนก็แขวนคอ

 คนเสื้อแดงเป็นใครบ้าง การเมืองซับซ้อนและรุนแรงขนาดไหน บางคนก็ว่าเขารู้ลึก รู้ดีกว่า บางคนก็ว่า ผมอยู่วงใน ผมรู้อะไรเยอะกว่าคุณมาก

ไม่รู้สินะ --  มันอาจจะจริงอย่างเขาว่า ฉันไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบาง ฉันไม่รู้วงใน ไม่รู้ความเป็นไปในกลไกอันรุนแรงครั้งนี้ ฉันเป็นเพียงคนนอก เฝ้ามองดู และเห็นความไม่เป็นธรรม ไม่ยุติธรรม ภายใต้สติปัญญาที่พอจะจำแนกแยกแยะ ตัดสินใจด้วยตนเองได้ ฉันก็อยากทำอะไรเท่าที่จะทำได้บ้าง

การชุมนุมในสี่ห้าปีที่ผ่านมา ทวีความรุนแรงและอาวุธร้ายแรงถูกนำมาใช้จริง ทั้งเหลือง ทั้งแดง  แต่ก็ไม่เคยมีใครบอกได้ว่า อาวุธและบุคคลลึกลับที่เข้ามาทำให้เกิดนั้นเป็นใคร

เท่าที่ฉันจะพอค้นหาความจริงได้ มีเพียงเท่านี้ คือ การคุย การคุ้ยเข่งแห่งความหลากหลายในความหมาย “เสื้อแดง” การค้นหาว่าพวกเขาเป็นใคร สะท้อนเสียงของเขาออกมา ไม่ว่าเขาจะรักใคร เลือกใคร ชื่นชอบนโยบายแบบไหน ฉันเคารพการตัดสินใจของพวกเขา ตราบใดที่เขาไม่ได้ละเมิดสิทธิของผู้อื่นหรือกระทำการอันผิดศีลธรรม หรือผิดกฎหมาย

ภาพผู้ชุมนุมที่บ่งบอกถึงความยากจน ยากไร้ น่าสงสารของคนแก่ ผู้หญิง เด็ก ที่กระเตงกันมา เสมือนว่าถูกชักชวนมาอย่างไม่รู้เรื่อง คนเสื้อแดงปะปนไปกับภาพลักษณ์ของพวกผู้ชายวัยฉกรรจ์ ที่ดูกุ๊ย นักเลง กระโชกโฮกฮาก ตัวเหม็น เสียงดัง หัวไม่ได้สระ ฟังเพลงไร้รสนิยม บ้านนอก ก้าวร้าว หน้าตาไว้ใจไม่ได้สิ้นดี แต่พวกนี้ส่วนใหญ่ก็คือลูกหลานในหมู่บ้านของเขาน่ะเอง ยามมีงานวัดก็เมาหัวรา ตีรันฟันแทง ยามมีการปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม 10 เมษา -19 พฤษภา 2553 พวกนี้เองที่ปกป้องพ่อแม่พี่น้องของตน และล้มตายลงบนท้องถนนก่อนที่คนเมืองกรุงรีบออกมาเช็ดล้างเสนียดจัญไร

คนเสื้อแดงที่ฉันรู้จักเป็นแบบนี้

เป็นคนจนๆ กลุ่มใหญ่ที่กระจัดกระจายไปทั่ว เฝ้าฝันและวาดหวังถึงชีวิตที่ดีกว่า

คนพวกนี้การต่อสู้ของเขาไม่เคยมีราคา

คำว่า “ประชาธิปไตย” จากปากเขาไม่มีความหมาย

พวกเขา จน เจ็บ และแพ้อย่างโงหัวไม่ขึ้นตลอดมา

 

 

