สมยศ พฤกษาเกษมสุข: กวีศรีปราชญ์ ก็เคยติดคุกเหมือนกัน (ตอน 3)

สมยศ พฤกษาเกษมสุข

 

ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา ราวปี พ.ศ.2205 กวีลือนามชื่อศรีปราชญ์ บุตรของพระมหาราชครูทายหนู มีผลงานกวีชินสำคัญคือหนังสือกำสรวลศรีปราชญ์ และอนิรุทธ์ดำฉันท์ ศรีปราชญ์ได้รับราชการเป็นมหาดเล็ก มีความเฉลียวฉลาดสามารถแต่งกาพย์ กลอน โคลง ได้เป็นอย่างดี เมื่อสนมเอกท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ตำหนิศรีปราชญ์ที่แสดงความเจ้าชู้เป็นโคลงสี่สุภาพที่ว่า
 
หะหายกระต่ายเต้น     ชมจันทร์
มันบ่เจียมตัวมัน          ต่ำต้อย
นกยูงหากกระสัน        ถึงเมฆ
มันบ่เจียมตัวน้อย         ต่ำต้อย เดรัจฉาน
 
ศรีปราชญ์รู้ตัวว่าถูกสบประมาทว่า ไม่เจียมตัวจึงตอบโต้ออกไปว่า
 
            หะหายกระต่ายเต้น     ชมแข
            สูงส่งสุดตาแล             สู่ฟ้า
            ระดูฤดีแด                    สัตว์สู่ กันนา
            อย่าว่าเราเจ้าข้า         อยู่พื้นเดียวกัน
 
การจาบจ้วงสนมเอกถือเป็นความคิด  พระนารายณ์จึงสั่งลงโทษให้ศรีปราชญ์ถูกจองจำที่คุกหับเผยไม่ไกลจากพระบรมมหาราชวัง ศรีปราชญ์กล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจว่า เคยนอนที่นอนอ่อนนุ่ม ต้องมานอน กองฟางทั้งอับเหม็น ไอ้กองฟางก็ใช้ทั้งหนุนหัว  หนุนตัว  แล้วเช็ดก้นระหว่างถูกคุมขัง ผู้คุมกับนายประตูได้ว่ากลอนสนทนากันว่า
 
เพราะพวกเขาทำผิดจึงติดคุก (ผู้คุม)   หมดสนุกทุกข์สนัดดัดนิสัย   (นายประตู)
สงสารคนไม่ผิดติดทำไม      (ผู้คุม)     เพราะเวรกรรมทำไว้ก็ไดนะ  (นายประตู)
(ตำนานรักศรีปราชญ์, ศึกเดช  กันตามระ,  สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์)
 
ขณะที่ถูกจองจำศรีปราชญ์ได้ประพันธ์อนิรุทธ์คำฉันท์ถวายพระนารายณ์  ในขณะที่ยังถูกเกณฑ์ไปทำงานขุดคูคลองร่วมกับนักโทษคนอื่น ๆ หากทำงานไม่ทันก็มักจะถูกเฆี่ยนตีด้วยหวาย สนมเอกท้าวศรีจุฬาลักษณ์ มาเยาะเย้ยศรีปราชญ์ ขณะที่กำลังหาบปุ้งกี๋บรรจุโคลน  ศรีปราชญ์เดินซวนเซ เศษโคลนกระเด็นเปื้อนพระภูษาเนื้อทองแถมยังกระเด็นต้องใบหน้า จึงถูกคณะลูกขุนพิพากษาให้ประหารชีวิต แต่พระนารายณ์ให้เนรเทศไปอยู่กับเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช แต่พอไปอยู่ที่นั่นโด่งดัง มีผู้มาขอให้ศรีปราชญ์สอนการแต่งกาพย์กลอนให้จนมีความสนิทสนมกับภรรยาเจ้าเมือง และถูกใส่ร้ายว่าคบชู้ จึงถูกสั่งประหารชีวิต ก่อนศรีปราชญ์แต่งโคลงทิ้งไว้ว่า
 
ธรณีนี่นี้                       เป็นพยาน
เราก็ศิษย์มีอาจารย์       หนึ่งบ้าง
เราผิดท่านประหาร      เราชอบ
เราบ่ผิดท่านมล้าง        ดาบนี้  คืนสนอง
 
ศรีปราชญ์ตายจากไปแล้ว เหลือไว้แต่ผลงานกวีอันยิ่งใหญ่ที่ถ่ายทอดกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า จนถึงทุกวันนี้ เช่นเดียวกับ ความอยุติธรรมยังคงอยู่ในระบบศาลไทย รูปแบบของศาลอาจเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่เนื้อหาพื้นฐานยังดำรงอยู่มาถึงทุกวันนี้
 
 
วันที่  7  กันยายน  2555
           
 

 

ความเห็น

Submitted by กวี ผาบมาร on

ศรีปราชญ์ ท่านชื่อว่าราษี ศรีปราชญ์ฐานันดรดีท่านได้ ติดคุกกล้ากรายสนมเอก พระทรงยกไว้โทษขั้นประหาร
ส่งตัวไปยังเมืองนคร ศรีธรรมราชจรเอกเต้า ถูกข้อหาผิดกาเมอีกเล่า กับเจ้าจอมภริยาเมือง เจ้าเรืองเมืองนคร ลืมสังวรณ์ที่รับสั่ง ก็สั่งให้ประหาร ฐานผิดลูกผิดเมีย จอมกวีราษีเสียชีวิต พีสั่งปลิดเจ้าเมือง ชีวิตเยื้องกระทำ กับจอมธรรมกวี ราษีศรีปราชญ์ มันบ่คลาดเวรกรรม ที่ทำไว้ล่วงดำรัสพระเจ้าได้ประหาร ฯ
แหวนนี้พระเจ้าหื้อ แต่ปางใด ให้ปางพระไปป่าแก้ว ราษีบ่สดใสสักหยาด ดำแต่นอกในแผ้วผ่องเนื้อนพคุณ ฯ
เจ้าหลวงเชียงใหม่ถาม ราษีนับว่าเป็นชื้อตัว ชื่อราษีแต่ดำ ๆ ไมสดใสแม้แต่น้อย ราษีตอบว่า ดำจริงดำแต่ภายนอกที่เนื้อตัว แต่เนื้อในผ่องแผ้วปานทองนพคุณ ฯ ราษี คำนี้ คือ รังสี,รัศมีดีแต่ดำ ๆ

สามปีแล้วพ่อไม่ได้กลับบ้าน

หมายเหตุ -  ปณิธาน พฤกษาเกษมสุข หรือ ไทบุตรชายของสมยศ พฤกษาเกษมสุข อ่านบทความของพ่อชิ้นนี้ภายในงานเสวนา “การปฏิรูปกระบวนการประกันตัวของผู้ต้องหาคดีความมั่นคงของชาติ” ที่จัดขึ้นเนื่องในวาระครบรอบ 3 ปีแห่งการถูกคุมขังของสมยศ จัดที่มหาวิทยาธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2557