สมยศ พฤกษาเกษมสุข
ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา ราวปี พ.ศ.2205 กวีลือนามชื่อศรีปราชญ์ บุตรของพระมหาราชครูทายหนู มีผลงานกวีชินสำคัญคือหนังสือกำสรวลศรีปราชญ์ และอนิรุทธ์ดำฉันท์ ศรีปราชญ์ได้รับราชการเป็นมหาดเล็ก มีความเฉลียวฉลาดสามารถแต่งกาพย์ กลอน โคลง ได้เป็นอย่างดี เมื่อสนมเอกท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ตำหนิศรีปราชญ์ที่แสดงความเจ้าชู้เป็นโคลงสี่สุภาพที่ว่า
หะหายกระต่ายเต้น ชมจันทร์มันบ่เจียมตัวมัน ต่ำต้อยนกยูงหากกระสัน ถึงเมฆมันบ่เจียมตัวน้อย ต่ำต้อย เดรัจฉาน
ศรีปราชญ์รู้ตัวว่าถูกสบประมาทว่า ไม่เจียมตัวจึงตอบโต้ออกไปว่า
หะหายกระต่ายเต้น ชมแขสูงส่งสุดตาแล สู่ฟ้าระดูฤดีแด สัตว์สู่ กันนาอย่าว่าเราเจ้าข้า อยู่พื้นเดียวกัน
การจาบจ้วงสนมเอกถือเป็นความคิด พระนารายณ์จึงสั่งลงโทษให้ศรีปราชญ์ถูกจองจำที่คุกหับเผยไม่ไกลจากพระบรมมหาราชวัง ศรีปราชญ์กล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจว่า เคยนอนที่นอนอ่อนนุ่ม ต้องมานอน กองฟางทั้งอับเหม็น ไอ้กองฟางก็ใช้ทั้งหนุนหัว หนุนตัว แล้วเช็ดก้นระหว่างถูกคุมขัง ผู้คุมกับนายประตูได้ว่ากลอนสนทนากันว่า
เพราะพวกเขาทำผิดจึงติดคุก (ผู้คุม) หมดสนุกทุกข์สนัดดัดนิสัย (นายประตู)สงสารคนไม่ผิดติดทำไม (ผู้คุม) เพราะเวรกรรมทำไว้ก็ไดนะ (นายประตู)
(ตำนานรักศรีปราชญ์, ศึกเดช กันตามระ, สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์)
ขณะที่ถูกจองจำศรีปราชญ์ได้ประพันธ์อนิรุทธ์คำฉันท์ถวายพระนารายณ์ ในขณะที่ยังถูกเกณฑ์ไปทำงานขุดคูคลองร่วมกับนักโทษคนอื่น ๆ หากทำงานไม่ทันก็มักจะถูกเฆี่ยนตีด้วยหวาย สนมเอกท้าวศรีจุฬาลักษณ์ มาเยาะเย้ยศรีปราชญ์ ขณะที่กำลังหาบปุ้งกี๋บรรจุโคลน ศรีปราชญ์เดินซวนเซ เศษโคลนกระเด็นเปื้อนพระภูษาเนื้อทองแถมยังกระเด็นต้องใบหน้า จึงถูกคณะลูกขุนพิพากษาให้ประหารชีวิต แต่พระนารายณ์ให้เนรเทศไปอยู่กับเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช แต่พอไปอยู่ที่นั่นโด่งดัง มีผู้มาขอให้ศรีปราชญ์สอนการแต่งกาพย์กลอนให้จนมีความสนิทสนมกับภรรยาเจ้าเมือง และถูกใส่ร้ายว่าคบชู้ จึงถูกสั่งประหารชีวิต ก่อนศรีปราชญ์แต่งโคลงทิ้งไว้ว่า
ธรณีนี่นี้ เป็นพยานเราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้างเราผิดท่านประหาร เราชอบเราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนี้ คืนสนอง
ศรีปราชญ์ตายจากไปแล้ว เหลือไว้แต่ผลงานกวีอันยิ่งใหญ่ที่ถ่ายทอดกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า จนถึงทุกวันนี้ เช่นเดียวกับ ความอยุติธรรมยังคงอยู่ในระบบศาลไทย รูปแบบของศาลอาจเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่เนื้อหาพื้นฐานยังดำรงอยู่มาถึงทุกวันนี้
วันที่ 7 กันยายน 2555
ความเห็น
ศรีปราชญ์ ท่านชื่อว่าราษี
ศรีปราชญ์ ท่านชื่อว่าราษี ศรีปราชญ์ฐานันดรดีท่านได้ ติดคุกกล้ากรายสนมเอก พระทรงยกไว้โทษขั้นประหาร
ส่งตัวไปยังเมืองนคร ศรีธรรมราชจรเอกเต้า ถูกข้อหาผิดกาเมอีกเล่า กับเจ้าจอมภริยาเมือง เจ้าเรืองเมืองนคร ลืมสังวรณ์ที่รับสั่ง ก็สั่งให้ประหาร ฐานผิดลูกผิดเมีย จอมกวีราษีเสียชีวิต พีสั่งปลิดเจ้าเมือง ชีวิตเยื้องกระทำ กับจอมธรรมกวี ราษีศรีปราชญ์ มันบ่คลาดเวรกรรม ที่ทำไว้ล่วงดำรัสพระเจ้าได้ประหาร ฯ
แหวนนี้พระเจ้าหื้อ แต่ปางใด ให้ปางพระไปป่าแก้ว ราษีบ่สดใสสักหยาด ดำแต่นอกในแผ้วผ่องเนื้อนพคุณ ฯ
เจ้าหลวงเชียงใหม่ถาม ราษีนับว่าเป็นชื้อตัว ชื่อราษีแต่ดำ ๆ ไมสดใสแม้แต่น้อย ราษีตอบว่า ดำจริงดำแต่ภายนอกที่เนื้อตัว แต่เนื้อในผ่องแผ้วปานทองนพคุณ ฯ ราษี คำนี้ คือ รังสี,รัศมีดีแต่ดำ ๆ
คนเขียนเป็นได้แึค่ศรีเปรตอย่า
คนเขียนเป็นได้แึค่ศรีเปรตอย่าเอามาเปรียบกับคนดีเลย