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
นั่งดูบอลคู่นี้อย่างไม่ตั้งใจนัก เผอิญว่ากดรีโมทโทรทัศน์มาเจอเข้าพอดี เลยคิดว่าอยากจะเชียร์บอลไทยสักหน่อย ดูเวลาการแข่งขันตอนนั้นก็เข้าสู่นาทีที่เจ็ดสิบกว่าแล้ว ไทยนำอยู่ 2-1 ดูไปได้ไม่ทันไร ก็มาถึงจังหวะการกระโดดแย่งบอลกันกลางอากาศ นักเตะไทยเป็นฝ่ายกระโดดได้สูงกว่าและโดนลูกบอล แต่เมื่อเท้าแตะถึงพื้น นักเตะไทยวิ่งต่อ ส่วนนักเตะเลบานอนลงไปนอนกับพื้น เอากุมหัว ดิ้นอย่างเจ็บปวดสักพักเมื่อเขาลุกขึ้น สิ่งที่เห็นก็คือเลือดอาบหน้าและสองมือที่กุมเอาไว้ เลือดออกเยอะมากขนาดที่เห็นแล้วต้องเบะปาก ขณะที่เพื่อนร่วมทีมวิ่งมาดู นักเตะไทยเดินยิ้ม ยักไหล่ แพทย์สนามก็มาช้าเหลือเกิน เกมรึ…
สร้อยแก้ว
หลังการจากไปของพี่ปุ๋ย (นันทโชติ ชัยรัตน์) วันหนึ่งของต้นฤดูหนาว พี่แป๊ะ ภรรยาพี่ปุ๋ยก็มีดำริจะปลูกบ้านเป็นของตัวเองเสียที โดยพี่แป๊ะได้ซื้อไม้จากบ้านเก่าหลังหนึ่งไว้ ก่อนการเริ่มต้นปลูกบ้าน พี่แป๊ะจึงต้องหาคนมารื้อเอาไม้จากบ้านเก่าก่อน ซึ่งก็ได้น้องนุ่งแรงดีจากลุ่มน้ำมูนและหนุ่มในเมืองอย่างเอก และผู้อาวุโสแต่หัวใจวัยรุ่นอย่างพ่อถาหนึ่งในแกนนำปากมูน แห่งบ้านนาหว้า มาช่วยกันคนละไม้ละมือ
สร้อยแก้ว
(ขอความกรุณาสวมเสื้อขาว, สีฟ้า หรือสีที่ดูเหมาะสม ยกเว้นอย่าสวมเสื้อสีเหลืองหรือสีแดง เพราะจะทำให้แตกสามัคคี) ข้อความในวงเล็บนี้ทำเอาฉันอมยิ้มจนเกือบเผลอหัวเราะนี่คือจดหมายเชิญเดินเทิดพระเกียรติของชมรมผู้สูงอายุตำบลหารแก้วที่ประธานชมรมถึงกับควบมอเตอร์ไซค์แถดๆ มาหาพ่อถึงบ้าน
สร้อยแก้ว
 ฉันมีโอกาสไปร่วมงานรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ ๑๐ ปีนี้ เลยทำให้อดคิดไม่ได้ว่า รางวัล มีความหมายอย่างไรต่อชีวิตคนบ้าง ลองเปิดพจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถานดู เขาก็บอกว่ารางวัลคือ สิ่งของหรือเงินที่ได้มาจากความดี ความชอบ หรือความสามารถย้อนทบทวนตอนเด็กๆ รางวัลแรกของฉันมาจากการวิ่งได้ที่ ๓ จากการวิ่งแข่งกันสี่คน (เกือบไป!) โชคดีได้ขึ้นแท่นรับรางวัลกับเขา ยิ้มแก้มแทบปริ และเมื่อถึงบ้านก็รีบเอาสมุดดินสอมาให้พ่อกับแม่ดู
สร้อยแก้ว
ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ภาพของเพื่อนสนิทคนหนึ่งในวันที่เข็นรถเด็กที่มีเด็กหญิงวัยแปดเดือนนั่งยิ้มแฉ่งเดินเล่นยามเย็นนอกเมืองก็โผล่ขึ้นมาในห้วงคำนึงในวันฝนตก ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวกันเลยสักนิด เธอดูมีความสุขปลอดโปร่งใจดีเหลือเกิน เธอบอกฉันว่า แต่ก่อน เธอมองชีวิตแบบเอ็นจีโอ ใส่เสื้อผ้าฝ้าย ใช้ข้าวของอย่างประหยัด หน้าตาไม่แต่ง เธอเชื่อมั่นในวิธีคิดแบบนั้น ศรัทธาคนเหล่านั้น แต่วันเวลาก็ทำให้เธอเห็นว่าคนเหล่านั้นก็เป็นเพียงปุถุชนธรรมดาๆ เท่านั้น พวกเขาไม่ได้ดีอย่างที่เรามอบความศรัทธาให้ เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงใช้ชีวิตตามแนวคิดอย่างนั้นได้อย่างเชื่อมั่นอยู่ตั้งหลายปี…
สร้อยแก้ว
สำหรับนักเขียน ยามคอมพิวเตอร์มีปัญหานับว่าเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว เพราะแต่ละวันไม่ว่ายังไงก็ต้องได้ลูบๆ เคาะๆ วันละนิดละหน่อยจนเคยชิน ครั้นเมื่อมันเกิดปัญหาขลุกขลัก แม้จะรู้สึกเซ็งๆ แต่ก็ต้องทนหอบหิ้วมันไปหาช่าง – คนที่เราคิดว่าเขารู้ดีกว่าเราแต่การเลือกช่างก็เหมือนการเลือกหมอรักษาอาการป่วยของเรานั่นแหละ หากยามใดเราไปเจอหมอที่วินิจฉัยโรคเราผิด จากที่ไม่ได้เป็นอะไรเลยแต่กลับบอกว่าเป็นโรคร้ายต้องผ่าตัดไปหลายยก เจ็บกาย เสียเวลา เสียเงิน เพื่อที่จะพบว่า ที่แท้เราไม่ได้เป็นอะไรเลย ความรู้สึกโกรธและไม่อาจทำใจยอมรับกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ…
สร้อยแก้ว
ชาวบ้านห้วยสะคามตื่นเต้น ใช้ไฟฟรี ประหยัดกันยกใหญ่! อยากให้พาดหัวข่าวแบบนี้ในหน้าหนังสือพิมพ์บ้างจัง แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กมากของประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ขัดแย้งใหญ่หลวงของบ้านเมืองยามนี้ นโยบายอะไรๆ ของรัฐบาลก็ไม่ดีทั้งนั้น ในฐานะที่ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรมากเกี่ยวกับนโยบายประชานิยม แต่ว่าพอเข้าใจหัวจิตหัวใจของชาวบ้านตาดำๆ ซึ่งเวลาลงคะแนนเลือกตั้งเสียงของเขาก็มีค่าเท่ากับศาสตราจารย์หรือด๊อกเตอร์ในเมืองไทย เขาก็มองเห็นผลดีผลได้เท่าที่จับต้องได้ ไม่ต้องอ้างเอ่ยว่าเขาซื้อเสียงง่ายหรอก แต่เขาเห็นว่าเขาได้อะไรจากรัฐบาลชุดที่แล้ว (ยุคทักษิณ) เขาถึงเลือกและชอบ
สร้อยแก้ว
ภาพจาก http://www.blogth.com/blog/ddimg/uploadimg/20070514/093435918.jpgอาจไม่ต้องถึงขั้นเป็นคอบอล เป็นแค่ผู้นิยมกีฬาฟุตบอลก็คงต้องอยากดูเกมระหว่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กับเชลซีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมาว่าจะเป็นอย่างไร เปิดฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก เชลซีเดินหน้าชนะทุกนัดเก็บมาได้เก้าคะแนนเต็ม เป็นการออกสตาร์ทที่สวยงามและทั้งนักเตะทั้งแฟนบอลเต็มไปด้วยความฮึกเหิม ขณะที่แชมป์เก่าอีกทั้งยังเป็นแชมป์ถ้วยฟุตบอลสโมสรยุโรปซะด้วย กลับเก็บมาได้เพียงสี่คะแนน แพ้บ้าง เสมอบ้าง จนแฟนๆ ชักใจคอไม่ดี แม้ฤดูกาลที่แล้วก็ออกสตาร์ทไม่ดีเหมือนกันแต่สุดท้ายก็ได้ถ้วย…
สร้อยแก้ว
โขงเจียมคือชื่ออำเภอหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี อันเป็นที่รู้จักกันดีว่า เป็นเมืองที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยามเพราะอยู่ทิศตะวันออกสุดของประเทศ และยังเป็นที่รู้จักอีกในฐานะที่มีแม่น้ำสายสำคัญของอีสานสองสายมาบรรจบคือแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขง จุดที่บรรจบกันนั้นเรียกกันอย่างไพเราะว่า แม่น้ำสองสี โขงสีขุ่น มูลสีคราม (แต่ตอนนี้ขุ่นทั้งคู่ หากอยากเห็นมูลสีครามน่าจะเป็นช่วงหน้าแล้ง) โขงเจียมมีฐานะเป็นอำเภอ แต่อำเภอนี้เล็กเหมือนหมู่บ้าน ค่ำมาราวสักสองทุ่มก็เงียบแล้ว บางบ้านเข้านอน บางบ้านอาจจะยังนั่งพูดคุยกันอยู่หน้าบ้าน แต่คุยกันอย่างเงียบๆ ไม่กระโตกกระตาก สงบดีเหลือเกิน…
สร้อยแก้ว
ฤดูฝน นาพ่อสนเขียวไสวด้วยต้นข้าว ยามเช้าน้ำค้างชุ่มหญ้า ชุ่มพุ่มไม้ ครั้นเมื่อแสงแดดโผล่พ้นจากหมู่เมฆ ท้องนาสีเขียวยิ่งดูกระจ่างตา เหลียวมองรอบๆ แสนสบายตาสบายใจ เอ แล้วดอกอะไรกันหนอสีแดงขาว เป็นพุ่มไม้ใหญ่อยู่หน้าเถียงนาอีกแห่งนั่น ? เห็นแล้วก็อดคว้ากล้องเดินย่ำน้ำค้างบนคันนาไปหาดอกไม้นั้นไม่ได้ ไพจิตรเห็นก็วิ่งตามโดยทันใด เธอไม่ใส่รองเท้า ฉันบอกระวังหนาม ไพจิตรเงยหน้าขึ้นมองไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้ม เธอทำให้ฉันอดคิดถึงครั้งหนึ่งเมื่อเราไปเที่ยวช่องเม็ก ด่านชายแดนลาวด้วยกัน
สร้อยแก้ว
ฉันถ่ายรูปไพจิตรไว้หลายรูปทีเดียว จนอดไม่ได้ที่จะเขียนถึงเธออีกครั้ง ด้วยความที่เธอบริสุทธิ์เหลือเกิน บ้านของไพจิตรอยู่ในหมู่บ้าน แต่เธอและครอบครัวมักชอบไปนอนเถียงนาที่มีวัว ควาย หมู หมา ไก่ เป็นเพื่อน ในหมู่บ้าน บ้านเรือนมักจะปลูกติดๆ กัน อันเป็นธรรมดาของสังคมหมู่บ้าน ซึ่งสมัยก่อน บ้านเรือนอาจปลูกไม่ชิดกันมากขนาดนี้ แต่เมื่อลูกหลานสร้างครอบครัวกันขึ้นมาใหม่ เริ่มปลูกบ้านหลังใหม่เพิ่ม ลักษณะหมู่บ้านจึงดูหนาแน่นขึ้น ครอบครัวของพ่อสนซึ่งรักความสันโดษเลยพากันไปนอนเถียงนาที่แสนจะเงียบสงบ อากาศเย็นสบาย และฉันก็มักไปนอนที่นั่นด้วยบ่อยๆ
สร้อยแก้ว
ดาวใจและไพจิตร เป็นชื่อของเด็กหญิงสองพี่น้อง ลูกสาวแม่พร พ่อสน คนดูแลสวน-สถานที่ของศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน พ่อสนมีลูกทั้งหมดสิบคน ลูกชายสองคนก่อนหน้าดาวใจ ไพจิตร ชื่อไมโคร และ นูโว นัยว่าพ่อท่าจะชอบเสียงเพลงมากถึงตั้งชื่อลูกเป็นชื่อศิลปินนักร้อง ตอนนี้ลูกๆ ของพ่อสนที่ไม่ได้เอ่ยนามล้วนออกเรือน มีครอบครัว บ้างเสียชีวิต ลูกๆ ที่ยังอยู่กับพ่อสน แม่พร จึงมีสี่คนที่ว่า (ส่วนลูกชายอีกคนหนึ่งของพ่อสนที่เคยโด่งดังในม็อบปากมูนเมื่อหลายปีก่อน จนหนังสือพิมพ์หลายฉบับต่างเขียนถึงและลงบทสัมภาษณ์ คือดาวไฮปาร์คเด็กที่ชื่อ เปาโล ตอนนี้เปาโลโตเป็นหนุ่ม แต่งงานมีลูกแล้ว) ดาวใจกับไพจิตร เป็นเด็กหญิงที่ร่าเริง…